ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 187
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 189

Returning From The Immortal World - 188


.......................................................................................................................................................................................

ผ่านไปสองวัน ถังซิ่วก็เลิกสนใจเรื่องเกี่ยวกับเรื่องปัญหาของโรงบ่มทั้งหมดแต่เขาเองก็ได้ซื้อของที่ใช้สำหรับการบ่มมาไว้ในโกดังสินค้ามากมาย สูตรการบ่มของเขานั้นพิเศษกว่าของคนทั่วไปคือนอกจากจะใช้ข้าวแล้วยังมีสมุนไพรและผลไม้หลากหลายชนิด แต่อย่างไรก็ตามการที่จะบ่มไวน์ชั้นดีได้นั้นสิ่งสำคัญคือระยะเวลาการบ่มและมันจำเป็นต้องใช้อย่างน้อยก็หลายวัน

เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างถูกซื้อแล้วเขาเองก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่มีเงินเหลืออยู่แม้แต่น้อย 2.5พันล้านที่ได้มาก่อนหน้านี้นั้นก็เอาคืนไปให้เฉินซีซ่ง2พันล้านและให้คังเซี่ยนไป300ล้านส่วนที่เหลืออีก200ล้านก็จ่ายเป็นค่าสมุนไพรให้ชูยี่

“ต้องหาเงินเพิ่มอีกแล้ว !!!”

เฟสแรกของการบ่มไวน์ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ถังซิ่วได้ยืนอยู่ในโกดังสินค้าด้วยใบหน้าที่หมดหนทาง สิ่งที่เขาต้องจัดการนั้นมีอยู่มากมายแต่ทุกสิ่งเองก็ต้องใช้เงินไม่น้อย เขาเองก็คิดว่าจะขายเทคนิคการบ่มเพาะอีกครั้งแต่เขาก็ได้ขายมันให้กับเซ่าหมิงเจิ้งและเหมี่ยวเหวินถังแล้ว ต่อให้เขาอยากจะขายก็ไม่รู้ว่าจะไปขายกับใครดี ผู้บ่มเพาะพลังแห่งเซียนที่เขารู้จักก็เหลืออยู่แค่พรตเฒ่าซือยี่เท่านั้นและเขาเองก็เชื่อว่าพรตเฒ่าคงจะไม่สามารถเอาเงินออกมาได้มากขนาดนั้นแน่นอน!!

ยืมเงิน ?

ความคิดนี้ได้ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขาก่อนที่เขาจะรีบลืมมันไป

“ก๊อก ก๊อก .....”

เสียงเคาะประตูโกดังได้ดังขึ้นพร้อมกับกู่หยินที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนที่จะพูดกับถังซิ่วว่า

“ท่านอาจารย์ หนังสือที่หยินหยินต้องการนั้นจำเป็นที่จะต้องออกไปซื้อและคุณแม่เองก็กำลังเข้าเรียนการเป็นแม่บ้านดังนั้นท่านพาหยินหยินไปซื้อหน่อยได้ไหมค่ะ ?”

ถังซิ่วตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ได้สิ เราไปกันเลย”

แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีเงินไม่มากนักแต่การซื้อหนังสือคู่มือนั้นไม่ได้ใช้เงินมากนักและการศึกษาของหยินหยินเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆยิ่งไปกว่านั้นคือเขาเองก็ยังไม่ได้เตรียมที่จะเริ่มบ่มไวน์ในตอนนี้ดังนั้นตัวเขาก็ว่างมากๆ

ถังซิ่วได้พาหยินๆออกมาจากจากวิลล่าแต่เมื่อออกมาถึงหน้าโครงการเขาก็รู้สึกได้ถึงจิตคุกคามที่อยู่รอบๆ เขารู้สึกเหมือนมีคนกำลังจับจ้องมาที่เขาอยู่จากมุมๆหนึ่ง

“ช่วงนี้เราเองก็ไม่ได้ไปหาเรื่องใครนี่หว่า ?”

ถังซิ่วหน้าบึ้งทันทีก่อนที่เขาจะจับมือกู่หยินแน่นขึ้นก่อนที่จะมองไปยังพื้นที่รอบๆ ไม่ว่าจะต้องเจอกับเรื่องอะไรและถึงแม้ว่าเขาจะต้องบาดเจ็บแต่เขาก็ไม่มีทางที่จะให้กู่หยินได้รับอันตรายใดๆ

หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที

ถังซิ่วได้พากู่หยินมาที่ร้านค้าแถวๆนั้นก่อนที่เขาจะรู้สึกว่าไม่ถูกเพ่งเล็งแล้วแต่เขาเองก็ยังไม่นิ่งนอนใจ เมื่อเขาซื้อของที่จำเป็นเรียบร้อยแล้วจึงได้พาหยินๆกลับไปส่งที่บ้านโดยทันที

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง

ถังซิ่วได้แอบออกมาจากโครงการอย่างเงียบๆแต่เขาไม่ได้ออกมาทางประตูหน้าแต่เป็นการลัดเลาะมาทางป่า

เขาใช้สายตาที่เฉียบคมมองไปรอบๆพร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปหลบหลังต้นไม้ใกล้ๆกับประตูหน้าทางเข้าของโครงการพร้อมมองหาศัตรูรอบข้างอย่างใจเย็น

จากตึงสูงที่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร

ชายสองคนได้ยืนอยู่ข้างหน้าต่างพร้อมกับกล้องส่องทางไกลในมือของพวกเขา หนึ่งในนั้นคือหวังหมิงและนอกจากสองคนนี้แล้วก็ยังมีอีกสี่คนที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่แถวๆนั้น

หวังหมิงได้วางกล้องส่องทางไกลลงพร้อมมองไปที่ชายคนที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วพูดออกมาว่า

“หลันเถา เราเองก็ได้ตรวจสอบเด็กคนนั้นหมดแล้ว เขาเองเป็นคนที่ดีใช้ได้และเริ่มทำธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย ความสามารถของเขาเองก็เรียกได้ว่าสุดยอด เรายังจำเป็นที่จะต้องสังเกตการณ์เขาอีกงั้นหรอ ? อย่างไรก็ตามเขาก็ให้เวลาเราแค่สามวันเท่านั้น”

หลันเถาได้ตอบกลับไปว่า

“ฉันรู้ว่าเราได้ตรวจสอบเขาหมดแล้วแต่นั้นเป็นเพียงเปลือกนอกของเขาเท่านั้น ก่อนหน้านี้ที่เขาได้พาเด็กสาวคนนั้นออกมาซื้อของนั้น เขาเองก็น่าจะสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังสังเกตการณ์เขาอยู่และฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะรู้ถึงตัวตนของเราแต่น่าจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง”

หวังหมิงเองก็ได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“ยังมีคนอื่นที่สังเกตการณ์เขาอยู่อีกงั้นหรอ ?”

หลันเถาได้ชี้ไปที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือแล้วพูดออกมาเบาๆว่า

“นายเห็นคนที่ขายบะหมี่คนนั้นไหม ? ฉันเองได้ไปซื้อบะหมี่ร้านเขามาในช่วงเช้าและรู้ได้เลยว่าเขาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนและฉันก็มั่นใจว่าเขาพกปืนอยู่ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือเมื่อวานนี้ตลอดทั้งวันก็มีลูกค้าแค่สามคนเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าเขามาซื้ออะไรแต่ก็เห็นว่าพวกเขาไม่ได้จ่ายเงินแม้แต่น้อย อีกกลุ่มหนึ่งก็มีผู้หญิงวัยกลางคนที่มากับเด็กซึ่งเธอไม่ได้ซื้ออะไรแม้แต่น้อย”

จิตใจของหวังหมิงได้สั่นสะท้านพร้อมพูดออกมาว่า

“นายจะบอกว่าพวกเขาปลอมตัวและต้องการลงมือกับถังซิ่วงั้นหรอ ?”

หลันเถาเองก็ได้พยักหน้าพร้อมพูดว่า

“ถ้าฉันเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นเขานั่นแหละ ฉันเองก็อยากจะเห็นโชว์ชั้นดีนี่เหมือนกัน ฉันไม่รู้ว่าเขาจะตายหรือฝ่ายนั้นจะตาย”

หวังหมิงได้ถามออกมาว่า

“เราจะไม่ช่วยเขางั้นหรอ ?”

หลันเถาได้หัวเราะออกมาพร้อมพูดว่า

“หากเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเองได้แล้วเขามีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นบอสของพวกเราล่ะ ?”

หวังหมิงเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“แล้วหากว่าเขาสามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ เราจะไปทำงานกับเขาจริงๆงั้นหรอ ?”

หลันเถาได้ตอบกลับไปว่า

“จากการสังเกตการณ์ของฉัน มือสังหารพวกนี้ไม่ใช่เล่นๆเลยล่ะ ต่อให้เป็นคนของเราเองถ้าไม่รับมือดีๆก็จะเสียท่าเอาได้ง่ายๆเช่นกัน หากว่าเขาสามารถจัดการคนเหล่านั้นก็ถือว่าเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันก็มีโอกาสที่เราจะได้ร่วมงานกับเขาแต่ฉันเองก็ยังไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่เขารับสมัครเราเช่นกัน”

หวังหมิงได้พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ

เขาเองต้องการที่จะเห็นความสามารถของถังซิ่วเช่นกัน

หลันเถาเองก็ได้ส่องกล้องต่อไปที่โครงการวิลล่าก่อนที่คิ้วของเขาจะขมวดเข้าหากันแล้วพูดออกมาว่า

“ลองมองไปที่ต้นไม้ที่ห่างออกไปจากหน้าโครงการ5-6เมตร ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะแอบลอบออกมาพร้อมกำลังสังเกตการณ์ศัตรูของเขา ฉันคิดว่าเขาน่าจะรู้ถึงตัวตนของคนขายบะหมี่แล้วนะ”

หวังหมิงเองก็ได้หยิบกล้องขึ้นมาพร้อมเห็นถังซิ่วที่หลบอยู่หลังต้นไม้และกำลังเดินไปทางร้านขายบะหมี่นั้น

“โง่เง่า เขาเดินไปตรงๆแบบนั้นหากฝ่ายตรงข้ามยิงขึ้นมาจะทำอย่างไร ?มีสักสิบชีวิตก็ใช้ไม่พอหรอกนะ”

หลังจากที่หวังหมิงได้มองไปนั้นก็พูดออกมาเบาๆ

หลันเถาเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ลองดูต่อไป”

ใกล้ๆประตูทางเข้าโครงการ

ถังซิ่วได้เดินไปที่ร้านขายบะหมี่นั้นก่อนที่จะใช้ดวงตาที่เฉียบคมจ้องไปที่คนขายวัยกลางคนพร้อมพูดออกมาอย่างราบเรียบว่า

“ขอกลับบ้านสองถุง”

ชายวัยกลางคนก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

“ได้เลย รอสักครู่”

หลังพูดจบเขาก็ได้มองไปที่มุมไกลๆมุ่มหนึ่งแล้วส่งท่าทางอย่างรวดเร็วพร้อมตั้งใจทำบะหมี่ต่อไป

จิตสัมผัสของถังซิ่วนั้นได้แผ่ออกไปรอบๆระยะ200เมตรหมดแล้วและการกระทำของชายคนนั้นเองก็ไม่สามารถหลุดรอดสายตาของเขาไปได้ เขาเห็นว่ามีชายและหญิงคู่หนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ส่งสัญญาณ ? สามคน ?”

ถังซิ่วได้หรี่ตาลงพร้อมกับเตรียมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าคนที่สั่งพวกเขามาจะเป็นใครแต่กล้าที่จะส่งมาฆ่าเขานั้นพวกมันทั้งหมดต้องตาย

“เฒ่าแก่ ฉันไม่เอาบะหมี่แล้ว !”

ถังซิ่วพูดจบก็หันหลังพร้อมเตรียมจะเดินออกไป

คิ้วของชายคนนั้นได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จิตสังหารของเขาจะถูกปลดปล่อยออกมา ในพริบตานั้นเองเขาก็ได้เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อพร้อมชักปืนออกมาเล็งที่ถังซิ่ว

ลั่นไก

“เปรี้ยง ........”

เสียงของปืนได้ดังขึ้นแต่ท่าทางของชายวัยกลางคนก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะเขารู้ว่ากระสุนนัดนั้นไม่โดนตัวถังซิ่วแม้แต่น้อยและตอนนี้เองก็ไม่เห็นร่างของถังซิ่วอีกแล้ว

“เฮื้อก...”

เสียงลมหายใจของเขาติดขัดและรู้สึกได้ว่าต้นคอของเขาได้ถูกบีบเอาไว้แน่น

ถังซิ่วได้ยืนอยู่ข้างหลังเขาพร้อมยื่นหน้ามาที่หลังหูของเขาแล้วพูดออกมาเบาๆว่า

“อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามไม่เช่นนั้นฉันจะฉีกคอแกออกเป็นชิ้นๆโดยทันที บอกฉันมาว่าใครเป็นคนสั่งแกมา ?”

ชายคนนั้นต้องการที่จะหันหน้ากลับไปแต่ก็พบว่าเขาขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ เขารู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมากก่อนที่จะพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า

“ฉันไม่รู้ ฉันแค่ได้รับเงินค่าจ้างมาเท่านั้น ตราบใดที่งานสำเร็จก็จะได้ผลตอบแทน”

ถังซิ่วพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า

“ฉันเชื่อแก อย่าได้ขยับ ไอ้คนสองคนที่กำลังเดินมาก็น่าจะเป็นคนของแกสินะ ? พวกเขาเองก็ได้พกปืนมาเช่นกัน เห้อ ดูเหมือนว่าจะมีคนให้ความสำคัญกับฉันจริงๆถึงได้ส่งมือสังหารมาถึงสามคน ไหนบอกมาสิว่าค่าจ้างฆ่าฉันเท่าไหร่กัน ?”

“หะ หะ – ห้าล้าน...! คนละห้าล้าน รวมเป็น 15ล้าน”

ชายคนนั้นได้พูดออกมาอย่างรวดเร็ว

ถังซิ่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“นอกจากแกแล้วก็น่าจะมีนายหน้าใช่ไหม ? ฉันเชื่อว่าหัวของฉันมีค่ามากกว่านั้น เอาวิธีติดต่อมันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”

“13814.......”

ชายคนนั้นได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไปอย่างรวดเร็ว

ถังซิ่วได้กระชากคอของชายคนนั้นออกอย่างสบายใจก่อนที่จะมองไปที่ชายและหญิงที่กำลังเดินเข้าใกล้มาเรื่อยๆ

เมื่อชายและหญิงได้มาถึงใกล้ๆและเห็นว่าสถานการณ์เริ่มแปลกๆไปจึงได้หยุดเท้าโดยทันที

“ระมัดระวังตัวดีหนิ !”

ถังซิ่วยิ้มออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะหยิบปืนพกของชายคนนั้นแล้วยิงไปที่ชายและหญิงที่อยู่ห่างออกไป20เมตรแบบไม่ลังเล ก่อนหน้านี้เขาเองก็ไม่เคยใช้ปืนเลยสักครั้งแต่จิตสัมผัสของเขาได้ยึดไว้กับพวกเขาอยู่แล้ว กระสุนได้เจาะทะลุกะโหลกหน้าผากของชายและหญิงคนนั้นทันที

ปรากฏรูสีแดงที่กลางหน้าผากของพวกเขาพร้อมเลือดที่ไหลออกมาอย่างช้าๆ

กระสุนทั้งสองนัดได้ฆ่าพวกเขาในทันที

ถังซิ่วไม่ได้ทิ้งปืนไว้แต่เอากลับไปด้วย เขาใช้แขนเสื้อบดบังหน้าเอาไว้พร้อมหายตัวไปจากที่เกิดหตุอย่างรวดเร็ว

“..........ฆาตกรรม !!!”

เสียงของหญิงคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆได้โห่ร้องออกมาเมื่อได้ยินเสียงปืนและเห็นว่าชายและหญิงคนนั้นกำลังนอนจมกองเลือด ตัวเธอนั้นตื่นตระหนกเป็ยอย่างมากขณะที่วิ่งแล้วตะโกนออกมาไม่หยุด

หน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งสี่คนของโครงการได้ยินเสียงเหล่านั้นจึงรีบวิ่งมาที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด