ตอนที่แล้วมารดาปีศาจ ตอนที่ 27 ความดุร้ายที่เปิดเผยออกมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปมารดาปีศาจ ตอนที่ 29 อันธพาลข้างถนนที่โหดเหี้ยม

มารดาปีศาจ ตอนที่ 28 ฆ่าหลี่จิง


ตอนที่ 28 ฆ่าหลี่จิง

 

สีหน้าของหลี่จิงถึงกับบิดเบี้ยวอยู่บ้าง เอ่ยตามความสัตย์แล้ว บุคคลที่ไม่สมควรจะได้รับความนับหน้าถือตาอย่างลูกพี่ลูกน้องของเขานั่น ถ้ามันตายแล้วก็แค่ตายไป แต่เพราะเขากังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงของตัวเอง อีกทั้งทุกคนในฐานผู้รอดชีวิตก็ต่างรู้กันดีว่าคนผู้นั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา รวมกับความจริงที่ว่าคนที่ทุบตีเขาจนตายเป็นแค่เพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ถ้าหากเขาไม่แสดงท่าทีอะไรเลย เช่นนั้นในอนาคต ไม่ใช่ว่าทุกคนก็จะเหยียบย่ำข้ามหน้าข้ามตาเขาได้ตามใจชอบหรอกหรือ?

 

อย่างไรก็ตาม หลี่จิงก็ย่อมไม่ต้องการให้ลูกพี่ลูกน้องไร้ค่าของเขาเป็นต้นเหตุให้เกิดความขัดแย้งกับจ้าวฉิง ถึงที่สุดแล้ว สำหรับกับจ้าวฉิงนั้นเขายังมีแรงจูงใจซ่อนเร้นอยู่

 

ดังนั้นเมื่อจ้าวฉิงกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา การแสดงออกของหลี่จิงจึงกลายเป็นน่าเกลียดทันที เขาจงใจเพิกเฉยต่อคำพูดของจ้าวฉิง หันไปหาเหยียนฮ่านชิงและเอ่ยว่า “หลบซ่อนอยู่ข้างหลังผู้หญิง อย่างคุณนี่ยังถือว่าเป็นลูกผู้ชายได้อีกหรือ”

 

“เลือกต่อสู้กับคนธรรมดาคนหนึ่ง อย่างคุณนี่ยังนับเป็นลูกผู้ชายได้อยู่เหรอ” กู้พ่านพ่านขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จากนั้นก็กลอกตาใส่เขา “ถ้าคุณมีกำลังขวัญมีความสามารถจริงๆ งั้นก็ออกไปทำงานแล้วกลายเป็นผู้ใช้พลังพิเศษระดับสูงๆ ให้ได้สิ จะมาเสแสร้งปั้นหน้าอยู่ที่นี่เพื่ออะไรกัน”

 

“คุณ!” หลี่จิงขบคิดและตัดสินใจอย่างห่อเหี่ยวว่าจะไม่โต้แย้งกับกู้พ่านพ่านในเรื่องนี้ กลับเปลี่ยนเรื่องเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าดำคล้ำราวกับก้นหม้อว่า “ผมไม่สนว่าเขาจะเป็นใคร ผมรู้แค่ว่าเขาฆ่าลูกพี่ลูกน้องของผมไป ดังนั้นเขาก็เป็นศัตรูของผม ไม่ว่าศัตรูของผมจะเป็นคนธรรมดาหรือผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่ง ผมก็ยังต้องกำจัดเขา ตามที่ผมบอกไปแล้ว ผมไม่ได้มองที่ความแข็งแกร่งหรือสถานะของเขา ก็แค่ว่าเขาเป็นศัตรูของผมหรือเปล่าก็แค่นั้น คุณลองคิดในแง่มุมของผมดู ถ้าหากมีคนธรรมดาที่ไหนไม่รู้มาฆ่าพี่ชายของคุณ คุณจะไม่ทำอะไรเลยหรือ”

 

หลี่จิงไม่ใช่คนโง่ เขาเองก็จดจำกู้พ่านพ่านและกู้ชวนได้ ถึงแม้ว่ากู้ชวนจะเป็นเพียงผู้มีพลังพิเศษระดับหนึ่ง แต่เขาก็อยู่ที่ริมขอบของการเลื่อนระดับไปสู่ขั้นต่อไปแล้ว กู้พ่านพ่านก็เป็นผู้ใช้พลังพิเศษระดับหนึ่งขั้นกลางแล้ว เขาเองก็ไม่อยากต้องมีปัญหาขัดใจกับใคร จึงเอ่ยวลีจำเพาะเจาะจงเหล่านี้ออกมาเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องดูแย่จนเกินไป

 

“คุณกำลังเบี่ยงประเด็นแล้วก็ยกตัวอย่างบิดๆ เบี้ยวๆ มาอุดปากคนอื่น!” คนธรรมดาที่ไหนจะสามารถมาฆ่าพี่ชายของเธอได้? กู้พ่านพ่านกำลังจะตะโกนใส่หน้าเขา แต่จ้าวฉิงห้ามเธอไว้ก่อน “ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอารมณ์ความรู้สึกหรือตรรกะพื้นฐานอะไรกันแล้ว ฉันไม่ควรแม้แต่จะต้องมารำคาญกับคุณ”

 

ก่อนที่หลี่จิงจะได้แอบดีใจ จ้าวฉิงก็พูดต่อทันที “แต่.... อย่าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับการทำอะไรเหยียนฮ่านชิงในวันนี้ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะสู้กับฉันได้ ฉันจะไม่ยอมยืนดูอยู่เฉยๆ โดยไม่สอดมือเข้ามายุ่งอย่างแน่นอน”

 

ได้ยินเช่นนั้นหลี่จิงก็พยักหน้า “ตกลง ถ้างั้นก็มาแลกเปลี่ยนให้คำชี้แนะกันเถอะ”

 

เขาขบคิดอย่างรอบด้านแล้ว ถึงอย่างไรจ้าวฉิงก็เพิ่งจะมาถึงที่ฐาน และเธอก็ถูกรายงานว่าเป็นผู้ใช้พลังธาตุไม้ระดับที่หนึ่ง ความสามารถในการต่อสู้ของผู้ใช้พลังธาตุไม้มักจะด้อยกว่าอยู่แล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าเขายังขึ้นถึงขั้นสูงสุดของระดับหนึ่งแล้ว และก็กำลังจะเลื่อนขึ้นไประดับที่สองในเร็วๆ นี้

 

ดังนั้น หลี่จิงจึงมั่นใจเต็มที่ว่าเขาไม่มีทางพ่ายแพ้ให้แก่จ้าวฉิงแน่นอน เขายังจินตนาการต่อไปอีกว่า หลังจากที่เขาได้แสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาแล้ว จ้าวฉิงอาจจะถึงขั้นตกหลุมรักเขาเลยก็เป็นได้ ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นยุคหลังวันสิ้นโลกเช่นนี้หรือในยุคสมัยก่อนหน้า คนที่มีอิทธิพลหรือทรงพลังก็ย่อมยึดกุมหัวใจหญิงสาวไว้ได้ง่ายดายกว่าเสมอ

 

จ้าวฉิงมองไปรอบๆ จากนั้นก็หาพื้นที่เปิดโล่งได้แห่งหนึ่ง เอ่ยปากกล่าว “เราไม่จำเป็นต้องหาสถานที่อื่น ที่นี่ก็ดีแล้ว”

 

“ตกลง” หลี่จิงพยักหน้า “ถ้างั้นก็มาเริ่มกัน.....”

 

เขายังพูดไม่ทันจนด้วยซ้ำ ยามที่กำปั้นสีขาวสะอาดพุ่งตรงเข้าใส่ใบหน้า นี่ทำให้แว่นตาของเขาที่มีไว้เพื่อภาพลักษณ์สง่างามแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากนั้นโดยฉับพลัน ช่องท้องของหลี่จิงก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด แล้วเขาก็ปลิวถลาออกมา

 

ตลอดเวลาที่หลี่จิงลอยปลิวอยู่ในอากาศ เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะปลดปล่อยพลังพิเศษของตัวเองออกมาเลยด้วยซ้ำ ก็ต้องกลายเป็นกระสอบทรายไปแล้ว

 

ขณะที่เขายังคงอยู่ในอากาศ จ้าวฉิงก็หายตัวไปโดยสมบูรณ์แล้ว และปรากฏกายขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังเขา ต่อยหมัดอย่างแรงลงไปที่กลางหลัง กร๊อบ! กระดูกของชายหนุ่มหักสะบั้น พร้อมๆ กับที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของหลี่จิงบิดเบี้ยวอย่างเงียบงัน

 

ขณะที่เขายังคงตอบสนองต่อความเจ็บปวด และปลดปล่อยพลังพิเศษของตัวเองออกมาได้ในที่สุด จ้าวฉิงก็คว้าจับท้ายทอยของเขาไว้แล้ว และเหวี่ยงร่างกายของชายหนุ่มลงกับพื้นอย่างไร้ความปราณี

 

ลูกบอลไฟที่เพิ่งจะถูกจุดขึ้นมารวมตัวกันได้ปลิวกระจายไปทันที หลังจากนั้น จ้าวฉิงก็กดตำแหน่งอื่นๆ บนหลังของหลี่จิงลงไปอย่างดุดันและแม่นยำ ใช้พละกำลังของเธอเองกดดันมันลงไป

 

กระดูกที่แตกหักของหลี่จิงแทงทะลุผ่านหัวใจและปอดของเขา ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง หลี่จิงก็ตกตายไป เขาจึงเพิ่งตระหนักได้ว่าจ้าวฉิงตั้งใจจะฆ่าเขา

 

หลังจากโยนซากศพอย่างลวกๆ ไปให้ดอกไม้กินคนที่รอคอยอยู่นานแล้ว จ้าวฉิงก็ยืดเหยียดลำคอไปมาเล็กน้อย และเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “ไปกันเถอะ”

 

กู้พ่านพ่าน: .....

 

กู้ชวน: .....

 

บุคคลเดียวที่ยังคงสงบนิ่งได้เช่นเคย และรู้อยู่แล้วว่าจ้าวฉิงโหดร้ายถึงเพียงไหน ก็คือเหยียนฮ่านชิง เขาไม่แม้แต่จะพยายามคิดคำนวณอีกแล้ว ว่าเขาติดค้างจ้าวฉิงมากขนาดไหน เพราะเขาได้อุทิศทุกสิ่งทุกอย่างของตนให้กับจ้าวฉิงไปแล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่ได้เอ่ยอะไรมากความ เพียงแค่ผลักรถเข็นที่ทำมาจากโครงรอบด้านของเตียง เพื่อส่งร่างมารดาของเขาขึ้นไปบนรถ

 

เพื่อป้องกันไม่ให้ศพมารดาของเหยียนฮ่านชิงเน่าเปื่อยไป กู้ชวนยังได้ใช้พลังพิเศษของเขาแช่แข็งร่างของเธอไว้

 

พวกเขารับภารกิจสำรวจมาชิ้นหนึ่งโดยสมัครใจ แล้วออกจากฐานผู้รอดชีวิต

 

ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไปบนรถ จ้าวฉิงได้ตรวจสอบตามกลีบด้านในที่คล้ายซี่ฟันแหลมคมของดอกไม้กินคน แล้วดึงเอาผลึกพลังพิเศษออกมา

 

นี่ก็คือข้อดีอย่างหนึ่งของดอกไม้กินคน ไม่ว่ามันจะกินซอมบี้หรือผู้ใช้พลังพิเศษเข้าไป มันก็จะ (ถูกบังคับให้) เก็บเศษผลึกไว้แล้วมอบมันให้กับจ้าวฉิง

 

ถ้าหากดอกไม้กินคนนั้นสามารถพูดได้ มันคงต้องร่ำร้องครวญครางหาความเป็นธรรมไปนานแล้ว ถึงอย่างไร เจ้าเศษผลึกเล็กๆ นั่นแหละที่เป็นของที่ดีที่สุด ตอนนี้เมื่อมันมีเจ้านายแล้ว ลาภปากชิ้นใหญ่ที่สุดในอาหารสามมื้อของมันล้วนต้องส่งมอบให้กับเธอจนหมด

 

นี่มันช่างโหดร้ายจนเกินไปแล้ว!

 

ขณะที่จ้าวฉิงออกไปจากฐานผู้รอดชีวิต มีบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากฐาน ลอบแฝงตัวติดตามไปด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด