ตอนที่แล้วReturning From The Immortal World - 161
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปReturning From The Immortal World - 163

Returning From The Immortal World - 162


.......................................................................................................................................................................................

เฉินซีซ่งเองก็ได้ตอบกลับไปว่า

“ก่อนหน้านี้ประมาณ2ปีครึ่ง ภรรยาของเขานั้นได้ขับรถชนแล้วหนีและเธอก็รอดพ้นไปได้ ตอนนี้เราก็ยังสืบค้นเรื่องราวทั้งหมดให้ ท่านต้องการจัดการอย่างไร ......”

“ส่งมันไปด้วยกันเลย”

ถังซิ่วตอบอย่างไม่แยแส

จริงๆแล้วถังซิ่วนั้นก็ไม่ใช่ไม่แยแสเพราะเขารู้ดีว่าหากว่าซูชางเหวินต้องไปจบชีวิตลงในคุกนั้นเธอจะต้องทำเรื่องบ้าๆอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องของลูกๆของเธอนั้นถังซิ่วได้ตัดสินใจแล้วว่าหากพวกเขากลับตัวกลับใจก็จะปล่อยเรื่องนี้ไปแต่หากว่าพวกเขายังคงขัดขืน เขาก็จะจัดการกับพวกเขาด้วยในภายหลัง

ญาติพี่น้อง !

สำหรับถังซิ่วแล้วมันเป็นเรื่องไร้สาระ ! นอกจากแม่ของเขาแล้วก็ไม่มีใครที่คู่ควรกับคำนี้ หากว่ายามที่พวกเขานั้นยากลำบากและมีคนมาช่วยเหลือ เขาจะตอบแทนเป็นสิบเท่าแต่หากว่าใครกล้าที่จะสร้างความลำบากให้แม่ของเขาแล้วละก็ เขาก็จะตอบโต้กลับไปทุกรูปแบบ

“ท่านอาจารย์ ท่านยังมีความต้องการอื่นหรือไม่ ?”

เสียงของเฉินซี่ซ่งได้ดังออกมาจากปลายสาย

ถังซิ่วได้พูดเชิงขอร้องกลับไปว่า

“ส่งคนไปติดตามคู่สามีภรรยานั่น ข้าไม่ต้องการให้พวกเขาทำอะไรบ้าๆก่อนที่จะเข้าคุกไปและยิ่งไปกว่านั้นหากวันไหนเจ้าพอมีเวลาว่างก็เข้ามาหาข้าที่วิลล่า”

“ครับ !”

การสนทนาได้สิ้นสุดลงตรงนี้

ถังซิ่วได้เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าของเขาพร้อมกับแววตาที่ดุร้ายค่อยๆจางหายไป ตั้งแต่เขากลับมายังโลกใบนี้ ซูชางเหวินคือคนที่เขาเกลียดมากที่สุดและนั่นทำให้เขานึกถึงคำๆหนึ่ง เพื่อนบ้านใกล้ๆยังดีกว่าญาติหางๆ

เพื่อนบ้านนั้นยังคอยยิ้มและพยักหน้าให้กันตามธรรมชาติแต่ญาตินั้นถือว่ามีสายเลือดเดียวกันจึงสามารถทำเรื่องไร้ยางอายอย่างงี้ได้

ในวิสัยทัศน์ตอนกลางคืนที่กว้างใหญ่นี้ ถังซิ่วยังคงไม่รีบกลับไปยังบ้านของเขา

เขากำลังใช้ความคิด

ตั้งแต่ที่เขากลับมาที่โลกนี้นั้นก็ได้รับความทุกข์ยากอย่างมากมายแสนสาหัสและสิ่งเหล่านั้นก็อยู่ภายใต้กฎหมาย เขาจะฆ่าทุกคนที่กล้าต่อต้านเขาอย่างไม่ลังเลถ้าหากว่านี่เป็นดินแดนแห่งนิรันด์

เขานั้นไม่ใช่คนที่โหดร้ายและทารุณแต่เขาไม่ต้องการให้ปัญหามันเกิดขึ้นเรื่อยๆ การทำลายต้นตอของปัญหานั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแต่การที่เขาต้องยับยั้งชั่งใจตัวเองนั้นทำให้เขาไม่อยากจะลงมือ

“ช่างไร้อำนาจ”

ถังซิ่วแอบถอนหายใจออกมา

ในความคิดของเขานั้นคืออำนาจของกฎหมายนั้นสามารถบังคับใช้ได้กับผู้อ่อนแอเท่านั้น หากว่าเขาแข็งแกร่งขึ้น ร่ำรวยขึ้น นั่นคือสัญลักษณ์ที่ใช้แสดงสถานะของเขา

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

ถังซิ่วได้กลับไปที่บ้านของเขาและพบว่าโคมไฟนั้นยังคงส่องสว่างและแม่ของเขาที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟานั้นก็ได้มีแต่น้ำตาเต็มใบหน้าของเธอ

“คุณแม่ นอนเถอะ ~”

ถังซิ่วถอนหายใจพร้อมกับพูดด้วยเสียงนุ่มนวล

ซูหลิงหยุนได้มองไปที่ถังซิ่วพร้อมถามออกมาอย่างรวดเร็วว่า

“ซิ่วน้อย เขา..............”

ถังซิ่วได้ขัดจังหวะคำพูดของเธอทันทีพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“คุณแม่ พบได้โบกรถแท๊คซี่และส่งเขากลับไปที่บ้านให้แล้ว ผมคิดว่าแม่ควรจะลบชายคนนี้ออกไปจากความทรงจำสักทีไม่อย่างงั้นแม่จะไม่ได้แค่รู้สึกเจ็บปวดเท่านั้นแต่ผมเองก็ด้วยเช่นกัน แม่จำไม่ได้หรอว่าเขาปฏิบัติต่อพวกเราอย่างไร ...............”

ซูหลิงหยุนรีบพูดออกมาทันทีว่า

“แต่ยังไงเขาก็ยังเป็น................”

ถังซิ่วได้ใช้ไพ่ตายโดยทันทีพร้อมกับพูดว่า

“คุณแม่ ถ้าหากว่าบริษัทของเขานั้นไม่ได้กำลังล้มละลายและกลับมารวยเหมือนก่อนหน้านี้ แม่คิดว่าพวกเขาจะไม่คันไม้คันมือและกลับมารังแกพวกเราอีกงั้นหรอ ? เขาจะไม่ยึดร้านอาหารของเรางั้นหรอ ? บังคับให้ผมต้องลาออกและกลับมาอยู่ที่บ้าน ? หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เขาจะไปจ้างพวกนักเลงมาทุบร้านเราแลส่งเราเข้าโรงพยาบาลอีกดีหละ ?”

นัยน์ตาของซูหลิงหยุนได้หดเล็กลง ภาพความทรงจำของเรื่องที่ผ่านมาเองก็ได้ไหลเข้าสู่สมองของเธอพร้อมกับคลายความกังวลของเธอและพยักหน้าอย่างรวดเร็วว่า

“มันคงเป็นอย่างที่ลูกพูดจริงนั่นแหละ เขาไม่ให้เราอยู่อย่างสงบงั้นเราก็จะไม่ให้เขาอยู่อย่างสงบเช่นกัน เรื่องนี้นั้นลูกไม่จำเป็นต้องถามความคิดเห็นอะไรจากแม่และจัดการได้เลยเพียงแค่ว่าอย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมายก็พอ”

“แม่ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย”

ถังซิ่วได้พยักหน้าพร้อมกับพยุงเธอขึ้นจากโซฟาและส่งเธอไปที่เตียง

เช้าวันรุ่งขึ้น

ถังซิ่วได้รีบบอกลาแม่ของเขาแล้วกลับไปที่วิลล่าของตัวเองทันทีเพราะเขาจะต้องทบทวนบทเรียนให้กับหยวนชูหลิงและเพื่อคนอื่นๆและยิ่งไปกว่านั้นคือคนจากห้องอาหารร้อยงานฉลองเองก็ได้ไปที่วิลล่าเช่นกัน

เขาได้ตัดสินใจเรื่องของดอกบัวหิมะที่เขาซื้อมาเมื่อวานนี้ว่าเขาจะไม่กลั่นมันด้วยตัวเองเพราะว่าการที่จะกลั่นมันนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้พลังชีวิตเป็นอย่างมากแต่ระดับการบ่มเพาะของเขายังต่ำอยู่ จี่ฉีเหม่ยนั้นถึงจะมีอาการบาดเจ็บแต่เธอก็รู้เกี่ยวกับการปรุงยาและการกลั่นยาตัวนี้จะส่งผลดีแก่ตัวเธออย่างแน่นอน

“หลังจากจบการทดสอบแล้วสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องทำคือการหาแร่ล้ำค่า ตอนนี้ฉันมีหินแยกมิติอยู่และหากว่าเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมก็จะได้เวลาที่จะหลอมรวมแหวนมิติได้แล้ว”

เมื่อถังซิ่วกลับมาถึงวิลล่านั้นก็ได้มอบดอกบัวหิมะแก่จี่ฉีเหม่ยที่มาที่นี่ด้วยตัวเองและหลังจากที่ส่งเธอกลับไปแล้วนั้นเขาก็ได้ยินครุ่นคิดอยู่ที่ระเบียงหน้าต่างของเขาเช่นเคย

ความโลภของมนุษย์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด

ถังซิ่วเองนั้นได้ผ่านใจมารมานับไม่ถ้วนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าหัวใจของเขานั้นแข็งแกร่งเหมือนเหล็กกล้าแต่มันก็ยังทำให้เขานึกถึงทรัพย์สมบัติมากมายที่เขาเคยมีอยู่ที่ดินแดนแห่งนิรันด์

เวลาสองวันนั้นผ่านไปไวเหมือนโกหก

การทดสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้มาถึง

หน้าประตูโรงเรียนมัธยมสตาร์ซิตี้

หลังจากที่ถังซิ่วได้นั่งรถแท๊คซี่มาถึงที่นี่นั้นก็พบว่าเพื่อนร่วมห้องของเขาได้มากันครบแล้วและฮั่นชิงหวูเองก็กำลังเช็ครายชื่อของทุกคน

“ถังซิ่ว ในที่สุดเธอก็มา”

เมื่อฉั่นชิงหวูได้เห็นถังซิ่วนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจโดยทันที

ถังซิ่วพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“รถติดเป็นอย่างมากและนั่นเป็นเหตุให้ผมมาสาย”

ฮั่นชิงหวูตอบด้วยความไม่พอใจว่า

“เธอเองก็มาก่อนหน้านั้นสิ ! อย่าตื่นเต้นเกินไปหละแล้วแสดงความสามารถทั้งหมดที่นายมีออกมาเพื่อที่จะได้ผลสอบดีๆ เข้าใจไหม”

“ไม่ต้องเป็นห่วงเลย !”

ถังซิ่วพยักหน้าของเขา

ไม่นานหลังจากนั้น

หลังจากที่ได้ตรวจสอบบัตรประจำตัวแล้วนักเรียนจากแต่ละห้องก็คละกันไปที่ห้องสอบของแต่ละคน

“พี่ชาย ฉันได้ที่นั่งเลข36 นายได้เลขอะไรงั้นหรอ ?”

หยวนชูหลิงที่กำลังถือกระเป๋าอยู่นั้นได้เดินเข้ามาถามถังซิ่ว

“18”

ถังซิ่วได้ตอบกลับไป

ปรากฏความผิดหวังขึ้นบนในหน้าของหยวนชูหลิงพร้อมพูดออกมาว่า

“น่าเสียดายจริงๆที่ไม่ได้นั่งใกล้กัน ความหวังที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของฉันได้หายไปหมดแล้ว”

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยใบหน้าป่วยๆว่า

“การสอบเข้าสมัยนี้นั้นต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างมากและมันแทบจะไม่สามารถโกงได้ด้วยซ้ำ นายจำเป็นจะต้องแสดงความสามารถทั้งหมดของตัวเองออกมา !!!”

อย่างไรก็ตาม

ถังซิ่วก็แอบยิ้มออกมากับคำพูดของเขาเพราะว่าหากเขาแผ่จิตสัมผัสออกมาก็จะสามารถ“ดู”คำตอบของทุกคนได้อย่างชัดเจนและง่ายดาย

หากว่าไม่กี่ข้อนั้นก็จะไม่ถือว่าเป็นการลอกข้อสอบ หากว่าเขาไม่สามารถได้ผลลัพธ์ที่ดีในการสอบครั้งนี้ก็คงจะเรียกเขาได้ว่าโง่อย่างแท้จริง

กระดาษข้อสอบได้ถูกแจกแจงออกไป

ถังซิ่วมองพวกมันคร่าวๆก่อนที่จะเริ่มลงมือทำอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงนั้นเขาก็ได้เติมคำตอบเสร็จทั้งหมด ครั้งนี้นั้นเขาไม่ได้กั๊กอะไรไว้พร้อมใช้ทุกอย่างที่เขาได้เรียนรู้มา

ถังซิ่วได้ตรวจข้อสอบก่อนที่จะเริ่มใช้จิตสัมผัสเพื่อดูคำตอบของคนอื่นๆและสิ่งที่ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีนั้นก็คือ อัตราการตอบถูกของแต่ละคนที่อยู่รอบๆเขานั้นแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบทความพื้นฐานหรือเรื่องอื่นๆ

“หมดเวลาการสอบ !”

ผู้คุมสอบได้มองไปที่เวลาพร้อมพูดออกมา

ช่วงเช้านั้นเป็นวิชาภาษาและช่วงบ่ายนั้นเป็นคณิตศาสตร์และอีก2วันที่เหลือนั้นก็จัดตารางคล้ายๆกัน

ถังซิ่วนั้นทำข้อสอบได้อย่างราบลื่นและมีความสุขเป็นอย่างมากเพราะเขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการหมกอยู่ในห้องเรียนอีกต่อไป วันหยุดยาวถึงสองเดือนที่จะถึงนั้นทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก

“พี่ชาย พ่อของฉันได้กำชับมาว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอานายไปเยี่ยมที่บ้านของฉันให้ได้ ดังนั้นนายจะไปกับฉันเลยได้ไหม ?”

หยวนชูหลิงที่ได้เดินออกมานอกโรงเรียนพร้อมถังซิ่วนั้นได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

ถังซิ่วที่ได้โบกเรียกรถมาจากข้างถนนและกำลังเปิดประตูนั้นก็เงียบไปซักครู่และได้หันกลับมาพร้อมถามว่า

“คิดได้หรือยังว่านายจะไปเรียนที่ไหน ?”

หยวนชูหลิงพยักหน้าขณะที่พูดออกมาว่า

“คิดดีแล้วว่าฉันจะไปที่เซี่ยงไฮ้”

ถังซิ่วพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า

“ไม่ใช่ว่าพ่อของนายอยากให้ไปที่เมืองหลวงงั้นหรอ ? แล้วนายจะไปที่เซี่ยงไฮ้ทำไมกัน ?”

หยวนชูหลิงตอบอย่างจริงจังว่า

“ฉันรู้ว่าตัวเองนั้นไม่เหมาะที่จะเรียนที่เมืองหลวงเพราะที่แห่งนั้นมีนายน้อยเพลย์บอยอยู่มากมายและหากว่าฉันไปที่นั้นแล้วจะต้องถูกข่มเหงอย่างแน่นอน ฉันอาจจะอยู่อย่างสบายได้ในเมืองนี้แต่มันต่างกับที่นั่น ฉันจะไม่ไปอยู่ที่นั่นเพื่อไปทนทุกข์ทรมานหรอกนะ”

ถังซิ่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมพูดออกมาว่า

“ไม่คิดเลยว่านายจะคิดได้ถึงขนาดนี้ ไปที่เซี่ยงไฮ้นั้นก็ดีเหมือนกัน มันเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองและเป็นศูนย์กลางการเงิน นายจะต้องสร้างบริษัทใหญ่ได้อย่างแน่นอนหากว่านายตั้งใจและมุ่งมั่น”

หยวนชูหลิงพูดออกมาด้วยรวยยิ้มว่า

“พี่ชาย อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่องสิ จะไปพร้อมกับฉันเลยไหม ? นายช่วยพูดคำตอบที่ฉันอยากจะได้ยินหน่อยสิและฉันจะได้โทรไปแจ้งพ่อว่านายตอบตกลงที่จะไปเยี่ยมบ้านของพวกเรา”

“ฉันไปก็ได้ !”

ถังซิ่วพยักหน้าออกมาด้วยรอยยิ้ม

เขาเขาใจถึงเหตุผลที่หยวนเจิ้งซวนเชิญเขาไปดีและตอนนี้เรื่องราวก็ได้ผ่านมาถึงหนึ่งเดือนแล้วส่วนตำรวจเองก็ไม่ได้ยุ่งเรื่องพวกนี้แล้วด้วย การที่จะไปอธิบายเรื่องต่างๆกับพวกเขานั้นก็จะได้คลายข้อสงสัยในใจของพวกเขาเสียทีเพราะเขารู้ว่าใครบางคนนั้นเมื่อได้ติดหนี้บุญคุณแล้วแต่ยังไม่แสดงคำขอบคุณ พวกเขาก็จะไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด