ตอนที่แล้วตอนที่ 47: คนที่พร้อมตายแทนคุณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 49: เผ่าพันธุ์ดิงกี้บ็อกกี้

ตอนที่ 48: น้องสาวที่รัก


ตอนที่ 48: น้องสาวที่รัก

 

เฮเซคียาห์ถอนหายใจอย่างแรง ขยับหลังพิงกับต้นไม้ที่อยู่ทางด้านหลัง เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งมืดสนิท คืนนี้เป็นข้างแรม จึงไร้ดวงจันทร์ และดูเหมือนมีเมฆมาก จึงมองเห็นดาวได้น้อยดวงเหลือเกิน เขาหลับตาลง นึกห่วงราชินีเอสเธอร์ซึ่งเขาและพริเซล่าได้พาไปส่งจนถึงมือชีล่าก่อนจะหนีออกจากเมืองหลวงมาด้วยกัน ฝ่ายนั้นรับปากกับพริเซล่าโดยพยายามไม่มองหน้าเขา ว่าราชินีเอสเธอร์จะต้องปลอดภัย

“นายคิดถึงแม่อีกแล้วสินะ” บรอธคุยกับเขา ตัวของมันเรืองแสง มอบความสว่างให้ในที่มืด

 

“เป็นห่วงเธอ ตอนนี้แกบอกฉันได้หรือยังว่าเธอปลอดภัยไหม มีข่าวอะไรหรือเปล่า” เขาพึมพำกับบรอธ

 

เสียงจ๋อมแจ๋มดังมาจากด้านหลัง พริเซล่ากำลังอาบน้ำในบึงอยู่ และขอให้เขาช่วยเฝ้าไว้ ซึ่งมันก็ไม่จำเป็นเลย เพราะถ้ามีอะไรจะเข้าโจมตีเธอ ชาวมัสตินอย่างเธอคงจัดการได้ในพริบตา ก่อนหน้านี้น้องสาวของเขาฆ่าสัตว์ในป่าที่พยายามจู่โจมพวกเขาลงได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่กะพริบตา หรือดีดนิ้วเท่านั้นเอง

“ฉันไม่สามารถแทรกแซงในพื้นที่ของไลฟ์ควอตซ์ได้เต็มที่นะ อีกสัก 3-4 วัน ฉันจะบอกอีกที” บรอธพึมพำตอบกลับด้วยประโยคซ้ำๆ เดิมๆ ที่เคยตอบ

“เฮ้อ...” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว

เสียงจ๋อมแจ๋มด้านหลังเงียบไป และเสียงร้องเพลงดังขึ้นมาแทนที่ ดูเหมือนพริเซล่ากำลังเพลิดเพลิน

“พี่คีห์...” เสียงหวานๆ ลอยมา และเธอเรียกชื่อเขาซ้ำๆ เมื่อเขาไม่ตอบ

“จะเอาอะไร มีผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าแล้วไม่ใช่เหรอ”

“พี่มานี่หน่อยสิ”

 

“เพื่ออะไรละ เธอใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเหรอ” คนเป็นพี่ถามออกไปอย่างหวาดระแวง

 

แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากพริเซล่า มีแต่ความเงียบ

 

“พริส...” เธอเงียบไปนานจนเขาเป็นฝ่ายส่งเสียงออกไปเอง

 

พอเธอไม่ตอบอีก เฮเซคียาห์ถามบรอธให้บอกเขาแทน

 

“ไม่มีอะไรหรอก แค่ว่ายไปแถวกลางบึงแล้วเท่านั้นเอง ดูเหมือนจะเจอสิ่งที่น่าสนใจเข้าด้วย อีกสักครู่เธอก็น่าจะส่งเสียงออกมา” บรอธลอยออกไปจากระยะสายตาของเขา ไปทางบึง ปล่อยเฮเซคียาห์ค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งพิงกับต้นไม้ พื้นดิ้นข้างใต้ตัวของเขาชื้นแฉะ

เสียงตู้มต้ามดังขึ้น ตามด้วยเสียงพริเซล่าหัวเราะร่า ทำให้เขาค่อยสบายใจได้

 

“พี่คะ พี่ พี่มาดูอะไรนี่สิ” พริเซล่าเสียงสั่นกลั้วหัวเราะ น่าจะทำบางสิ่งที่น่าสนุกอยู่

 

เฮเซคียาห์เรียกบรอธเบาๆ แต่บรอธไม่ยอมตอบเขา ในที่สุดเขาเลยต้องค่อยๆ ลุกจากพื้น และโผล่หน้าออกไปดูน้องสาวของเขา

“เวรเอ้ย!” เขาอุทาน เห็นร่างขาวโพลนนวลเนียนของน้องสาวเต็มสายตา

 

รอบข้างน่ะมืดมิด แต่เธอเป็นชาวมัสติน ผิวของเธอเรืองแสงโดยธรรมชาติ

 

“พี่คีห์ พี่คีห์ออกมาเถอะ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย” พริเซล่าตื้อเขาให้ออกไป “จริงๆ พี่ก็น่าจะอาบด้วยเลย ก่อนหน้านี้ตั้งสามวันก็ไม่ได้อาบ ไม่เห็นต้องรอให้น้องอาบเสร็จก่อนเลย”

“ก็บอกแล้วไงว่าพี่ไม่อยากเห็นเธอโป๊” ใจของเขานึกโกรธพริเซล่านิดๆ ที่เธอเอาแต่ตื้อแล้วเขาต้องมาพูดซ้ำซาก

 

ตอนนี้เขาเริ่มคิดอะไรบางอย่าง...

 

อ้อ ไม่ใช่เรื่องลามกหรือวิตถารหรอกนะ นั่นน้องสาวแท้ๆ ของเขา คนที่เขาเคยทำแม้แต่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้เธอ

“อยากเห็นซะหน่อยก็ได้นะ น้องน่ะไม่ว่าอะไรหรอก” เสียงของเธอเหมือนอยู่ใกล้ๆ

 

เฮเซคียาห์หันไปทางด้านขวา และต้องตกใจกับใบหน้าน้องสาวที่โผล่มา เธอดูงดงามราวกับนางฟ้า แถมยังขี่ปลาตัวใหญ่เท่ากับยานที่ใช้ขับขี่อีกด้วย ดูราวไม่ต่างจากเทพในหนังสือภาพ เจ้าปลาตัวใหญ่เกล็ดสีน้ำเงินอ้าปากพะงาบๆ มันอยู่ในก้อนหยดน้ำขนาดใหญ่ซึ่งลอยอยู่เหนือพื้น ดูท่าทีแล้วเป็นมิตรกับพริเซล่า

 

“ไปใส่เสื้อเถอะ นี่ไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นหรือยังไง มาโชว์เนื้อโชว์ตัวให้พี่ดูขนาดนี้” ชายหนุ่มหันหน้าหนี และกำลังคิดจะเดินหนีด้วย

 

“น้องเคยบอกแล้วไงว่าไม่แต่งงานกับผู้ชายคนอื่น” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด

“รีบอาบน้ำให้เสร็จเถอะ พี่จะไปรอที่เต็นท์” เขาพูดเสียงสั่นและเริ่มออกเดิน

 

“พี่ไปอาบน้ำด้วยกันเถอะ” พริเซล่าตื้ออย่างน่ากลัว เธอเดินมาดักด้านหน้าของเขาไว้

ผมของเธอมีหยดน้ำเกาะพราว เช่นเดียวกับเนื้อตัวของเธอ ภาพแบบนี้ถ้าเป็นผู้ชายชาวมนุษย์มาเห็นเข้า คงต้องรีบกระโจนเข้าไปหา หรือต่อให้เป็นหนุ่มชาวมัสติน ผู้หญิงสวยแสนเพียบพร้อมอย่างพริเซล่ามาอยู่ด้านหน้าในสภาพแบบนี้ พวกเขาอาจหมดสิ้นความสามารถในการควบคุมตัวเอง

“พริส นี่มันเป็นอย่างที่พี่คิดจริงๆ น่ะเหรอ” พี่ชายอย่างเขาอ้าปากค้าง ถอยหลังโดยอัตโนมัติ

“ตอนนี้ไม่มีเสด็จแม่อยู่แล้ว น้องคิดว่าควรพูดสิ่งที่คิดมาตลอดเสียที” พริเซล่ายืดตัวขึ้น ยอดอกของเธอท้าทายสายตาของเขา

ผิวกายของเธอขาวเสียเหลือเกิน และต่อให้ไม่ได้แตะต้อง อดีตเจ้าชายก็มั่นใจ ว่าทุกตารางนิ้วนั้นอ่อนนุ่ม และถ้าได้ลองลูบไล้อาจจะติดใจและลุ่มหลงได้ง่ายๆ

 

“ไปใส่เสื้อผ้า นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา...” เขาจ้องดวงตาสีแดง ไม่กะพริบตา

 

พริเซล่าจ้องตอบเขาอย่างท้าทาย และเดินเข้ามาหา จนร่างของทั้งคู่อยู่ในระยะประชิด เธอยกมือสองข้างขึ้นมาวางบนอกของเขา และลูบไล้กล้ามเนื้ออกของเขาไปมาอย่างไม่กระดากอาย

 

“พี่คีห์ พี่รู้อยู่แก่ใจว่าน้องไม่ได้หวังจะเป็นแค่น้องสาว”

 

“เปลี่ยนใจเถอะ พี่แสดงออกมาตลอดให้เราเห็นนะ ว่าพี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาว” เขาไม่ลังเลใจที่จะพูดความจริง

 

พริเซล่ามีสีหน้าผิดหวัง แถมดวงตายังมีน้ำตาคลอหน่วย ชวนให้เฮเซคียาห์ปวดใจด้วยความสงสารที่เขาไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเธอได้ แต่เขาไม่มีความรู้สึกกับน้องสาวเกินกว่าคำว่าพี่ชายแม้แต่นิดเดียว

 

“น้องไม่เคยคิดรักคนอื่นเลย ตั้งแต่เด็กจนโต”

 

“แต่ความรักของเรามันเป็นไปไม่ได้...” ชายหนุ่มถอนใจแรงๆ โดยสายตาไม่ยอมละไปจากการจ้องเข้าไปในดวงตาของพริเซล่า เพราะเขาไม่อยากมองไปที่อื่น และเขาไม่คิดว่าตนเองควรแสดงออกถึงความละอายกับการมอบคำปฏิเสธให้น้องสาว เขาเชื่อว่าตนทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

 

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ขาวมัสตินอย่างเราไม่ได้มีประเพณีห้ามพี่น้องแต่งงานกันเหมือนบางเผ่าพันธุ์ พี่ไม่จำเป็นต้องเห็นน้องเป็นแค่น้องสาว อีกอย่างน้องรู้ดีว่าพี่คีห์ปลื้มเสด็จแม่อย่างกับอะไรดี แล้วน้องก็เหมือนกับเสด็จแม่มาก พี่จะไม่ชายตามาเลยเหรอ ไม่มีความรู้สึกให้กับน้องเลยแม้แต่นิดเดียวเหรอ” น้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม ดูเหมือนจะคาดหวังกับเขามากและอัดอั้นจนทนไม่ไหวแล้ว

 

“พี่รักเสด็จแม่ และอาจพูดว่าอยากแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมือนกับเธอ แต่พี่เองก็ไม่รู้หรอก ว่าจริงๆ ตัวเองจะไปตกหลุมรักคนแบบไหนและอยากยอมรับคำขอแต่งงานของใคร ยังไงก็แล้วแต่ พี่รู้แน่ๆ ว่าคนๆ นั้นไม่ใช่เธอนะ พริส”

 

“ทำไมล่ะ? ทำไม” พริเซล่าร้องไห้โฮๆ “น้องไม่ดีตรงไหน”

 

“เธอดีทุกอย่างนั่นแหละ เป็นคนที่ดีมากๆ เป็นเจ้าหญิงที่งดงามเพียบพร้อม”

 

“อย่ามาพูดชมเลย ถ้าหากรักน้องไม่ได้” พริเซล่าผลักเขาออกห่าง ทำให้เขาเซ “พี่เป็นคนเดียวที่น้องรัก เป็นคนเดียวที่น้องอยากใช้ชีวิตด้วยตลอดไป”

“พริส...” เฮเซคียาห์มองน้องสาวของเขาซึ่งดูเสียใจหนักมาก

 

เธอยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้า และทรุดกายลงไปนั่งร้องไห้ต่อที่พื้น ผมของเธอซึ่งยาวกว่าสะโพกพาดคลุมบริเวณหน้าขา มองไปแล้วเซ็กซี่อยู่ไม่น้อย แต่เขาที่มองอยู่รู้สึกชื่นชมรูปโฉมของเธออย่างจิตรกรชื่นชมรูปภาพ ไม่มีความรู้สึกกำหนัดหรือมีกามตัณหาในจิตใจ

ทางด้านพริเซล่า ความเสียใจสุดๆ ของเธอเริ่มส่งอิทธิพลต่อน้ำในอากาศ อนุภาคของน้ำจับตัวเป็นก้อนกลมเล็กๆ ผิดธรรมชาติ ลอยระเรืออยู่บนพื้นใกล้กับตัวเธอ

 

“พริส ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเถอะ นี่ดึกแล้ว”

“ไม่ต้องมาห่วงหรอก! เราไม่เป็นหวัดกันอยู่แล้ว” พริเซล่าพูดด้วยเสียงสะอื้น แต่ยังซ่อนใบหน้าไว้ในฝ่ามือ “เกลียดจริงๆ เลยที่เรายังมีประเพณีแบบนี้อยู่ เรายังทำ ยังถาม เหมือนกับว่าเราจะเจ็บป่วยได้ ทั้งที่เราเอาชนะมันได้นานแล้ว ทำให้ความเจ็บป่วยกัดกินเราไม่ได้มานานแล้ว”

เฮเซคียาห์ถอนหายใจ เขามองย้อนกลับไปแล้วเห็นด้วยกับพริเซล่า

 

“ฮัดเช้ย!” เธอจามออกมา

 

คนเป็นพี่ยิ้มอ่อนๆ อย่างเอ็นดู

 

“ดูสิ เป็นหวัดไม่ได้ แต่เธอยังมีปฏิกิริยาตามธรรมชาตินะ รีบไปใส่เสื้อเถอะ จะได้สบายตัว” เขาทรุดกายลงนั่งยอง ยื่นมือไปวางบนผมนิ่มๆ ของน้องสาว และลูบไล้อย่างอ่อนโยน “เดี๋ยวพี่แปรงผมให้ดีไหม แค่เท่านั้นก็น่าจะอารมณ์ดีขึ้นได้นะ”

 

พริเซล่ายังซ่อนใบหน้าอยู่ เธอส่ายหน้าในฝ่ามือไปมาเบาๆ

 

“ถ้ายังขี้น้อยใจเกินไป พี่จะหนีไปเดินทางคนเดียวเลยนะ” เขางัดไม้ตายมาใช้ “ยังไงก็บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าเธอควรอยู่ในเมืองกับแม่ ไม่ควรตามออกมา” อดีตเจ้าชายแสร้งลุกขึ้น และจะทิ้งน้องสาวของเขาจริงๆ

 

ฉับพลัน เขาสะดุดล้ม

 

“พริส...” เขาพึมพำเสียงแผ่ว ค่อยๆ โงศีรษะขึ้นจากพื้น หน้าเขาก่อนหน้านี้ไปซุกเต็มๆ กับดินเปียกๆ

 

“ไม่ไป อย่าไปนะ” พริเซล่าเงยหน้ามามองเขาแล้ว ดวงตาของเธอแดงก่ำ ริมฝีปากเจ่อน้อยๆ เห็นชัดว่าเธอกัดเม้มไปหลายทีอย่างแรงด้วยความเครียด “อย่าทิ้งน้องไว้คนเดียว น้องไม่อยากถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว น้องไม่อยากฝันร้ายอีกแล้ว”

 

เฮเซคียาห์ลุกขึ้นมานั่งคุกเข่า มองไปที่ขาของเขาที่มีเชือกน้ำรัดไว้แน่น มันทำให้เขาเจ็บนิดๆ แต่เขาไม่คิดว่าตอนนี้ใช่เวลาจะบ่น

 

“ตลอดเวลาหลายเดือน น้องเอาแต่ฝันร้าย ฝันว่าตัวเองจะไม่ได้เจอพี่คีห์อีกแล้ว น้องไม่ต้องการฝันแบบนั้นอีกแล้ว” พริเซล่านั่งอยู่เหมือนเดิม แต่เธอดูอ่อนแอขึ้นอย่างน่าประหลาด เธอมองเขาขณะสะอึกสะอื้นตัวโยน “อย่าทิ้งน้องไปเลย ไม่รักน้องแบบชายหญิง น้องก็ไม่ว่า น้องแค่อยากอยู่กับพี่ตลอดไป”

 

“พริส...” เฮเซคียาห์เรียกน้องสาว เขาหงายมือแล้วยื่นออกไปอย่างต้องการเชิญชวนเธอให้ไปกับเขา “ดึกแล้ว ไปนอนกันเถอะ”

 

“พี่คีห์” พริเซล่าสะอื้นเสียงเบาลง มองเขาอย่างกังวลใจ “ไม่เกลียดน้องนะ”

 

“ไม่หรอก ไม่เคยเลย” เขาไม่ได้โป้ปด พริเซล่าเป็นน้องสาวที่เขารักที่สุด

 

เธอร้องไห้เสียงดังอีกครั้ง ส่วนเชือกน้ำที่ล่ามข้อเท้าเฮเซคียาห์กลับหายไปแล้ว ชายหนุ่มเอี้ยวกายไปลูบข้อเท้าของเขาเบาๆ ก่อนจะยกกายเหยียดขึ้น แล้วขยับเข่าเพื่อเข้าไปใกล้พริเซล่า ค่อยๆ ดึงร่างนุ่มๆ หอมกรุ่นของเธอเข้ามากอด มือลูบไปบนผมของเธอด้วยความรักใคร่

 

“เธอเป็นน้องสาวที่พี่จะทะนุถนอมตลอดไป เราจะอยู่ด้วยกันเสมอ” เขาตั้งใจให้คำพูดเป็นคำสัญญา

 

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาจับนิ้วเล็กๆ ของเธอไว้ เมื่อ 131 ปีก่อน เขาตั้งใจไว้แบบนั้นเสมอ

 

“แต่วันหนึ่งพี่ต้องมีคนรัก ต้องแต่งงานกับใครสักคน” พริเซล่าคลุกใบหน้ากับอกของเขา

 

น้ำตาอุ่นๆ ของเธอที่ยังไหลอยู่ เฮเซคียาห์สามารถรับรู้ได้ มันเปียกและซึมลงไปถึงเสื้อหนังที่เขาสวมใส่ ตอนนี้เขายังสวมใส่เสื้อหนังอยู่ ด้วยคุณสมบัติพิเศษของมัน มันฟื้นฟูตัวเองจนสมบูรณ์ดี ไม่หลงเหลือรอยขาด และเขาสวมทับเสื้อผ้าอื่นๆ ซึ่งพริเซล่าหามาให้ก่อนจะเดินทางออกมาจากเมืองด้วยกัน

 

“เอาไว้ให้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันเถอะ แต่พี่ก็คิดอยากให้เราอยู่ด้วยกันนะ” เฮเซคียาห์ไม่เห็นว่าพริเซล่าจำจะต้องถูกทิ้งไปถ้าเขามีผู้หญิงของเขาเอง “หรือเธอจะทิ้งพี่ไปเอง”

 

“ก็ไม่อยากอยู่ดูหน้าคนๆ นั้นทุกวันหรอก คงเหม็นกลิ่นความรักแย่” พริเซล่ามีน้ำเสียงที่ดีขึ้นเล็กน้อย

 

“ฮะๆๆ ความรักมีกลิ่นด้วยเหรอ”

 

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่เคยได้กลิ่นจากตัวน้องไหมล่ะ น้องละรักท่านพี่จริงๆ” เธอยกมือขึ้นโอบรัดรอบตัวของเขาแน่น ฝ่ายด้านพี่ชายก็กอดเธอตอบ ส่วนบรอธเริ่มมาบินวนรอบๆ แล้วมันก็ค่อยๆ พยายามแทรกระหว่างพวกเขาสองคน

 

“มันเหมือนหมาเลยนะ” พริเซล่าดูชอบบรอธมาตั้งแต่แรก

 

เธอบอกเขาว่าเกลียดบรอธไม่ลง บรอธเกิดมาจากเฮเซคียาห์ และเธอถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเขา คนซึ่งเธอไม่มีวันเกลียดได้

 

“อ๊ะ! หมาพูดอย่างฉันไม่ได้นะ” บรอธพาตัวเองไปซุกอยู่ระหว่างอกอึ๋มของพริเซล่า

 

นี่ถ้าหากมันเป็นคน เฮเซคียาห์คงจัดการกระชากมันมา แล้วกระทืบจนแหลกละเอียด แต่นี่มันเป็นแค่เศวตศาสตรา เขาเลยพยายามไม่คิดอกุศล

 

แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ทั้งที่ห้ามตัวเองไว้ เพราะบรอธยังนิ่ง อิงเสียบอยู่ตรงกลางระหว่างอกนิ่มของพริเซล่าและไม่ยอมออกไปสักที

 

“นั่นมองอะไร ไหนพี่บอกไม่คิดอะไรกับน้องไง” พริเซล่ารู้สึกถึงสายตาของพี่ชาย เธอยกมือขึ้นกอดอกและเอียงร่างไปอีกทาง

 

ชายหนุ่มรีบลุกขึ้น แล้วหันหลังให้เธอ

 

“พี่กลับไปที่เต็นท์ก่อนนะ ถ้าเธอจะว่ายน้ำเล่นอีกก็ว่ายไปเถอะ พี่รู้ว่าเธอดูแลตัวเองได้”

 

“พี่เฝ้าอีกหน่อยเถอะ” พริเซล่าเอ่ยเสียงเหนียมๆ “ใครจะรู้ละว่าน้องจะปลอดภัยได้ตลอด ถึงแข็งแกร่งกว่าพี่คีห์ในตอนนี้ แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่อาจทำอันตรายน้องได้นะ ถ้าน้องประมาท”

 

“ก็จริงของเธอ” เขาได้สติ และโล่งอกเมื่อเข้าใจว่าน้องสาวไม่ได้ให้เขามาเฝ้าเธอแค่เพราะเธออยากอ่อย

 

“เดี๋ยวขอสักชั่วโมงนะ น้องชอบน้ำที่นี่ และอยากเล่นกับโปโป้ด้วย”

 

“โปโป้?” ชายหนุ่มงงกับคำที่ฟังดูคล้ายกับจะเป็นชื่อของบางอย่าง

 

“ปลาเจ้าบึงน่ะ น้องเพิ่งตั้งชื่อให้เมื่อครู่นี่เอง ชื่อโปโป้” พริเซล่าเดินผ่านเขาไป ตรงไปยังทางบึงใหญ่

 

เขามองตามแผ่นหลังขาวนวลของน้องสาว สักครู่หนึ่งเธอก็ไปไกลตา ซึ่งเมื่อเขาไปใกล้ต้นไม้เดิมที่ใช้นั่งรอเธอเมื่อครู่ เขาก็สามารถมองไปเห็นร่างของเธอดำผุดดำว่ายอยู่กลางน้ำ เสียงหัวเราะของเธอหวานใส ซึ่งมันควรทำให้เขาสบายใจ แต่ขณะเดียวกันเขาอดหนักใจไม่ได้

 

พริเซล่ายังเชื่อมต่ออยู่กับไลฟ์ควอตซ์ต้นกำเนิด ซึ่งหมายความว่าชาวมัสตินจะสะกดรอยตามพวกเขาได้ง่ายๆ ถ้าไลฟ์ควอตซ์ต้นกำเนิดอยากให้คนอื่นตามหาเขากับน้องสาวเจอ

 

“คำเตือน: มีบางสิ่งกำลังมา” บรอธลอยมาอยู่ใกล้ๆ

 

“อะไร? มีอะไรกำลังมา”

 

ฟุบ!

 

อะไรบางอย่างปักเข้าที่คอของเฮเซคียาห์ หน้าเขาเหย

 

“โอ๊ะโทษที ฉันควรเตือนก่อน แต่ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวจะดีเอง” บรอธดูไม่เดือดร้อน แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องร้าย

 

แต่เขาไม่ชอบแบบนี้เลย

 

ใครวะ? ใครกัน? มันเป็นใครที่ยิงลูกดอกใส่เขา

 

“ราตรีสวัสดิ์นะคีห์ นี่ก็ดึกมากแล้ว” บรอธวางตัวมันลงบนตัวเขาที่กายล้มลงไปนอนกับพื้น

 

ใจของเฮเซคียาห์คิดถึงพริเซล่า สงสัยว่าที่บรอธบอกว่าเดี๋ยวจะดี จะดีแค่เฉพาะกับเขา หรือว่าดีสำหรับเธอด้วย

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด