ตอนที่แล้วตอนที่ 217 อาหมานระเบิดบันดาลโทสะ (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 219 พรรคฟ้าดินรวมเป็นหนึ่ง (ฟรี)

ตอนที่ 218 ไปล่าสัตว์เดรัจฉาน (ฟรี)


“ซูม”

สภาวะอากาศเดือดพล่านขึ้นมาอย่างร้อนแรงราวกับว่าจะแตกระเบิดได้ทุกเวลา เขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาที่พาดอยู่บนแผ่นหลังถูกชักออกมาฟาดลงไปยังกู่หยางอย่างรุนแรง

เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน กู่หยางได้แต่เบิกดวงตาโพลงโตที่ชายหนุ่มร่างยักษ์ที่กำลังโจมตีเข้ามา พลันก็รีบต้านทานอาวุธอันน่าหวาดกลัวนั้นเอาไว้

“ตูม”

เขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมากระแทกเข้าไปที่แขนของกู่หยางจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ จากนั้นเสียงกระดูกหักดังกร่อบก็ดังตามมา ร่างของกู่หยางลอยกระเด็นออกไปประดุจว่าวที่สายป่านขาด ฝีปากกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บปวด

เมื่อลอยไปได้ครู่หนึ่ง แผ่นหลังของกู่หยางก็กระแทกที่ผนังถ้ำแห่งหนึ่งจนแหลกลานไปถึงครึ่งส่วนเลยทีเดียว ควรทราบเป็นอย่างยิ่งว่าถ้ำที่พักของศิษย์สายตรงถูกสร้างขึ้นจากศิลาที่หายากและมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ ทว่าก็ยังไม่อาจป้องกันการทำลายจากพลังกายของอาหมานได้จนถึงกับล่มสลายไปครึ่งหนึ่ง

ในสถานที่แห่งนั้นคงจะมีแค่หลงเฉินเพียงคนเดียวที่ไม่แตกตื่นตกใจในความน่าหวาดกลัวของอาหมาน เนื่องจากหลงเฉินได้ตรวจสอบภายในร่างกายของอาหมานมาก่อนหน้านี้แล้ว เรียกได้ว่าเป็นความแข็งแกร่งที่เกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปจะสามารถคาดเดาถึง

เดิมทีอาหมานเองก็มีพลังกายที่แกร่งกล้าเป็นอย่างยิ่งแล้ว ทว่าในขณะนี้ได้ถูกกระตุ้นจนเนื้อเยื่อทั่วทั้งร่างกายตื่นขึ้นมามากกว่าสามส่วนไปแล้ว อีกทั้งยังมีอักขระแปลกประหลาดปรากฏอยู่ในหยาดโลหิต

ผนวกกับอาวุธเขี้ยวหมาป่าขนาดมหึมาที่แข็งแรงจนน่าหวาดกลัว เพียงแค่การจู่โจมเดียวก็สามารถบดขยี้กู่หยางให้กลายเป็นเนื้อบดไปได้เลย อาหมานในตอนนี้แข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว

ในขณะที่ผู้คนเหล่านั้นกำลังตกอยู่ในสภาวะแตกตื่น อาวุธกระดูกของหลงเฉินก็ฟาดไปที่ชีซิ่งอย่างหนักหน่วง ชีซิ่งที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ยิ่งทวีความแตกตื่นขึ้นมายกใหญ่ พลันก็กระตุ้นโล่วารีคุ้มกายขึ้นมาป้องกันตัวเองในทันที

เมื่อโล่วารีคุ้มกายปรากฏขึ้นมาก็ถูกอาวุธกระดูกของหลงเฉินทำลายจนแหลกละเอียดไปในพริบตาเดียว ใบหน้าชีซิ่งจึงซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด พลังป้องกันของเขาไม่มีประโยชน์ใดเลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาวุธกระดูกของหลงเฉิน

อาวุธกระดูกสายนั้นจึงปะทะเข้ากับหน้าอกของชีซิ่ง เสียงกระดูกแตกหักลั่นขึ้นมาหลายสาย ด้วยพลังอันมหาศาลที่แฝงความแค้นเคืองเอาไว้ก็ได้ซัดชีซิ่งจนลอยกระเด็นออกไปไกล อีกทั้งยังรุนแรงจนทำให้ชีซิ่งกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง

ในขณะที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ชีซิ่งนั้นทั้งแตกตื่นและหวาดกลัว เขาสัมผัสได้ว่าบนร่างกายของหลงเฉินกำลังปะทุรังสีสังหารอันน่าเกรงกลัวขึ้นมาอย่างเข้มข้นจนสามารถสะกดพลังภายในร่างกายของเขาเอาไว้ถึงแปดส่วนเลยก็ว่าได้

ส่วนเหร่ยเชียนซังที่มองดูอยู่นั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสยดสยองขึ้นมาจนขนลุกชันไปทั้งตัว หลงเฉินในตอนนี้ คล้ายกับเทพมรณะที่หมายจะมาเอาชีวิตของผู้คนอย่างไรอย่างนั้น พลังกดดันขุมนั้นทำให้ความเชื่อมั่นในพลังของเขาเกิดการสั่นคลอนจนไม่กล้าโต้ตอบกลับไป

สายตาของเหร่ยเชียนซังเหลือบไปมองเงาร่างของชีซิ่งที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในกระบวนท่าเดียวจึงไม่อยากจะครุ่นคิดให้มากความอีกต่อไป พลันก็กระตุ้นพลังแห่งอัสนีบาตขึ้นมาพร้อมกับฟาดอาวุธอัสนีไปที่หลงเฉินอย่างรุนแรง

หลงเฉินแผดเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราดแล้วเสียบอาวุธกระดูกไว้บนพื้นดิน จากนั้นก็เหวี่ยงกำปั้นข้างซ้ายที่เต็มไปด้วยสายอัสนีบาตออกไปทางเหร่ยเชียนซัง

“ครืน”

เสียงระเบิดดังขึ้นมา ประกายแสงสว่างวาบแหวกผ่านอากาศไปทั่วทุกสารทิศ คมหมัดของหลงเฉินปะทะเข้ากับอาวุธอัสนีของเหร่ยเชียนซังอย่างรุนแรงจนอาวุธอัสนีถูกทำลายจนย่อยยับไม่เหลือชิ้นดีภายในพริบตาเดียว ทว่าที่ทำให้เหร่ยเชียนซังแตกตื่นขึ้นมายิ่งกว่าเดิมนั่นก็คือกำปั้นของหลงเฉินยังคงหอบพลังแห่งอัสนีบาตเข้าไปไม่หยุด พลันก็กระแทกมาที่หน้าอกของเขาในทันที

เสียงดังกร่อยดังขึ้นมาเป็นสาย เหร่ยเชียนซังกระอักโลหิตออกมาคำโต กลางแผงอกขนาดใหญ่ทีสายโลหิตไหลรินออกมาไม่หยุด แววตาคู่นั้นจ้องมองไปยังใบหน้าอันเย็นเยียบของหลงเฉินด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ เหตุใดถึงควบคุมพลังแห่งอัสนีบาตได้?” เหร่ยเชียนซังพึมพำกับตัวเองในขณะที่ลอยกระเด็นออกไปแล้วกระแทกเข้ากับผนังถ้ำจนกระอักโลหิตออกมาอีกคำหนึ่ง

เขาไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดตามร่างกายแต่อย่างใด ทว่าภายในจิตใจกลับรู้สึกแปลบขึ้นมาพร้อมกับจ้องไปที่หลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะเขาเป็นถึงผู้ฝึกฝนวิชาอัสนีประจำตระกูลย่อมทราบดีว่าที่หลงเฉินใช้ออกมาเมื่อครู่นี้นั้นเป็นพลังแห่งอัสนีบาต

วิชาอัสนีของเหร่ยเชียนซังนั้นถูกถ่ายทอดมาทางสายโลหิตจากรุ่นบรรพบุรุษ ทว่าในขณะนี้กลับเห็นหลงเฉินใช้ออกมาได้ทั้งที่ไม่ได้มีสายโลหิตเดียวกันกับเขา อีกทั้งยังเป็นพลังแห่งอัสนีบาตที่แข็งแกร่งและรุนแรงยิ่งกว่าวิชาของเขาเสียด้วยซ้ำไป

เมื่อได้เผชิญหน้ากับพลังแห่งอัสนีบาตของหลงเฉินแล้วกลับกลายเป็นว่าพลังแห่งอัสนีบาตของเขาเป็นเพียงเสียงสุนัขเห่าหอนชวนให้น่ารำคาญเท่านั้น การที่เขาไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลงเฉินได้ก็พอจะยอมรับไหว ทว่ากลับไม่อาจยอมรับความสามารถในการควบคุมพลังแห่งอัสนีบาตของหลงเฉินที่เหนือกว่าตัวเองได้เป็นอันขาด

บุคคลที่ไม่ได้เป็นผู้สืบทอดพลังอัสนีทางสายโลหิตกลับสามารถควบคุมพลังแห่งอัสนีบาตที่แข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบได้โดยไม่มีที่มาที่ไปทำให้เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง และส่วนลึกภายในจิตใจยังบังเกิดความรู้สึกไร้ตัวตนขึ้นมา

ในศึกการต่อสู้ชิงอันดับครั้งที่สาม เหร่ยเชียนซังก็ได้พ่ายแพ้ให้กับหลงเฉินไปอย่างราบคาบจนต้องตกอยู่ในสภาพที่แสนอเนจอนาถเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ความมั่นใจในพลังของตัวเองลดทอนลงไป ทว่าก็ยังพอที่จะปลุกปลอบจิตใจของตัวเองขึ้นมาได้บ้าง

เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้เยาว์อันดับหนึ่งของตระกูล ในเมื่อสามารถปลุกสัญลักษณ์ประจำพลังของต้นตระกูลขึ้นมาได้แล้ว แน่นอนว่าในภายภาคหน้าต้องปะทุพลังแห่งอัสนีบาตอันแข็งแกร่งได้มากยิ่งขึ้นจนสามารถล้มหลงเฉินได้อย่างง่ายดาย

ทว่าเมื่อครู่นี้กลับต้องมาเห็นว่าหลงเฉินสามารถเบิกพลังแห่งอัสนีบาตที่น่าหวาดกลัวกว่าของเขาหลายสิบเท่าออกมาได้ ภายในจิตใจของเขาจึงรู้สึกราวกับว่ากำลังแตกสลาย ความหวังที่จะโค่นล้มหลงเฉินถึงกับย่อยยับลงไปไม่เหลือชิ้นดี

ผู้คนมากมายที่รายล้อมอยู่โดยรอบต่างก็ทอดวงตาโง่งมมองไปที่ผู้นำของพวกเขา ศิษย์สายตรงทั้งสามคนถูกซัดจนกระเด็นออกไปภายในกระบวนท่าเดียว แม้แต่กู่หยางที่เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลของหลงเฉินและชายหนุ่มร่างยักษ์ได้

กู่หยางทอสีหน้าหวาดผวา พลันก็เลื่อนตัวไปนั่งพิงผนังถ้ำที่หลงเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว ดวงตาจ้องมองไปยังแขนทั้งสองข้างที่ตอนนี้เปลี่ยนรูปไปอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มร่างยักษ์ผู้นั้นได้ทำลายแขนของเขาไปแล้ว ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ

ส่วนเหร่ยเชียนซังก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก ร่างกายกำยำพิงอยู่ที่ผนังถ้ำ ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเหลืองคล้ำ แววตาไร้ประกายเหม่อมองไปบนฟากฟ้าอย่างไร้อารมณ์ใดใด ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

“เหร่ยเชียนซัง เจ้าไม่ใช่คนที่เลวร้ายแต่อย่างใด ทว่าความเชื่อมั่นในตัวเองของเจ้านั้นมีมากเกินควร วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปสักครั้งหนึ่ง ฉะนั้นหลังจากนี้ไปเจ้าจะจัดการกับชีวิตของเจ้าอย่างไรก็อยู่ที่เจ้าจะเลือกเอง”

หลงเฉินไม่ได้เกลียดชังเหร่ยเชียนซังมากมายนัก ในสายตาของเขามองว่าเหร่ยเชียนซังเป็นเพียงเด็กน้อยที่ถือดีคนหนึ่งที่ไม่อาจแยกแยะว่าสิ่งใดแข็งแกร่งกว่าก็เท่านั้นเอง ที่ผ่านมานั้นเขาคงจะถูกชีซิ่งยุยงส่งเสริมให้กระทำสิ่งที่ชั่วร้ายมากกว่า ด้วยเหตุนี้หลงเฉินจึงอยากจะปล่อยเขาไปเพราะหวังว่าในสักวันหนึ่งเขาจะสามารถแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้เอง

ถึงแม่วาพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน ทว่าหลงเฉินก็ได้รับประโยชน์มาจากเหร่ยเชียนซังอยู่ไม่น้อยเลย นั่นก็คือพลังแห่งอัสนีบาตของเหร่ยเชียนซังที่ปลดปล่อยเข้ามาในร่างกายของเขา หากไม่มีพลังแห่งอัสนีบาตแล้วเขาก็คงไม่อาจสลัดหลุดจากกุ่ยซาได้และคงจะต้องตายอยู่ในถ้ำการทดสอบไปแล้ว

และหากไม่มีพลังแห่งอัสนีบาตของเหร่ยเชียนซัง เขาก็คงจะไม่เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงในการไล่ล่าอัสนีบาตแห่งฟ้าดินอย่างแน่นอน ฉะนั้นหลงเฉินจึงคิดที่จะตอบแทนบุญคุณของเหร่ยเชียนซังในส่วนนี้ด้วยการให้โอกาสเหร่ยเชียนซังได้คิดทบทวนตัวเอง

หลงเฉินเดินไปหยิบอาวุธกระดูกแล้วพาดขึ้นไปบนบ่าแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าของชีซิ่ง “บอกข้ามาว่าเสี่ยวเสว่ยอยู่ที่ใด”

ชีซิ่งที่กำลังหอบหายใจอย่างบ้าคลั่งอยู่ก็ได้ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชาแล้วตอบกลับไปว่า “เจ้ารู้ด้วยหรือ หึหึ ทว่าน่าเสียดายยิ่งนัก เพราะข้าไม่คิดที่จะบอกเจ้าหรอก หากเจ้าอยากรู้ก็จงคุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ!”

เมื่อกล่าวจบชีซิ่งก็หัวเราะออกมายกใหญ่ประดุจคนบ้า แววตาไร้ซึ่งประกายใดใดราวกับว่าไร้ชีวิตไปแล้ว ใบหน้าเหยเกแสดงความดุร้ายประดุจสัตว์ป่าที่จนตรอกตัวหนึ่ง

หลงเฉินจึงใช้มือใหญ่คว้าไปที่คอเสื้อของชีซิ่งแล้วโยนร่างกายที่บาดเจ็บสาหัสนั้นออกไปด้านนอก ชีซิ่งจึงได้แต่ส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดเพราะกระดูกที่ร้าวรานอยู่แล้วเกิดการเคลื่อนที่ไปจากเดิมจึงยิ่งทวีความเจ็บปวดจนยากที่จะทานรับได้

“หมาป่าตัวนั้นของเจ้าอยู่ในเงื้อมมือผู้ใดนั้นข้าย่อมทราบดี หากเจ้าไปช่วยตอนนี้ก็อาจจะเจอมันยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้ ทว่าหากช้ากว่านี้เกรงว่าจะได้เห็นแค่เนื้อหมาป่าย่าง ฮาฮา เช่นนั้นยังอยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกอย่างนั้นหรือ? รีบคุกเข่าอ้อนวอนข้าซะ”

เดิมทีเหล่าผู้คนภายในขุมกำลังของชีซิ่งต่างก็ยกย่องและนับถือในความรอบรู้ของชีซิ่งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีความสามารถในการวางแผนได้อย่างรอบคอบ ทว่านับตั้งแต่ที่ชีซิ่งได้พบกับหลงเฉินก็ได้ถูกเหยียดหยามจนถูกหลงเฉินทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ จากความไม่สนใจใยดีก็กลายเป็นความเกลียดชังจนสูญเสียสติสัมปชัญญะที่เคยมีไปจนหมดสิ้น

ภายในจิตใจของผู้คนเหล่านั้นจึงบังเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาเป็นสาย ถึงขั้นเกิดจิตคิดที่จะถอนตัวออกจากการติดตามบุคคลที่บ้าคลั่งเช่นนี้ไปตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ว่าได้

“ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตายเอง” อาหมานตะโกนเสียงดังกังวานพร้อมกับยกเขี้ยวหมาป่าขึ้นหมายจะฟาดไปที่ชีซิ่ง

เด็กน้อยผู้นี้ไม่เคยทำสิ่งใดนอกจากต่อสู้กับสัตว์มายาจนลืมเลือนไปว่าร่างกายของมนุษย์บอบบางยิ่งกว่าสัตว์เหล่านั้นเป็นอย่างมาก หากเขาฟาดอาวุธลงไป แน่นอนว่าชีซิ่งคงจะกลายเป็นเนื้อบดไปในทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย

หลงเฉินจึงรีบรั้งอาหมานเอาไว้แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “อย่าฆ่าเขา”

“พี่หลง ข้าจะเชื่อฟังท่าน ข้าจะไม่ฆ่าเขา ทว่าข้าเพียงจะโบยเขาเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เขาจะได้บอกกล่าวออกมาว่าเสี่ยวเสว่ยอยู่ที่ใด” อาหมานรีบกล่าวออกมาด้วยความใสซื่อ

“เอาเถิด ให้ข้าจัดการเอง” หลงเฉินเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้อาหมานเข้าใจ พลังอันแข็งแกร่งของเด็กน้อยผู้นี้ช่างผกผันกับความฉลาดของห้วงสมองเป็นอย่างยิ่ง

ดวงตาคู่คมจ้องไปยังเจ้าของเสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งแล้วแสยะยิ้มขึ้นมา ฝีเท้าทั้งสองของเทพมรณะเยื้องย่างไปเบื้องหน้า พลันก็ยกเท้าข้างหนึ่งกระทืบเข้าไปที่ร่างของชีซิ่งถึงสามสี่ครั้งติดต่อกัน

“กร่อบ กร่อบ……”

เสียงแตกละเอียดของกระดูกดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ผู้คนที่มองดูอยู่ต่างก็ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ภายในอกของพวกเขาเต้นระรัวอย่างรุนแรงด้วยความหวาดกลัว ความเย็นเยียบเข้าปกคลุมร่างกายจนหายใจไม่ออก อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดตลอดทั่วทั้งร่างราวกับว่าเสียงที่ดังขึ้นมานั้นเป็นกระดูกของตัวเอง

ชีซิ่งกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด เพราะจุดที่หลงเฉินเหยียบย่ำอยู่นั้นคือส่วนที่แตกหักไปเมื่อก่อนหน้านี้แล้วจึงยิ่งทวีความเจ็บปวดจนยากที่จะทานรับได้ แล้วจู่จู่หลงเฉินก็ล้วงเอาโอสถภายในแหวนมิติออกมา จากนั้นก็ยัดเข้าไปในปากของชีซิ่ง

“เพี๊ยะ”

ชีซิ่งเม้มปากเอาไว้แน่นไม่ยอมกลืนโอสถลงไปเพราะไม่ทราบว่าโอสถเม็ดนั้นมีผลลัพธ์ที่เลวร้ายหรือไม่ เมื่อหลงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงยื่นมือตบเข้าไปที่ปากจนฟันของชีซิ่งกระเด็นออกมาแทบจะทั้งหมด พลันก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งปิดปากของชีซิ่งเอาไว้แน่นจนเขาไม่อาจพ่นโลหิตออกมาได้ จึงได้แต่กลืนลงท้องไปจนหมด รวมไปถึงโอสถเม็ดนั้นด้วย

โอสถเม็ดนั้นไม่ใช่โอสถพิษแต่อย่างใด ทว่าเป็นเพียงโอสถปราณแห่งประสาทสัมผัสที่จะกระตุ้นร่างกายของคนผู้นั้นให้มีความว่องไวต่อความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้นก็เท่านั้น

ทว่าชีซิ่งกลับคิดว่าโอสถเม็ดนั้นเป็นอันตรายกว่าโอสถพิษนับร้อยเท่าพันทวี จึงทำให้การรับรู้ความเจ็บปวดของเขาฉับไวมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่าภายในพริบตา ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างจึงโดดเด่นขึ้นมาจนลูกตาถลนออกมา

“ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะบอกเจ้าแล้ว ข้าจะบอกออกมาทั้งหมด……” ในที่สุดชีซิ่งก็ไม่อาจทนรับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเหล่านั้นเอาไว้ได้ ด้วยความรู้สึกเช่นนี้สู้ตายไปยังจะดีเสียกว่า

“จงบอกออกมา”

“หมาป่าของเจ้าอยู่ในเงื้อมมือของศิษย์พี่หวู่ฉี” ชีซิ่งกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรนพร้อมกับทอสีหน้าหวาดกลัวไปที่หลงเฉิน

หลงเฉินทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาในทันที ดวงตาคู่คมสาดประกายรังสีสังหารอันเข้มข้นไปทั่วทุกสารทิศ ที่แท้แล้วเหล่าศัตรูก็ร่วมมือกันนี่เอง

“อาหมาน ตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าไปล่าสัตว์เดรัจฉาน”

.

ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา   <<< (ถึงตอนที่ 686 แล้วครับ)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด