Returning From The Immortal World - 163
.......................................................................................................................................................................................
ถังซิ่วตอบตกลงที่จะไปเยี่ยมบ้านของหยวนชูหลิงและคลายความสงสัยของพ่อแม่เขา อีกเรื่องหนึ่งก็คือเขาเองก็ต้องการที่จะรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้หย่าร้างกันเพราะยังไงหยวนชูหลิงก็เชื่อมั่นใจตัวเขา
“ดี”
หยวนชูหลิงรู้อุปนิสัยของถังซิ่วดีและเตรียมที่จะถูกปฏิเสธไว้เรียบร้อยแล้วยิ่งไปกว่านั้นคือก่อนหน้านี้เองที่เขาก็โกหกเช่นกันเพราะเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันไม่มีทางที่พ่อของเขาจะบังคับเขาให้พาถังซิ่วไปได้อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถบรรลุเป้าหมายที่พ่อแม่เขาหวังไว้ได้
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
รถMercedes-Benz ได้มุ่งตรงไปที่วิลล่าจักรพรรดิทองคำ ที่นี่เองก็เป็นโครงการที่หรูหราเช่นกันถึงจะไม่สามารถเทียบกับของถังซิ่วได้ก็ตามและทุกคนที่สามารพักอยู่ที่นี่ได้ล้วนเป็นคนที่มีอำนาจและความมั่งคั่งมากมาย
ในวิลล่าที่หรูหรา
หยวนเจิ้งซวนกำลังนั่งอ่านเอกสารทางการเงินอยู่ในห้องทำงานของเขาด้วยท่าทางที่เคร่งเครียดเป็นอย่างมากพร้อมมีชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อผ้าสไตล์ตะวันตกนั่งอยู่ที่โซฟาตรงข้ามกับเขา
“บอส ห้องปฏิบัติการของเรานั้นถูกรุกรานโดยหน่วยที่ไร้สังกัดครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าการรักษาความปลอดภัยของเรานั้นจะดีเป็นอย่างมากแต่ด้วยเหตุนี้มันส่งผลให้การดำเนินงานของเราล่าช้าลงและสร้างปัญหาเป็นอย่างมาก ผมกลัวว่าคนเหล่านั้นจะใช้ประโยชน์จากเรื่องพวกนี้และสร้างความเสียหายให้เรา หรือเราควรจะย้ายข้อมูลสำคัญทั้งหมดของเราไปยังห้องปฏิบัติการใหม่ดีไหม ?”
ใบหน้าของชายคนนั้นได้ปรากฏรอยยิ้มฝืนๆออกมา
หยวนเจิ้งซวนตอบกลับขณะที่ได้วางเอกสารลงบนโต๊ะพร้อมกับส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ในเมื่อพวกเขานั้นได้จ้องมาที่เราอย่างไม่ลดละแล้ว การที่จะย้ายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ตอนนี้เราไม่สามารถทำอะไรได้และหากว่าเราเคลื่อนไหวอย่างไม่ระมัดระวังก็จะถูกโจมตีทางช่วงโหว่ได้ ตอนนี้สิ่งที่เราควรทำคือการเพิ่มหน่วยรักษาความปลอดภัยเท่านั้น
ชายตอนนั้นก็ได้ตอบกลับมาว่า
“หน่วยรักษาความปลอดภัยเกือบทั้งหมดที่เราไว้ใจได้ก็อยู่ที่นั่นหมดแล้ว เราจะเพิ่มหน่วยรักษาความปลอดภัยยังไงหละ?”
หยวนเจิ้งซวนได้ตอบกลับไปว่า
“ยังไงบริษัทของเรานั้นก็ทำงานร่วมกับทางกองทัพ ฉันคิดว่าพวกเขาจะแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ให้แก่พวกเราเองและหากว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะหาคนมาได้ ฉันก็จะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อจ้างหน่วยรักษาความปลอดภัยชั้นแนวหน้าเท่านั้น”
ชายคนนั้นได้ตอบกลับอย่างสับสนว่า
“เราไม่สามารถไว้ใจหน่วยรักษาความปลอดภัยที่จ้างมาได้มากนัก หากว่าฝ่ายตรงข้ามของเราเสนอราคาที่สูงกว่าพวกเขาเองก็อาจจะหักหลังเราได้”
หยวนเจิ้งซวนได้ถามต่อว่า
“เรื่องที่ฉันบอกให้นายไปสืบมานั้นไปถึงไหนแล้ว ? หน่วยพิเศษที่กำลังจะปลดประจำการที่เป็นความลับทางการทหารนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?”
ชายวัยกลางคนได้ตอบกลับมาว่า
“เราได้ติดต่อกับหัวหน้าของทางกองทัพเรียบร้อยแล้วและเราเองก็ได้ติดต่อกับพวกเขาแล้ว แต่ว่า...............”
คิ้วของหยวนเจิ้งซวนขมวดเข้าหากันทันทีก่อนที่จะถามออกมาว่า
“แต่อะไร ?”
ชายคนนั้นได้ตอบกลับไปว่า
“แต่หน่วยนั้นได้ต่อต้านเราเป็นอย่างมากและขอท้าประลองกับคนที่เราส่งไป ผลลัพธ์ที่ออกมาคือคนของเรานั้นไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้แม้แต่น้อยและถูกล้มตั้งแต่หมัดแรก ผมนั้นได้สืบสวนเรื่องราวของพวกเขามาแล้วและได้รู้ว่าหัวหน้าของพวกเขาคือหลันเถาและหากเราสามารถคำให้เขาตอบตกลงได้ ทั้งหน่วยนั้นก็จะยอมติดตามเรา”
“หลันเถา?”
หยวนเจิ้งซวนได้ถามออกมาว่า
“เกี่ยวกับสถานะของเขานั้นนายไปตรวจสอบมาหรือยัง ?”
ชายวัยกลางคนได้ตอบกลับไปขณะที่ส่ายหัวว่า
“ไม่สามารถที่จะสืบสวนได้แม้แต่น้อย เขาเป็นเหมือนว่าไม่ใช่คนที่อยู่บนโลกนี้ ผมได้ใช้เส้นสายทุกทางในการทหารเพื่อสืบสวนเรื่องของเขาแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อย”
หยวนเจิ้งซวนได้พูดต่อว่า
“ฉันจะติดต่อไปกับผู้นำทางการทหารเกี่ยวกับเรื่องของหลันเถาเอง ทิ้งเอกสารเหล่านั้นเอาไว้แล้วออกไปได้แล้ว !”
“รับทราบ !”
ชายวัยกลางคนก็ได้เอาเอกสารทั้งหมดออกมาจากกระเป๋าของเขาพร้อมวางมันไว้บนโต๊ะแล้วหันหลังเดินจากไปทันที
ในชั่วขณะนี้
เซ่าจิงได้ปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตูห้องพร้อมท่าทางตื่นเต้น
“ที่รัก หลิงน้อยได้ส่งข้อความมาหาฉันแล้วบอกว่าเขากำลังอยู่ที่หน้าทางเข้าโครงการแล้ว เรารีบออกไปต้อนรับพวกเขากันเถอะ”
หยวนเจิ้งซวนจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะลุกออกไปทันที
เขารู้สึกสงสัยในตัวเพื่อนร่วมห้องของลูกชายมาก หากว่าถังซิ่วนั้นเป็นแค่คนที่ช่วยชีวิตภรรยาของเขาแค่นั้น เขาคงจะไม่ออกไปต้อนรับด้วยตัวเองอย่างแน่นอนแต่อย่างไรก็ตามเขานั้นรู้จักกับนายใหญ่ของหลงกรุ๊ปและเฉินซี่ซ่งดีและสามารถรู้เรื่องหลายอย่างเกี่ยวกับตัวของถังซิ่ว เขาเองก็ไม่เคยคาดฝันเลยว่าถังซิ่วนั้นจะเป็นอาจารย์ของเฉินซีซ่งและจนถึงตอนนี้เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาสอนอะไรให้แก่เฉินซี่ซ่ง
ยากที่จะหยั่งถึง !
ถูกปกคลุมไปด้วยความไม่ชัดเจน !
นี่คือสิ่งที่หยวนเจิ้งซวนรู้สึกเกี่ยวกับถังซิ่ว
ที่หน้าประตู
เมื่อรถได้มาถึงที่ลานจอดรถนั้น เซ่าจิงได้รีบวิ่งมาเปิดประตูพร้อมท่าทางตื่นเต้น ดีใจ ตื่นตัวและกลัวทันที เธอไม่มีวันลืมฉากที่ถังซิ่วฆ่าคนเหล่านั้นอย่างแน่นอน
“เป็นเขาจริงๆด้วย !”
แม้ว่าเธอเองนั้นจะได้เห็นรูปของถังซิ่วนับครั้งไม่ถ้วนแต่เมื่อได้เห็นเขาด้วยตัวเองนั้นเธอก็สามารถยืนยันได้100%ว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณของเธออย่างแน่นอน
ท่าทางของถังซิ่วนั้นสงบเป็นอย่างมากหลังจากที่ได้เห็นหยวนเจิ้งซวนและเซ่าจิงขณะที่หยวนชูหลิงที่ได้ดึงแขนของเขาไปยืนตรงหน้าพวกเขา
“คุณพ่อ คุณแม่ ผมทำงานที่ได้รับมอบหมายลุล่วงแล้ว”
หยวนชูหลิงได้พูดออกมาขณะที่เขาหัวเราะ
เซ่าจิงที่ยังจ้องมองไปที่ถังซิ่วอย่างไม่กระพริบนั้นได้โค้งตัวลงหลังจากที่ได้ยินเสียงของหยวนชูหลิงพร้อมกับพูดว่า
“ขอบคุณ ถังซิ่ว”
ถังซิ่วยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
“คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพ ผมเองก็ต้องขอขอบคุณเช่นกัน”
“ขอบคุณฉัน ?”
เซ่าจิงจ้องอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะปรากฏความรู้สึกมึนงงออกมาจากแววตาของเธอ
หยวนเจิ้งซวนนั้นเป็นคนฉลาดและสามารถเขาใจคำพูดของถังซิ่วได้ทันที เขาได้เอามือไปจับเซ่าจิงไว้พร้อมพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ถังซิ่ว หลังจากที่เธอฆ่าพวกเขาแล้วเธอก็หายตัวไปทันที นั่นหมายความว่าเธอไม่อยากถูกเปิดเผยตัวตน ส่วนเราเองก็ตอบแทนเธอด้วยการไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเพราะนั่นเป็นสิ่งที่เราควรทำ”
ถังซิ่วโค้งตัวเล็กน้อยหลังจากนั้นก็พูดว่า
“เรื่องมันผ่านไปแล้วและเราไม่ควรจะพูดถึงมัน ! ขอบคุณสำหรับคำเชิญของคุณทั้งสองและขอรบกวนด้วยสำหรับวันนี้”
เซ่าจิงเองก็เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลงแต่เนื่องจากเธอนั้นกำลังตื่นเต้นจึงไม่เข้าใจความหมายของคำพูดก่อนหน้านี้ของถังซิ่ว หลังจากที่เธอได้ยินคำอธิบายของสามีนั้นเธอก็เข้าใจได้ทันทีพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ถังซิ่ว การที่เธอมาเยี่ยมเราที่บ้านนั้นถือเป็นเกียรติของเราอย่างแท้จริง มันจะเป็นการรบกวนได้อย่างไรกัน ! เราไปที่ห้องอาหารกันเถอะแล้วค่อยพูดคุยกัน”
หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้พูดออกมาว่า
“ถังซิ่ว เราไปคุยกันเถอะ !”
“ก็ดีเหมือนกัน !”
ถังซิ่วตอบตกลงทันทีพร้อมกับเข้าไปในวิลล่าของพวกเขาและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานขณะที่นั่งอยู่ที่ห้องอาหาร
หยวนเจิ้งซวนได้เปิดไวน์ออกมาขวดหนึ่งพร้อมพูดว่า
“ถังซิ่ว ปกติแล้วฉันนั้นเป็นคนที่ไม่ดื่มแต่เป็นคนที่ชอบสะสมเป็นอย่างมากและขวดนี้นั้นฉันได้บ่มมันมากว่า20ปีแล้ว รสชาติของมันนั้นหอมเป็นอย่างมาก เธอลองดูสิ”
ถังซิ่วได้คิดถึงไวน์ระดับสูงที่ถูกเตรียมไว้สำหรับแขกผู้ทรงเกียรติของห้องอาหารร้อยงานฉลองพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“อ่อ จริงๆแล้วลุงหยวนเองก็เป็นคนที่ชอบสะสมไวน์นี่เอง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าผมจะเอาไวน์ชั้นเลิศมาฝากคุณ”
หยวนเจิ้งซวนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“เท่าที่ฉันรู้มา เฉินซี่ซ่งเองก็ได้เก็บไวน์ชั้นเลิศไว้มากมาย หากเธอสามารถเอามาให้ฉันได้สัก2ขวดก็คงจะ.........”
คำพูดของเขาชะงักทันทีก่อนที่ท่าทางของเขาจะเปลี่ยนไป
ถังซิ่วเองก็ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มจางๆว่า
“ดูเหมือนว่าลุงหยวนนั้นจะสนใจกับเรื่องของผมมากเช่นกัน อ๊า! คุณถึงรู้แม้กระทั่งเรื่องของลูกศิษย์ของผมด้วย”
หยวนเจิ้งซวนเองก็ได้รู้สึกเสียใจกับคำพูดที่พูดไปก่อนหน้านี้เพราะเขารู้ถึงความหมายที่ลึกซึ้งของคำพูดของถังซิ่วดีก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างฝืนๆแล้วพูดว่า
“ถังซิ่ว เธอนั้นเป็นเพื่อนของลูกชายฉันและเป็นผู้ช่วยช่วยชีวิตภรรยาของฉัน นั่นเป็นเหตุที่ทำให้ฉันอยากรู้จักเรื่องของเธอแต่ไม่เคยคิดว่ามันจะน่าทึ่งขนาดนี้ ฉันรู้สึกได้เลยว่าเธอนั่นไม่ใช่เด็กธรรมดาๆอย่างแน่นอนและคงเข้าใจความคิดของฉันดี ฉันหวังว่าเธอจะไม่ถือสากับการกระทำของฉัน”
“ผมเข้าใจ !”
ถังซิ่วพยักหน้า
หยวนชูหลิงเองก็ได้พูดออกมาว่า
“พ่อ พี่ชายนั้นจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร ! ถังซิ่วนั้นไม่ใช่แค่สามารถทำผลคะแนนการสอบได้ดีเท่านั้น วิทยายุทธเองก็น่าทึ่งเป็นอย่างมาก อ่อใช่ ตอนนี้เขาเองก็เริ่มเปิดบริษัทเป็นของตัวเองแล้วด้วย ผมเทียบกับเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
หยวนเจิ้งซวนและเซ่าจิงได้จ้องมองไปที่กันและกันด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
หยวนเจิ้งซวนได้ถามออกมาว่า
“ถังซิ่ว ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะสอบเสร็จไปงั้นหรอ ? แล้วเธอเริ่มทำธุรกิจแล้วเนี่ยนะ ? ธุรกิจอะไรงั้นหรอ ? ต้องการความช่วยเหลือของลุงไหม ?”
ถังซิ่วได้ตอบกลับไปว่า
“ขอบคุณครับสำหรับความหวังดีแต่ธุรกิจของผมในตอนนี้นั้นยังไม่จำเป็นต้องการความช่วยเหลือใดๆแต่หากในอนาคตผมต้องการ ผมจะติดต่อหาลุงทันที”
หยวนเจิ้งซวนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ก็เอาอย่างงั้นแล้วกัน หากว่าในอนาคตนั้นมีอะไรให้ลุงช่วยแล้วละก็ สามารถพูดออกมาได้เลยและตราบใดที่ไม่เกินกำลังลุงจะจัดการให้อย่างแน่นอน”
หยวนชูหลิงได้พูดออกมาว่า
“พ่อ อย่าดูถูกพี่ชายของผมนะ เขานั้นท่าทึ่งเป็นอย่างมาก ! แม้กระทั่งคังเซี่ยนผู้โด่งดังคนนั้น.........”
“หยวนชูหลิง!!!”
ถังซิ่วเอามือไปสะกิดหยวนชูหลิงพร้อมพูดออกมาเบาๆ
หยวนเจิ้งซวนที่ได้ยินนั้นก็พูดออกมาด้วยความสับสนว่า
“คังเซี่ยนทำไม ? เรื่องที่เธอมาที่นี่แล้วเปิดบริษัทถังผู้สูงส่งงั้นหรอ ?”
หยวนชูหลิงได้มองไปที่ถังซิ่วก่อนที่จะพูดออกมาอย่างกระตือรือร้นว่า
“พี่ชาย นี่พ่อแม่ของฉันนะ จำเป็นที่จะต้องปิดบังพวกเขางั้นหรอ ?”
ถังซิ่วถอนหายใจออกมาพร้อมมองกลับไปที่หยวนเจิ้งซวนแล้วพูดว่า
“จริงๆแล้วผมเป็นเจ้าของบริษัทนั้นเองแต่ผมไม่ค่อยยุ่งกับเรื่องของบริษัทนักจึงได้มอบหมายให้คังเซี่ยนเป็นคนจัดการ”
“อะไรนะ!”
หยวนเจิ้งซวยลุกขึ้นขณะที่แววตาจองเขาเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
คังเซี่ยนนั้นเป็นใคร ?
เธอเป็นดั่งตำนานแห่งวงการธุรกิจที่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนได้ทั่งทั้งวงการ เธอคนที่ปฏิเสธการเชื้อเชิญจากบริษัทยักษ์ใหญ่นับไม่ถ้วนกลับมาเปิดบริษัทและทำงานให้กับถังซิ่ว ?
นี่...........
นี่มันเป็นไปได้งั้นหรอ ?
ความไม่อยากจะเชื่อก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซ่าจิงเช่นกัน
บริษัทโฆษณาของเธอเองก็ตั้งอยู่ที่ตึกเดียวกับของถังซิ่วเช่นกันและเธอก็รู้ถึงเรื่องของบริษัทถังผู้สูงส่งที่คังเซี่ยนก่อตั้งขึ้นดีแต่เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าถังซิ่วนั้นจะเป็นเจ้าของบริษัทนั้นและคังเซี่ยนกลับเป็นลูกจ้างของเขา