ตอนที่แล้วราชันย์เร้นลับ 19: วัตถุต้องห้าม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปราชันย์เร้นลับ 21 : เพื่อนเก่าต่างถิ่น

ราชันย์เร้นลับ 20: ดันน์ขี้ลืม


ราชันย์เร้นลับ 20: ดันน์ขี้ลืม

 

“ตกลงครับ”

 

ไคลน์โค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะสวมหมวกผ้าไหมทรงสูงกลับไป

แต่ภายในใจนึกสังสัยว่า ถึงวัตถุต้องห้ามหมายเลข 0-08 จะมีหน้าตาเป็นเช่นไร

 

ปากกาขนนกธรรมดางั้นหรือ?

แค่เขียนโดยไม่ใช้หมึก?

 

เช่นนั้นแล้ว ความสามารถที่แท้จริงของมันคืออะไร? เหตุใดถึงกลายเป็นวัตถุต้องห้ามระดับสูงสุดของโบสถ์ไปได้…

 

หรือจะเป็นปากกาขนนกที่เขียนชื่อใครแล้วคนนั้นจะตาย?

 

ไม่น่าใช่ แบบนั้นคงเป็นการแหกกฏฟ้าดินจนน่าเกลียดเกินไป และหากมีพลังดังกล่าวจริง อินซ์·แซงวิลล์ไม่มีความจำเป็นต้องหลบหนีเลยสักนิด…

 

ขณะไคลน์ครุ่นคิดพลางเดินออกจากห้อง ดันน์·สมิทตะโกนไล่หลัง

 

“เดี๋ยวก่อน ผมลืมพูดบางเรื่อง”

 

“ครับ?”

 

ไคลน์หันหลังมอง นัยน์ตาแฝงความประหลาดใจ

 

ดันน์เก็บนาฬิกาพกใส่กระเป๋า ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“หลังจากนี้ อย่าลืมไปหามาดามโอเรียนน่าที่เป็นฝ่ายบัญชีด้วย คุณต้องเบิกค่าตอบแทนล่วงหน้าสี่สัปดาห์—สิบสองปอนด์ และในสัปดาห์ต่อไป ค่าแรงของคุณจะถูกหักครึ่งหนึ่งจากปรกติจนกว่าจะชดเชยครบสิบสองปอนด์”

 

“ไม่เยอะไปหน่อยหรือ ผมไม่ต้องใช้เงินมากขนาดนั้น ปริมาณของมันควรลดลง”

ไคลน์ตอบทันทีโดยไม่ได้คิดซับซ้อน อันที่จริง มันเองก็ชื่นชอบที่ได้รับค่าจ้างล่วงหน้า เพราะปัจจุบัน แม้แต่ค่ารถม้ากลับบ้านยังมีไม่เพียงพอ

 

ทว่า การได้รับรวดเดียวสิบสองปอนด์คงมากเกินไปสักหน่อย

 

“ผิดแล้ว จำเป็นสิ”

 

ดันน์แย้ง มันส่ายศีรษะพลางอมยิ้ม

 

“ลองไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน คุณจะอาศัยอยู่ในหอพักแบบเดิมจริงหรือ? บ้านที่ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับคนอื่น ต่อให้คุณไม่ถือสา แต่ก็ควรเป็นห่วงสุภาพสตรีในครอบครัว แล้วก็…”

 

ดันน์ชะงัก สายตาชำเลืองมองไคลน์ที่กำลังพยักหน้าเห็นด้วย มันทำการสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

 

“แล้วก็… คุณต้องมีไม้ค้ำและสูทตัวใหม่”

 

ไคลน์ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงสติกลับสู่โลกความจริงในเวลาถัดมา

 

ใบหน้าเริ่มแดงก่ำอย่างเขินอาย สูทและเสื้อตัวในของมันล้วนเป็นผ้าคุณภาพต่ำที่ซื้อมาในราคาถูก

 

หมวกผ้าไหมทรงสูงทั่วไปจะมีราคาราวห้าถึงหกซูล โบว์หูกระต่างอีกสามซูล ไม้ค้ำที่หัวทำงานเงินอีกแปดซูล เสื้อตัวใหม่สามซูล

 

ส่วนกางเกงขายาว เสื้อกั๊ก และทักซิโด้ราคารวมกันราวเจ็ดปอนด์ แถมยังมีรองเท้าหนังอีกสิบซูล

 

คำนวณอย่างหยาบจะออกมาเป็นแปดปอนด์กับอีกเจ็ดซูล และถ้าหากต้องการเป็นสุภาพบุรุษเต็มคราบ มันต้องมีโซ่ห้อยนาฬิกา นาฬิกาพก และกระเป๋าเงิน

 

ในอดีต ไคลน์และเบ็นสันเคยช่วยกันเก็บออมอย่างยากลำบากจนกระทั่งรวบรวมเงินได้ก้อนหนึ่ง พวกมันตรงไปที่ร้านเสื้อผ้าเพื่อมองหาชุดที่เรียบร้อยและภูมิฐาน แต่หลังจากตรวจสอบราคา ทั้งสองรีบออกจากร้านโดยไม่แม้แต่จะต่อรอง ลงเอยด้วยการซื้อชุดมือสองจากร้านบนถนนกางเขนเหล็กในราคารวมไม่ถึงสองปอนด์

 

ผลพวงจากเหตุการดังกล่าว ไคลน์คนก่อนจึงฝังใจกับราคาเสื้อผ้าอย่างมาก

 

“ข…เข้าใจแล้วครับ”

 

ไคลน์ตอบกระอักกระอ่วน

 

ตัวไคลน์มีนิสัยคล้ายคลึงกับไคลน์คนก่อนในด้านรสนิยมเสื้อผ้า มันชื่นชอบที่จะแต่งตัวมีสง่าราศี

 

ดันน์หยิบนาฬิกาพกจากกระเป๋าและเปิดตรวจสอบเวลา

 

“ผมคิดว่าคุณควรไปพบมาดามโอเรียนน่าเป็นอันดับแรก การไปหาลุงนีลล์คงใช้เวลาสักพักใหญ่ แต่มาดามโอเรียนน่าใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว”

 

“ได้ครับ”

 

ไคลน์ตระหนักถึงความจนบัดซบของตัวเองดี มันไม่คิดคัดค้านการได้รับเงินล่วงหน้า

 

ดันน์เดินไปยังข้างโต๊ะทำงานและกระตุกเชือกที่แขวนไว้กับเพดาน

 

“ผมจะให้โรแซนนำทางคุณ”

 

เชือกทำงานตามกลไกของมันอย่างเต็มประสิทธิภาพ เกิดเสียงหมุนของฟันเฟือง เพียงชั่วอึดใจ กระดิ่งที่ห้องรับรองแขกของบริษัทรักษาความปลอดภัยหนามทมิฬก็ส่งเสียงกังวาล

 

เมื่อโรแซนได้ยิน เธอรีบดีดตัวขึ้นและมุ่งหน้าตรงมายังห้องผู้คุมประตูยานิสอย่างระมัดระวัง

เพียงไม่นาน ไคลน์ก็ได้พบหล่อนอีกครั้ง

 

ดันน์กล่าวติดตลก

 

“ผมคงไม่ได้รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณใช่ไหม? ช่วยพามิสเตอร์โมเร็ตติไปหามาดามโอเรียนน่าให้หน่อย”

 

มุมปากโรแซนกระตุกเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียง ‘ร่าเริง’

 

“ได้ค่ะ หัวหน้า”

 

“แค่นี้เองหรือ?”

 

ไคลน์ขมวดคิ้วถามด้วยใบหน้าสุดฉงน

 

การเบิกค่าแรงล่วงหน้า ไม่ใช่ว่าต้องมีเอกสารยืนยันจากหัวหน้าสักหน่อยหรือ?

จะไม่เขียนอะไรสักนิดเลยรึไง?

 

“หืม? แล้วยังต้องมีอะไรอีก?”

 

ดันน์ตอบคำถามด้วยคำถาม

 

“เอ่อ… การเบิกค่าแรงล่วงหน้าจากมาดามโอเรียนน่า ไม่ต้องใช้ลายเซ็นของคุณหรือ?”

 

ไคลน์พยายามอธิบายด้วยภาษาที่ง่ายที่สุด

 

“หืม… ไม่จำเป็น แค่มีโรแซนไปด้วยก็ยืนยันได้แล้ว”

 

ดันน์ชี้นิ้วไปยังสตรีผมน้ำตาลขณะมอบคำตอบให้ไคลน์

 

หัวหน้า… องค์กรเราบริหารจัดการเงินได้ห่วยแตกเกินไปแล้ว… ไคลน์กลืนถ้อยคำตัดพ้อลงคอและรีบเดินออกจากห้องไปพร้อมโรแซน

ทันใดนั้น เสียงดันน์ตะโกนไล่หลัง

 

“เดี๋ยวก่อน ยังมีอีกเรื่อง”

 

ให้จบทีเดียวไม่ได้รึไง? ไคลน์หันหลังกลับพร้อมกับปั้นรอยยิ้มจอมปลอม

 

“ครับ?”

 

ดันน์ใช้มือข้างหนึ่งนวดคลึงขมับก่อนอธิบายต่อ

 

“ถ้าไปหาลุงนีลล์แล้ว อย่าลืมเบิกกระสุนปราบมารด้วย”

“ผมเนี่ยนะ? กระสุนปราบมาร?”

 

ไคลน์ถามเสียงหลง

 

“ลูกโม่ของเวิร์ชยังอยู่กับคุณใช่ไหม? ไม่ต้องนำมาคืนพวกเราหรอกนะ”

 

ดันน์สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันลม

 

“ถ้ามีกระสุนปราบมาร หากคุณบังเอิญเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเข้า มันจะช่วยปกป้องชีวิตคุณได้… หรืออย่างน้อยก็มอบกล้าเพิ่มนิดหน่อย”

 

ประโยคสุดท้าย… หัวหน้าไม่ต้องพูดก็ได้

ไคลน์ไม่มัวจินตนาการถึงสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติให้ปวดหัว มันพยักหน้ารับทันที

 

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะจำไว้”

 

“แต่อันนี้ต้องใช้เอกสารจากผม ช่วยรอสักครู่”

 

เมื่อกล่าวจบ ดันน์นั่งลงพร้อมกับหยิบปากกาหมึกแดงเข้มออกมาเขียน ‘โน๊ต’ แผ่นหนึ่งใส่กระดาษ ก่อนจะเซ็นและปั๊มตราประทับ

 

“ขอบคุณครับ หัวหน้า”

 

ไคลน์รับกระดาษพลางกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็หันหลังกลับเตรียมเดินออกจากน้อง

 

“เดี๋ยวก่อน”

 

ดันน์เรียกไล่หลังอีกครั้ง

 

…หัวหน้า ทั้งที่คุณดูเหมือนชายหนุ่มสุขภาพดีวัยสามสิบ แต่กลับมีอาการของโรคความจำเสื่อมแล้วหรือ?

 

ไคลน์ฝืนเค้นยิ้มด้วยสีหน้าจืดชืด

 

“ครับ? ว่า?”

“ผมลืมว่าคุณไม่เคยฝึกยิงปืนมาก่อน กระสุนปราบมารอาจไม่ได้ใช้ประโยชน์มากนัก เอาแบบนี้ดีกว่า… เบิกกระสุนปืนแบบธรรมดาวันละสามสิบนัด แล้วหาโอกาสไปซ้อมยิงที่ชั้นใต้ดินของบ้านเลขที่สาม ตั้งอยู่หัวมุมถนนซุตแลน

 

“ลู่ซ้อมยิงเกือบทั้งหมดจะเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจปรกติ แต่มีอยู่หนึ่งลู่ที่เหลือไว้เป็นของเหยี่ยวราตรีโดยเฉพาะ

 

“อ๊ะ! อย่าลืมขอตราเจ้าหน้าที่จากลุงนีลล์ด้วย ไม่อย่างนั้นคุณจะเข้าไปใช้บริการไม่ได้”

 

ดันน์ใช้มือลูบหน้าผากอย่างตำหนิตัวเอง มันขอโน๊ตในมือไคลน์กลับไปเขียนเพิ่ม ก่อนจะปั๊มตราประทับและเซ็นลายเซ็นทับ

“นักแม่นปืนมือฉมังเกิดจากการกินกระสุนเข้าไปนับไม่ถ้วน อย่าลืมคำนี้เชียว”

 

ดันน์ส่งโน๊ตที่ถูกแก้ไขคืนให้ไคลน์

 

“เข้าใจแล้วครับ”

 

ตัวมันที่หวาดผวาต่อสิ่งเร้นลับเป็นพิเศษ ไคลน์สาบานกับตนเองว่าจะเข้าไปซ้อมยิงปืนทุกวัน

 

ขณะเดินไปหน้าประตู ไคลน์ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะบิดตัวกลับไปถาม

 

“หัวหน้า มีอะไรอีกไหมครับ?”

 

“ไม่แล้ว”

 

ดันน์ผงกศีรษะหนักแน่น

 

ไคลน์ถอนหายใจยาว มันเดินตรงไปที่ประตูด้วยความรู้สึกประหลาด ก่อนที่สัญชาตญาณจะดลใจให้หันกลับมาถามดันน์อีกครั้ง

 

“ไม่มีแน่นะครับ?”

 

เมื่อยืนยันแน่ชัด ในที่สุดไคลน์ก็ได้ออกจากห้องผู้คุมประตูยานิสเสียที

 

“หัวหน้าเป็นแบบนี้เสมอ เขามักหลงลืมในหลายเรื่อง”

 

ขณะโรแซนเดินเคียงข้างไคลน์ หล่อนกระซิบกระซาบนินทาหัวหน้าตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา

 

“คุณยายของฉันยังความจำดีกว่าเขาเลย แต่โชคยังดีที่หัวหน้าไม่ค่อยลืมเรื่องสำคัญ…

 

“ไคลน์สินะ! นับแต่นี้ไปฉันจะเรียกนายว่าไคลน์! มาดามโอเรียนน่าเป็นคนอัธยาศัยดีมาก เธอคือหญิงสาวประเภทที่สนิทกับผู้คนได้ง่าย บิดาเป็นช่างนาฬิกามือฉมัง…”

 

ไคลน์เดินไปพลางฟังสาวผมน้ำตาลนินทาเรื่อยเปื่อย เพียงไม่นาน คนทั้งสองกลับขึ้นมายังชั้นบนของตึกอีกครั้ง โรแซนเปิดประตูห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องบันไดหิน ภายในมีมาดามโอเรียนน่ากำลังกัมหน้าทำงาน

 

สตรีผมดำสวมเดรสลูกไม้ประดับประดาด้วยลวดลายวิจิตร อายุอานามราวสามสิบ ทรงผมหยักโศกเข้ากับยุคสมัย นัยน์ตาเขียวมรกตใสกระจ่าง รอยยิ้มค่อนข้างมีเสน่ห์ นับเป็นสตรีที่สง่างามและเลอโฉมคนหนึ่ง

 

หลังจากโรแซนถ่ายทอดคำพูดดันน์·สมิทให้เธอฟัง โอเรียนน่าหยิบโน๊ตแผ่นนึ่งขึ้นมาพร้อมกับเขียนรายละเอียดการเบิกเงินล่วงหน้า

 

“เซ็นตรงนี้ มีตราประทับไหม? ถ้าไม่มีให้ใช้ลายนิ้วมือแทน”

 

“ครับผม”

 

ไคลน์เริ่มคุ้นชินกับขั้นตอนราชการ มันปฏิบัติตามคำแนะนำจนเสร็จสรรพ

 

โอเรียนน่านำกุญแจทองแดงออกจากลิ้นชักและเดินไปยังห้องนิรภัย หลังจากนับธนบัตรอยู่ครู่หนึ่ง เธอหันมาอมยิ้มให้ไคลน์

 

“คุณโชคดีมากที่พวกเรามีเงินสดพอ… ว่าแต่ไคลน์ คุณถูกหัวหน้าชักชวนเพราะเกี่ยวข้องกับคดีเหนือธรรมชาติมาและมีความพิเศษอยู่ในตัวใช่ไหม?”

 

“ใช่ครับ สัญชาตญาณของคุณแม่นมาก”

 

ไคลน์เชยชมจากใจ

 

โอเรียนน่าหยิบธนบัตรออกมาทั้งหมดสี่ใบ ทุกใบล้วนมันมีพื้นหลังสีเทาและเขียนด้วยหมึกดำ หลังจากปิดห้องนิรภัย เธอเดินกลับมาหาไคลน์พร้อมรอมยิ้ม

 

“นั่นเพราะฉันเองก็เหมือนกัน”

 

“จริงหรือครับ?”

 

ไคลน์ทำทีตกใจตามมารยาท

 

“ยังจำคดีฆาตกรต่อเนื่องในทิงเก็นเมื่อสิบหกปีก่อนได้ไหม?”

 

โอเรียนน่ายื่นธนบัตรสี่ใบให้ไคลน์

“…จำได้ครับ มีเด็กสาวถูกสังหารต่อเนื่องห้าศพ บางคนถูกจอมชำแหละโรคจิตนำอวัยวะภายในออกไป มักเป็นพวกหัวใจหรือกระเพาะอาหาร แม่ของผมมักนำคดีนี้มาขู่น้องสาวเสมอสมัยที่พวกเรายังเด็ก”

 

ไคลน์เล่าพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิด

 

เมื่อได้รับธนบัตรมา มันทำการตรวจสอบอย่างละเอียด สองใบเป็นธนบัตรห้าปอนด์ ส่วนอีกสองใบเป็นธนบัตรหนึ่งปอนด์ ทั้งหมดมีพื้นหลังสีเทาและเขียนด้วยหมึกดำ สี่มุมสลักลวยลายซับซ้อนด้วยหมึกพิเศษเพื่อป้องกันการคัดลอก

 

ธนบัตรประเภทแรกจะมีขนาดใหญ่กว่าแบบหลังนิดหน่อย กึ่งกลางเป็นภาพของอดีตกษัตริย์โลเอ็นลำดับห้า บรรพบุรุษของกษัตริย์จอร์จที่สาม พระนามเดิมคือ เฮนรี·ออกัสตัส

 

ใบหน้าเรียวกลม เหนือศีรษะสวมที่คาดผมสีขาว ดวงตาค่อนข้างตี่ สีหน้าขึงขังจริงจัง แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ไคลน์กลับรู้สึกสนิทชิดเชื้ออย่างน่าประหลาด

 

นี่คือธนบัตรห้าปอนด์เชียวนะ!

เทียบเท่ารายได้ของเบ็นสันสี่สัปดาห์เต็ม!

 

ถัดมาเป็นแบงค์หนึ่งปอนด์ กึ่งกลางแบงค์มีใบหน้าของอดีตกษัตริย์โลเอ็นพระองค์ก่อน บิดาของกษัตริย์จอร์จที่สาม กษัตริย์วิลเลี่ยม·ออกัสตัสที่ีหก

 

วิลเลี่ยมเป็นบุรุษหนวดเข้ม ดวงตาขึงขังเฉียบคม สมัยครองบัลลังก์ มันคือผู้ปลดปล่อยอาณาจักรโลเอ็นให้เป็นอิสระจากขนบธรรมเนียมโบราณ ส่งผลให้ประเทศพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นอาณาจักรชั้นนำ

 

ทั้งคู่ล้วนเป็น ‘กษัตริย์ที่ดี’

ไคลน์คิดเช่นนี้ขณะสูดดมกลิ่นอันหอมหวลและสดชื่นของหมึกธนบัตร

 

“ถูกต้อง ถ้าเหยี่ยวราตรีมาไม่ทัน เหยื่อคนที่หกก็จะเป็นชื่อของฉัน…”

 

เสียงของโอเรียนน่าสั่นเครือเล็กน้อย ราวกับเธอยังไม่ลืมความทรงจำอันขื่นขมที่ผ่านมานานกว่าสิบหกปีแล้ว

 

“ถ้าจำไม่ผิด ฆาตกรต่อเนื่อง… ไม่สิ… จอมชำแหละโรคจิตนั่นเป็นผู้วิเศษใช่ไหม?”

 

ไคลน์กล่าวขณะบรรจงพับธนบัตรอย่างปราณีตและเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือตบซ้ำอย่างนุ่มนวลเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ายังอยู่ดี

 

“ค่ะ”

 

มาดามโอเรียนน่าผงกศีรษะหนักแน่น

 

“อันที่จริง มีเหยื่อเคราะห์ร้ายที่ไม่เป็นข่าวอีกมาก สาเหตุที่ถูกจับได้เพราะ มันกำลังเตรียมทำพิธีกรรมบูชาปีศาจ”

 

“ถึงต้องล่าอวัยวะเด็กสาวสินะ… ขอโทษด้วยครับมาดามโอเรียนน่า ที่ผมทำให้นึกถึงความทรงจำเลวร้าย”

 

ไคลน์กล่าวตำหนิตัวเอง

 

โอเรียนน่ายิ้ม

 

“ฉันเลิกกลัวนานแล้ว… ในช่วงนั้นกำลังศึกษาที่โรงเรียนบัญชีพอดี ดันน์จึงกล่าวชักชวนจนได้มาทำงานที่นี่

 

“เอาล่ะ ฉันไม่รบกวนเวลาของคุณแล้ว ยังต้องไปหาลุงนีลล์อีกใช่ไหม”

 

“แล้วพบกันใหม่ครับ มาดามโอเรียนน่า”

 

ไคลน์ถอดหมวกเลื่อนมาไว้ที่อกพร้อมกับก้มศีรษะคำนับ ก่อนจะเดินกลับลงไปชั้นล่างอีกครั้ง มันไม่ลืมที่จะใช้มือตบกระเป๋าเพื่อยืนยันว่าธนบัตรรวมสิบสองปอนด์ยังอยู่ดี

 

เมื่อถึงสี่แยก ไคลน์เลี้ยวขวาและเดินตรงไปยังคลังอาวุธ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มองเห็นประตูเหล็กที่ปิดค้างไว้ครึ่งบาน

 

ก็อก! ก็อก! ก็อก!

เมื่อเคาะจบ เสียงแหบพร่าของชายชราดังจากด้านใน

 

“เข้ามา”

 

ไคลน์ผลักประตูเข้าไป แล้วก็ได้พบห้องสุดคับแคบที่จุได้เพียงโต๊ะทำงานหนึ่งตัวและเก้าอี้อีกสอง

 

ผนังภายในห้องมีประตูเหล็กบานใหญ่อีกชั้นที่ล็อคไว้แน่นหนา หลังโต๊ะทำงานมีชายแก่ชุดคลุมสีดำกำลังนั่งบนเก้าอี้ มันคร่ำเคร่งอ่านแผ่นกระดาษสีเหลืองซีดโดยอาศัยแสงสว่างจากโคมไฟแก๊ส

 

เมื่อไคลน์เดินเข้ามา ชายชราเงยหน้าขึ้นมอง

 

“ไคลน์·โมเร็ตติใช่ไหม? โรแซนเล่าให้ฟังว่าเจ้าเป็นชายหนุ่มที่สุภาพ… เธอแอบเข้ามาเล่าเมื่อครู่ล่ะนะ ฮะฮะ!”

“มิสโรแซนเองก็อัธยาศัยดีมากเช่นกัน สวัสดียามบ่ายครับ มิสเตอร์นีลล์”

ไคลน์ถอดหมวกคำนับ

 

“นั่งลงก่อน”

 

เมื่อกล่าวจบ นีลล์ชี้นิ้วไปยังกระป๋องสีเงินที่สลักลวดลายดอกไม้ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ

 

“รับกาแฟบดสักถ้วยไหม?”

ริ้วรอยบริเวณดวงตาและรอบริมฝีปากของลุงนีลล์ค่อนข้างลึก นัยน์ตาสีแดงเข้มเริ่มปรากฏอาการขุ่นมัว

 

“คุณไม่ดื่มกาแฟหรือ?”

 

ไคลน์ถามหลังจากชำเลืองมองถ้วยชาจีนของนีลล์ที่ใส่น้ำเปล่าไว้เต็ม

 

“ฮะฮะ! เป็นกฏของตัวฉันเองที่จะไม่ดื่มกาแฟหลังจากบ่ายสาม”

 

นีลล์อธิบายอย่างอารมณ์ดี

 

“เพราะอะไรครับ?”

 

ไคลน์ใคร่รู้

 

มุมปากนีลล์กระตุกเล็กน้อย มันจ้องมองเข้าไปในดวงตาไคลน์พร้อมกับอธิบาย

“ฉันกลัวว่ามันจะทำให้นอนไม่หลับตอนกลางคืน ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินของสิ่งมีชีวิตปริศนา”

 

ไคลน์อึ้งไปพักใหญ่ เมื่อสานต่อบทสนทนาเดิมไม่ได้ จึงหาเรื่องคุยในประเด็นใหม่

 

“มิสเตอร์นีลล์ ผมควรอ่านเอกสารหรือหนังสือเล่มไหนดีครับ?”

 

ขณะกล่าวจบ ไคลน์ยื่นโน๊ตที่ดันน์เขียนให้

 

“อะไรก็ได้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เรื่องราวซับซ้อน หรือเรื่องราวที่ไม่ปะติดปะต่อ… ด้วยความสัตย์จริง ฉันพยายามศึกษาพวกมันมานานแล้ว แต่กลับถอดรหัสข้อความได้ในระดับผิวเผินเท่านั้น

 

“ปัญหาคือ ฉันต้องไล่อ่านเอกสารอื่นเพิ่มเติมเพื่อยืนยันให้ได้ว่า เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวมีบริบทกล่าวถึงสิ่งใด…. ต้องเสียเวลาอ่านทั้งไดอารี่ หนังสือสมัยใหม่ ถ้อยคำจารึก และอีกมากมายเพื่อพยายยามทำความเข้าใจ…”

 

นีลล์ตัดพ้อ

 

“ตัวอย่างเช่นเอกสารเหล่านี้ ฉันจำเป็นต้องศึกษาตำราประวัติศาสตร์อย่างหนักเพื่อให้เข้าใจบริบท”

“ทำไมกันครับ?”

 

ไคลน์ขมวดคิ้ว

 

นีลล์ชี้ไปยังแผ่นกระดาษสีเหลืองด้านหน้า

 

“นี่คือส่วนหนึ่งของไดอารีโรซายล์·กุสตาฟเล่มที่หายไปก่อนเขาจะเสียชีวิต… จักรพรรดิโรซายล์ต้องการบันทึกทุกสิ่งไว้เป็นความลับ จึงประดิษฐ์สัญลักษณ์และอักษรขึ้นเองเพื่อมิให้ผู้ใดถอดรหัสได้”

 

จักรพรรดิโรซายล์?

นักเดินทางข้ามโลกรุ่นพี่คนนั้นน่ะหรือ?

ไคลน์ชะงักเล็กน้อยก่อนเริ่มตั้งใจฟัง

“หลายคนเชื่อว่าเขายังไม่ตาย แต่กลายเป็นเทพเร้นลับ ด้วยเหตุนี้ จึงมีลัทธิจำนวนมากกราบไหว้บูชาจักรพรรดิโรซายล์ หรือแม้กระทั่งประกอบพิธีกรรมต้องห้ามเพื่อหยิบยืมพลังจากจากเขา

 

“เหยี่ยวราตรีของพวกเราได้รับงานให้ปราบปรามลัทธินอกรีตเหล่านี้บ่อยครั้ง จึงมีโอกาสยึดไดอารีทั้งของจริงและฉบับคัดลอกเป็นของกลาง”

 

นีลล์ส่ายศีรษะ

 

“แต่จนกระทั่งปัจจุบัน ยังไม่มีใครถอดรหัสสัญลักษณ์พิเศษเหล่านี้ได้ วิหารศักดิ์สิทธิ์จึงอนุญาตให้เหยี่ยวราตรีมีฉบับคัดลอกในครอบครองเพื่อการศึกษา เผื่อว่าจะมีใครถอดรหัสสำเร็จเข้าสักวัน”

 

เมื่อกล่าวจบ นีลล์เผยรอยยิ้มมีเลศนัย

 

“แต่ฉันถอดรหัสได้แล้วบางส่วน มันเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงตัวเลข เมื่อตีความอย่างละเอียดจะพบว่า แผ่นกระดาษเหล่านี้คือไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์จริงๆ!

 

“ฉันพยายามถอดรหัสเพิ่มเติมโดยเปรียบเทียบกับเอกสารอื่นในยุคสมัยที่จักรพรรดิโรซายล์ยังมีชีวิตอยู่ รวมถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น จะได้เข้าใจเนื้อหาของไดอารีและอักษรพิเศษได้ง่ายขึ้น

 

“เป็นยังไงบ้าง? ฉันอัจฉริยะใช่ไหม?”

 

ชายชราผมขาวมาดสง่างามกำลังจ้องมองไคลน์ด้วยแววตาเปล่งประกาย

 

ไคลน์พยักหน้ารับ

 

“ใช่ครับ”

 

“ฮะฮะ! พรุ่งนี้ทั้งวัน ไว้เจ้าค่อยศึกษามาไดอารีกับฉัน”

 

นีลล์ยื่นแผ่นกระดาษสีเหลืองมาหาไคลน์

 

หลังจากกลับหัวกลับหางให้เข้าที่และเริ่มต้นอ่าน ชายหนุ่มพลันตกตะลึงสุดขีด หัวใจแทบหยุดเต้น

 

แม้ ‘สัญลักษณ์’ จะถูกคัดลอกด้วยลายมือไก่เขี่ยและมีบางจุดผิดไปจากที่ควรเล็กน้อย แต่มันไม่มีทางหลงลืมสัญลักษณ์เหล่านี้…

 

ไคลน์คุ้นชินกับพวกมันมานานมาก…

ภาษาจีน!

 

สัญลักษณ์บัดซบเหล่านี้คืออักษรจีนกลาง!

 

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ลงวันละตอน ทุกวันอังคาร - เสาร์

ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด