ตอนที่แล้วตอนที่ 214 สถานการณ์พลิกผัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 216 เข้าสู่ตำหนักของชายผู้เป็นดั่งเทพบุตร

ตอนที่ 215 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอร่อยเสมอ


เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด จมูกของฮูหยินผู้เฒ่าพองด้วยความโกรธ “เจ้าต้องการแต่งงานกับเฟิงเฉินหยูหรือ ?”

เฉินชิงตอบอย่างจริงใจ “นั่นเป็นเรื่องจริงขอรับ และข้าหวังว่าท่านฮูหยินผู้เฒ่าจะช่วยให้ข้าสมหวังได้ขอรับ”

“ช่วยให้สมหวังหรือ ?” ฮูหยินผู้เฒ่าชี้ไปที่เขา “พูดมาสิ ! เป้าหมายที่แท้จริงของเจ้าในการมาที่คฤหาสน์เฟิงของข้าคืออะไร ?”

เฉินชิงตกใจและรีบตอบว่า “การเตรียมตัวสอบจอหงวนขอรับ”

“เมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อเตรียมตัวสอบ ทำไมมาพูดเรื่องแต่งงานล่ะ?” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งโมโหมากขึ้น นางพูดว่า “จินหยวนหวังว่าเจ้าจะสอบได้อันดับที่ดีและทำให้เจ้ามีจุดยืนที่ดีขึ้น แต่จิตใจของเจ้าเต็มไปด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิงเท่านั้น นี่เป็นคำสอนของเขาในปีก่อน ๆ หรือ ?”

“สิ่งนี้…” เมื่อเฉินชิงได้ยินสิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว เขารู้ว่าเขาประมาท แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เฟิงเฟินไดพูดกับเขา นอกจากนี้ตอนที่เฟิงเฉินหยูร้องไห้ต่อหน้าเขาเมื่อสองสามวันก่อน เขาไม่สามารถยับยั้งตัวเขาไว้ได้ เขาได้แต่กล่าวว่า "เฉินชิงทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อการสอบจอหงวนไม่เคยเปลี่ยนแปลง ความรู้สึกของข้าต่อลูกพี่ลูกน้องเฟิงเฉินหยูก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเช่นกัน เมื่อป้ายังมีชีวิตอยู่ นางปฏิเสธไม่กี่ครั้ง เฉินชิงก็ยอมแพ้แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องอย่างเฉินหยูมีชีวิตอยู่ในคฤหาสน์เช่นนี้ ข้าขอร้องให้ท่านฮูหยินผู้เฒ่าอนุญาตให้ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกับข้า เฉินชิงจะปกป้องนางเองขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่าจำได้ว่านางเคยได้ยินเรื่องที่เฉินชิงขอแต่งงานกับเฟิงเฉินหยู แต่ในเวลานั้นเฟิงจินหยวน และเฉินซื่อทั้งคู่ต้องการให้เฟิงเฉินหยูกลายเป็นว่าที่ฮองเฮา พวกเขาจะพิจารณาเฉินชิงได้อย่างไร อย่างไรก็ตามในตอนนี้ดูเหมือนว่าหากเฟิงเฉินหยูจะถูกจับคู่กับเฉินชิงก็ไม่เลวร้ายเกินไป แต่นางก็ยังรู้สึกโกรธคนในตระกูลเฉิน นางตัดสินใจแล้วว่าไม่อยากเห็นสมาชิกในตระกูลเฉินอีกต่อไป หากไม่ใช่เพราะคำขอของเฟิงจินหยวน เฉินชิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในคฤหาสน์เฟิงเป็นแน่

“ไม่” ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายหัว “ตระกูลเฟิงของข้าและตระกูลเฉินของเจ้าได้ตัดความสัมพันธ์จากกันไปแล้ว เมื่อเฉินซื่อยังมีชีวิตอยู่นางปฏิเสธเจ้าไปแล้วอย่างชัดเจน ตอนนี้นางไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป อย่านำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก”

“แต่…” เฉินชิงกลายเป็นกังวล “ลูกพี่ลูกน้องเฉินหยูกำลังทุกข์ทรมานกับความคับข้องใจในคฤหาสน์เพราะฮูหยินผู้เฒ่าไม่สนับสนุนนาง เหตุใดเรื่องนี้จึงไม่อาจรับปากได้ นอกจากนี้เฉินชิงเชื่อว่าลูกพี่ลูกน้องเฟิงเฉินหยูมาหาข้า…นางก็รู้สึกเช่นเดียวกับกับข้าขอรับ”

“คุณชายเฉิน อย่าได้กล่าวอะไรอีกเลย !” ยายจาวทนดูไม่ไหวแล้ว “ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพูด มันจะเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าจะทำให้ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์เราเสียหายเช่นนั้นหรือ ?

ฮูหยินผู้เฒ่าที่เงียบ และพูดว่า "ผู้คนในตระกูลเฉินล้วนเป็นอย่างนี้"

ใบหน้าของเฉินชิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองพูด เขารู้ด้วยว่าเขาพูดผิดไป แต่เขาก็ไม่ใช่คนช่างเจรจา เขาจะเอาชนะฮูหยินผู้เฒ่าและยายจาวในเรื่องฝีปากได้อย่างไร

ในขณะที่รู้สึกหดหู่ เขาได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ใครบอกเจ้าว่าข้าไม่สนับสนุนเฉินหยู ? ใครบอกเจ้าว่าเฉินหยูทุกข์ใจ ? ใช้ความคุ้นเคยจากการที่เจ้ามีบ้านเกิดเดียวกัน เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ หากเจ้าเป็นเช่นนี้ เจ้าจะประสบความสำเร็จในการสอบจอหงวนในฤดูใบไม้ผลิได้อย่างไร” ยิ่งนางพูดมากเท่าไหร่นางก็ยิ่งโมโหมากขึ้น “หลานสาวคนรองของข้าคือองค์หญิงแห่งมณฑล ตอนนี้นางยังเรียกฮ่องเต้ว่าเสด็จพ่อ ดูเหมือนว่าข้าต้องให้อาเฮงเข้าไปในพระราชวังเพื่อตัดชื่อของเจ้าออก เจ้าไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการสอบที่กำลังจะมาถึง !”

“ไม่ได้ขอรับ! ท่านฮูหยินผู้เฒ่าทำแบบนั้นไม่ได้นะขอรับ!” เฉินชิงกลายเป็นลนลานขึ้นมาทันที เขาได้พบกับคุณหนูรองตระกูลเฟิงซึ่งเป็นองค์หญิงแห่งมณฑล เขายังเคยสัมผัสกับคำพูดที่แหลมคมของนาง แม้แต่ลุงของเขา เฟิงจินหยวนก็ไม่สามารถเอาชนะนางได้ ถ้านางเข้าไปในพระราชวังจริงและพูดแบบนั้น ที่เขาเฝ้าร่ำเรียนมา 10 ปีจะไม่สูญเปล่าหรือ ?

ในไม่ช้าความคิดของเขาเกี่ยวกับการแต่งงานกับเฟิงเฉินหยูก็เหือดหายไป เฉินชิงโค้งคำนับกับฮูหยินผู้เฒ่าและกล่าวว่า “เฉินชิงเป็นผู้เยาว์และพูดไม่ถูกต้อง ข้าหวังว่าท่านฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ถือโทษข้า อย่าทำตามที่พูดเลยขอรับ !”

“หืมม !” ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าเขาตกใจ และในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างไรก็ตามนางถามว่า “เจ้าอยู่อันดับที่เท่าไหร่ในระหว่างการสอบฤดูใบไม้ร่วง”

เฉินชิงตอบว่า “อันดับที่ 5 ขอรับ”

“อันดับที่ 5…นั่นไม่ใช่อันดับที่สูงมาก” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างนี้ เรื่องนี้ทำให้ยายจาวไม่สามารถกลั้นยิ้มได้ อันดับ 5 ไม่ดี? นั่นคือทั้งหมดของราชวงศ์ต้าชุน แต่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเช่นนั้น นางไม่ได้พูดในเรื่องนี้อีกต่อไป นางกล่าวว่า “การสอบจอหงวนจะเกิดขึ้นหลังจากฤดูใบไม้ผลิมาถึงเท่านั้น เจ้ามาเร็วไปหน่อย เป็นไปได้ไหมที่เจ้าจะใช้เวลาช่วงปีใหม่ที่คฤหาสน์เฟิง?”

เฉินชิงไม่รู้จะตอบอย่างไร ตอนแรกเขาต้องการที่จะใช้เวลาช่วงปีใหม่ที่คฤหาสน์เฟิง แต่เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าพูดเช่นนี้เขารู้สึกอายเล็กน้อย ป้าของเขาจากไปแล้วและตอนนี้เฟิงเฉินหยูก็เป็นแค่บุตรสาวของอนุ สำหรับเขาที่จะใช้ชีวิตต่อไปในคฤหาสน์เฟิงเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล แต่ตอนนี้เขามาแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะต้องย้ายออก ?

โชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังเห็นแก่หน้าของเฟิงจินหยวน “เมื่อเจ้ามาแล้ว ข้าไม่สามารถไล่เจ้าออกไปได้ แต่ลานภายในของตระกูลเฟิงเป็นผู้หญิงทั้งหมด ตอนนี้เฟิงจินหยวนไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง การมีชายคนหนึ่งเดินไปรอบ ๆ ลานนั้นขัดกับกฎอย่างแท้จริง”

นี่คือสิ่งที่เฉินชิงเห็นใจ เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ในลานด้านในโดยเฉพาะกับฮันชิ ทุกครั้งที่เขาเจอนางโดยบังเอิญเขาจะถูกแกล้ง ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง

“ถ้าเช่นนั้นความหมายที่ท่านฮูหยินผู้เฒ่าพูดก็คือ…”

“ให้พ่อบ้านจัดให้เจ้าอยู่ที่พักในลานด้านนอก เจ้าไม่ต้องมาเคารพข้าทุกวัน แค่ตั้งใจศึกษา คิดถึงเรื่องไร้สาระให้น้อยลง เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ลานภายในโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า”

“ขอรับ เฉินซิงจดจำได้ ท่านฮูหยินผู้เฒ่าอย่ากังวลขอรับ”

“ดี” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “กลับไปเก็บข้าวของใช้ ข้าจะให้บ่าวรับใช้ไปส่งเจ้า” เมื่อนางพูดอย่างนี้ นางมองไปที่บ่าวรับใช้คนหนึ่งที่อยู่ข้างนาง และบ่าวรับใช้ก็เข้าใจทันที นางยิ้มให้เฉินชิง “คุณชายเฉินโปรดตามข้ามาเจ้าค่ะ!”

ก่อนหน้านี้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นนายน้อย แต่ตอนนี้มันเป็นคุณชายเฉินที่ดูเหินห่างกันมาก เฉินชิงเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเฟิงกับตระกูลเฉินนั้นตัดขาดไปแล้วอย่างแท้จริง

เขาไม่ประสบความสำเร็จในการขอแต่งงานกับเฟิงเฉินหยูและรู้สึกเศร้าสลดอยู่ในใจ หลังจากออกจากลานเรือนซูหยาไปกับบ่าวรับใช้ เขาเตะก้อนกรวดลงบนพื้นเพื่อระบาย แต่สิ่งนี้ทำให้บ่าวรับใช้ที่อยู่กับเขาตกใจ เมื่อนางมองไปที่เฉินชิง นางเห็นว่าใบหน้าของเขาแดงมากจนดูเหมือนว่าเลือดไหลออกมา ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธและเขาก็ดูน่ากลัวมาก

บ่าวรับใช้ตกใจมากและเพิ่มความเร็ว นางหวังอย่างยิ่งว่าจะทำภารกิจนี้ให้เสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นกลับไปรายงานต่อฮูหยินผู้เฒ่า นางกลัวว่าจิตใจคุณชายเฉินที่เต็มไปด้วยความโกรธ ใครจะรู้ว่าเขาจะระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อใด

ในด้านนี้เฉินชิงถูกไล่ออกจากเรือนชูหยา ในขณะที่เขาถูกส่งตัวไปอาศัยอยู่ที่เรือนด้านนอก หลังจากนั้น 1 ชั่วยามข่าวนี้ก็ถูกส่งไปยังเฟิงเฟินได

เป่ยเอ๋อก่อปัญหามากมายกับเฟิงเฟินได แม้ว่านางจะไม่ได้มีอิทธิพลมากนัก แต่นางก็ยังมีคนคอยส่งข่าวให้ในคฤหาสน์

ใบหน้าของเฟิงเฟินไดเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธขณะฟังเป่ยเอ๋อ นางยังคุกเข่าอยู่ที่วัด แต่ไม่สามารถหยุดยั้งคำสบถของนางได้ “โง่ ! ข้าต้องการให้มันเกลียดเฟิงหยูเฮง แต่มันกลับไม่ได้สร้างปัญหาให้กับเฟิงหยูเฮง กลับวิ่งไปหาท่านย่าพูดเรื่องการแต่งงาน แน่นอนว่าบัณฑิตทุกคนเป็นคนโง่! ไร้ค่า !”

เป่ยเอ๋อร์ปิดปากของเฟิงเฟินไดอย่างรวดเร็ว “คุณหนู พูดเบา ๆ เจ้าค่ะ บ่าวรับใช้นี้เพิ่งเห็นบ่าวรับใช้ของท่านฮูหยินผู้เฒ่ากลับมา พวกเขาเฝ้าอยู่ด้านนอกประตู พวกเขาจะได้ยินนะเจ้าคะ”

เฟิงเฟินไดเข้าใจสิ่งนี้และหุบปากของนางทันที นางครุ่นคิดเงียบ ๆ ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

เฟิงหยูเฮงไม่ได้พักผ่อนมากในขณะรักษาขาของซวนเทียนหมิง หลังจากส่งเขาออกไปนางก็หลับยาว แต่พอตกกลางคืนนางก็ตื่น

ท้องของนางว่าง นางต้องการให้บ่าวรับใช้ทำอาหารให้ แต่นางก็รู้สึกว่ามันลำบาก เนื่องจากจะต้องจุดไฟก่อนที่จะเริ่มทำอาหารและรอให้สุก นางคงทนไม่ไหว

หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย นางจึงตัดสินใจเข้าไปในร้านขายยา และดึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาหนึ่งถ้วย

นับตั้งแต่นางมาอยู่ยุคโบราณ นางไม่ค่อยทานอะไรแบบนี้มากนัก แม้ว่าสิ่งของในร้านขายยาของนางจะไม่ลดลง แต่ต้องเผชิญกับผลิตภัณฑ์อาหารสดใหม่ในยุคโบราณ แต่นางไม่ต้องการที่จะกินอาหารสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยสารเคมีอีกต่อไป แต่มีบางสิ่งที่แปลกอยู่เสมอ คุณรู้ชัดเจนว่าพวกเขาไม่แข็งแรงและคุณจะรู้สึกคลื่นไส้หลังจากกินมากเกินไป แต่การไม่กินอาหารนาน ๆ จะทำให้คุณพลาดอย่างสุดซึ้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นหนึ่งในนั้น

เฟิงหยูเฮงต้มน้ำในมิติของนางแล้วเทลงในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แม้ว่าประตูห้องผ่าตัดชั้นบนจะปิดอย่างแน่นหนา แต่กลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อยังคงลอยอยู่ในอากาศ บางทีนางอาจใช้เวลามากเกินไปในพื้นที่ของนางในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นในจมูกของนางและไม่ได้ระบายออกเวลานาน

เมื่อนางทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเสร็จและออกจากพื้นที่ นางก็จะได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างนอก นางอ้าปากแล้วเรียกว่า “วังซวน”

คนข้างนอกผลักประตูอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่านางไม่คิดว่าเฟิงหยูเฮงจะตื่นขึ้นมาจริง ๆ แล้วก็ตกใจเล็กน้อย จากนั้นนางก็พูดว่า “บ่าวรับใช้คนนี้คิดว่าคุณหนูจะนอนจนถึงรุ่งเช้าเจ้าค่ะ” วังซวนพูดขณะเดินไปข้างหน้า “คุณหนูหิวหรือเจ้าคะ ?”

เฟิงหยูเฮงจะยอมรับได้อย่างไร ดังนั้นนางจึงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่หิว ข้าแค่นอนไม่หลับ ในเมื่อข้าตื่นขึ้นมาแล้ว มีเรื่องที่ข้าต้องคุยกับเจ้า”

เมื่อได้ยินว่ามีบางอย่างที่จะพูดคุยด้วย ท่าทางของนางเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “คุณหนูรองเป็นห่วงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเสนาบดีเฟิง ? คุณหนูต้องการให้บ่าวใช้คนนี้ไปดูหรือไม่เจ้าค่ะ ?”

“ไม่” นางส่ายหัว “ซวนเทียนหมิงส่งคนไปดูแล้ว ข้าอยากให้เจ้าไปที่เสี่ยวโจว”

“ไปเยี่ยมนายน้อยหรือเจ้าค่ะ ? นอกจากนี้เรื่องที่ยังไม่ได้พูดถึงครั้งล่าสุดเกี่ยวกับการพาคนมาด้วย”

“อืม” เฟิงหยูเฮงไตร่ตรองเล็กน้อย “ต้องไปเยี่ยมจื่อหรู ในขณะที่เจ้าอยู่ที่นั่นให้นำเสื้อผ้าที่อนุอันเย็บไปด้วย นำตั๋วแลกเงินไป แล้วก็พาฉิงหยูไปด้วย และไปที่ร้านห้องโถงสมุนไพร ให้วังหลินเลือกบุคคลที่สามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ และพาพวกเขาไปที่เสี่ยวโจวด้วย”

“ต้องการคนมากหรือน้อยเจ้าค่ะ?” วังซวนไม่เข้าใจแต่ก็ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามว่า “คุณหนูจะไปเปิดร้านห้องโถงสมุนไพรที่เสี่ยวโจวหรือเจ้าค่ะ ?”

“ใช่” เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ข้าต้องการเปิดร้านห้องโถงสมุนไพรที่เสี่ยวโจว เจ้าและฉิงหยูจะเป็นคนตัดสินใจเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของร้าน วิธีการซื้อสมุนไพรจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด คนที่ได้รับการแต่งตั้งจากวังหลินให้อยู่ที่นั่นในฐานะเจ้าของร้าน ฉิงหยูจะต้องอยู่ที่นั้นอีกนาน เด็กหญิงเหล่านี้สามารถส่งไปยังห้องโถงสมุนไพรและให้หยิงเทียนดูแลผู้ป่วย ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ห้องโถงสมุนไพรที่เสี่ยวโจวจะใหญ่กว่าในเมืองหลวง”

วังซวนไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ เฟิงหยูเฮงต้องการที่จะเปิดร้านห้องโถงสมุนไพรในเสี่ยวโจว แต่นางรู้ดีว่าลูกน้องของนางมักจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เนื่องจากนางต้องการเปิดร้านก็ต้องเปิดร้าน นางพยักหน้าและกล่าวว่า “บ่าวรับใช้คนนี้จะไปคุยกับฉิงหยูทันที หากมีเวลาเราจะเดินทางออกไปในวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”

“เจ้าสามารถตัดสินใจเองได้ เดินทางให้ระมัดระวังมากขึ้น และใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อออกจากเมืองหลวงอย่าแสดงตัว องค์ชายสามคอยจับตาดูเราอยู่เสมอ ถ้าเขาค้นพบและวางแผนการซุ่มโจมตีบนถนนนั่นคงไม่ดี ถ้าเป็นเจ้าคนเดียว เจ้าก็สามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย แต่มีฉิงหยูและคนอื่น ๆ เจ้าจะเหนื่อยมาก” เฟิงหยูเฮงรู้สึกเหมือนเป็นมารดา แต่นางก็ยังเชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเอง “จำไว้ว่า ไม่ว่าเจ้าจะเจออะไรก็ตาม การมีชีวิตอยู่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การครอบครองวัตถุใด ๆ นั้นไร้ค่าเมื่อเทียบกับชีวิตของเจ้า แม้ว่าภารกิจจะไม่สำเร็จหรือจะล้มเหลว ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่จะมีโอกาสสำเร็จในครั้งต่อไป ดังนั้น ข้าจะไม่อนุญาตให้เจ้าตัดสินใจที่จะจบชีวิตของเจ้าเอง เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”

วังซวนพยักหน้าอย่างจริงจัง แนวคิดที่เฟิงหยูเฮงพยายามตอกย้ำความคิดของนางซ้ำ ๆ ทุกวัน ทำให้นางรู้สึกประทับใจมาก คนอย่างนางได้รับการบอกเสมอว่าภารกิจสำคัญที่สุด เมื่อได้รับคำสั่งพวกเขาจะเริ่มทำงานทันที เมื่อใดกันที่เจ้านายใส่ใจชีวิตของพวกเขา

แต่สำหรับเฟิงหยูเฮง นางห่วงใยราวกับว่านางเป็นญาติ นางเพียงต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าจะทำผิดพลาดมากแค่ไหน ตราบใดที่คน ๆ นั้นยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นเรื่องที่ดี

“บ่าวรับใช้ผู้นี้ขอบคุณคุณหนูรองมากเจ้าค่ะ” นางพูดเบา ๆ เพราะนางซึ้งใจมาก

อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงไม่ตอบสนอง นางตะโกนไปที่ประตู "ใครอยู่ข้างนอก ? "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด