ตอนที่แล้วGE183 แคว้นสมุทร [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE185 บ้าคลั่ง [ฟรี]

GE184 นางต้องไม่เป็นอะไร [ฟรี]


ผ่านไป 20 วัน อาการบาดเจ็บของหนิงฝานฟื้นฟูได้ 8 ใน 10 ส่วน แต่ทะเลสติที่เสียหายฟื้นฟูได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ไม่มีวิธีใดที่จะช่วยฟื้นฟูทะเลสติที่เสียหายอย่างรวดเร็ว หากเทียบกับร่างกายแล้ว การฟื้นฟูทะเลสติของหนิงฝานต้องใช้เวลาอีกหลายปี

มีเพียงต้องเข้าวิหารสาบสูญเท่านั้นถึงจะฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว...

ยามนี้เฉินเสวี่ยประหลาดใจอย่างที่สุด

หนิงฝานยอมปล่อยมันไป ทั้งยังคลายตราประทับวิญญาณให้

“สหายเต๋าซัว… นี่เจ้า… นี่เจ้ายอมปล่อยข้าไปจริงเหรอ?!”

“อืม ได้ยินว่าสหายเต๋าเฉินเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3… ที่เจ้าจะเดินทางไปทวีปกลาง เข้าร่วมงานชุมนุมโอสถ ก็เพื่อจะทะลวงจุดตีบตัน ข้าเองก็เป็นนักปรุงโอสถ ย่อมช่วยเหลือเป็นเรื่องธรรมดา...” หนิงฝานกล่าว

“จริงสิ! สหายเต๋าซัวเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4! เหตุใดข้าจึงนึกไม่ถึง… เรื่องที่สหายเต๋าช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าจะจดจำไปตลอดชีวิต!”

เฉินเสวี่ยทราบซึ้งในตัวหนิงฝานอย่างที่สุด

แต่ในชั่วลมหายใจนั้น แววตามันแปรเปลี่ยนเย็นชา กลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มกลับคืน

มันหันมองไปนอกเมืองยี่โถว เห็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุด

“ข้าเลือกมัน!”

หนิงฝานนั้นครึ่งวัน เฉินเสวี่ยก็กลับมา มันได้ร่างของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำคนนั้น จึได้ถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง

แต่การที่พลังจะฟื้นคืนถึงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มขั้นต้น ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง… มันอำพรางกาย มุ่งหน้าออกนอกเมืองยี่โถว ตรงไปยังทวีปกลาง

หนิงฝานไม่ได้สนใจเรื่องของเฉินเสวี่ยมากนัก บางที เขาเองก็อาจได้เข้าร่วมงานชุมนุมโอสถ และมีโอกาสพบกับมันอีกครั้ง แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น พลังของเขาอาจเหนือล้ำกว่าเฉินเสวี่ยไปมาก

เรือล่องสวรรค์ทยอยกลับเมืองยี่โถว

หนิงฝาน จิงสั่ว และชู่ซวนเชียนสื่อยืนอยู่ชายฝังทะเล มองเรือที่กำลังแล่นเข้ามา

หนิงฝานถือหยกที่สลักแผนที่ของทะเลไร้สิ้นสุดเอาไว้ แผนที่นี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10 ล้านลี้ เพียงแต่มันเป็นแผนที่ 1 ใน 10 ของทะเลไร้สิ้นสุดทั้งหมด และเป็นเพียงทะเลส่วนนอกเท่านั้น

และทะเลส่วนในกว้างกว่าทะเลส่วนนอกถึง 100 เท่า!

ทะเลไร้สิ้นสุดเป็นสถานที่ลึกลับ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มและผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณยังไม่กล้าทะยานข้ามด้วยตนเอง… ในทะเลไร้สิ้นสุด มีเกาะอยู่หลายพัน แต่ในจำนวนนั้น มี 10 นิกายและ 3 เกาะ ที่เป็นขุมกำลังที่ทรงพลังที่สุด

ข่าวลือว่าทะเลส่วนในมีเกาะทั้งหมด 103,000 แห่ง มีเผ่าโบราณมากมาย มีอสูรโบราณมากมาย ซึ่งยังคงอยู่ในเกาะแก่งเหล่านั้น

จุดหมายของชู่ซวนเชียนสื่อคือ ‘นิกายมุกหยกฟ้า’ หนึ่งใน 10 นิกายใหญ่ นางมีสหายตั้งแต่วัยเด็กที่นั่น ยามนี้สหายผู้นั้นสมควรเป็นประมุขนิกาย และดูเหมือนประมุขนิกายผู้นั้นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณแล้ว...

จุดหมายของหนิงฝานและจิงสั่วคือ ‘เกาะเผิงไหล’ หนึ่งในสามเกาะที่ทรงพลังที่สุด และเป็นที่ตั้งของวิหารสาบสูญ

หนิงฝานเก็บแผนที่ หันมองชู่ซวนเชียนสื่อ

“ต้องจากกันที่นี่แล้ว ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่...”

“อาจจะไม่ได้เจอกันอีกก็ได้...” นางเผยสีหน้าโศกเศร้า ราวกับไม่อยากนึกถึงเรื่องแยกจาก

“ช่างน่าเศร้า… ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ข้าฝันว่าข้าได้นอนในที่ที่นุ่มสบาย หอม ราวกับหากจากไป จะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นอีก...” หนิงฝานส่ายหน้าอย่างเศร้าใจ

แต่นั่นกลับทำให้นางหน้าแดงก่ำ

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร...”

“อืม… ข้าคงแค่ฝันไป...” หนิงฝานหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนบรรยากาศกระอักกระอ่วน

เรือล่องนภาเทียบท่า

ตัวเรือมีความยาวพันฉื่อ บรรทุกคนได้หลายร้อย เหล่าผู้เชี่ยวชาญสตรีออกมาจากเรือ เห็บค่าเรือจากผู้ที่กำลังจะขึ้นไป

“สหายเต๋าที่จะไปเกาะมุกหยกฟ้า มีค่าโดยสาร 3 หมื่นหยกสวรรค์!”

“นี่ 3 หมื่นหยกสวรรค์ของข้า… จำนวนไม่น้อยเลย” ชู่ซวนเชียนสื่อกล่าว

“แค่ 3 หมื่นหยกสวรรค์… หยุนขวางยอมจ่ายหยกสวรรค์เป็นล้านเพื่อแลกรอยยิ้มเจ้า ตัวเจ้าสมควรมั่งคั่งร่ำรวย แค่ 3 หมื่นหยกสวรรค์ไม่นับเป็นอันใด...” หนิงฝานยื่นกระเป๋าใบหนึ่งให้นาง

นางรับกระเป๋า แผ่สัมผัสเทพสำรวจ ใบหน้าแดงระเรื่อและรู้สึกอบอุ่น

“หยกสวรรค์ 5 แสนมากเกินไปสำหรับข้า...”

“ไม่หรอก… นี่เป็นส่วนที่เฉินเสวี่ยมอบให้ข้า ตัวเจ้าสมควรเร่งบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มและเข้าร่วมนิกายมุกหยกฟ้า ส่วนเหล่าสตรีจากแคว้นซ่ง ข้าจะไม่ยกให้เจ้า เพราะหากให้พวกนางขึ้นเรือไปด้วย สมควรเสีค่าใช้จ่ายมหาศาล...”

“เจ้าคงคิดนำพวกนางเป็นกระถางขัดเกลาสิท่า...” นางบุ้ยปาก

“ข้าไม่ทำแบบนั้นหรอก… ทะเลไร้สิ้นสุดเต็มไปด้วยกระถางขัดเกลา อีกอย่าง พวกนางเป็นศิษย์ของเจ้า ในอนาคต ข้าจะหาเวลาไปพบเจ้าที่นิกายหยกฟ้า นำพวกนางไปส่งคืนเจ้า เพื่อให้เจ้าได้ฝึกฝนและคุ้มครองพวกนาง”

เสียงแตรของเรือล่องนภาดังขึ้น เตือนให้ผู้ที่จะออกเดินทางเร่งขึ้นเรือ

นางเก็บกระเป๋าไป จ้องมองหนิงฝานและยิ้มให้

“ข้าจะรอเจ้า...”

เมื่อกล่าวจบ นางก็หันหลังและมุ่งขึ้นเรือทันที

แตรของเรือดังขึ้นอีกครั้ง หัวเรือหัวกลับ มุ่งออกสู่ทะเลไร้สิ้นสุด...

หนิงฝานเงียบไม่กล่าว จิงสั่วจึงกล่าวปลอบโยน

“สหายเต๋าไม่ต้องกังวล เรือล่องสวรรค์มีการอำพรางระดับตัดวิญญาณ บนเรือมีข่ายอาคมที่เสริมด้วยแร่วิญญาณที่มีอยู่เพียงในทะเลไร้สิ้นสุด นาม ‘ศิลาพื้นสมุทร’ มันสามารถอำพรางกลิ่นอายได้อย่างดี สิ่งที่ต้องระวังมีเพียงโลหิต อย่าให้เผ่าเงือกสัมผัสได้ถึงโลหิต นอกจากนั้นก็ไร้กังวล… ไม่นานนางก็จะไปนิกายมุกหยกฟ้า ในอนาคตนางจะแข็งแกร่งขึ้น หลังจากนั้นเจ้าค่อยไปพบนาง”

“ขอบคุณสหายเต๋าจิงสั่วที่แนะนำ…ขอแค่นางปลอดภัยข้าก็ไร้กังวล”

เรือล่องสวรรค์เริ่มเทียบท่าอย่างต่อเนื่อง

แต่เรือลำที่จะพาไปยังเกาะเผิงไหล คือเรือหมายเลข 10

เมื่อเรือลำที่ 10 เทียบท่า หนิงฝานและจิงสั่วจ่ายหยกสวรรค์ แตรเรือดังลั่น หัวเรือมุ่งออกสู่ทะเลอีกครั้ง

เรือล่องสวรรค์พุ่งผ่านทะเลอันกว้างใหญ่ด้วยความเร็วสูง ตรงไปยังเกาะเผิงไหลที่อยู่ห่างออกไป

ความเร็วระดับนี้ เรือเหาะของหนิงฝานเทียบไม่ติด

ตลอดการเดินทาง หนิงฝานยืนอยู่บนด้านฟ้าเรืออย่างเงียบเชียบ ข่ายอาคมเปล่งแสงจางๆคุมเรือ จ้องมองผืนทะเลกว้าง

1 เดือนผันผ่าน… 2 เดือนผันผ่าน… ไร้ซึ่งเสียงขลุ่ยขับกล่อม

เรือของหนิงฝานและเรือของชู่ซวนเชียนสื่อ มุ่งไปยังเส้นทางเดียวกันในช่วงแรก

หนิงฝานเห็นเพียงน้ำที่ถูกแหวกราวกับมีบางสิ่งพุ่งผ่าน นั่นเป็นเรือล่องนภาของชู่ซวนเชียนสื่อ แต่ด้วยศิลาพื้นสมุทร จึงทำให้หนิงฝานไม่อาจเห็นลำเรือ นางเองก็ไม่อาจเห็นลำเรือของหนิงฝานเช่นกัน

สายตาของหนิงฝานยังคงจับจ้องไปยังตำแหน่งของเรืออีกลำไม่วางตา เขาสัมผัสได้อย่างเบาบางว่านางกำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน

หนิงฝานในยามนี้รู้ดีว่า ในทะเลไร้สิ้นสุด ความแข็งแกร่งระดับตนไม่ควรค่าให้กล่าวถึง เป็นเพียงมดปลวกที่เล็กจ้อยเท่านั้น

ระหว่างทาง สัตว์อสูรสมุทรขนาดยักษ์ปรากฏกาย พวกมันทรงพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ผู้คนที่โดยสารเรือหวาดกลัว แต่ด้วยข่ายอาคมและศิลาพื้นสมุทร สัตว์อสูรสมุทรจึงไม่อาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเรือ จึงไม่ได้เข้าจู่โจม

สิลาพื้นสมุทรช่างน่าอัศจรรย์...

เมื่อเรือทั้งสองลำแล่นไปถึง บริเวณที่เต็มไปด้วยโขดหินสีดำ เรือทั้งสองลำก็แยกไปตามทางของตน

ผ่าน 3 วัน เหตุการณ์ยังสงบ

แต่ไม่นานนัก สัญญาบนเรือล่องสวรรค์ของหนิงฝานก็ดังขึ้น

หนิงฝานขมวดคิ้วแน่น เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

“สหายเต๋าจิง เกิดอะไรขึ้น?”

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนเรือล่องสวรรค์อีกลำจะขอความช่วยเหลือมา”

“ว่าไงนะ!” แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา

“สหายเต๋าใจเย็นๆก่อน อาจไม่ใช่เรือของชู่ซวนเชียนสื่อก็ได้...”

แต่ทันทีที่จิงสั่วกล่าวจบ เสียงขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้นภายในเรือ เป็นน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก

“สหายเต๋าทั้งหลาย เกิดเรื่องร้ายกับเรือหมายเลข 6 ! เผ่านางเงือกพบเรือหมายเลข 6 และกำลังไล่ล่า บนเรือไร้ซึ่งกลิ่นโลหิต แต่ที่ถูกจู่โจมเป็นเพราะมีอสูรในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มสั่งการ...”

คำประกาศนั้นทำให้เรือของหนิงฝานปั่นป่วนโกลาหล

“อะไรนะ! เงือกในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มควบคุมเงือกตัวอื่นๆให้จู่โจมเรือล่องสวรรค์?”

“เหตุใดพวกมันต้องจู่โจมเรือ!”

“เผ่าเงือกนั้นไร้สติปัญญา ถึงจะกล่าวว่าเงือกในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มควบคุม แต่ข้าว่าสมควรเป็นมนุษย์ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มมากกว่า”

เมื่อทั้งเรือตกอยู่ในความโกลาหล หนิงฝานกลับรู้สึกผ่อนคลาย

เพราะเรือลำที่ 6 ไม่ใช่เรือของชู่ซวนเชียนสื่อ

เส้นทางที่เรือหมายเลข 6 ไป ห่างไกลจากเรือหมายเลข 7 และ 10 ย่อมตามมาช่วยไม่ทัน

อีกอย่าง ใครเล่าจะอยากไปช่วย

“ฮึ่ม พวกข้าจ่ายหยกสวรรค์เพื่อเดินทาง ถึงเรืออีกลำจะถูกจู่โจม เหตุใดพวกเราต้องไปช่วย!”

ผู้ที่เดินทางส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แต่ด้วยจำนวนของพวกมัน หากร่วมมือสมควรต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้

แต่ก็ไม่มีพวกมันผู้ใดต้องการเสี่ยงออกไปช่วย

หนิงฝานหลับตา แม้เรือถูกตามล่าแต่ยังไม่ถูกจู่โจม เขาจึงไม่จำเป็นต้องทำสิ่ง

แต่ทันใดนั้น สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

เสียงที่ตื่นตระหนกดังขึ้นอีกครั้ง

“แย่แล้ว เรือลำที่ 6 เข้าใกล้ฝูงฉลามหมื่นตัว เรือลำที่ 7 บอกว่าจะเร่งไปช่วย”

ผู้เชี่ยวชาญในเรือตกตะลึง

แค่เงือกก็เพียงพอที่จะปลิดชีวิตได้แล้ว ยังมีฉลามอีกนับหมื่น… ดูเหมือนพวกมันจะถูกควบคุม

“ความปลอดภัยของเราต้องมาก่อน”

“หากเจ้าเปลี่ยนเส้นทาง ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“ฆ่าไม่ได้ หากลงมือสังหารเมื่อไหร กลิ่นโลหิตจะฟุ้งกระจาย และเผ่าเงือกก็จะมา!”

หนิงฝานเริ่มปั่นป่วนสับสน เพราะชู่ซวนเชียนสื่ออยู่บนเรือลำที่ 7!

“สหายเต๋าจิงสั่ว ทำยังไงกันดี...” จิงสั่วขมวดคิ้วแนาน หากเรือลำที่ 7 ไปช่วยเหลือ ชู่ซวนเชียนสื่อจะตกอยู่ในตาย หากฉลามหมื่นตัวจู่โจม ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มก็รอดยาก อีกอย่าง เรือของหนิงฝานก็อยู่ห่างจากเรือของนางประมาณแสนลี้ ยากจะเดินทางไปช่วยได้ทัน

เหตุใดสวรรค์จึงทำให้เป็นเช่นนี้...

หนิงฝานกลัวว่านางจะไม่รอด

จิงสั่วไม่รู้ว่าจะทำยังไง แต่ในขณะเดียวกันนั้น หนิงฝานกลับทะยานออกนอกเรือ

เมื่อกลิ่นอายมนุษย์ปรากฏ ก็กลายเป็นจุดสนใจของสัตว์อสูรทะเลในขอบเขตแก่นทองคำจำนวนมาก แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา สัมผัสกระบี่กวาดผ่าน สังหารพวกมันจนตายในพริบตา

“สหายเต๋าจิงสั่ว เจ้ามุ่งไปเกาะเผิงไหลก่อน! ข้าจะไปช่วยนางและตามไปทีหลัง”

“สหายเต๋าซัวหมิงอย่าวู่วาม! ทะเลไร้สิ้นสุดอันตราย ด้วยพลังของเจ้าแล้ว...”

“ด้วยพลังของข้า นางจะต้องไม่เป็นอะไร!”

ผมดำขลับหนิงฝานพลิ้วไสว แววตาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ใบหน้าปรากฏลวดลายคล้ายอสูร

หนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นเงาดำทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงสุด

อีกครึ่งวัน… หนิงฝานจะไปถึงตำแหน่งของนาง

แต่ละครั้งที่หนิงฝานใช้ย่างก้าวพริบตา อาการบาดเจ็บของทะเลสติจะยิ่งร้ายแรง

ดังนั้น การใช้ย่างก้าวพริบตาด้วยระยะทางแสนลี้เพื่อช่วยนาง จึงทำให้หนิงฝานตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง

แต่นั่นไม่อาจหยุดเขาได้

หนิงฝานนำโอสถโลหิตหลอมออกมา กินมันเข้าไปเพื่อลดอาการบาดเจ็บ เหลือไว้เพียงความบ้าคลั่ง

แต่ในยามนั้น เสียงจากหยกสื่อสารที่พกติดตัวก็ดังขึ้น เป็นเสียงของจิงสั่ว

“สหายเต๋าหนิงกลับมาเถอะ… ข่าวล่าสุดแจ้งว่าข่ายอาคมเรือหมายเลข 7 ถูกทำลาย แม่นางชู่ซวนคง...”

*เพล้ง!*

หนิงฝานบดขยี้หยกสื่อสารจนเป็นผง แววตายังคงหนักแน่นไม่แปรเปลี่ยน

“ข้าไม่เชื่อว่านางตาย!”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด