ตอนที่แล้วราชันย์เร้นลับ 20: ดันน์ขี้ลืม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปราชันย์เร้นลับ 22 : ลำดับเริ่มต้น

ราชันย์เร้นลับ 21 : เพื่อนเก่าต่างถิ่น


ราชันย์เร้นลับ 21 : เพื่อนเก่าต่างถิ่น

 

ไคลน์หลงนึกไปชั่วพริบตาว่ามันกลับมายังโลกเก่าแล้ว ทว่า แสงจากโคมไฟแก๊สสีเหลืองนวลที่มีตะแกรงเหล็กล้อมได้ทำให้ชายหนุ่มต้องยอมรับความจริง

สายตาชำเลืองเห็นกระป๋องกาแฟบดสีเงินเงางามบนโต๊ะทำงาน ไม่ผิดแน่ มันยังอยู่บนโลกใบเดิม โลกแห่งจักรกลและไอน้ำ

 

นักเดินทางข้ามโลกรุ่นพี่ จักพรรดิโรซายล์ แท้จริงแล้วเป็นเพื่อนร่วมชาติหรอกหรือ?

 

มันใช้อักษรจีนกลางในการจดบันทึกไดอารี ซึ่งไคลน์มั่นใจ โลกใบนี้ไม่มีการประดิษฐ์อักษรจีนกลางแน่นอน

 

เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ความรู้สึกเหมือนกับได้พบเพื่อนเก่าต่างถิ่น ประหนึ่งนักเรียนนอกได้พบคนจากชาติเดียวกันโดยบังเอิญตามท้องถนน เป็นความรู้สึกโหยหาและเกิดสายสัมพันธ์อย่างน่าประหลาด

 

ไคลน์รีบอ่านไดอารีทั้งสามหน้า

 

“18 พฤจิกายน การทดลองอันยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นได้เกิดความผิดพลาด แต่ก็ทำให้เราได้พบสหายน่าสงสารที่ติดอยู่ท่ามกลางความมืดมิดและลมพายุกระโชก เจ้านั่นเข้าใกล้โลกแห่งความจริงได้เพียงเดือนละครั้งในคืนจันทร์เต็มดวง เป็นสหายที่ทำไม่ได้แม้แต่ละส่งเสียงตะโกน โชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้พานพบวีรบุรุษแห่งยุคสมัยอย่างเรา!

 

“หลังจากอ่านประโยคเมื่อครู่จบ เราเกิดความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย ภาษาจีนของเราเริ่มมีสำนวนคล้ายกับโปรแกรมแปลภาษาเข้าไปทุกวัน ช่วงเวลากว่าสี่สิบปีผ่านไปไวประหนึ่งดีดนิ้วมือ ความทรงจำในอดีตเลือนลางราวกับเป็นเพียงความฝัน”

 

“ปี 1184 วันที่ 1 มกราคม ในงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ มาดามฟลอเนอร์แจ่มมาก!”

 

“2 มกราคม อัครราชทูตของเรามีแต่พวกหัวขี้เลื่อย!”

 

“3 มกราคม เรารีบร้อนเกินไปในอดีต ถ้าเราทราบความจริงแต่แรก ป่านนี้คงเลือกเส้นทาง ‘ผู้ฝึกหัด’ ‘นักทำนาย’ หรือไม่ก็ ‘นักจารกรรม’ ไปแล้ว น่าเสียดายที่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้

 

“4 มกราคม ทำไมลูกๆ ของเราถึงได้งี่เง่าขนาดนี้? อุตส่าห์ย้ำเตือนไปหลายหนว่าอย่าถูกพวกนักต้มตุ๋นเหล่านั้นหลอกเอาได้!

 

“กุญแจสำคัญของโอสถมิใช่การ ‘ชิงพลัง’ มาเป็นของตัวเอง แต่เป็นการ ‘ย่อยพลัง’ ให้หมดต่างหาก! หลักสำคัญไม่ได้อยู่ที่การรีดเร้นพลังออกมาใช้ แต่เป็นการ ‘สวมบทบาท’ ให้สมจริง!

 

“และชื่อของโอสถก็มิได้ถูกตั้งขึ้นอย่างไร้ความหมาย แต่มันคือกุญแจคำสัญที่สุดของโอสถทุกชนิด! ต้องสร้างจินตนการในสมองให้ชัดเจนและเป็นจริงขึ้นมา… ‘หลัก’ สำคัญอยู่ทีี่การย่อยพลังให้หมด!”

 

“9 กันยายน ฝ่ายศัตรูได้รวมหัวตั้งพันธมิตรขึ้นแล้ว ฟุซัคจากเหนือ โลเอ็นจากตะวันออก และเฟเนพ็อตจากใต้ ในที่สุดศัตรูของเราก็เริ่มเคลื่อนไหวสักที

 

“แต่บอกเลยว่าไม่กลัว เดี๋ยวจะสอนให้รู้เองว่าเทคโนโลยีและภูมิปัญญาสำคัญกว่าผู้วิเศษลำดับต่ำจำนวนมากยังไง! จำนวนคนที่น้อยกว่าไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิด

 

“ส่วนผู้วิเศษลำดับสูงฝั่งมันน่ะหรือ?  สงสัยจะลืมกันแล้วสินะว่าฉันคนนี้คือใคร!”

 

“23 กันยายน เราขาดการติดต่อกับเรือที่ส่งออกไปค้นหา ‘ดินแดนเทพทอดทิ้ง’

“สงสัยต้องสร้างเทคโนโลยีโทรเลขไร้สายใช้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ หวังว่าจะไม่ถูกพายุกลางทะเลรบกวนสัญญาณเอานะ”

 

“24 กันยายน มิสอิธาก้าเลอโฉมยิ่งกว่ามาดามฟลอเนอร์หลายเท่า! คิดถึงสมัยยังหนุ่มจังเลยน้า~”

 

เนื่องด้วยความซับซ้อนและรายละเอียดยิบย่อยของอักษรจีนกลาง คนยุคสมัยปัจจุบันจึงต้องเขียนให้มีขนาดใหญ่กว่าปรกติ เพื่อจะได้เก็บรายละเอียดครบถ้วน ส่งผลให้หน้ากระดาษหนึ่งมีเพียงไม่กี่บรรทัด แถมฉบับคัดลอกสำหรับฝึกถอดรหัสก็ไม่มีหน้าหลัง

 

แต่ถึงอย่างนั้น ไคลน์ก็ได้ดื่มด่ำกับอารมณ์อันหลากหลายที่ยากอธิบายหลังจากได้อ่านภาษาจีนอีกครั้ง รวมถึงข้อมูลแสนมีค่าที่จักรพรรดิโรซายล์เขียนอธิบายเกี่ยวกับโอสถ สิ่งนี้จะเป็นทางเลือกให้มันตัดสินใจเส้นทางโอสถง่ายขึ้น

 

ไดอารีทั้งสามแผ่นมีช่วงเวลาไม่ปะติดปะต่อกัน ดูเหมือนโรซายล์จะระบุปีเฉพาะวันขึ้นปีใหม่เท่านั้น ส่งผลให้ไคลน์ไม่สามารถเดาได้เลยว่า เดือนและวันที่ถูกเขียนเกิดขึ้นในปีใดบ้าง รวมถึงปริศนาของ ‘สหายน่าสงสาร’ ที่จักรพรรดิโรซายล์บังเอิญพบเข้ากลางทะเล

 

แถมยังมี ‘การย่อย’ และ ‘สวมบทบาท’ นั่นอีก… หมายถึงอะไรกันแน่?

 

แล้วดินแดนเทพทอดทิ้งอยู่ที่ไหน?

 

 

คำถามมากมายกำลังอัดแน่นภายในสมองไคลน์ มันต้องการที่จะรวมรวบไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์ให้ครบทุกแผ่นทันที

 

จากนั้นจะบรรจงอ่านตั้งแต่ปกหน้าไปจนถึงปกหลัง!

 

“ไคลน์?”

 

ลุงนีลล์ขมวดคิ้วถาม

 

ไคลน์ถูกดึงสติกลับมาอีกครั้ง มันรีบอมยิ้มและตอบกลบเกลื่อน

 

“ผมคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ จึงพยายามถอดรหัสข้อความเหล่านี้ให้ได้…”

 

“ฮะฮะ! คนหนุ่มเนี่ยน้า”

 

ลุงนีลล์พยักหน้าพลางฉีกยิ้ม

 

“ในอดีต ฉันก็เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษเหมือนกัน”

 

ไคลน์อ่านข้อความในกระดาษอย่างตั้งใจอีกหลายครั้งเพื่อมิให้ตกหล่น หลังจากยืนยันความทรงจำ มันทำการยื่นแผ่นไดอารีกลับคืนให้นีลล์ก่อนจะถามหยั่งเชิง

 

“ไดอารีมีเท่านี้หรือครับ?”

 

ผมอยากอ่านไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ทั้งหมด!

 

“เจ้าคิดว่ามันหาง่ายนักหรือไง?”

 

ลุงนีลล์รับแผ่นกระดาษคืนพร้อมกับย้อนถามกลับ ร่องเหี่ยวย่นลึกขึ้นขณะแสดงสีหน้าเย้ยหยันเด็กหนุ่ม

 

“ในแต่ละปี มีคดีเหนือธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับผู้วิเศษเพียงไม่มาก… สาเหตุหลักเกิดจากการลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วของสัตว์วิเศษบนทวีปเหนือ หากไม่มีพวกมัน มนุษย์ก็ขาดวัตถุดิบสำหรับสร้างโอสถ ส่งผลสืบเนื่องให้จำนวนผู้วิเศษลดลงตามไปด้วย

 

“เฮ่อ… ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา มังกร คนยักษ์ และเอลฟ์ ต่างกลายเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตในบันทึกตำนาน แม้กระทั่งสัตว์ทะเลก็ยังลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย”

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไคลน์พลันนึกถึงมุกตลกสมัยอยู่โลกเก่า มันกล่าวออกไปทันที

 

“ผมคิดว่าเราควรก่อตั้งสมาคมพิทักษ์มังกรและคนยักษ์ได้แล้วนะ”

 

ลุงนีลล์สับสนเล็กน้อยหลังจากได้ยิน ต้องใช่เวลาสักพักกว่าจะเข้าใจว่าเป็นมุกตลก ทันใดนั้น ชายชราใช้มือทุบโต๊ะพร้อมกับหัวเราะเสียงดังจนหมดสิ้นมาดผู้ดี

 

“ฮะฮ่าฮ่าฮ่า! ไคลน์! ฉันชอบมุกตลกของเจ้า! นี่คือจุดเด่นของอาณาจักรโลเอ็น! คนหนุ่มต้องมีอารมณ์ขันเข้าไว้!

 

“แต่ฉันว่าเราไม่ควรจำกัดวงแคบเกินไป ทำไมถึงมีเพียงมังกรและคนยักษ์ล่ะ? ฉันคิดว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็น… สมาคมพิทักษ์สัตว์เวทมนตร์”

 

“ไม่ได้ ไม่ได้ พวกเราจะละเลยพฤกษาที่น่าสงสารไม่ได้เด็ดขาด”

 

ไคลน์ส่ายศีรษะ

 

คนทั้งสองหันมองกันก่อนจะเปล่งเสียงอย่างพร้อมเพรียงว่า :

 

“สมาคมพิทักษ์สิ่งมีชีวิตเวทมนตร์!”

 

เสียงหัวเราะของสองบุรุษดังขึ้นอีกครั้งอย่างอบอุ่น บรรยากาศเคอะเขินก่อนหน้าได้เจือจางลงอย่างชัดเจน

“หายากที่สมัยนี้จะมีคนหนุ่มน่าสนใจแบบเจ้า… ฉันพูดถึงไหนแล้วนะ?”

 

ลุงนีลล์อมยิ้มด้วยใบหน้าเหี่ยวย่น

 

“นึกออกแล้ว… เมื่อผู้วิเศษลดจำนวนลง กลุ่มคนที่บูชาจักรพรรดิโรซายล์จึงเหลือเพียงไม่ถึงหยิบมือ การที่พวกเราครอบครองถึงสามหน้าจึงนับว่ามากแล้ว… แต่ถ้าเป็นวิหารใหญ่หน่อยหรือมุขมณฑลบิชอป บางทีอาจมีไดอารีหน้าอื่นเก็บรักษาไว้…”

 

หลังจากพึมพำอีกเล็กน้อย นีลล์ก้มหน้าอ่านโน๊ตของดันน์ที่ไคลน์ยื่นให้

 

“เป็นกระสุนแบบไหน? ปืนพก ปืนไรเฟิล หรือปืนอัดไอน้ำ?”

 

“ลูกโม่ครับ”

ไคลน์ตอบกลับตามจริง

 

“เดี๋ยวเข้าไปหยิบให้ แล้วก็… เจ้ามีซองปืนรักแร้หรือยัง? ถ้าผู้ชายอย่างเราปล่อยให้เป้ากางเกงตุงในที่สาธารณะคงดูไม่งามแน่”

 

ลุงนีลล์ปล่อยมุกตลกที่เพศชายเข้าใจกันดี

 

“ยังครับ ผมต้องกลับไปขออนุญาตหัวหน้าก่อนรึเปล่า?”

 

ไคลน์ยิ้ม

 

ลุงนีลล์ลุกขึ้น

 

“ไม่จำเป็น แค่ลงบันทึกไว้ก็พอ ซองปืนรักแร้เป็นแค่เครื่องประดับ พูดตามฉันนะ : เครื่องประดับ!”

 

“คุณเคยเป็นครูมาก่อนรึเปล่า?”

 

ไคลน์ถามติดตลก

 

“เคยสอนที่โรงเรียนวันอาทิตย์กับโรงเรียนกุศลอยู่บ้าง”

 

ลุงนีลล์โบกโน๊ตในมือพลางก้มหยิบกุญแจจากลิ้นชัก ก่อนจะเดินไปหยุดหน้าประตูเหล็กซึ่งด้านในเป็นห้องกว้าง

 

ผู้วิเศษก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาเท่าไร…

 

ไคลน์พึมพำ จากนั้นก็ชำเลืองมองโต๊ะทำงานที่มีไดอารีสามแผ่นวางอยู่

 

จักรพรรดิโรซายล์ศึกษาถึงเรื่องราวเหนือธรรมชาติของโลกใบนี้จนถึงแก่นแท้เลยสินะ…

 

ไดอารีของโรซายล์นั้นประเมินค่าไม่ได้

 

หากยังไม่มีใครถอดรหัสสำเร็จ คนอื่นอาจมองเป็นเพียงเศษกระดาษ แต่สำหรับตัวมันที่อ่านจีนกลางออก กระดาษพวกนี้คือสมบัติที่มีมูลค่ามหาศาล!

 

ได้แต่นึกสงสัยว่าไดอารีที่เหลือจะกระจัดกระจายอยู่แห่งหนใดบ้าง

 

ไม่ว่าอย่างไร ไคลน์ก็ต้องรวบรวมให้มากที่สุด เพื่อเข้าถึงความลับอันลึกซึ้งของโลก…

 

สมองไคลน์กำลังประมวลผลอย่างแข็งขัน เป็นการยากที่จะให้สงบนิ่งหลังจากค้นพบสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเมื่อครู่

 

จนกระทั่งลุงนีลล์เดินออกมาจากห้องพร้อมกับปิดประตูเหล็ก

 

“กระสุนปราบมารสิบนัด กระสุนลูกโม่สามสิบนัด ซองปืนรักแร้หนังวัว แล้วก็ตราหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เจ็ด… ลองนับจำนวนกับทดสอบเอาเองนะ จากนั้นค่อยเขียนลงในบันทึกเบิก”

 

ลุงนีลล์นำอุปกรณ์ที่ถูกเบิกแต่ละชิ้นวางตั้งเรียงกัน

 

กระสุนลูกโม่บรรจุมาในกล่องกระดาษสี่เหลี่ยม ตัวปลอกกระสุนมีสีเหลืองอร่ามเงางามไม่ต่างจากกระลุนลูกโม่ที่โลกเก่ามากนัก เพียงแต่ขนาดจะเล็กกว่านิดหน่อย

 

สำหรับกระสุนปราบมาร ลักษณะของมันเหมือนกับกระสุนลูกโม่ทุกประการ แต่จะถูกบรรจุในกล่องเหล็กทนทาน และปลอกทำจากโลหะสีเงินเงางาม

 

ทว่า เมื่อลองพิจารณาให้ละเอียด กระสุนปราบมารจะถูกสลักลวดลายแปลกประหลาดและซับซ้อนไว้ที่ส่วนหัว ก้นกระสุนเป็นรูปตราสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์—พื้นหลังสีดำสนิท กึ่งกลางมีจุดสีขาวมาพร้อมกับดวงจันทร์สีแดงครึ่งเสี้ยว

 

ซองปืนรักแร้ค่อนข้างเหนียวและทนทานหากมองผิวเผิน มาพร้อมกับสายรัดที่ปรับขนาดได้ตามใจชอบ ข้างซองปืนเป็นตราตำรวจขนาดใหญ่ครึ่งฝ่ามือ พื้นหลังทำจากโลหะสีเงินสลักข้อความเป็นร่องลึกเขียนไว้ว่า ‘หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่เจ็ดแห่งกรมตำรวจอาโฮว่า’

 

กึ่งกลางตราเป็นสัญลักษณ์ดาบไขว้และมงกุฏของกรมตำรวจโลเอ็น

“น่าเสียดายที่ไม่ใช่ตราเหยี่ยวราตรี”

 

ไคลน์เปรยเสียงอ่อย แต่อีกใจก็เป็นการถามหยั่งเชิง

ลุงนีลล์ไม่กล่าวสิ่งใด มันอมยิ้มพร้อมกับส่งสัญญาณให้ไคลน์ทดสอบสวมซองปืนรักแร้

 

หลังจากถอดเสื้อตัวนอกออก ไคลน์พยายามดึงสายรัดของซองปืนด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ใต้รักแร้ซ้าย จนในที่สุดก็สวมสำเร็จ

 

“ไม่เลว”

 

ไคลน์สวมเสื้อตัวนอกทับกลับเข้าไป

 

หลังจากตรวจสอบความพอดีจนเรียบร้อย ลุงนีลล์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

 

“เหมาะกับเจ้ามาก สายตาของฉันยังเฉียบแหลมเหมือนเคย”

ไคลน์หยิบอุปกรณ์ที่เบิกยัดใส่กระเป๋าเสื้อจนครบ จากนั้นก็สนทนากับลุงนีลล์เรื่อยเปื่อยอีกครู่หนึ่งก่อนจะออกจากห้อง

 

ขณะเดินมาได้ครึ่งทาง ไคลน์ตบหน้าผากตัวเองหนึ่งฉาดอย่างนึกเสียดาย

 

“ลืมถามไปเลยว่าโบสถ์เทพธิดารัตติกาลมีโอสถเส้นทางไหนบ้าง เป็นความผิดของไดอารีจักรพรรดิโรซายล์แท้ๆ เชียว…”

 

ไคลน์จึงยังไม่ทราบว่าโบสถ์ของตนมีเส้นทางใดให้เลือก รู้แต่เพียงเริ่มต้นที่ลำดับ 9

 

แต่เหมือนโรแซนจะเคยเปรยให้ได้ยินอยู่บ้าง หากจำไม่ผิดจะชื่อ ‘ผู้ไร้หลับ’ กระมัง

 

ขณะไคลน์เดินใกล้ถึงบันไดหิน ใครบางคนเดินสวนลงมาพอดี

 

มันสวมกางเกงรัดรูปที่ดูสะดวกสบายและคล่องตัว เสื้อเชิ้ตสีขาวปล่อยชายนอกกางเกง บรรยากาศรอบตัวเหมือนกับนักกวีไม่มีผิด

 

เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากนายตำรวจหนุ่มนัยน์ตาเขียวที่เคยทำคดีบ้านไคลน์ คนทั้งสองเคยสบตากันมาแล้วครั้งหนึ่งที่ชั้นบน แต่ไม่ได้สนทนากัน

 

“สวัสดียามบ่าย”

 

ตำรวจหนุ่มเหยี่ยวราตรีทักทายด้วยรอยยิ้ม

 

“สวัสดีเช่นกันครับ ผมคงไม่ต้องแนะนำตัวใช่ไหม?”

 

ไคลน์ตอบติดตลก

 

“ไม่จำเป็น ผมจำคุณได้แม่น”

 

นายตำรวจนัยน์ตาเขียวยื่นแขนขวาออกมาหาไคลน์พร้อมกล่าวแนะนำตัว

 

“เลียวนาร์ด·มิเชล… ผู้วิเศษลำดับแปด—นักกวีเที่ยงคืน”

 

ลำดับแปด… แล้วก็เป็นนักกวี!

 

ไคลน์ฉีกยิ้มพลางยื่นแขนออกไปจับตอบ

 

“คุณจำผมได้แม่น?”

 

นัยน์ตาสีมรกตของเลียวนาร์ด·มิเชลกำลังจ้องมองไคลน์อย่างไม่กระพริบ ก่อนที่มันจะตอบด้วยรอยยิ้มมุมปาก

 

“คุณพิเศษกว่าใครในสายตาผม”

 

ฟังดูเกย์ฉิบ… มุมปากไคลน์กระตุกเล็กน้อย

 

“ผมไม่เห็นว่าตัวเองเป็นแบบนั้น”

“ทั้งที่เผชิญเหตุการณ์เหนือธรรมชาติระดับนั้น แต่คุณกลับรอดชีวิตได้โดยที่เหยี่ยวราตรียังไม่ทันลงมือ เท่านี้ก็มากพอจะทำให้คุณเป็นคนพิเศษแล้ว”

 

เลียวนาร์ดชี้นิ้วไปยังทิศทางประตูยานิส

 

“ผมต้องเข้าเวรแทนหัวหน้าแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้ครับ”

 

“เจอกันพรุ่งนี้ครับ”

 

ไคลน์หันหลังและเดินขึ้นบันไดหินกลับสู่ด้านบน

 

เมื่อไคลน์ลับสายตา เลียวนาร์ดบิดตัวกลับมาจ้องมองบันไดหินที่กำลังอาบแสงสีเหลืองอ่อนจากโคมไฟ ก่อนจะพึมพำกับอากาศ

 

“สัมผัสถึงอะไรได้บ้างไหม…”

 

 

“ไม่เลย… หมอนั่นจืดชืด”

 

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ลงวันละตอน ทุกวันอังคาร - เสาร์

ติดตามผู้แปลได้ที่ : www.facebook.com/bjknovel/

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด