ตอนที่แล้วมารดาปีศาจ ตอนที่ 28 ฆ่าหลี่จิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปมารดาปีศาจ ตอนที่ 30 ฝูงซอมบี้

มารดาปีศาจ ตอนที่ 29 อันธพาลข้างถนนที่โหดเหี้ยม


ตอนที่ 29 อันธพาลข้างถนนที่โหดเหี้ยม

 

ระยะทางจากฐานผู้รอดชีวิตไปยังเมือง H มิอาจกล่าวได้ว่าใกล้ แม้จะโดยสารรถไฟก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันหรือนานกว่านั้น ยังไม่นับรวมกับที่ว่าพวกเขาต้องขับรถผ่านไปทางเขตชนบท เดินทางบ้างหยุดพักบ้าง

 

ด้วยเหตุจำเป็นในการรักษาความปลอดภัย การจราจรบนทางด่วนที่อยู่สูงจากพื้นเป็นเรื่องต้องห้าม นี่เป็นเพราะความแออัดที่เกิดจากรถยนต์ไร้เจ้าของซึ่งเบียดเสียดกันอยู่ และยังมีเจ้าของรถที่กลายเป็นซอมบี้

 

พื้นที่ยิ่งรกร้างว่างเปล่าทุรกันดารเท่าไหร่ ยิ่งใกล้กับแถบชนบทท้องถิ่น ก็ยิ่งมีความปลอดภัยมากขึ้น

 

ดังนั้นจ้าวฉิงและคนอื่นๆ จึงตัดสินใจที่จะเลือกเอาถนนสายเล็กๆ แทน แต่นี่ก็ย่อมเป็นการเพิ่มระยะทางที่พวกเขาต้องเดินทางให้ยาวไกลขึ้นไปอีก หลังออกมาจากฐานผู้รอดชีวิต พวกเขาก็มาถึงทางแยกแรกบนถนน เส้นหนึ่งนำไปสู่ทางด่วนด้านบน และอีกเส้นหนึ่งนำไปสู่ถนนสายเล็ก กู้พ่านพ่านซึ่งเป็นคนขับรถอยู่จึงหักเลี้ยวรถไปทางถนนเล็กๆ สายนั้น

 

เพราะเธอเป็นเครื่องกระจายเสียง ตลอดการเดินทางกู้พ่านพ่านจึงได้ทรยศต่อกู้ชวนโดยสมบูรณ์แบบ “ฉิงเจี่ยเจีย พี่รู้ไหมว่ากล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอัมพาตคืออะไร”

 

จ้าวฉิงเหลือบมองไปยังกู้ชวน แล้วก็กล้ำกลืนคำพูดไว้อย่างเงียบงัน ‘ข้างๆ คุณก็ไม่ใช่ว่ามีคนกล้ามเนื้อใบหน้าอัมพาตนั่งอยู่คนหนึ่งหรอกหรือ ถ้อยคำตอบกลับประโยคนี้ยังคงรั้งไว้จะดีกว่า’

 

กู้พ่านพ่านไม่ได้รอให้จ้าวฉิงเอ่ยตอบ เธอยังคงพูดคุยกับตัวเองต่อไป “อันที่จริงแล้ว ใบหน้าเป็นอัมพาตก็คือคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้า แล้วก็แสดงออกอย่างแข็งกระด้างหรือไม่ก็แสดงออกได้อย่างยากลำบาก พี่ชายฉันก็เป็นแบบนั้นแหละ ครั้งแรกที่พบปะพูดคุยกับพี่ชายของฉัน ทุกๆ ก็จะพูดกันว่าเขาเป็นคนเย็นชาที่มีใบหน้าเป็นอัมพาต แต่อันที่จริงแล้ว เขาก็แค่คนตอบสนองช้าแล้วก็แสดงออกไม่เก่งคนหนึ่งเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ”

 

จ้าวฉิงชำเลืองมองไปที่กู้ชวนที่ดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเขินอาย ใบหูของเขาได้กลายเป็นสีแดงฉานไปแล้วอย่างเงียบงัน หลังจากนั้นเขายังได้ยินกู้พ่านพ่านพูดคุยต่อไป “ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นคนตอบสนองช้าแล้วก็แสดงออกไม่เก่งเท่านั้นนะ เขายังเป็นคนที่มีสัมผัสรับรู้ทิศทางย่ำแย่เอามากๆ แม้แต่ในละแวกใกล้เคียงบ้านเกิดของเราเอง เขาก็ยังหลงทางได้ ฮ่าๆๆ แม่ฉันมักจะพูดอยู่เสมอเลยว่า ในอนาคตพวกเราต้องมองหาผู้หญิงที่จดจำทิศทางได้ดีๆ ให้แต่งงานกับพี่ชายของฉัน ไม่งั้นพวกเขาทั้งคู่คงต้องหลงทางไปไกลแล้วก็อาจจะต้องออกเดินทางวนไปรอบโลก”

 

เมื่อพูดต่อมาถึงตรงนี้ อารมณ์ความรู้สึกของกู้พ่านพ่านก็ดูเหมือนจะหดหู่ลงอย่างเฉียบพลัน นี่อาจจะเป็นเพราะหญิงสาวเริ่มคิดถึงมารดาของเธอ จ้าวฉิงเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี บรรยากาศภายในรถจึงกลับกลายเป็นโศกเศร้าระคนขมขื่นอยู่บ้างในทันใด

 

จ้าวฉิงรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้ย่ำแย่สุดๆ แล้ว เธอจึงรีบพยายามเปลี่ยนหัวข้อทันที่ “ดูข้างหน้าสิ พวกคุณคิดว่านั่นมันอะไรกัน”

 

กู้พ่านพ่านมองตรงไปข้างหน้า แล้วก็แทบจะต้องสูญเสียการควบคุมรถยนต์ที่ขับอยู่ กลายเป็นว่าที่ตรงนั้นมีผู้หญิงอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ ยืนอยู่คนหนึ่ง แต่งกายเปิดเผยเนื้อหนังมังสา ปิดกั้นเส้นทางข้างหน้าอยู่คล้ายกับว่าไม่ต้องการจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว

 

กู้พ่านพ่านกระแทกเท้าลงบนเบรค รถจอดหยุดลงตรงหน้าผู้หญิงคนนั้นราวๆ สิบเซนติเมตรกว่าๆ เท่านั้น จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินผู้หญิงคนนั้นกล่าวขึ้นอย่างน่าสงสาร “พี่ชาย พี่สาว ได้โปรดให้ฉันนั่งรถไปด้วยเถอะนะคะ”

 

สภาพอากาศในยุคหลังภัยพิบัติเช่นนี้แปรปรวนอย่างยิ่ง ในวินาทีหนึ่งอาจกำลังมีหิมะตก ผ่านไปอีกวินาทีอาจจะกลับกลายเป็นลูกเห็บตก จากนั้นก็อาจจะหายวับไปกลายเป็นท้องฟ้าปลอดโปร่งงดงามได้ในฉับพลัน ช่วงเวลาทั้งวันอาจแตกต่างกันไปได้หลากหลาย ตั้งแต่มืดครึ้ม หนาวจัดเย็นยะเยือก ไปจนถึงร้อนระอุแผดเผาในบางครั้ง

 

ณ ขณะนี้ ลมจากทางเหนือกำลังพัดกรรโชกแรง แต่สตรีผู้นี้กลับยังคงสวมใส่เพียงเสื้อชั้นบนตัวเล็กจิ๋วและกระโปรงสั้น แขนสีซีดและต้นขาเปิดเปลือยออกมาอย่างสมบูรณ์ เธอค่อนข้างดูดี มีหน้าตาน่ารักอ่อนหวาน เส้นผมยาวนั้นปลิวพลิ้วไปในสายลม ร่างกายของเธอสั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาว ทำให้ดูบอบบางน่าสงสารอย่างยิ่ง

 

ทว่าใบหน้าของกู้พ่านพ่านแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที จากภายในรถ เธอคว้าแท่งเหล็กขึ้นมาแท่งหนึ่ง แสดงออกให้ผู้หญิงคนนั้นเห็นโดยการหักมันออกจากกันราวกับเป็นแท่งน้ำแข็งอันเปราะบาง จากนั้นก็ส่งยิ้มเย็นชา “ไปให้พ้น! พยายามจะเล่นเล่ห์กลไร้สาระพรรค์นี้ต่อหน้าฉันงั้นเหรอ ตาบอดหรือยังไง”

 

ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นกลายเป็นซีดขาวทันที จากนั้นเมื่อได้เห็นกู้พ่านพ่านเหยียบคันเร่งก็รีบวิ่งหลบฉากออกไป ดังนั้นกู้พ่านพ่านจึงได้กลับมาขับรถบนเส้นทางเดิมอีกครั้ง

 

ขณะที่ขับรถจากมา กู้พ่านพ่านก็เริ่มอธิบายให้จ้าวฉิงฟัง "ฉิงเจี่ยเจีย อย่าโดนหลอกด้วยรูปลักษณ์น่าสงสารของเธอเชียวนะ อันที่จริงแล้วนั่นเป็นแค่การหลอกลวงครั้งใหญ่ ถ้าหากพี่ยอมเปิดประตูรถให้เธอล่ะก็ จะมีพวกผู้ชายที่มีเจตนาสกปรกมากมายวิ่งมาล้อมรอบรถทั้งสองฝั่ง แล้วก็พยายามฉุดลากผู้คนออกไป ถ้าหากโชคดีหน่อยก็อาจจะแค่ถูกขโมยข้าวของไปหมด แต่ถ้าโชคร้าย แม้แต่ชีวิตก็อาจจะไม่เหลือ”

 

มองผ่านกระจกด้านหลังรถ ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้ว ที่ข้างหลัง ผู้หญิงคนนั้นกำลังกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ อย่างหงุดหงิด ข้างๆ เป็นผู้ชายร่างใหญ่โตบึกบึนหลายคนที่ถือมีดเอาไว้ในมือ

 

พวกคนนิสัยเสียขี้โกหกหลอกลวงเหล่านี้เคยพยายามจะล่อลวงฉันมาก่อน โดยการเสแสร้งแสดงออกเป็นคนดีที่ใสซื่อ แต่เพราะสติปัญญาอันสูงส่งของฉัน แค่มองผ่านปราดเดียวก็เห็นทะลุลำไส้ทุกขดของพวกเขาหมดแล้ว” กู้พ่านพ่านพูดโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ

 

กู้ชวนพยายามจะแก้แค้นที่กู้พ่านพ่านได้เปิดเผยเรื่องราวของเขาออกมาจนหมดเปลือก ถึงกับยอมพูดประโยคยาวเหยียดออกมาครั้งหนึ่ง “ถ้างั้นใครกันนะที่เคยโดนหลอกก่อนหน้านี้ เกือบจะทำให้รถถูกขโมยไปแล้วด้วย”

 

ใบหน้าของกู้พ่านพ่านเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานด้วยความอับอายและบุ้ยปาก “พี่ชาย!”

 

จ้าวฉิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอยอมคบหาเป็นเพื่อนกับพี่น้องคู่นี้ ก็เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขาช่างแน่นแฟ้นจนน่าอิจฉายิ่ง

 

ถึงอย่างไร ตั้งแต่เกิดภัยพิบัติวันสิ้นโลก ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องข้างกาย หรือแม้แต่บิดากับบุตรชาย หรือมารดากับบุตรสาวก็อาจจะต้องแตกแยกกัน

 

สามารถให้การดูแลสนับสนุนซึ่งกันและกันตลอดช่วงยุคสมัยแห่งวันสิ้นโลกเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องโชคดีอย่างยิ่ง นี่ทำให้จ้าวฉิงมักจะนึกถึงโม่หลิน เพื่อนหญิงผู้โดดเดี่ยวไร้ซึ่งความกังวลใดๆ ในชีวิต แต่กลับคอยห่วงใยเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีเสมอมา

 

อาจกล่าวได้ว่าชีวิตของจ้าวฉิงนั้นเป็นความล้มเหลวอย่างใหญ่หลวง ทันทีที่เธอเกิดมา ก็ถูกทอดทิ้งและถูกบังคับให้ต้องพึ่งพาตัวเองจนเข้าเรียนโรงเรียนทหารได้ เมื่อเข้าสู่กองทัพ เธอก็ต้องปลดประจำการก่อนกำหนดเนื่องจากอาการบาดเจ็บ จากนั้นเธอก็ถึงกับไปตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งในท้ายที่สุดก็กลับกลายเป็นแค่ผู้ชายสารเลวที่นอกใจเธอ

 

โชคดีอย่างเดียวของเธอก็คือการได้พบกับโมหลินตั้งแต่ครั้งแรก ได้เติบโตขึ้นมาด้วยกัน เธอรู้สึกรักใคร่ห่วงใยอีกฝ่ายอย่างจริงใจ ยังมีอีกสิ่งหนึ่งก็คือเสี่ยวเปาจื่อ เจ้าซาลาเปาน้อย เขาเป็นของขวัญที่สรวงสวรรค์มอบมาให้กับเธอ

 

“หม่าม้า ลูกอมฮะ” ขณะที่จ้าวฉิงกำลังทอดถอนใจด้วยความขมขื่น เสี่ยวเปาจื่อที่ฝังตัวอยู่ในอ้อมอกของเธอก็ยื่นส่งลูกอมรสนมมาแตะที่ปากของจ้าวฉิงอย่างน่ารัก ถึงแม้ว่าจ้าวฉิงจะไม่ต้องกินอาหาร แต่ในหัวใจของเธอก็อุ่นวาบขึ้นทันใด

 

ตามที่เธอคิดไว้ เสี่ยวเปาจื่อเป็นสมบัติล้ำค่าที่สวรรค์ประทานมาให้เธอจริงๆ เขาเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในโลก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด