ตอนที่แล้วมารดาปีศาจ ตอนที่ 26 แก้แค้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปมารดาปีศาจ ตอนที่ 28 ฆ่าหลี่จิง

มารดาปีศาจ ตอนที่ 27 ความดุร้ายที่เปิดเผยออกมา


ตอนที่ 27 ความดุร้ายที่เปิดเผยออกมา

 

หลังจากผ่านไปอีกครู่ใหญ่ เหยียนฮ่านชิงจึงเริ่มหัวเราะออกมา เขาปาดเช็ดใบหน้าเล็กน้อย เดิมทีมันมีหยาดเลือดสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนอยู่เต็ม หลังจากการเช็ดถูก็หายไปจนหมด

 

“ขอบคุณ”

 

จ้าวฉิงไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาอีก เพียงยกคางขึ้นเล็กน้อย พยักพเยิดบ่งบอกให้เหยียนฮ่านชิงรู้ว่าร่างมารดาของเขายังอยู่ในเต็นท์ เหยียนฮ่านชิงก้าวเข้าไปยกร่างมารดาออกมา แล้วทันใดนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้าจ้าวฉิง โขกศีรษะให้กับเธอสามครั้งติดต่อกัน

 

จ้าวฉิงจ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าอยู่วินาทีหนึ่ง “คุณกำลังทำอะไร”

 

“ตลอดช่วงชีวิตของแม่ เธอไม่เคยมีความสุขความสบายเลยสักครั้ง ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังมีความคาดหวังอันเรียบง่ายอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือได้ถูกกลบฝังไว้ด้วยกันกับพ่อของผม” ขณะที่เหยียนฮ่านชิงพูดต่อ แก้มของเขาก็เริ่มขึ้นสีแดง “ผมรู้ว่าในเวลาอย่างนี้ การเดินทางจากที่นี่ไปถึงเมือง H มันเป็นการเดินทางที่ยากลำบากแล้วก็ท้าทายอย่างมาก แต่ว่าผม... ผม...”

 

“คุณต้องการให้ฉันไปกับคุณ เพื่อไปส่งแม่คุณงั้นหรือ” จ้าวฉิงจ้องมองไปยังใบหน้าของเหยียนฮ่านชิงที่ดูปั้นยาก

 

เหยียนฮ่านชิงผงกศีรษะ รู้สึกอับอายอย่างมาก “ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมกำลังร้องขออยู่ตอนนี้เป็นเรื่องที่ฝืนใจคุณอยู่บ้าง แต่...... ได้โปรดเถอะ!”

 

จ้าวฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหยียนฮ่านชิงสังเกตเห็นความลังเลใจของจ้าวฉิงได้จึงกัดฟันแน่น “คุณผู้หญิงจ้าวได้ช่วยเหลือผมไว้มากมายเหลือเกินแล้ว หากเป็นยามปกติผมย่อมไม่ควรจะตั้งข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ขึ้นมาอีก แต่ผมตระหนักถึงขีดความสามารถของตัวเองดี มีแค่คุณผู้หญิง.... คุณผู้หญิงจ้าว ไม่ว่าคุณจะยอมรับปากหรือไม่ ตั้งแต่นี้ไป ชีวิตของผมเป็นของคุณแล้ว!”

 

จ้าวฉิงจ้องมองที่ใบหน้าอันเด็ดเดี่ยวของเหยียนฮ่านชิงอยู่นานมาก “ตกลง ฉันจะไปกับคุณ”

 

นี่ไม่ใช่เพราะว่าจู่ๆ เธอก็กลับมีจิตใจเมตตากรุณาขึ้นมาแต่อย่างใด ทว่ามันเป็นเพราะยามนี้คือวันโลกาวินาศ เธอต้องการเพื่อนร่วมทาง ถึงแม้เหยียนฮ่านชิงจะไม่มีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ แต่เพราะความซื่อสัตย์แน่วแน่ของเขา อีกทั้งเขายังมีพื้นฐานทางการทหาร  มันเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมีเพื่อนร่วมทางแบบนี้ไว้ ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้เหยียนฮ่านชิงยังโดดเดี่ยวมาก ดังนั้นหากว่าเขาบังเอิญได้ค้นพบความลับของเธอเข้า เขาก็ย่อมยอมปิดปากเงียบไว้

 

“สำหรับเรื่องอย่างนี้ ทำเร็วดีกว่าทำช้า บ่ายนี้ไปรวมตัวที่บ้านฉันก่อน แล้วค่อยออกเดินทาง” จ้าวฉิงหมุนกายกลับ เตรียมจะจากไป แล้วจึงได้ยินเหยียนฮ่านชิงเอ่ยคำขอบคุณออกมาอีกครั้ง

 

ตั้งแต่แรก เธอก็มีความรู้สึกชื่นชอบต่อเหยียนฮ่านชิงเป็นพิเศษอยู่จริงๆ แต่ความชื่นชอบนั้นเป็นเพียงความประทับใจพื้นฐานจากการที่เหยียนฮ่านชิงมีบุคลิกเป็นพลทหารตามมาตรฐาน และยังมีนิสัยเงียบขรึมซื่อตรง

 

ทว่ายามนี้ จ้าวฉิงมีความประทับใจต่อเขาดียิ่งขึ้นกว่าเดิม นี่มาจากการที่เขาใส่ใจต่อความสัมพันธ์และเห็นว่ามันมีค่า ดังนั้น เธอจึงตัดสินใจว่าจะแสดงความเชื่อมั่นให้เหยียนฮ่านชิงได้เห็นบ้าง

 

หลังจากกลับไปยังที่พักของเธอ มองหาที่จัดเก็บอาหาร และเอาผลึกให้เสี่ยวเปาจื่อดูดซับเสร็จแล้ว จ้าวฉิงก็ติดต่อไปหาพี่น้องกู้ชวนกู้พ่านพ่าน

 

ถึงแม้กู้พ่านพ่านจะเป็นเหมือนลำโพงที่ส่งเสียงพูดคุยไม่หยุดหย่อน แต่จ้าวฉิงก็สัมผัสได้โดยสัญชาตญาณว่า สองคนพี่น้องนี่ไม่เลวเลย โดยเฉพาะกู้ชวนที่ดูค่อนข้างน่าเชื่อถือพึ่งพาอาศัยได้

 

ครั้งนี้เหยียนฮ่านชิงและเธอจะมุ่งหน้าไปยังเมือง H ระยะทางนั้นค่อนข้างห่างไกลกันอย่างมาก ถ้าหากเป็นเธอเพียงลำพัง หญิงสาวย่อมสามารถป้องกันตัวเองได้ แต่ถ้าเธอต้องคอยปกป้องคุ้มครองเหยียนฮ่านชิงด้วยแล้ว หากว่าเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่ทำให้พวกเธอต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้กลายพันธุ์ นั่นก็คงจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง

 

ดังนั้นแล้ว จ้าวฉิงย่อมต้องเตรียมติดต่อกับกู้พ่านพ่านและกู้ชวน

 

หลังจากอธิบายสถานการณ์อย่างคร่าวๆ จ้าวฉิงก็ชี้แจงว่าการเดินทางครั้งนี้อาจจะมีเหตุอันตรายไม่คาดฝันอยู่บ้าง เธอจะส่งมอบเสบียงวัตถุดิบบางส่วนให้เป็นการชดเชย แต่ถ้าหากว่ากู้พ่านพ่านและกู้ชวนตัดสินใจจะไม่ทำเรื่องนี้ จ้าวฉิงก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างมาก

 

แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากกู้พ่านพ่านพูดคุยแลกเปลี่ยนสายตากับกู้ชวนเพียงไม่กี่ครั้ง คนทั้งสองก็ตัดสินใจยอมเข้าร่วมทันที “พวกเราจะออกไปบ่ายนี้เลยหรือเปล่า ฉิงเจี่ยเจีย”

 

“อืม ถ้าเรารอนานกว่านี้ ฉันกลัวว่าศพอาจจะเริ่มเน่า ดังนั้น รีบออกไปเร็วหน่อยน่าจะดีกว่า แล้วแม่ของเหยียนฮ่านชิงก็จะได้ไปทำพิธีฝังเร็วๆ”

 

“ฉันคุยกับพี่ชายแล้ว พวกเราไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถึงยังไงพวกเราก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ว่างจะตาย” กู้พ่านพ่านหัวเราะ

 

จ้าวฉิงย่อมไม่ลืมความใจดีครั้งนี้ของพวกเขา ถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้รู้จักมักจี่กันมานานเท่าไหร่นัก เพียงแค่เคยร่วมงานด้วยกันแค่ครั้งเดียว แต่พี่น้องกู้พ่านพ่านคู่นี้กลับไว้หน้าเธออย่างมาก ยอมไปเผชิญหน้ากับอันตรายอย่างกล้าหาญร่วมกันกับเธอในการเดินทางครั้งนี้ นี่แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่ซื่อสัตย์ของพวกเขาแล้ว

 

“ถ้างั้นมาพูดเรื่องค่าตอบแทนกันเถอะ” จ้าวฉิงคิดคำนวณอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยคำ “ที่เราจะไปกันคราวนี้ค่อนข้างอยู่ไกล และเสบียงอาหารที่ฉันมีอยู่ก็ไม่มากนัก เอาเป็นว่าฉันจะให้ผักสดสิบกิโลกรัม อาหารยี่สิบห้ากิโลกรัม แล้วก็ยาปฏิชีวนะสิบกล่องกับพวกคุณ แบบนี้เป็นไงบ้าง?”

 

เดิมทีกู้พ่านพ่านต้องการจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ เหตุผลแรกคือเพราะเธอค่อนข้างจะชื่นชอบจ้าวฉิงอยู่เป็นทุนเดิม ประการที่สองคือจ้าวฉิงเป็นคนที่มีความสามารถ การได้ติดต่อร่วมงานกับเธอจะเป็นประโยชน์กับสองพี่น้องในอนาคต ทว่าเมื่อได้ยินจ้าวฉิงเอ่ยถึงการมอบยาปฏิชีวนะให้ กู้พ่านพ่านก็กลืนคำพูดปฏิเสธที่กำลังคิดจะเอ่ยออกมาจากปากกลับไปทันที

 

ถึงแม้ผู้ใช้พลังพิเศษจะไม่ติดเชื้อซอมบี้ แต่พวกเขายังคงบาดเจ็บได้ ถ้าหากพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาก็อาจจะถึงแก่ความตายได้ ดังนั้นยารักษาในยุคสมัยวันสิ้นโลกเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งของสำคัญอย่างยิ่ง เมื่อรวมเข้ากับความจริงที่ว่ามันไม่มีการผลิตออกมาอีกแล้ว คุณค่าของมันจึงไม่อาจจะประเมินได้

 

“ฉิงเจี่ยเจีย ฉันจะไม่พูดถ้อยคำเสแสร้งอะไรพวกนั้นหรอกนะ แต่ถ้าในอนาคตพี่ต้องการอะไร แค่เรียกพวกเราไปก็พอ” กู้พ่านพ่านตบหน้าอกรับปาก

 

จ้าวฉิงพาสองพี่น้องมาด้วย เพื่อไปทานอาหารที่จ้าวฉิงเตรียมไว้ด้วยกันสักมื้อหนึ่ง ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้เธอจะไม่อาจบริโภคอาหารปกติได้อีกแล้ว แต่ทักษะการทำอาหารของเธอตั้งแต่ก่อนหน้านี้ก็ยังนับว่าไม่เลวอยู่

 

ยิ่งไปกว่านั้น เพราะเพิ่งแลกเปลี่ยนผลผลิตสดใหม่มาจากในฐาน ทั้งรูปลักษณ์และรสชาติของอาหารมื้อนี้จึงล้ำเลิศเสียจนกู้พ่านพ่านชื่นชมสรรเสริญเธอจนเลยเถิดไปใหญ่โต

 

เมื่อยามบ่ายมาถึง หลังจัดเตรียมสิ่งของเสร็จเรียบร้อย คนทั้งสามรวมทั้งเจ้าซาลาเปาน้อยก็ออกไปหาเหยียนฮ่านชิง เมื่อทุกคนรวมตัวกันแล้ว พวกเขาก็จะได้เตรียมออกเดินทาง

 

เพราะพวกเขากำลังจะมุ่งหน้ายังสถานที่ห่างไกล ซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อนที่ค่อนข้างอยู่ใกล้กับฐาน พี่น้องกู้พ่านพ่านทั้งคู่จึงนำสิ่งของมามากกว่าครั้งก่อนหน้า เมื่อติดเครื่องรถยนต์แล้ว พวกเขาก็นำพาจ้าวฉิงมุ่งหน้าไปยังที่พักของเหยียนฮ่านชิง

 

ทว่าเมื่อพวกเขามาถึงสถานที่พักของเหยียนฮ่านชิง จ้าวฉิงก็เห็นบุคคลคุ้นเคยผู้หนึ่ง คนคุ้นเคยนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นคนที่พยายามจะลอบวางยาเธอ ‘หลี่จิง’

 

หลี่จิงยังคงสวมใส่แว่นตาและมีท่าทางสุภาพอ่อนโยนและดูเป็นนักวิชาการ แต่สิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่นั้นไม่ได้มีความสุภาพเลยแม้แต่น้อย มุมปากของเขามีเลือดเปรอะเปื้อนอยู่เล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยวด้วยการขว้างปาลูกบอลไฟออกมา โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เหยียนฮ่านชิง

 

แน่นอนว่าย่อมต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่นำพาให้เขามาหาเหยียนฮ่านชิง มองดูความสามารถในการต่อสู้ของเหยียนฮ่านชิงอย่างเหยียดหยาม ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บทั้งจากนี้ยังต้องอับอายขายหน้าจากการโดนกลั่นแกล้ง

 

จ้าวฉิงถลาออกมาจากประตูรถ กระโดดลงมาอย่างรวดเร็ว เถาไม้สีเขียวพุ่งทะยานออกไปล่วงหน้าก่อนแล้ว มันรัดพันรอบกายเหยียนฮ่านชิง และปกป้องเขาไว้จากบอลไฟเหล่านั้น

 

เมื่อเห็นว่าหลี่จิงตั้งใจจะปลิดชีวิตเหยียนฮ่านชิง ดวงตาของจ้าวฉิงก็หรี่แคบลงเล็กน้อย นัยน์ตาคู่นั้นเริ่มมืดมนขึ้นมา ซึ่งหากเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความจริงที่ว่าเหยียนฮ่านชิงนับได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมทางในสายตาของเธอแล้ว ถ้าเขาถูกฆ่าตายโดยหลี่จิง เช่นนั้นถ้าเธอไม่โกรธก็คงประหลาดแล้ว

 

“คุณต้องการอะไร”

 

“โอ้ เป็นคุณผู้หญิงจ้าวนั่นเอง” เมื่อเห็นจ้าวฉิง สีหน้าของหลี่จิงก็เปลี่ยนแปลงไปทันที เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเร่าร้อนกระตือรือร้น “คุณผู้หญิงจ้าว คุณไม่ควรจะเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ผู้ชายคนนี้ทุบตีลูกพี่ลูกน้องของผมจนถึงแก่ความตาย ผมย่อมต้องแก้แค้นอย่างแน่นอน”

 

“งั้นก็ต้องขายหน้ามากแล้ว แต่ฉันเองเป็นคนที่ยืนมองดูลูกพี่ลูกน้องของคุณถูกทุบตีจนตาย อันที่จริง ฉันเป็นคนปล่อยให้เขากระทำเช่นนั้นกับลูกพี่ลูกน้องของคุณด้วยซ้ำ” จ้าวฉิงยืนบังอยู่ข้างหน้าเหยียนฮ่านชิงเพื่อปกป้องเขา ขณะที่เอ่ยขึ้นอย่างไม่แยแส “ลงมือกับคนธรรมดาที่ไม่มีพลัง คุณไม่รู้สึกอับอายบ้างหรือ ถ้าคุณยังไม่แน่ใจ เรามาเจอกันหน่อยเป็นไง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด