ตอนที่แล้วตอนที่ 46: กล่องพิฆาต จอมขมังพลังอบแห้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 48: น้องสาวที่รัก

ตอนที่ 47: คนที่พร้อมตายแทนคุณ


ตอนที่ 47: คนที่พร้อมตายแทนคุณ

 

ตั้งแต่เฮเซคียาห์ออกจากพระราชวังไปใช้ชีวิตระหกระเหินเร่ร่อน นับเป็นเวลาได้เกือบปี ตลอดช่วงเวลานี้เขาคิดถึงราชินีเอสเธอร์ครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่หลายคืน เพราะระหว่างเขากับเธอผูกพันกันมากยิ่งกว่าแม่ลูกคู่ไหนๆ เพราะด้วยตำแหน่งและความสามารถ เฮเซคียาห์ไม่มีคนที่เขาไว้ใจหรือเรียกว่าเป็นเพื่อนได้จริงๆ นอกจากแม่ของเขาเอง

ตอนนี้เมื่อกลับมาเห็นเธออีกครั้ง เขาทำในสิ่งที่ตั้งใจ วิ่งเข้าไปแล้วยกมือขึ้นโอบกอดเธอแน่น

“คีห์...” เสียงของเธอเย็นและเบา มือของเธอลูบไปบนแผ่นหลังของเขาอย่างปลอบประโลม

 

“เสด็จแม่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เขาผละออกจากการกอดเธออย่างเสียไม่ได้ ไม่ได้ลืมธุระที่ตั้งใจทำ

 

ราชินีเอสเธอร์ในชุดกระโปรงสีแดงเลือดนกขลิบดำบนชายผ้า ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะข้างแก้มของเขา ดวงตาสบประสานกับเขานิ่ง แววตานิ่งงันเหมือนกับเปลวไฟที่แข็งไม่ไหวติง ซึ่งยากจะอ่านอารมณ์ได้ แต่ด้วยความเป็นลูกซึ่งคุ้นชินกับอากัปกิริยาของแม่ เขารู้สึกบางอย่าง และมั่นใจเองว่าเธอพึงพอใจกับการกลับมาพบกันอีกครั้งของพวกเขา

“ลูกรัก...”

โล่งอกไปที

 

“จะให้อธิบายให้ฟัง ไม่ใช่เรื่องยากหรอก เพียงแต่ว่า...”

 

“แต่ว่า....” เฮเซคียาห์ทวนคำพูด แล้วเลิกคิ้วอย่างหัวเสีย เขาเกลียดวิธีการพูดประเภทที่เหมือนกับจะยอมตามในสิ่งที่ขอแต่แล้วกลับหักอกเอาดื้อๆ

 

“แม่ให้ปฏิญาณกับไลฟ์ควอตซ์ว่า แม่จะตายไปพร้อมกับสิ่งที่ลูกอยากฟังเป็นคำอธิบายนั่นแหละ”

“ทำไม? ความลับอะไรกันแน่” เฮเซคียาห์กลอกตาล่อกแล่ก “ทำไมต้องปกปิดจากลูกถึงขนาดนั้น ลูกรู้เข้าเมื่อไร มันจะเป็นยังไงเหรอ เผ่าพันธุ์ของเราจะล่มสลายไปหรือยังไง”

 

“นี่ไม่ใช่เรื่องของเผ่าพันธุ์ แต่เป็นความต้องการส่วนตัวของแม่ที่จะปกป้องลูกไว้จากความเสียใจ” ราชินีเอสเธอร์ก้มหน้าลงเล็กน้อย แต่สีหน้าของเธอทั้งก่อนก้มหน้าลง และเมื่อเงยหน้าขึ้นเพื่อกลับมามองเขาอีกครั้ง มันไม่เปลี่ยนไปเลย มันทำให้คนจ้องอย่างเขาหงุดหงิด

 

เวลาที่เขาไม่มีเรื่องค้างคางใจ ก็พอคิดได้ว่าใบหน้าเรียบเฉยดูสง่างดงาม แต่ตอนนี้เมื่อเขามีเรื่องซึ่งต้องการให้เธอคายความจริงออกมา เขาจึงเริ่มคิดว่าใบหน้าของเธอเหมือนกับหน้ากาก

“ทำไมกระหม่อมต้องเสียใจด้วยที่รู้ความจริงบางอย่าง กระหม่อมไปทำอะไรลงไปหรือ หรือเสด็จแม่ทรงทำอะไรลงไปกันแน่” เขาถามอย่างคาดคั้น

“ที่ลูกไม่รู้ว่าตัวเองจะเสียใจเพราะอะไร ก็เพราะว่าลูกยังไม่รู้ไงละว่ามันเกิดอะไรขึ้นเมื่อนานมาแล้ว แต่มันไม่ใช่ลูกหรอกที่ทำให้มันต้องมีวันนี้ แต่เป็นแม่ต่างหาก แม่คนเดียวที่ทำให้ลูกเป็นแบบนี้” ราชินีเอสเธอร์ทรงขยับเข้ามาใกล้เฮเซคียาห์ แต่เขาก้าวถอยออกห่างโดยอัตโนมัติ เพราะอยากพูดคุยให้รู้เรื่องก่อน เวลานี้ไม่สนิทใจให้กอดหรือแตะต้องตัวเพื่อแสดงความรักด้วย

แววตาของราชินีเอสเธอร์ไหวริก เหมือนเปลวไฟไหวเพราะลมกำลังแรง

 

“แม้กระหม่อมไม่อาจทราบสาเหตุที่ตัวเองต้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดแบบนี้ แต่กระหม่อมยังขอทูลถามว่าพระองค์ทรงทราบวิธีช่วยให้กระหม่อมกลับไปเป็นชาวมัสตินเต็มตัวได้หรือไม่ กระหม่อมอยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

“...” ราชินีเงียบไป

 

“หรือว่ามันไม่มีทางแล้วจริงๆ” เขาร้อนใจ หน้านิ่วคิ้วขมวด อยากตะโกนแหกปากระบายอารมณ์ แล้ววิ่งเอาหัวพุ่งไปโขกผนัง

 

“วิธีน่ะมี” ราชินีเอสเธอร์หยอดใส่ขณะที่เขาคอตกไปแล้ว

“มี? เมื่อกี้เสด็จแม่ตรัสว่ามี” คนฟังเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาสดใส

 

“ใช่ มันมีวิธีให้ลูกกลับไปใช้ชีวิตแบบชาวมัสตินได้อีกครั้งอยู่ แต่ลูกต้องใจกล้าหน่อย”

 

“เสด็จแม่...” เขาจ้องหน้าราชินีเอสเธอร์ ส่ายหน้าไปมาอย่างปฏิเสธคำดูถูกใดๆ ที่อาจผ่านเข้ามา ก่อนยกมือขึ้นตบบนอกเบาๆ “ลูกนี่ใครกัน คีห์ อดีตรัชทายาทผู้เข้มแข็งนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ลูกทำได้ทั้งนั้น”

 

“เหรอ? เรื่องอะไรก็กล้วยๆ เลยใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นแม่ก็เบาใจ” ราชินีเอสเธอร์แย้มรอยยิ้ม แต่มันดูน่ากลัวแฝงความอำมหิตจนเฮเซคียาห์รู้สึกใจคอไม่ดี

 

ราชินีเอสเธอร์หมุนกายเดินย้อนไปข้างเตียง ไปหยุดแถวหัวเตียงแล้วสอดมือลงไปใต้หมอน เธอดึงเอาอุปกรณ์สามเหลี่ยมที่มีไว้ใช้ฉีดน้ำยาสังหารสีเขียวเข้าสู่ร่างกายของชาวมัสติน แล้วค่อยๆ เดินกลับเข้ามาใกล้เขา ทางเฮเซคียาห์เริ่มกังวลไปในเรื่องไม่ดี แต่พยายามปลอบใจตัวเองว่าเสด็จแม่ไม่น่ามีความคิดจะกำจัดเขา

 

“ตั้งแต่พระราชาองค์ก่อนสวรรคต ใต้หมอนก็มีของแบบนี้ตลอด เพราะอดไม่ได้ที่จะกลัว” ราชินีเอสเธอร์หัวเราะเสียงขมขื่น

“แล้วเสด็จแม่ ต้องการอะไร...” เขากลั้นใจถาม

แม่ผู้บังเกิดเกล้ายื่นอุปกรณ์สังหารมาให้เขา

“รับไว้สิ!” เธอออกคำสั่ง

 

เฮเซคียาห์รับมาถือไว้อย่างเสียไม่ได้

“แล้วก็ฉีดมันเข้ามา” ผู้เป็นแม่กระชากคอเสื้อลง

ทางด้านเฮเซคียาห์ช็อค ไม่อยากเชื่อหูว่าคนที่เขารักที่สุดกำลังอยากให้เขาสังหารเธอลง

 

“นี่พระองค์ทรงเล่นอะไรอยู่ พระองค์ต้องทรงล้อเล่นแน่ๆ” เขาผงะเมื่อราชินียกอาวุธสังหารมาประชิดกับใบหน้าเขา

เธอพยายามยัดเยียดให้เขารับไป

“ถ้าแม่ตายแล้ว ลูกจะรู้ทุกอย่าง สาเหตุที่ต้องเป็นแบบนี้ด้วย เพราะไลฟ์ควอตซ์จะเลือกลูกเป็นราชาแน่ ไม่ใช่เฮซหรือพริส”

 

“ไลฟ์ควอตซ์ทำให้ทุกคนเห็นลูกเป็นคนร้าย แล้วอะไรทำให้แม่มอง ว่ามันจะเลือกลูกเป็นราชาละ”

 

“เพราะว่าลูกเยี่ยมยอดที่สุดยังไงละ” สาวใหญ่ภายนอกดูเหมือนเป็นคนวัยเดียวกันกับลูกชาย ยกมือข้างที่ว่างขึ้นจิ้มนิ้วชี้หยั่งเชิงความนุ่มของแก้มอดีตเจ้าชาย ก่อนจะยัดเยียดอาวุธสังหารมาให้เขาต่อ

“ลูกทำไม่ได้” เขาเบือนหน้าหนี และถอยออกห่าง

 

ราชินีเอสเธอร์ขยับรุกเข้าหา

“ทำซะ! ถ้าอยากกลับมาเป็นเหมือนเดิม มันเป็นทางเดียว”

 

“เสด็จแม่ทรงเป็นบ้าไปแล้ว”

“ก็เพราะรักลูกยังไงล่ะ แม่ถึงเป็นบ้า นี่เป็นวิธีปกป้องลูกของแม่ เป็นวิธีที่ทำให้ลูกได้ชีวิตเก่ากลับมา แม่ทำทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อปกป้องลูกนะคีห์ ครั้งนี้ก็เช่นกัน” สาวใหญ่หน้าเด็กยัดเยียดอาวุธสังหารมาไว้ในมือของเขา และจับมือเขามาจ่ออยู่ที่คอของตัวเอง

“ไม่! มันต้องมีทางอื่นอีกสิ” เขาพยายามโต้เถียง และดิ้นรนไปมา แต่ขืนแรงของเธอไว้ไม่อยู่

 

ปลายเข็มกำลังจะสะกิดเข้าที่คอราชินี ส่วนนิ้วก็ใกล้จะกดโกร่งปล่อยพิษ

“ไม่! ไม่! ไม่ๆๆๆ” เขาสะบัดหน้า สะบัดตัว พยายามดิ้นให้พ้นจากการถูกจัดท่าทางจากอีกฝ่าย

 

“อ๊ะ!” เสียงคนเป็นมารดาอุทาน คงตกใจ เพราะลูกชายถึงขนาดยกเท้าขึ้นมาเพื่อยันเธอให้ออกไปห่างๆ

ตามปกติมีแต่ได้รับการปฏิบัติอย่างให้เกียรติ นี่เป็นครั้งแรกที่คนเป็นแก้วตาดวงใจแสดงท่าทีไม่สุภาพระคนกับหยาบคายด้วยเช่นนี้

 

“เสด็จแม่จะตายไม่ได้ ถ้าพระองค์ทรงตายไป แล้วไลฟ์ควอตซ์ไม่เลือกลูกเป็นผู้สืบทอด ลูกไม่ได้เป็นราชา ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” ชายหนุ่มสั่นศีรษะ หน้าเหยด้วยความกดดันที่โถมทับลงมา แล้วเขาก็หลับตาลง ตะโกนเสียงดังยืนยันเจตนารมณ์ของตัวเอง “ลูกไม่ฆ่าเสด็จแม่เพื่อให้ตัวเองกลับไปเป็นชาวมัสติน! ลูกจะไม่เลือกทางเลือกที่ทรพีแบบนั้น! ลูกจะยอมอยู่ในสภาพสัตว์ประหลาดแบบนี้ต่อไปก็ได้ ถ้ามันไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว”

 

“ยอมอยู่ในสภาพนี้เหรอ? จะบ้าไปแล้วหรือเสียสติกันแน่ ลูกดั้นด้นมาที่นี่เพื่อที่จะต้องกลับออกไปอีกในสภาพแบบนี้อย่างนั้นเหรอ?” ราชินีเอสเธอร์ส่ายหน้า ตาประสานตา “วิธีไหนก็คงไม่มี เชื่อแม่เถอะ ฆ่าแม่ซะ”

เฮเซคียาห์ส่ายหน้าไปมา และยื้อมือไว้

 

“พอสักที...” เขาอยากให้เธอหยุด “พอได้แล้ว”

ทว่า ราชินีเอสเธอร์ไม่ลดละ เธอพยายามปล้ำมือของเขาให้เอาชีวิตของเธออย่างเดียว

 

“เสด็จพี่! เสด็จแม่!” จู่ๆ พริเซล่าเปิดประตูเข้ามา

“ช่วยด้วย!” อดีตเจ้าชายส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากน้องสาว

“ช่วย?”

“ช่วยให้พี่เขาฆ่าแม่ทีสิ พริส” ราชินีเอสเธอร์หันไปจะเอาพริเซล่าเป็นตัวช่วยเสียเฉยๆ “ถ้าหากว่าฆ่าแม่แล้วละก็ รับรองว่าพี่ชายของลูกจะกลับมาเป็นมัสตินได้อย่างแน่นอน แล้วเขาจะได้เป็นราชาในที่สุด”

“แต่สิ่งที่พี่ต้องการที่สุดตอนนี้ คือใครก็ได้ที่ช่วยแยกเสด็จแม่ออกไปห่างๆ พี่! เสด็จแม่ทรงเสียสติไปแล้ว!” เฮเซคียาห์บอกความปรารถนาจริงๆ กับน้องสาวด้วยเสียงแหบแห้ง และภาวนาว่าเธอจะฟังเขามากกว่าอยากเห็นเขาได้ขึ้นเป็นราชา เพราะขนาดตัวเฮเซคียาห์เองก็ไม่กล้าฟันธงว่าพริเซล่าจะไม่กล้าทำร้ายมารดาแท้ๆ

 

พริเซล่าเคยประกาศตัวกับทุกคนอย่างชัดเจนว่าภักดีกับเขา ขนาดที่ว่ารักเขามากกว่าผู้ให้กำเนิดเสียอีก

 

แถมเธอเคยรับปากกับราชินีเอสเธอร์แบบขำๆ ว่าถ้ามีสักวันในอนาคตที่เธอต้องฆ่าพระมารดาแท้ๆ เพื่อเฮเซคียาห์ เธอก็จะทำ

 

“น้องเคยรับปากเสด็จแม่ไว้” พริเซล่าดันจำคำพูดของตัวเองได้ แต่จากสีหน้า อารมณ์ของเธอกำลังสับสนและปั่นป่วน

“นี่แม่นะพริส แล้วนี่พี่ ใจคอเธอจะปล่อยให้พี่ฆ่าแม่ได้ลงคอเลยเหรอ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ” อดีตรัชทายาทเห็นทีว่าตัวเขาต้องพูดเพื่อโน้มน้าวให้น้องสาวได้สติถึงสิ่งที่ควรทำ หรือไม่ควรทำ มากกว่ายึดติดกับคำพูดที่อาจจะพูดไปส่งๆ เพราะอารมณ์

“นี่เป็นทางเดียวที่เขาจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ ไลฟ์ควอตซ์เคยบอกแม่ไว้เอง แต่ไลฟ์ควอตซ์ก็บอกแม่แล้วละว่าเขาจะไม่กล้าฆ่าแม่หรอก เพราะฉะนั้น ลูกนั่นแหละพริส...” ราชินีเอสเธอร์ดูตั้งใจมากที่จะจบชีวิตตนเองลงให้ได้ในเวลานี้ “ฆ่าแม่ซะ!”

 

“พริส! ไม่นะ! อย่า...”

 

ชายหนุ่มตาเหลือก มองพริเซล่าที่เข้ามายื่นมือไปยังอุปกรณ์สังหารชาวมัสติน

“พอเถอะค่ะเสด็จแม่!” พริเซล่าแสดงจุดยืนออกมาด้วยคำพูดในที่สุด

 

“พริส ฆ่าแม่ซะ” ราชินีเอสเธอร์ออกคำสั่ง โดยคราวนี้บรรยากาศรอบตัวของเธอแปลกไป และดวงตาปรากฏวงสีทองขึ้นด้านในวงสีแดงอีกทีหนึ่ง

เฮเซคียาห์ตะโกนลั่นหาคนช่วย เขาตะโกนเรียกบรอธด้วย

ราชินีเอสเธอร์เพิ่งใช้พลังจิตกับน้องสาวของเขา สะกดให้เธอค่อยๆ ช่วยกดปลายเข็มของอุปกรณ์เข้าไปในเนื้อ

 

“เศวตศาสตราของลูก มันเป็นของดีนะ น่าเสียดายที่อีกไม่นาน มันคงสลายกลายเป็นแค่หินควอตซ์ธรรมดาๆ” เข็มทิ่มเข้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว และสารเคมีสีเขียวกำลังไหลแทรกซึมเข้าไปในร่างบางเล็กๆ ที่เฮเซคียาห์เห็นเป็นขวัญใจตลอดมา

 

“ไม่ๆ... ไม่ๆๆๆๆ” เฮเซคียาห์ตะโกนลั่น เขามองมือของราชินีเอสเธอร์ที่เธอกรีดมันด้วยปลายเล็บของเธอเอง

 

แผลมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ทั้งที่ปกติคงสมานไปแล้วอย่างรวดเร็ว

 

“ในที่สุดลูกก็จะได้กลับมาคีห์ ที่นี่ ที่ของลูก”

“ทำไม? ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้”

“เพราะมันเป็นทางเดียวจริงๆ แม่พยายามหาทางอื่นแล้วหลังส่งลูกออกไปพร้อมกับเศวตศาสตรา แต่มีเพียงทางนี้เท่านั้น ซึ่งแม่ยอม มันเป็นความผิดของแม่ตั้งแต่แรกที่ทำแบบนั้นกับลูก ที่ทำแบบนั้น...” ราชินีเอสเธอร์เริ่มเพ้อ ยาสีเขียวเดินเข้าสู่กระแสเลือดจนหมดหลอดแล้ว

 

ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรง และร่างหนึ่งลอยพุ่งเข้ามา เท้าเตะฟาดใส่เฮเซคียาห์จนกระเด็น ก่อนเจ้าตัวจะหันไปตบพริเซล่าจนกระเด็นไปนั่งลงกับพื้น

 

“เฮซ” น้องสาวของเขาได้สติขึ้นมาและจ้องหน้าพี่ชายคนรองอย่างกินเลือดกินเนื้อ

 

เฮเซเคียวไม่สนใจพริเซล่า เขาก้มลงไปแตะตัวราชินีเอสเธอร์ที่นอนอยู่บนพื้น

“ให้ตายเถอะ! พวกแกทำอะไรกัน?” ดวงตาของเฮเซเคียวจ้องนิ่งบนร่างราชินีเอสเธอร์ ฉวยมือเต็มไปด้วยเลือดขึ้นมาดูอย่างไม่อย่างเชื่อสายตา

“ช่วยเสด็จแม่ด้วย จะปล่อยให้สิ้นพระชนม์อย่างนี้ไม่ได้”

 

“ได้สิ...” เฮเซเคียวตอบกลับมาอย่างผิดคาด “ตายๆ ไปซะ ถ้าตายแล้ว ไลฟ์ควอตซ์จะได้เลือกฉันขึ้นมาแทน”

เฮเซคียาห์ตกตะลึง เขาเคยคิดมากว่าเฮเซเคียวจะทำเรื่องโหดอำมหิตอย่างสังหารราชินีเอสเธอร์ แต่เขาก็ยังมีที่ว่างในใจเหลือให้คิดว่าอีกฝ่ายยังมีจิตใจแบบมนุษย์ แม้คุณธรรมเล็กน้อย แต่ก็จะไม่ฆ่าบุพการีของตัวเอง แต่ดูเหมือนความคิดของเขาผิดไปจากความจริงมาก

 

“ช่วยเสด็จแม่หนีไปเร็ว ไปหาชีล่า ชีล่าแก้พิษนั่นได้” เขารีบใช้สติบอกกับพริเซล่า

“ไม่มีใครจะได้ไปไหนทั้งนั้น” เฮเซเคียวตะโกนลั่น

 

แต่พริเซล่าชิงจังหวะที่อีกฝ่ายมัวประกาศตนอย่างกร่างๆ นั่นแหละ ทำให้สปริงเกอร์สกัดไฟไหม้เหนือศีรษะระเบิดและเปลี่ยนให้น้ำที่ไหลลงมากลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ไปทิ่มแทงร่างของเฮเซเคียวที่คำรามอย่างโกรธจัด เช่นเดียวกัน เธอใช้น้ำเพื่อสร้างน้ำแข็งเป็นโลงแก้ว ห่อหุ้มร่างของมารดาไว้

 

ความเย็นจะช่วยชะลอพิษไว้ได้ด้วย

“ฉันไม่ให้พวกแกได้ไปไหนหรอก” เฮเซเคียวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

ทันใดนั้นเองเกิดการระเบิดรุนแรงจากร่างของเฮเซเคียว ความร้อนสูงพุ่งมาหาเฮเซคียาห์ เขารับรู้ได้ว่าร่างกายกำลังไหม้เป็นจุณ

แต่ก่อนจะหมดสตินั่นเอง

 

“เฮ้! ไอ้หนู...” เสียงหนึ่งคุ้นเคยแว่วเข้าหู “ให้ตายเถอะ ฉันแค่แอบอยู่ในตู้ ว่าจะไม่ยุ่งแล้ว แต่ก็ต้องยุ่ง”

 

ร่างของเฮเซคียาห์ถูกเทเลพอร์ตอย่างรวดเร็วออกมานอกตัวพระราชวังที่ลุกไหม้ เขาเงยหน้าที่ผิวยังแสบร้อนเพราะถูกไฟลวก ตาหยีมองคนคุ้นเคยที่เคยประกาศกร้าวเองว่าไม่ต้องการให้พวกเขามาเจอะเจอกันอีก

“เมเดียน...” ชายหนุ่มเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงแหบพร่า

“แค่ครั้งนี้ ช่วยเธอแค่ครั้งนี้อีกครั้งเดียว...” เมเดียนลากเสียงแล้วถอนหายใจอย่างปลงๆ บางอย่างทำให้เฮเซคียาห์รู้สึกว่าพวกเขาอาจกำลังจะทเลพอร์ตอีกครั้ง

แต่แล้ว บางอย่างที่เย็นและเปียกกลับแตะต้องโดนเขา และรัดรอบตัว กระชากเขากลับมา

 

“เขาเป็นของฉันย่ะ! ไอ้นกเอ้ย! นกก็อยู่ส่วนนก ไปไกลๆ นกๆๆ” พริเซล่าเกรี้ยวกราด ดูจากสภาพแล้วเธอปลอดภัยจากการระเบิดร่างของเฮเซคียว แต่เสื้อผ้าของเธอก็ไหม้เป็นจุณไปด้วย ดังนั้นตอนนี้เธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ลอยในอากาศ เธอใช้เชือกสายน้ำพาเฮเซคียาห์มาอยู่ข้างตัวเธอ

“ชิ้วๆๆ” พริเซล่าโบกมือให้กับเมเดียน

เฮเซคียาห์ขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าทั้งคู่รู้จักกันหรือเพิ่งพบกันครั้งแรก แต่เมเดียนไม่อยู่ให้ถาม เทเลพอร์ตหายลับไปจากสายตาก่อน

“น้องจะพาเสด็จแม่ไปทิ้งไว้กับชีล่า แล้วเราต้องรีบออกนอกเมืองกัน” พริเซล่าบอกแผนกับเขา

“พริส น้องจะไปกับพี่อย่างนั้นเหรอ? น้องควรอยู่ที่นี่” เขาไม่อยากให้น้องลำบากลำบน

ไม่!!! พี่อยู่ที่ไหน น้องก็จะอยู่ที่นั่นด้วย”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด