Returning From The Immortal World - 189
.......................................................................................................................................................................................
หวังหมิงและหลันเถาที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตรและได้มองมาที่ร้านค้าด้วยกล้องส่องทางไกลนั้นไม่เคยคิดเลยว่าถังซิ่วจะฆ่าพวกเขาตรงๆแบบนี้ สังคมสมัยนี้นั้นมีกฎหมายแต่เขากลับฆ่าโดยไม่ลังเล
“เขาฉลาดมาก !”
หลันเถาได้มองไปที่ถังซิ่วที่ได้หายตัวไปด้วยสายตาที่เป็นประกาย
คิ้วของหวังหมิงขมวดเข้าหากันพร้อมกับพูดออกมาว่า
“ว่าอะไรนะ ?”
หลันเถาได้พูดออกมาว่า
“หลักจากที่เขาฆ่าคนขายแล้วก็ได้หยิบปืนไปด้วย พร้อมกับฆ่าคนทั้งสองที่เดินตามมา นายไม่ได้สังเกตการณ์เดินของเขางั้นหรอ ? เขาเดินด้วยปลายเท้าเพราะเขามั่นใจว่าตำรวจจะต้องรีบมายังที่เกิดเหตุอย่างแน่นอนและขั้นตอนง่ายๆในการตรวจสอบอย่างแรกก็คือรอยเท้าในที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้เองเขาก็ได้ออกมาทางหน้าโครงการแล้วและหากว่าพบรอยเท้าของเขาอีกครั้งก็จะถูกตรวจสอบอย่างแน่นอน”
หวังหมิงได้พยักหน้าขณะที่พูดว่า
“น่าเสียดายที่เขาไม่เข้าเป็นกองกำลังทหาร น่าเสียดายจริงๆ”
หลันเถาได้ส่ายศีรษะพร้อมพูดว่า
“เขาไม่เหมาะที่จะเป็นทหาร”
หวังหมิงตอบกลับด้วยความรู้สึกสับสนว่า
“ว่าอย่างไรนะ ?”
หลันเถาได้ตอบไปว่า
“เขานั้นโหดเหี้ยมจนเกินไป เขาจัดการปัญหาอย่างมุทะลุและแน่นอนว่ามันไม่เหมาะที่จะถูกควบคุมโดยกฎเกณฑ์ หากว่าเขามาเป็นทหารแล้วจะต้องสร้างปัญหาใหญ่หลวงอย่างแน่นอน”
หวังหมิงได้พยักหน้าแล้วถามออกมาว่า
“แล้วเราจะเอาอย่างไร ? แจ้งตำรวจเรื่องของเขา ?”
หลันเถาได้มองไปที่หวังหมิงด้วยสายตารอบรู้พร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่แยแสว่า
“เราจะไปบอกตำรวจทำไม ? อย่าทำตามกฎให้มันมากเพราะเราเองก็ได้ถอดเครื่องแบบทหารแล้ว อย่าบอกนะว่านายลืมความยากลำบากที่จะต้องลักลอบเข้ามาในเมืองนี้แล้ว นายต้องการให้เราถูกเปิดเผยตัวตนงั้นหรอ ?”
หวังหมิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า
“เห้อ นั่นสินะ หากว่าเราโผล่ออกมาก็จะต้องถูกจับจ้องโดยรัฐบาลอย่างแน่นอน”
หลันเถาเองก็ได้พ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับพูดว่า
“อย่างแรกที่เราต้องทำคือการสังเกตว่าเขาจะจัดการเรื่องเหล่านี้อย่างไร หากว่าเขาสามารถจัดการปัญหานี้ได้โดยสมบูรณ์และไม่สร้างปัญหาเพิ่มนั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถมากพอและคุ้มค่าที่พวกเราจะติดตาม หากว่าเขาได้สร้างปัญหาเพิ่มก็ถือว่าไม่ตรงตามที่ฉันหวังไว้แล้วเราจะกลับบ้านกัน”
“ดี”
หวังหมิงได้พยักหน้าอย่างเงียบๆ
หลันเถาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะโยนกล้องลงไปบนโต๊ะพร้อมพูดว่า
“นายสังเกตการณ์จากที่นี่ต่อไป ฉันจะออกไปข้างนอก”
หวังหมิงได้พูดอย่างรวดเร็วว่า
“หลันเถา ไม่ใช่ว่านายควรจะเว้นระยะเพื่อสังเกตการณ์เขางั้นหรอ ? ไอเด็กนั่นมันโหดเหี้ยมเกินไปและหากว่าเขาลงมือกับนาย......”
หลันเถาได้ตอบกลับอย่างไม่แยแสว่า
“หากว่าโดนเข้าใจผิดและฉันไม่สามารถตอบโต้เขาได้ ฉันก็คิดว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับขยะอย่างพวกเราหรอก เอาล่ะ รอฉันกลับมา”
ถังซิ่วไม่รู้ว่าคือใครแต่ถึงกับจ้างมือสังหารมืออาชีพมาฆ่าเขา มันเป็นอย่างเช่นคำพูดทีว่า หากว่าไม่ล่วงเกินเขา เขาก็จะไม่ล่วงเกินพวกมัน ใครที่กล้าลงมือกับเขา เขาก็จะลงมือกับพวกมัน สิ่งที่เขากำลังจะทำนั้นไม่ใช่การกลับไปที่วิลล่าของเขาแต่อย่างใด เขารีบหาที่หลบพร้อมกับควักโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาเบอร์นายหน้าทันที
“..........”
สายได้ถูกรับแต่กลับไม่มีใครพูดตอบกลับมา
ถังซิ่วเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดว่า
“ฉันคือถังซิ่ว ฉันจะให้เงินนายสิบเท่าหากว่าบอกข้อมูลที่ฉันต้องการ”
“พวกเขาตายหมดแล้ว ?”
เสียงได้ถูกส่งกลับมาทางปลายสาย
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว ตายทั้งหมด”
ปลายสายเองก็ได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาช้าๆว่า
“โอนเงินมาให้ฉัน200ล้าน ฉันเองก็ไม่ชอบให้มีปัญหานักและหวังว่านายจะจัดการเรื่องเหล่านั้นให้สิ้นซาก เลขบัญชีของฉันคือ...........”
ถังซิ่วหรี่ตาลงก่อนที่จะโทรหาคังเซี่ยนโดนทันทีเพราะเขาจำได้ว่าเพิ่งจะให้เงินเธอไป 300 ล้านและเธอเองก็ยังไม่ได้ใช่มัน เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า
“โอนเงินมาให้ฉัน200ล้านในทันที”
คังเซี่ยนฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“บอส คุณต้องการจะทำอะไรงั้นหรอ ? เราเองก็มีเงินไม่มากแต่คุณ ......”
ถังซิ่วได้ตะโกนกลับไปว่า
“อะไรที่ไม่ควรจะถามก็อย่าถาม โอนมาเร็วๆ”
“ก็ได้ !”
คังเซี่ยนตอบตกลงก่อนที่จะโอนเงินไปให้เลขบัญชีนั้น
ในช่วงบ่าย
เขาได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวก่อนหน้านี้พร้อมสืบหาก่อนที่จิตสังหารของเขาจะพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
ซางดี่ขวิน ?
ถังซิ่วยังจำรูปลักษณ์ของเธอได้ดี เขาจำได้ว่าตอนที่เขาไปถล่มสำนักมังกรรุ่งโรจน์และได้เงินกลับไป100ล้านนั้นเธอได้อัดวีดีโอขอโทษว่าเธอจะไม่กล้าล่วงเกินเขาอีกต่อไป
แค่เรื่องขัดแย้งเล็กน้อย !
ถังซิ่วนั้นไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อยและยิ่งไปกว่านั้นคือฝ่ายนู้นเองก็ได้ขอโทษเขาแล้วจึงไม่ได้ไปจัดการสองพี่น้องนั่นแต่เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าล้างแค้นเขาเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เธอถึงกับลงทุนจ่ายเงินถึง20ล้านเพื่อจ้างคนมาฆ่าเขา
ในค่ำคืนวันนั้น
ถังซิ่วได้แอบเข้าไปในบ้างของหลงเจิ้งหยู แม้ว่ามันจะเป็นช่วงกลางดึกแต่บ้านทั้งหลังนั้นยังคงส่องสว่างและนั้นหมายถึงว่าเขายังไม่ได้พักผ่อน เขาปลดปล่อยจิตสัมผัสออกไปรอบๆแต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีนั้นคือเรื่องที่หลงเจิ้งหยูกำลัง..........อยู่บนเตียงและไม่ใช่กับผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ไอ้เจ้านี่............”
ถังซิ่วได้แอบเข้าไปในบ้านของเขาก่อนที่จะอดทนดูเขาทำจนเสร็จแล้วเอาพลั่วโยนไปที่หน้าต่างห้องนอนที่ชั้นสอง
“เพล้ง”
หน้าต่างห้องชั้นสองได้แตกออก
หลงเจิ้งหยูที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขอยู่บนเตียงนั้นกำลังจะเดินไปอาบน้ำแต่ท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงกระจกแตก เขารีบสวมเสื้อคลุมพร้อมเดินไปทางหน้าต่างแล้วตะโกนออกมาอย่างดังว่า
“ใครกันวะ ?”
ถังซิ่วได้โผล่ออกมาจากเงาของต้นไม้พร้อมส่งสัญญาณมือให้เขาลงมาหา
หลังจากที่หลงเจิ้งหยูเห็นว่าเป็นถังซิ่วนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีเพราะเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคนที่ทุบกระจกบ้านของเขาจะเป็นถังซิ่ว เขาไม่เคยบอกที่อยู่บ้านตัวเองแก่ถังซิ่วเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเขาก็มองไปที่ถังซิ่วพร้อมยิ้มออกมาอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า
“เพื่อนถัง ฉันไปล่วงเกินอะไรนายงั้นหรอ ? นายถึงได้มาพังบ้านฉันในกลางดึกแบบนี้ ? นายมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“ฉันมีเรื่องที่ต้องขอให้นายช่วย”
หลงเจิ้งหยูได้พูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า
“นายแค่โทรมาก็ได้มั้งถ้ามีเรื่องจะให้ช่วย นายจะทุบกระจกบ้านฉันเพื่อ ? โชคดีนะที่นายทุบตอนนี้ หากว่าทุบก่อนหน้านี้สักไม่กี่นาทีฉันจะต้องตกใจจนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอย่างแน่นอน”
ถังซิ่วได้ยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
“ฉันมียาแก้โรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ”
หลงเจิ้งหยูพูดออกมาแบบไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีว่า
“เอาล่ะ อย่าขี้โม้อยู่เลย นายมีเรื่องอะไรจะให้ช่วยก็รีบๆบอกมาสิ ?”
แววตาของถังซิ่วได้เปลี่ยนไปพร้อมถามออกมาว่า
“ตระกูลหลงของนายและตระกูลซางนั้นมีความขัดแย้งกันบ้างไหม ?”
ตระกูลซาง ?
หลงเจิ้งหยูจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า
“ไม่มีความขัดแย้งหรือความแค้นใดๆแต่ก็นับได้ว่าเป็นคู่แข่งกัน แต่เอาตรงๆแล้วเราเองก็มีความขัดแย้งกันเล็กๆน้อยๆเช่นกัน”
ถังซิ่วได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า
“หากว่าซางดี่ขวินและซางหยงจินตายไป นายคิดว่าตระกูลซางจะทำอย่างไร ?”
หลงเจิ้งหยูถึงกับถามออกมาอย่างตึงเครียดว่า
“นายต้องการจะทำอะไร ?”
ถังซิ่วได้พูดออกมาว่า
“สองพี่น้องนั่นต้องตายดังนั้นนายก็ตอบคำถามของฉันมาซะ”
หลงเจิ้งหยูได้มองไปที่ถังซิ่วอย่างไม่อยากจะเชื่อพร้อมพูดออกมาเบาๆว่า
“เพื่อนถัง นายควรจะคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะทำอะไรนะ ตระกูลซางนั้นได้ฝังรากลึกอยู่ในเมืองแห่งนี้มานานหลายปี ต่อให้ตระกูลของเราเป็นคนลงมือฆ่าพวกเขาฉันก็เชื่อว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยผ่านไปอย่างแน่นอน”
ถังซิ่วได้ถามต่อว่า
“ที่ฉันมาหานายนั้นก็แค่จะถามว่าขอบเขตการล้างแค้นของพวกเขาจะเป็นอย่างไรเท่านั้น ฉันจะถามนายต่อว่าหากตระกูลหลงและเฉินซีซ่งร่วมมือกันจะสามารถถอนรากถอนโคนตระกูลซางได้ไหม ?”
หลงเจิ้งหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆว่า
“นี่ก็ยังยากอยู่ดี อย่างมาก็ทำให้ตระกูลพวกเขาเสียหายได้เท่านั้น”
ถังซิ่วได้ถามต่อว่า
“หากว่ามีขุมพลังอื่นเข้ามาร่วมมือล่ะ ?”
หลงเจิ้งหยูตอบกลับด้วยความตกตะลึงว่า
“นายหมายถึงขุมพลังนอกเมืองนี้ ? อย่างเช่นตระกูลของ ชูยี่ ไป่เถางั้นหรอ ? หรือตระกูลโอหยาง ?” (ใบเต่า * เปลี่ยนเป็นไป่เถา)
ถังซิ่วก็ได้ตอบกลับไปว่า
“ก็นับได้เช่นกัน”
หัวใจของหลงเจิ้งหยูกระสับกระส่าย
“หากว่าพวกเขาร่วมมือกันจริงๆก็สามารถถอนรากถอนโคนตระกูลซางได้อย่างแน่นอนแต่แค่ว่าขุมพลังของชูยี่และไป่เถานั้นอยู่ในเมืองหลวงและขุมพลังของที่นั่นเองก็เล็งพวกเขาไว้เหมือนกัน หากว่าพวกเขาทั้งสองยื่นมือมากเกินไปก็จะถูกตลบหลังโดยง่ายแต่ฉันคิดว่าตระกูลโอหยางนั้นไม่มีปัญหาแน่นอนทว่าโอหยางลูลู่จะสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลเธอได้งั้นหรอ ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“งั้นก็ไม่ต้องให้ชูยี่และไป่เถาเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องตระกูลโอหยางฉันจะเป็นคนจัดการเอง ฉันให้เวลานายสองวันเพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของตระกูลซางแล้วเราจะพูดถึงรายละเอียดกันอีกครั้ง”
หลงเจิ้งหยูตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า
“ไม่มีปัญหา ฉันจะหาข้อมูลมาให้นายอย่างเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้นายไม่เคยบอกฉันเลยว่าสองพี่น้องนั่นกล้าที่จะล่วงเกินนายไม่อย่างนั้นฉันคงจะส่งคนไปจัดการพวกเขาแล้ว”
ถังซิ่วได้ส่ายศีรษะพร้อมพูดว่า
“ไม่จำเป็น”
หลังจากพูดจบถังซิ่วก็ไม่รีรอที่จะออกไปจากที่นั้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ถังซิ่วได้ออกมานาอกบริเวณบ้านของหลงเจิ้งหยูน้าเขาก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามแม้ว่าเขาจะฆ่ามือสังหารเหล่านั้นไปหมดแล้วแต่เขากลับยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาอยู่ดี เขาได้ปล่อยจิตสัมผัสออกไปโดยรอบแต่กลับไม่พบอะไรแม้แต่น้อย
“ผู้เชี่ยวชาญ!”
ถังซิ่วสามารถแยกแยะได้ทันทีว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอนไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถสังเกตการณ์เขาได้โดยที่ไม่สามารถใช้จิตสัมผัสตรวจจับ