ตอนที่แล้วราชันย์เร้นลับ 42 : พ่อบ้านครี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปราชันย์เร้นลับ 44 : ชะตา

ราชันย์เร้นลับ 43 : ตามหาคนหาย


ราชันย์เร้นลับ 43 : ตามหาคนหาย

 

ขณะจ้องมองไคลน์ เลียวนาร์ดอมยิ้มพลางผงกศีรษะเบาๆ

 

“คุณต้องการอะไรจากเขาไหม?”

 

มันเคยทำภารกิจร่วมกับลุงนีลล์บ่อยครั้ง จึงไม่แปลกที่จะทราบว่า ศาสตร์ทำนายจำเป็นต้องใช้‘สิ่งของ’เป็นสื่อกลาง โดยเฉพาะเมื่อเป้าหมายการทำนายไม่อยู่ใกล้

 

ไคลน์ครุ่นคิด ก่อนจะหันไปบอกครี

 

“ผมต้องการชุดที่เอลเลียตเพิ่งสวม เอาแบบไม่ได้ซัก ถ้ามีเครื่องประดับที่เขามักสวมติดตัวบ่อยครั้งก็จะดีมาก”

 

เพื่อไม่ให้ถูกตั้งคำถาม ไคลน์พยายามร้องขอของใช้ทั่วไปสำหรับการสืบคดี

 

แต่กระนั้น ครียังคงฉงนหนัก

 

“ผมพกรูปถ่ายคุณหนูเอลเลียตติดตัวมาด้วย ใช้แทนได้ไหม? คุณจะเอาเสื้อผ้าไปทำอะไรหรือ?”

 

เอาไปทำอะไรงั้นหรือ? ก็เอาไปทำนายหาที่อยู่ของคุณหนูเอลเลียตไงฟะ…

 

ไคลน์อ้ำอึ้ง มันมิอาจหาคำตอบมาอธิบาย

 

หากตอบในสิ่งที่คิดออกไปโดยไม่ห่วงว่าความลับจะแตก ครีคงเดือดดาลและฉีกสัญญาทิ้งต่อหน้า จากนั้นก็โพล่งอย่างฉุนเฉียวว่า ‘ไอ้พวกนักต้มตุ๋น! ถ้าของพรรค์นั้นได้ผล ฉันไปจ้างผู้สื่อวิญญาณคนดังของรัฐอาโฮว่าไม่ดีกว่ารึไง!’

 

เลียวนาร์ด·มิเชลที่ยืนข้างไคลน์ มันส่งเสียงหัวเราะคิกคัก

 

“มิสเตอร์ครี คู่หูของผมน่ะ… เอ่อ เพื่อนของผมเขามีสัตว์เลี้ยงพันธุ์พิเศษ จมูกดมกลิ่นได้ดีกว่าสุนัขล่าเนื้อชื่อดังหลายเท่า นั่นคือสาเหตุที่พวกเราต้องการชุดเก่าของคุณหนูเอลเลียต คุณคงเคยได้ยินมาบ้าง ว่าสุนัขดมกลิ่นสามารถระบุสถานที่อย่างคร่าวๆ ได้

 

“ส่วนรูปถ่าย พวกเราก็ต้องการเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ทราบว่าคุณหนูเอลเลียตมีหน้าตาเช่นไร”

ครีผงกศีรษะคล้อยตาม

 

“จะรออยู่ที่นี่ หรือว่าจะตามผมไปที่บ้านมิสเตอร์วิคโรลล์พร้อมกัน?”

 

“ไปพร้อมกัน แบบนั้นประหยัดเวลากว่า”

 

ไคลน์เสริม

 

ในภารกิจปัจจุบัน ไม่เพียงมันต้องการทดสอบพลังใหม่ แต่การช่วยเหลือตัวประกันก็สำคัญไม่แพ้กัน

 

“ตกลงครับ รถม้ารออยู่ด้านล่าง”

 

เมื่อกล่าวจบ ครียื่นรูปถ่ายขาวดำใบหนึ่งให้เลียวนาร์ด

เป็นภาพเดี่ยวของเอลเลียต·วิคโรลล์ อายุราวสิบขวบ ผมด้านหน้ายาวปรกถึงดวงตา ตามแก้มมีจุดกระเล็กน้อย รูปลักษณ์โดยรวมมิได้หน้าตาดีจนโดดเด่น

 

เลียวนาร์ดชำเลืองภาพชั่วครู่ก่อนจะยื่นให้ไคลน์ ชายหนุ่มรับมาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหยิบไม้ค้ำพร้อมกับสวมหมวก

 

ไคลน์เดินตามครีและเลียวนาร์ดขึ้นไปนั่งในรถม้าที่จอดรออยู่ข้างล่าง

 

เป็นรถม้าส่วนบุคคลที่ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่โอ่อ่า กึ่งกลางมีโต๊ะขนาดเล็ก บนพื้นเป็นพรมหนาคุณภาพดี

 

เมื่อร่วมทางไปกับครี ไคลน์กับเลียวนาร์ดมิได้สนทนาสิ่งใดต่อกัน ทั้งสองดื่มด่ำไปกับบรรยากาศแล่นรถม้าท่ามกลางพื้นถนนเปียกชุ่มและสายฝนเอื่อย

 

“คนขับฝีมือดีมาก”

 

เลียวนาร์ดทำลายความเงียบด้วยรอยยิ้ม

 

“เห็นด้วย”

 

ไคลน์เสริมพอเป็นพิธี

 

ครีอมยิ้ม

 

“คำชมของพวกคุณถือเป็นเกียรติแก่เขา… พวกเราใกล้ถึงกันแล้วครับ”

 

ด้วยความหวาดกลัวว่าคนร้ายอาจไหวตัวทัน รถม้าจึงไม่หยุดที่หน้าบ้านตระกูลวิคโรลล์โดยตรง แต่เลื่อนไปจอดบนถนนด้านข้าง

 

ครีหยิบร่มและวิ่งหายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ เลียวนาร์ดมองตามสักพักก่อนจะหันมาคุยกับไคลน์

“สมมติฐานของผมเมื่อก่อนหน้า ไม่ได้คาดเดาอย่างไร้ความหมายหรอกนะ ผมเพียงต้องการจะบอกคุณว่า สมุดบันทึกเล่มนั้นต้องปรากฏตัวอีกแน่ และบางทีอาจเร็วกว่าที่คิด”

 

“ไม่ใช่สมมติฐานที่น่ายินดีเลยสักนิด”

 

ไคลน์เชิดคางขึ้นและยื่นไปทางคนขับรถม้า เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า มันไม่ต้องการพูดคุยเรื่องละเอียดอ่อนให้คนนอกได้ยิน

 

เลียวนาร์ดเป่าปากเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างห้องโดยสาร สายฝนยังคงตกปรอยจนกระจกหน้าต่างหนาแน่นถนัดด้วยหยดน้ำ ภาพการมองเห็นพร่ามัวไม่ชัดเจน

 

ผ่านไปสักพัก ครีกลับมาพร้อมกับถุงใส่สิ่งของหลายชิ้น และด้วยความเร่งรีบวิ่งมา ขากางเกงจึงมีรอยโคลนเปรอะเปื้อน ส่วนชายเสื้อเปียกชุ่มเป็นจุดๆ

 

“นี่คือชุดที่นายน้อยเอลเลียตสวมเมื่อวาน ส่วนนี่คือสร้อยคอวายุที่เขาใส่ประจำ”

 

ไคลน์นั่งพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เบื้องหน้าเป็นเสื้อผ้าสุภาพบุรุษตัวน้อยซึ่งประกอบด้วย เชิ้ตเล็ก กั๊กเล็ก และโบว์หูกระต่ายเล็ก

 

สร้อยคอวายุทำจากทองแดง สลักลวดลายคลื่นทะเลและสายลม …ไคลน์สัมผัสไม่พบความผิดปรกติในสิ่งของชนิดใดเลย

 

“ผมจะเล่าเหตุการณ์ในช่วงเช้าอย่างละเอียดอีกครั้ง หวังว่าจะช่วยให้พวกคุณพบตัวนายน้อยเอลเลียตเร็วขึ้น…”

 

ครีนั่งลงพร้อมกับอธิบายเหตุการณ์เป็นฉากๆ  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทีมค้นหาจะสร้างปาฏิหาริย์สำเร็จ

ไคลน์และเลียวนาร์ดมิได้ใส่ใจรายละเอียดปลีกย่อยมากนัก พวกมันเพียงต้องการทราบว่า ฝ่ายลักพาตัวมีจำนวนกี่คน ใช้วิธีการใด และพกอาวุธหรือไม่

 

‘สาม’ ‘ไม่ใช่ผู้วิเศษ’ ‘ใช้อาวุธปืน’

 

เมื่อได้รับข้อมูลที่ต้องการ ทั้งสองกล่าวคำอำลากับครีและเดินไปเช่าบริการรถม้าสองล้อ

แตกต่างจากรถม้าสาธารณะ รถม้าส่วนตัวมีเพียงสองชนิด ไม่สี่ก็สองล้อ ค่าบริการขึ้นอยู่กับเวลาหรือระยะทาง แล้วแต่จะตกลง หากคิดตามระยะทางจะตกกิโลเมตรละสี่เพนนีในเขตเมือง และแปดเพนนีในเขตชานเมือง แต่หากคิดตามเวลาจะตกสองซูลต่อชั่วโมง เศษเกินคิดหกเพนนีทุกสิบห้านาที หากสภาพอากาศเลวร้ายหรือลูกค้าเร่งรีบ ราคาจะปรับขึ้นตามความเหมาะสม

 

ไคลน์เคยได้ยินจากอะซิกว่า รถม้าภายในกรุงเบ็คลันด์ขึ้นชื่อด้านขูดรีดราคามหาโหด

 

สำหรับมัน รถม้าส่วนตัวถือเป็นสิ่งหรูหราเกินจำเป็น แต่ในคราวนี้ไม่ต้องกังวล เพราะเลียวนาร์ดได้ยื่นธนบัตรหนึ่งซูลสองใบให้คนขับเรียบร้อย

 

“คิดตามเวลา”

 

เมื่อบอกเงื่อนไขการใช้บริการ เลียวนาร์ดเอื้อมมือไปปิดประตูห้องโดยสาร

 

“ไปไหนดีครับ?”

 

คนขับรับธนบัตรด้วยสีหน้ายินดีปนฉงน

 

“รอสักครู่”

 

เลียวนาร์ดหันมองไคลน์

 

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ มันหยิบเสื้อผ้าเอลเลียตออกมาวางแผ่บนพื้นห้องโดยสาร ก่อนจะนำสร้อยคอวายุมาพันรอบด้ามจับไม้คำเลี่ยมเงิน ส่วนปลายของไม้ค้ำจิ้มลงบนชุดที่วางแผ่

 

ไคลน์สร้างบอลแสงซ้อนทับภายในห้วงจิตและเข้าฌานอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาน้ำตาลทวีความเข้มข้นลุ่มลึก

ชายหนุ่มควบคุมกายจิตให้อาศัยร่างวิญญาณดาราติดต่อกับโลกวิญญาณ

 

เมื่อจิตสงบนิ่ง ไคลน์กล่าวเสียงค่อย

 

“ที่อยู่ของเอลเลียต”

 

หลังจากกล่าวครบเจ็ดครั้ง ไคลน์ปล่อยมือจากไม้ค้ำเลี่ยมเงิน แต่ไม้ค้ำกลับไม่หล่นไปยังทางใดทางหนึ่ง มันตั้งตรงเช่นนั้นชั่วครู่ทั้งที่ห้องโดยสารรถม้ามีอาการโคลงเคลงเล็กน้อยจากสายฝน

 

ผ่านไปราวหนึ่งนาที ไม้ค้ำเริ่มเกิดการสั่นเล็กๆ  โดยตลอดขั้นตอน ไคลน์สัมผัสถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองไม่เห็นกำลังจ้องมอง

 

ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา นี่คือความรู้สึกปรกติที่จะได้รับเมื่อเข้าฌานหรือเข้าสู่ภาวะเนตรวิญญาณ

 

แม้จะหวาดกลัว แต่มันก็ทราบดีว่าเป็นผลข้างเคียงจากโอสถ

 

ชายหนุ่มจ้องมองไม้ค้ำเลี่ยมเงินที่ตั้งตรงด้วยนัยต์ตาเกือบดำสนิทต่อไปอีกสักพัก ก่อนจะเริ่มกล่าวในใจอีกหน

 

“ที่อยู่ของเอลเลียต”

 

“ที่อยู่ของเอลเลียต”

 

เมื่อครบเจ็ด คราวนี้ไม้ค้ำเอียงล้มลงไปในทิศทางเดียวกับที่รถม้าหันหัว

 

“ตรงไป”

 

ไคลน์กล่าวด้วยเสียงทุ้มกังวางประหนึ่งเปล่งจากโลกลึกลับ จากนั้น มันเอื้อมมือลงไปหยิบไม้ค้ำกลับขึ้นมาตั้งตรงใหม่

 

นี่คือเทคนิคทำนายที่ชายหนุ่มเพิ่งเรียนรู้ มีชื่อว่า‘การทำนายด้วยแท่งไม้’ อุปกรณ์สื่อกลางสามารถใช้เป็นแท่งไม้ แท่งโลหะ หรือผสมกัน

 

ในการทำนายของมนุษย์ปรกติ ผู้ทำนายต้องใช้แท่งไม้ดาวซิ่งถึงสองอันไขว้กัน แต่ในฐานะที่ไคลน์เป็นนักทำนายตัวจริง มันทดสอบแล้วพบว่า ตนสามารถใช้เพียงไม้ค้ำของตัวเองในการบ่งบอกทิศทางสิ่งที่ต้องการค้นหา

น่าเสียดายที่มันไม่หลงเหลือความทรงจำของสมุดบันทึกอันทีโกนัสอยู่เลย ไม่อย่างนั้นคงใช้วิธีนี้หาจนพบได้

 

“ตรงไปเรื่อยๆ”

 

เลียดนาร์ดส่งสัญญาณบอกคนขับ

 

“ไว้เลี้ยวแล้วจะบอกเอง”

 

คนขับไม่ค่อยเข้าใจนัก เหตุใดลูกค้าถึงมีเงื่อนไขพิสดารเช่นนี้ แต่ธนบัตรสองซูลในกระเป๋าได้ปิดปากจนเงียบสนิท มันยอมทำตามโดยไม่ปริปากบ่น

 

รถม้าเคลื่อนตัวไปอย่างไม่รีบร้อนผ่านถนนเส้นแล้วเส้นเล่า

 

จนกระทั่งถึงจุดที่ไคลน์เริ่มมั่นใจว่าเทคนิคทำนายด้วยแท่งไม้ของตนพบจุดหมาย

 

เมื่อรถม้าขับวนครบรอบบ้านหลังหนึ่ง ชายหนุ่มจึงมั่นใจว่าว่าเอลเลียต·วิลโรลล์อยู่ภายในตัวอาคารหลังนี้

 

ทั้งคู่ตัดสินใจลงจากรถม้า

 

เพิ่งจะผ่านไปเพียงสามสิบนาทีเท่านั้นหลังจากกล่าวคำอำลากับครี

 

ไคลน์วางไม้ค้ำลงให้ปลายปักพื้น แต่คราวนี้มิได้ใช้เสื้อผ้าเอลเลียตรองไว้เหมือนทุกครั้ง มันกำสร้อยคอไปพร้อมกับใช้ปลายไม้ค้ำจิ้มลงพื้นถนนโดยตรง

 

นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีเข้มลุ่มลึกอีกครั้ง ทันใดนั้น สายฝนรอบไม้ค้ำเริ่มหมุนวนเป็นเกลียวอย่างผิดธรรมชาติ

 

ไม้ค้ำเลี่ยมเงินเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับล้มสนิท ไคลน์ชี้นิ้วไปยังบันไดวนที่อยู่เบื้องหน้าคนทั้งสอง

 

“ไม่ผิดแน่ ในนั้น”

 

“ผมเคยอิจฉาลุงนีลล์ที่มีพลังแสนสะดวก และตอนนี้กำลังอิจฉาคุณในแบบเดียวกัน”

 

เมื่อได้บทสรุป เลียวนาร์ดอมยิ้มพร้อมกล่าวชมไคลน์

 

ชายหนุ่มชำเลืองมอง มันกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

“ไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น คุณเองก็ทำได้ถ้าตั้งใจศึกษา… สัมผัสวิญญาณของคุณก็คงเฉียบแหลมไม่แพ้ผมหรอกใช่ไหม?”

 

เลียวนาร์ดพยักหน้า

“นั่นไม่ใช่เรื่องน่ายินดีหรอกนะ”

 

เมื่อกล่าวจบ เหยี่ยวราตรีนัยน์ตาเขียวรีบเดินข้ามถนนไปหยุดหน้าบันไดวนท่ามกลางสายฝนตกปรอย

 

ไคลน์กังวลว่าชุดทำงานใหม่เอี่ยมของตนจะเปียก มันรีบวิ่งย่องข้ามถนนว่องไว

 

อาคารตรงหน้าสูงสามชั้น ลักษณะคับคล้ายตึกแถวบนโลกเก่า ทางเข้าแต่ละชั้นจะอยู่กลางทางบันไดวน แต่ละชั้นมีแค่สองห้องซ้ายขวา

 

ไคลน์ทดสอบทำนายแท่งไม้ในชั้นที่หนึ่งและสอง แต่แท่งไม้ยังคงชี้ขึ้น ทั้งคู่จึงเดินขึ้นไปยังชั้นสาม

 

ไคลน์ลงมือทำนายอีกครั้ง

 

ฟ้าววว

สายลมเย็นพัดพาละอองน้ำฝนพาดผ่านบันไดวน นัยน์ตาชายหนุ่มพลันดำเข้ม คล้ายกับจะดูดกลืนวิญญาณของมนุษย์เข้าไป

 

ฟ้าววว!

 

เสียงลมยังคงดังต่อเนื่องประหนึ่งฟ้าร่ำไห้ ไคลน์ปล่อยมือไปตามสบาย ไม้ค้ำที่ยังมีสร้อยคอวายุรัดพันกำลังตั้งตรงเป็นเวลานาน

 

ไคลน์ท่องเสียงค่อย

 

“ที่อยู่ของเอลเลียต”

 

ทันใดนั้น ไม้ค้ำล้มชี้ไปยังห้องฝั่งขวา

 

“น่าจะอยู่ในนั้น”

 

ขณะไคลน์ก้มหยิบไม้ค้ำเลี่ยมเงิน มันใช้ปลายนิ้วแตะหว่างคิ้วสองครั้ง

 

ชายหนุ่มเพ่งพิศห้องขวามืออย่างละเอียด แสงออร่าจากมนุษย์ภายในส่องสว่างชัดเจนเต็มสองตา

 

“หนึ่ง สอง สาม สี่… ผู้ร้ายสาม ตัวประกันหนึ่ง ตรงตามข้อมูลที่ได้รับ… แสงออร่าหนึ่งจุดมีส่วนสูงต่ำ คงจะเป็นเอลเลียต…

 

“มิสเตอร์ครีเล่าว่า พวกมันมีปืนล่าสัตว์สองกระบอกและลูกโม่หนึ่งกระบอก”

 

ไคลน์กระซิบกระซาบ

 

เลียวนาร์ดแสยะยิ้ม

 

“ให้ฉันกล่อมพวกมันเอง”

 

“อา…

 

“เหตุไฉนพวกเจ้าต้องประพฤติร้าย…

 

“เหตุไฉนพวกเจ้าไม่ใช้ชีวิตสงบสุข”

 

เลียวนาร์ดเยื้องย่างสองก้าว สีหน้าและแววตาพลันเงียบงันเจือความเศร้า

เสียงของมันใสกังวาลขึ้นทุกขณะ

 

“จงหวาดกลัวต่อภัย จงบูชาในจันทร์ชาด

 

“หนึ่งสิ่งที่แน่ชัด ทุกชีวิตย่อมอำลา

 

“หนึ่งสิ่งที่เที่ยงแท้ อื่นใดล้วนมายา

 

“บุปผาที่ถูกเด็ด มีชะตาต้องถึงฆาต”

 

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร - เสาร์

ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด