ตอนที่แล้วราชันย์เร้นลับ 41 : ออเดรย์และซูซี่ของเธอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปราชันย์เร้นลับ 43 : ตามหาคนหาย

ราชันย์เร้นลับ 42 : พ่อบ้านครี


ราชันย์เร้นลับ 42 : พ่อบ้านครี

 

ไหว้วานภารกิจ...? คงมาผิดที่แล้ว

 

ป้ายชื่อบริษัทรักษาความปลอดภัยของที่นี่มีไว้ประดับเท่านั้น...

 

เมื่อทราบว่ามีแขกมาถามหาทหารรับจ้าง ไคลน์เกือบหลุดโพล่งถ้อยคำประชดประชันออกไป

 

ช่างน่าขันที่บริษัทจอมปลอมเช่นนี้กลับมีลูกค้ากล้าไหว้วานให้ทำภารกิจ

 

แต่เพียงไม่นาน มันก็ตระหนักว่า ตนเคยตั้งถามลักษณะนี้กับดันน์·สมิทมาแล้วหนหนึ่ง และคำตอบก็ชัดเจนว่า เหยี่ยวราตรีสามารถรับงานเสริมได้หากไม่กระทบกับงานหลัก นั่นจะถือเป็นรายได้เสริมสำหรับทุกคน และยังมีโบนัสสำหรับบุคคลที่เข้าร่วมภารกิจ

 

โรแซนกวาดสายตาหนึ่งรอบ เธอครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป

 

“เจ้าหน้าที่ของบริษัทเราออกไปทำงานข้างนอกกันหมด เร็วที่สุดคือหนึ่งชั่วโมง หากภารกิจของคุณไม่เร่งด่วนมาก ก็สามารถไหว้วานพวกเราทิ้งไว้ได้”

จากบรรดาเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการหกคน หัวหน้าอย่างดันน์ถูกบิชอปของโบสถ์พระแม่เซเลน่าเรียกตัวโดยไม่มีใครทราบเหตุผล เลียวนาร์ด·มิเชลจึงต้องคอยเฝ้าประตูยานิสแทน

 

ผู้เก็บซากศพ ฟราย และผู้ไร้หลับ รอยัล·เรย์ดีน ถูกเรียกตัวไปยังกรมตำรวจ ตามคำขอร้องให้ช่วยสืบคดีจารกรรมที่เขตไม้ฟินิกซ์ สันนิษฐานว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นพวกลัทธินอกรีต

 

ผู้ไร้หลับ โคเฮนรี่·ไวท์ อยู่ในวันลาพัก ส่วนนักกวีเที่ยงคืน ซิก้า·ทีรอน กำลังออกลาดตระเวนแถบสุสานราฟาเอลบริเวณเขตเหนือ ตามหน้าที่รับผิดชอบประจำวัน

 

สำนักงานเหยี่ยวราตรีจึงเหลือผู้วิเศษเพียงสองคน ลุงนีลล์อายุมากแล้ว ร่างกายอ่อนแอเกินกว่าจะขยับกระฉับกระเฉง ส่วนไคลน์ก็มือใหม่แกะกล่อง ยังเป็นผู้วิเศษได้ไม่ถึงสัปดาห์

 

“ไม่มีใครอยู่เลยหรือ...”

 

เมื่อกล่าวจบ ชายร่างผอมใช้มือข้างหนึ่งคว้าร่ม ส่วนมืออีกข้างถอดหมวกพร้อมกับก้มศีรษะ

 

“ขออภัยที่มารบกวน ลาก่อน”

 

มันหันหลังกลับและเดินจากไป เสียงฝีเท้าดังจากขั้นบันไดไกลขึ้นทุกขณะ เพียงอึดใจ ชายคนดังกล่าวเดินพ้นเขตบ้านเลขที่ 36 ถนนซุตแลนโดยสมบูรณ์

 

ภายนอกทมีเพียงเสียงฝนสาดกระหน่ำสอดแทรกกับเสียงฝีเท้าชุ่มน้ำ

 

“น่าเสียดายจัง”

 

โรแซนยืนมองชายร่างผอมเดินจากไป ก่อนจะถอนหายใจยาว

 

แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับส่วนแบ่งหรือโบนัสสำหรับงานที่เป็นของบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ แต่โรแซนก็มีโอกาสดื่มด่ำงานฉลองมื้อใหญ่ไปพร้อมทุกคนหากได้รับค้าจ้างก้อนโต

 

“แต่พวกเราทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ประตูยานิสจำเป็นต้องมีคนเฝ้าตลอดเวลา”

 

ไคลน์วางภาชนะทานอาหารลงด้วยสีหน้าอิ่มเอม ถึงมันจะไม่ชอบซุปผักข้นมากนัก แต่ของเหลวในชามก็ถูกยกซดจนเกลี้ยง

 

“คุณจะให้ไบรท์ออกไปทำภารกิจอย่างนั้นหรือ? รึว่าตัวคุณเอง?”

 

โรแซนกรอกตามองบนหนึ่งรอบ ก่อนจะหัวเราะคิกคักและกล่าว

 

“ไบรท์คงไม่ไหว แต่ถ้าเป็นคุณต้องทำได้แน่ มิสเตอร์นักทำนาย...”

 

ทันทีที่สิ้นเสียง โรแซนรีบใช้มือปิดปากด้วยสีหน้าหวาดผวาสุดขีด เธอหลงลืมว่านั่นคือสิ่งที่ห้ามพูด หากบุคคลภายนอกได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผู้วิเศษเข้า จะถือว่าความลับองค์กรรั่วไหล

 

“ขอบคุณสวรรค์ที่หัวหน้าไม่อยู่...”

 

โรแซนชะโกงหน้ามองหลังฉากกั้นก่อนจะแลบลิ้นปลิ้นตา

 

“ไม่อย่างนั้นฉันต้องไปห้องสารภาพบาปนั่นอีก!”

 

ไบรท์และไคลน์ระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกันด้วยบรรยากาศอบอุ่น ถัดมา สองหนุ่มได้ยกภาชนะทานอาหารไปเก็บให้เป็นที่เป็นทาง

 

เมื่อทุกสิ่งเรียบร้อย ไคลน์ยังไม่มีแผนจะเดินทางกลับ เพราะมันไม่ได้นำร่มติดตัวมาด้วย ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหมกตัวในสำนักงานจนกว่าฝนจะหยุด

 

ชายหนุ่มหยิบหนังสือพิมพ์พร้อมกับเดินไปหามุมนั่งอ่านบนโซฟานุ่ม นี่คงเป็นการพักเบรกยามบ่ายอย่างแท้จริง

 

“การขนส่งทางอากาศจากเบ็คลันด์ถึงอ่าวเดซี่เปิดให้บริการแล้ว...”

 

“หนังสือรวมแฟ้มคดีของยอดนักสืบมุนซันกำลังจะถูกตีพิมพ์เร็วๆ นี้...”

 

“โฆษณาของบริษัทอาวุธลากาลัส? ปืนลูกโม่บรรจุหกนัดรุ่นมาตรฐานมีราคาอยู่ที่สามปอนด์สิบซูล ปืนสั้นลำกล้องแผดมีราคาอยู่ที่สองปอนด์...”

 

...

 

ไคลน์อ่านเนื้อความภายในหนังสือพิมพ์ทิงเก็นซื่อตรงจนหมดทุกหน้า มีเพียงไม่กี่หัวข้อที่เตะตาชายหนุ่ม

 

“...ผู้ต้องสงสัยในคดีสังหารมิสเตอร์เวิรช์และมิสนาย่าถูกจับตัวแล้ว พวกเราเชื่อว่า ความปลอดภัยและสันติสุขจะกลับคืนสู่เขตเหนือ เขตไม้ฟินิกซ์ และเขตตะวันออกอีกครั้ง...

 

“บิดาของเวิร์ช มิสเตอร์แม็คโกเวินผู้เป็นนายธนาคารใหญ่ กำลังลำเลียงศพของบุตรชายกลับสู่เมืองคอนสแตน โดยจะประกอบพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ในภายหลัง...”

 

หลังจากอ่านข่าวเวิร์ชทวนซ้ำหลายรอบ ไคลน์ถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าเจ็บแปลบ

 

จากคำบรรยาย ดูเหมือนบิดาของเวิร์ชจะไม่ได้เอะใจสาเหตุการตายจนต้องจ้างนักสืบเอกชน ชายคนนั้นเลือกที่จะเชื่อในคำอธิบายของตำรวจ...

 

ความเศร้าโศกของบิดาเวิร์ช คงไม่ด้อยไปกว่าบิดาทุกคนที่สูญเสียบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน...

 

ท่ามกลางบรรยากาศหดหู่ ไคลน์นั่งด่ำดิ่งกับความรู้สึกตัวเองเป็นเวลานาน

 

มันมิได้ประหลาดใจหรือเศร้าใจที่ไม่ถูกเชิญตัวไปร่วมงานศพ

 

เมื่อเหตุการณ์เริ่มสงบลงในอนาคต ตัวมันจะหาโอกาสส่งช่อดอกไม้ไปวางไว้หน้าหลุมศพของเวิร์ชและนาย่า

 

ขณะไคลน์กำลังจะงีบหลับบนโซฟาในห้องรับแขก เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

 

“เชิญค่า”

 

โรแซนที่สัปหงกพลันดีดตัวพรวดลุกยืน

 

บานประตูถูกดันเข้ามาด้านใน ผู้มาเยือนไม่ใช่ใครอื่น ชายร่างผอมซูบคนเดิม

 

“ผมรอที่นี่ได้ไหม? ทหารรับจ้าของพวกคุณคง... เอ่อ ผมหมายถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย กำลังจะกลับมาแล้วสินะ?”

 

ชายร่างผอมเอ่ยปากถาม มันพยายามเก็บซ่อนความกระวนกระวายใจ

“ใช่ค่ะ เชิญนั่งก่อน”

 

โรแซนชี้นิ้วไปยังโซฟาที่ว่าง

 

ไคลน์ตัดสินใจถามด้วยสีหน้าใครรู้

 

“คุณได้ยินชื่อของบริษัทนี้จากที่ไหนหรือครับ? ใครเป็นผู้แนะนำมา?”

 

ต้องสิ้นหวังขนาดไหนกันถึงยอมเดินฝ่าพายุฝนสองครั้งสองครา แถมยังเต็มใจที่จะรอ

บางที... เชื่อเสียงของบริษัทหนามทมิฬอาจโด่งดังกว่าที่ตนคิด ผู้วิเศษนั้นจัดการปัญหาได้รวดเร็วและเด็ดขาดกว่ามนุษย์ปรกติมาก ไม่แปลกที่จะมีผลงานอยู่บ้าง...

 

ชายร่างผอมวางร่มไว้ข้างประตูด้านนอกก่อนจะเดินเข้ามานั่งบนโซฟา

 

มันอมยิ้มขื่นขม

 

“ผมเดินจนทั่วถนนใกล้เคียงและเข้าไปติดต่อกับบริษัททหารรับจ้างมาหมดแล้ว... เอ่อ ผมหมายถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมถึงนักสืบเอกชน แต่ก็ไม่มีใครว่างพอจะรับงานนี้เลย พวกคุณจึงเป็นความหวังเดียว

“ด้วยความสัตย์จริง หากพนักงานเสิร์ฟของร้านอาหารไม่แนะนำว่าที่นี่มีบริษัทรักษาความปลอดภัยซ่อนอยู่ ผมคงไม่มีวันทราบ”

 

...ทำไมถึงไม่เหมือนกับที่คิดเลยฟะ

 

ขณะไคลน์อึ้ง โรแซนแทรกด้วยคำถาม

 

“พวกเขาไม่ว่างหรือ? บริษัทรักษาความปลอดภัยมีงานเยอะขนาดนั้นเชียว?”

 

ชายร่างผอมถอนหายใจซ้ำ

 

“ในฐานะที่พวกคุณเป็นทหารรับจ้าง... เอ่อ ผมหมายถึงบริษัทรักษาความปลอดภัย คงเคยได้ยินข่าวปล้นฆ่าสุดสยองบนถนนฮาเวิสแล้วใช่ไหม?”

 

ถนนฮาเวิส... ปล้นฆ่าสุดสยอง...

 

เอ่อ... นั่นมันคดีเวิร์ชและนาย่าไม่ใช่หรือ? ก็ฉันนี่แหละหนึ่งในผู้เกี่ยวข้อง...

 

ไคลน์พยักหน้า

 

“ทราบครับ”

 

“ด้วยความโหดเหี้ยมและอุกอาจของวิธีสังหาร ผู้มีอันจะกินภายในเขตเหนือและถนนใกล้เคียงจึงพากันหวาดระแวงภัยอันตราย... อาจส่งผลไปทั่วทั้งเมืองทิงเก็นด้วยซ้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่คุ้มกันส่วนตัวเริ่มขาดแคลน งานว่าจ้างของผมจึงตกมาถึงมือพวกคุณ”

 

ชายร่างสูงผอมอธิบายกระจ่าง

 

เหตุการณ์ลูกโซ่สินะ... ไคลน์และโรแซนรีบหันมองหน้ากัน ต่างคนต่างสัมผัสถึงรอยยิ้มมุมปากซึ่งไม่เผยออกมาโฉ่งฉ่างของอีกฝ่าย

 

นี่คือยุคสมัยของธุรกิจคุ้มกัน!

 

แต่ถึงอย่างนั้น บริษัทหนามทมิฬก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในวงจรธุรกิจมากนัก พวกมันมีกำลังคนจำกัด แถมชื่อเสียงก็ไม่โด่งดัง งานที่เข้าหาคงไม่มากไปกว่าเดิมสักเท่าไร

 

แต่ขณะเดียวกันก็เป็นการยืนยันว่า หน่วยเหยี่ยวราตรีปกปิดตัวตนได้เงียบเชียบและไม่ปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหล

 

หลังจากบรรยากาศเข้าสู่ความเงียบงันราวยี่สิบนาที ไคลน์เตรียมตัวเดินทางไปสนามยิงปืนเนื่องจากฝนด้านนอกเริ่มซาลง

 

ทันใดนั้น ชายผมดำนัยน์ตาเขียวได้เดินออกมาจากฉากกั้น มันชำเลืองมองบุคคลที่โซฟาด้วยสีหน้าสงสัย

 

“เขาคือ?”

 

“ลูกค้าน่ะ หัวหน้ากลับมาแล้วหรือ?”

 

โรแซนถามโล่งใจ

 

“กลับมา?”

 

ชายร่างสูงผอมออกท่าทีฉงน เพราะมันนั่งอยู่ในห้องมาตลอด แต่กลับไม่เห็นใครกลับเข้ามาในสำนักงานแม้แต่คนเดียว

 

โรแซนผงะเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงคิกคัก

 

“พวกเราเป็นถึงบริษัทความปลอดภัย ไม่ได้มีประตูเข้าออกแค่ทางเดียวหรอกนะคะ”

 

“จริงด้วย”

 

ชายร่างผอมพยักหน้าราวกับได้บรรลุสัจธรรม

 

มันไม่ประหลาดใจกับคำว่า ‘หัวหน้า’ สักเท่าไร เพราะในหน่วยงานรักษาความปลอดภัยขนาดเล็ก รวมถึงสมาคมทหารรับจ้าง เป็นเรื่องปรกติที่จะใช้คำเรียกผู้บังคับบัญชาว่า ‘หัวหน้า’

 

เลียวนาร์ดมาในชุดปรกติของมัน เสื้อกั๊กดำปล่อยชายออกนอกกางเกง ไร้ระเบียบและความเป็นมืออาชีพสิ้นดี

 

เลียวนาร์ดชำเลืองมองชายร่างผอมเล็กน้อย ก่อนจะดีดนิ้วกล่าว

 

“ผมคือเจ้าหน้าที่ของบริษัทหนามทมิฬ จะให้เรียกคุณว่าอย่างไรดีครับ? แล้วผมจะช่วยอะไรได้บ้าง?”

 

บางที อาจเพราะเคยได้ยินวีรกรรมไร้ระเบียบของทหารรับจ้างมาก่อน ส่งผลให้มันไม่ถือสาการแต่งกายและมารยาทที่ไม่มืออาชีพของเลียวนาร์ด

 

ตรงกันข้าม มันถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าโล่งอก

 

เมื่อเห็นเลียวนาร์ดนั่งลง ชายร่างผอมพยายามเรียบเรียงคำพูด

 

“ผมชื่อว่าครี เป็นพ่อบ้านของมิสเตอร์วิคโรลล์ พ่อค้ายาสูบ... บุตรชายเพียงคนเดียวของมิสเตอร์วิคโรลล์ คุณหนูเอลเลียต ถูกลักพาตัวไปเมื่อช่วงเช้า พวกเราได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และคดีถูกกำหนดระดับความสำคัญไว้สูงสุด

 

“แต่กระนั้น มิสเตอร์วิคโรลล์ก็ยังไม่สบายใจ จึงพยายามติดต่อกับทหารรับจ้างอีกหลายบริษัทเพื่อให้ช่วยตามหา... เอ่อ ผมหมายถึงบริษัทคุ้มกัน ในเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ชำนาญชองทางในทิงเก็นไม่แพ้ตำรวจ เขาจึงมองว่า การค้นหาจากหลายมุมมองจะช่วยเพิ่มโอกาสพบตัวคุณหนูเอลเลียตได้มากขึ้น

 

“หากพวกคุณสามารถระบุแหล่งกบดานของคนร้ายได้ มิสเตอร์วิคโรลล์ยินดีมอบค่าตอบแทนเป็นเงิน 100 ปอนด์ หรือหากช่วยชีวิตคุณหนูเอลเลียตออกมาได้อย่างปลอดภัย ค่าตอบแทนที่จะมอบให้คือ 200 ปอนด์”

 

เลียวนาร์ด·มิเชลแสยะยิ้ม

 

“ดูเหมือนมิสเตอร์วิคโรลล์แค่ต้องการให้พวกเราระบุแหล่งกบดานคนร้ายก็พอสินะ? ไม่อย่างนั้น คงไม่ตอบแทนเพิ่มจากเดิมแค่ร้อยปอนด์แน่ ในฐานะพ่อค้ายาสูบที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นภาคเกษตรกรรมรัฐใต้ ค่าไถ่ชีวิตบุตรชาย 200 ปอนด์มันไม่น้อยเกินไปหน่อยหรือ?”

 

“ม...ไม่ใช่ครับ มิสเตอร์วิคไรลล์เป็นเพียงพ่อค้าธรรมดา มิได้มั่งคั่งขนาดนั้น และเขามองว่า หากเป็นปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกัน ทางตำรวจคงมีขั้นตอนเป็นมืออาชีพมากกว่า”

 

ครีตอบเถรตรง

 

“ก็ได้ ไม่มีปัญหา”

 

เลียวนาร์ดดีดนิ้วพร้อมกับชำเลืองหางตาไปมองโรแซน

 

“คุณสุภาพสตรีผู้เลอโฉม ได้โปรดจัดการร่างสัญญาให้ด้วยครับ”

 

“คุณไม่ต้องทำตัวเป็นนักกวีตลอดเวลาก็ได้ โดยเฉพาะตอนที่จิกหัวใช้ผู้อื่น”

 

โรแซนบ่นอุบอิบโดยไม่แยแสว่าลูกค้าจะได้ยินหรือไม่ สายตาจ้องมองเลียวนาร์ดอาฆาตแค้น

 

แน่นอน บริษัทหนามทมิฬไม่จำเป็นต้องง้อลูกค้าอยู่แล้ว

 

มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นอะไร

 

โรแซนเดินผ่านฉากกั้นเข้าไปในห้องทำงานเจ้าหน้าที่พลเรือน ถัดมาไม่นาน เสียงเครื่องพิมพ์ดีดเริ่มดังต๊อกแต๊ก

 

มุมปากไคลน์พลันกระตุก มันมองว่าบริษัทแห่งนี้ไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาเสียเลย

 

แค่แบบฟอร์มสัญญาก็ไม่มีเตรียมไว้รึไง!

 

น่าอนาถชะมัด...

 

และสิ่งที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ ตัวมันกำลังทำงานให้บริษัทดังกล่าวโดยที่ไม่สามารถลาออกไปได้อีกห้าปี

 

ขณะไคลน์ครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย โรแซนพิมพ์เอกสารเสร็จและเดินกลับมาในห้องรับแขก บนกระดาษเขียนระบุสัญญาไว้เพียงไม่กี่ข้อ เลียวนาร์ดและครีทำการเซ็นลงไปในฐานะผู้ว่าจ้างและผู้ถูกว่าจ้าง

 

เมื่อครีปั๊มตราประทับเสร็จ โรแซนเดินถือกระดาษแผ่นเดิมเข้าไปในห้องการเงินของมาดามโอเรียนน่า เพื่อปั๊มตราประทับของบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬ...

 

ตราประทับที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในโลก

 

หากเป็นวันทำงานทั่วไป ดันน์จะมอบให้โอเรียนน่าเก็บไว้ ส่วนในวันอาทิตย์ ตราประทับดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้โรแซน

 

“แล้วผมจะรอฟังข่าวดีนะครับ”

 

เมื่อได้รับสัญญาฉบับคัดลอก ครีลุกขึ้นยืนพร้อมถอดหมวกคำนับ

 

เลียวนาร์ดไม่กล่าวสิ่งใดต่อ มันครุ่นคิดกับตัวเอง ก่อนจะชำเลืองมองไคลน์ด้วยรอยยิ้มแฝงเลศนัย

 

“คุณต้องช่วยผม”

 

“เอ๋?”

 

ไคลน์ผงะ

 

“ผมหมายความว่า พวกเราสองคนจะต้องบรรลุภารกิจนี้ไปด้วยกัน”

 

มุมปากเลียวนาร์ดโค้งขึ้นเล็กน้อย

“ผมชำนาญการต่อสู้ ยิงปืน ปีนป่าย จิตสัมผัส และขับขานบทกวี แถมยังรับหน้าที่สนับสนุนได้บางครั้ง แต่นั่นไม่รวมถึงการตามหาเบาะแสผู้คน ด้วยสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ คุณคงไม่คิดจะให้ลุงนีลล์ออกไปข้างนอกใช่ไหม?”

 

ขณะกล่าวคำว่า ‘จิตสัมผัส’  เลียวนาร์ดเบาเสียงตัวเองลงจนเกือบเป็นการกระซิบ มีเพียงไคลน์เท่านั้นที่ได้ยิน

 

“ก็ได้”

 

มันไม่ปฏิเสธ มีโอกาสไม่บ่อยนักที่จะได้ทดสอบ ‘พลังใหม่’  ถึงภายในใจจะยังหวาดระแวงเลียวนาร์ดอยู่บ้างก็ตาม

 

ฟู่ว! ขอให้ผลลัพธ์ออกมาดีด้วยเถิด...

 

มันจินตนาการไม่ออกเลยว่า พลังนักทำนายของตนจะทำประโยชน์ให้พวกพ้องด้านใดได้บ้าง ไม่แปลกที่จะตื่นเต้นกว่าทุกครั้ง

 

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์

ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด