ตอนที่แล้วตอนที่ 215 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอร่อยเสมอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 217 แส้ในมือของข้าจะช่วยสอนเจ้าเอง

ตอนที่ 216 เข้าสู่ตำหนักของชายผู้เป็นดั่งเทพบุตร


หลังจากเฟิงหยูเฮงกล่าวว่า "ใครอยู่ข้างนอก" คนแรกที่ตอบโต้คือวังซวน นางหันกลับมาที่ประตูทันที ดึงประตูเปิดออกด้วยมือข้างหนึ่งนางเอื้อมมือออกไปอีกข้างหนึ่งเพื่อคว้าคอของคนนั้น

ผู้ที่ถูกคว้าคอตัวสั่นด้วยความกลัวและรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “พี่วังซวน ข้าเอง!”

วังซวนเห็นว่ามันเป็นฉิงซวง ดังนั้นนางจึงปล่อยมือออก

ฉิงซวงกลัวมาก ใบหน้าของนางซีด เมื่อเห็นวังซวนปล่อยมือออกไป ในที่สุดนางก็ถอนหายใจ “ข้ากลัวพี่สาวมาก ! พี่วังซวน ข้าเป็นห่วงว่าคุณหนูรองจะหิวในตอนกลางคืน ข้าจึงเตรียมน้ำแกงมาให้เป็นพิเศษ ข้าแค่สงสัยว่าข้าควรเข้ามาหรือไม่ ถ้าคุณหนูรองไม่ได้ตื่นขึ้นมา”

วังซวนขยับไปด้านข้าง “ข้าคิดว่ามีคนมองผ่านรอยแยกของประตูตอนกลางดึก ตอนข้าเข้ามาคุณหนูรองก็ตื่นแล้ว”

จากนั้นจึงก้าวเข้าห้องและวางชามตรงหน้าเฟิงหยูเฮง “คุณหนูรองยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนนี้ ตอนนี้ก็กลางคืนแล้ว ไม่ควรจะไม่กินมากเกินไป เพียงแค่ดื่มน้ำแกงก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

“ไม่เป็นไร” เฟิงหยูเฮงไม่พูดอะไรเลย นางพยักหน้าและฉิงซวงก็ไม่ได้รั้งรออยู่นาน หลังจากวางถ้วยน้ำแกงแล้วนางก็ออกไป

แม้หลังจากฉิงซวงออกไปแล้ว เฟิงหยูเฮงก็ยังคงมีใบหน้าเยือกเย็น วังซวนเห็นสิ่งที่นางกำลังคิดและพูดว่า “นานพอสมควรแล้วตั้งแต่ที่ฉิงซวงเข้ามาในคฤหาสน์ ทั้งในและนอกคฤหาสน์นางเป็นผู้ที่จัดการสิ่งต่างๆ และนางไม่เคยทำผิดพลาด คุณหนูกังวลเกินไปหรือไม่เจ้าค่ะ”

“จริงหรือ ?” เฟิงหยูเฮงยิ้มและส่ายหัว “ข้าหวังว่าข้าจะคิดมากเกินไป แต่ลองดู” นางพูดอย่างนี้แล้วชี้ไปที่ชามน้ำแกงบนโต๊ะ

วังซวนตกใจ “น้ำแกงมีอะไรหรือเจ้าค่ะ”

“ไม่” นางพูดว่า “น้ำแกงอร่อยมาก วังซวน เราทั้งคู่ต่างฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ และเราทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าคนอื่นตกใจกับความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงใด แม้ว่านางจะตกใจมากเพียงใด แต่นางก็สามารถยกน้ำแกงมาได้โดยไม่หกสักนิด บอกข้าสิ ข้าคิดมากเกินไปหรือไม่ ?”

เมื่อได้ยินเฟิงหยูเฮงพูดเช่นนี้ วังซวนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ตอนนั้นใบหน้าของฉิงซวงซีดจากความกลัว แต่มือของนางยังคงนิ่ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่บ่าวรับใช้ทั่วไปสามารถทำได้

“บ่าวรับใช้คนนี้จะไปตามตัวนางมา !” วังซวนขมวดคิ้วแล้วหันหลังไป อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงหยุดนางไว้

“หยุดก่อน” นางหยุดวังซวน “ไม่ต้องรีบ ลองมาดูสิ่งที่นางหวังอะไรจากการเข้ามาเป็นบ่าวรับใช้มาเรือนของเรา”

วังซวนหยุด และคิดเล็กน้อย แต่นางก็ยังเป็นห่วง “ข้าจะคอยเฝ้าคุณหนูในคืนนี้”

“เจ้าต้องเตรียมตัวเดินทางไปทางไปเสี่ยวโจวในวันพรุ่งนี้ หากเจ้าไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ก็ให้เรียกหวงซวนไป”

ในคืนนั้นหวงซวนอยู่นอกห้องของเฟิงหยูเฮง แต่คนข้างในก็ไม่ได้นอนมากเช่นกัน

เฟิงหยูเฮงสงสัยว่าถ้าเกิดปัญหากับฉิงซวง มันจะเป็นที่ไหน? นางทำงานให้ใคร ? นางเริ่มทำงานให้เจ้านายคนนั้นเมื่อใด มันเกิดขึ้นก่อนที่นางจะเข้ามาในคฤหาสน์หรือหลังจากที่นางเข้ามา ?

นางได้แต่หวังว่า สุดท้ายแล้วผู้คนที่อยู่ที่เรือนตงเซิงนั้นส่วนใหญ่เป็นคนของตระกูลเฟิง นางไม่กลัวผู้คนของตระกูลเฟิง แต่สิ่งที่นางกลัวคือมันเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้าคฤหาสน์ นั่นหมายความว่านางเป็นเป้าหมายเมื่อฉิงหยูเริ่มเลือกสาวใช้ใหม่ หากต้องวางแผนการต่อสู้ระยะยาวและใช้คิดมากขึ้น มันทำให้นางรู้สึกยินดี

วันรุ่งขึ้นก่อนเที่ยงเฟิงหยูเฮงไปที่เรือนซูหยาเพื่อคารวะฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อนางมาถึง เฟิงเฉินหยูกำลังรินชาให้ฮูหยินผู้เฒ่า

เมื่อเห็นนางมาถึง ฮูหยินผู้เฒ่าก็นั่งตัวตรง นางประหม่าเล็กน้อย แต่นางไม่รู้ว่านางเป็นกังวลเรื่องอะไร

เฟิงหยูเฮงก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับ “หลานมาคารวะท่านย่าเจ้าค่ะ”

“อาเฮงมาแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ามองนางและต้องการยิ้ม แต่นางทำไม่ได้ “นั่งเถิด”

“อาเฮงไม่นั่งเจ้าค่ะ” เฟิงหยูเฮงยิ้มให้นาง “อาเฮงมาที่นี่เพื่อคารวะท่านย่าและบอกท่านย่าว่าหลังจากเที่ยง อาเองจะเข้าพระราชวังเพื่อขออภัยโทษจากเสด็จพ่อสำหรับความผิดพลาดของหลาน”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกไม่สบายใจตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อได้ยินว่าเฟิงหยูเฮงจะเข้าพระราชวังในวันนี้ ความประหม่าของนางก็ชัดเจนยิ่งขึ้น “จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเจ้าเข้าไปในพระราชวังใช่หรือไม่ ?”

เฟิงหยูเฮงกระพริบสองสามครั้ง “ท่านย่ารู้สึกเหมือนมีอะไรจะเกิดขึ้นหรือเจ้าค่ะ ?”

“นั่น…” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สามารถพูดได้ แต่มีบางสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกตื่นตระหนกหากพวกเขายังไม่ได้ถาม “เจ้าไม่สามารถรักษาขาขององค์ชายเก้าได้ ฮ่องเต้จะตำหนิเจ้าหรือไม่ ?”

เฟิงหยูเฮงตอบ “ต่างกันอย่างไรถ้าข้าถูกตำหนิหรือไม่ถูกตำหนิเจ้าคะ ? ท่านย่ากังวลเรื่องอาเฮงหรือตระกูลเฟิงเจ้าคะ ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าพูดไม่ออกเพราะนางไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร แต่เป็นยายจาวที่พูดแทนนาง “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเป็นห่วงคุณหนูรองเจ้าค่ะ ท้ายที่สุดคุณหนูรองจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับองค์ชายเก้า”

ยายจาวหลีกเลี่ยงเรื่องร้ายแรง และพูดในหัวข้อที่เบากว่าโดยพูดถึงความสุขส่วนตัวของเฟิงหยูเฮง ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “นั่นคือเหตุผล” นางคิดเพิ่มอีกนิด “หลังจากที่เจ้าเข้าไปในพระราชวังและได้พบกับฮ่องเต้ เจ้าต้องพูดความจริง และหากฮ่องเต้ทรงสนพระทัยเรื่องขาขององค์ชายเก้ามาก ก็อย่าพูดมากเกินไป ครั้งต่อไปจะมีโอกาสอีกครั้ง ในเวลานั้นตั้งใจรักษามัน หากนั่นไม่ดี… ส่งจดหมายถึงหวงโจว ลองถามหมอเหยาเพื่อดูว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง อาเฮง เจ้าต้องจำไว้ ตอนนี้เจ้าเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิง เมื่อเจ้าก้าวหน้า ตระกูลเฟิงก็พลอยมีหน้ามีตาไปด้วย เมื่อเจ้าตกต่ำตระกูลเฟิงก็ตกต่ำด้วยเช่นกัน!”

“อาเฮงเข้าใจเจ้าค่ะ” นางไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ฮูหยินผู้เฒ่าบอกจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตระกูลเฟิงจะต้องไม่ล้มและมันจะต้องไม่รับเคราะเพราะเรื่องระหว่างนางกับองค์ชายเก้า

หลังจากเฟิงหยูเฮงออกจากเรือนซูหยาไปแล้ว จิตใจของฮูหยินผู้เฒ่าก็ยังวุ่นวาย แม้ว่าเฟิงเฉินหยูปลอบใจนางมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

เมื่อเฟิงเซียงหรูมาแสดงความเคารพ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ระลึกถึงงานเลี้ยงในพระราชวังครั้งก่อน ๆ องค์ชายเจ็ดส่งคนมามอบเสื้อผ้าให้เฟิงเซียงหรู นางไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นางพูดกับเฟิงเซียงหรู “ในขณะที่พี่รองของเจ้าไปที่พระราชวัง เจ้าไปที่ตำหนักชุน ไปถามองค์ชายเจ็ด”

เฟิงเซียงหรูตกใจ “ท่านย่าอยากให้ถามอะไรหรือเจ้าค่ะ ?”

“แน่นอน ถามว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่รอองในพระราชวังหรือไม่ !” ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจอย่างหนัก “นางกำลังเข้าไปพระราชวังเพื่อยอมรับผิดและขออภัยโทษสำหรับความผิดพลาดของนาง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฮ่องเต้ทรงพิโรธและลงโทษนาง เป็นไปได้ว่าคฤหาสน์ของเราจะถูกลงโทษด้วยเช่นกัน เจ้าสนิทกับองค์ชายเจ็ด ดังนั้นเจ้าสามารถไปถามได้หรือไม่ ด้วยวิธีนี้เราสามารถเตรียมการไว้ได้”

เฟิงเซียงหรูคิดเล็กน้อย นางกับซวนเทียนฮั่วจะสนิทกันได้อย่างไร เสื้อผ้าที่ถูกส่งมาให้นั้นเป็นเพราะพี่รองของนาง ซวนเทียนฮั่วเพียงแต่เป็นผู้ออกหน้า ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าต้องการให้นางไปที่ตำหนักชุน และนางคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะยอมพบนางหรือไม่

เมื่อเห็นเฟิงเซียงหรูลังเล เฟิงเฉินหยูก็วิตกกังวลเล็กน้อย นางมองดูสถานการณ์ “เช่นนั้น…ให้เฉินหยูไปได้หรือไม่เจ้าค่ะ ?”

ฮูหยินผู้เฒ่ามองไปที่นาง “เจ้าจะไปทำไม ?”

“เฉินหยูก็สนิทกับองค์ชายเจ็ดเจ้าค่ะ !” จิตใจของนางเต็มไปด้วยความหวัง ขณะที่นางมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่า “เฉินหยูและน้องสามจะไปด้วยกัน ด้วยวิธีนี้เราสามารถสอบถามรายละเอียดได้มากยิ่งขึ้น”

ฮูหยินผู้เฒ่าเงียบและโบกมือ “ไม่เป็นไร แค่เซียงหรูคนเดียวก็พอแล้ว เจ้าควรอยู่บ้านอย่างเชื่อฟัง หลีกเลี่ยงการออกไปให้มากที่สุด”

คำพูดเหล่านี้ยุติความคิดเรื่องความรักของเฟิงเฉินหยู และมันก็ทำให้นางนึกสาปแช่งเด็กที่ขี้อายและทำตัวเงียบ ๆ อย่างเฟิงเซียงหรูในใจ ความเกลียดชังที่นางมีต่อเฟิงหยูเฮงเริ่มเบนเข็มมาที่เฟิงเซียงหรูเล็กน้อย สายตาของนางตอนนี้เต็มไปด้วยความอิจฉา

“รีบกลับไปเปลี่ยนชุด เมื่อเจ้าไปถึง เจ้าต้องถามอย่างละเอียด องค์ชายเจ็ดสนิทสนมกับองค์ชายเก้ามาก เจ้าจะได้ยินข่าวแน่นอน”

เฟิงเซียงหรูรีบออกจากเรือนซูหยา เมื่อกลับถึงเรือน นางเล่าให้อันชิฟังและเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นนางรีบออกจากคฤหาสน์และมุ่งหน้าไปยังตำหนักชุน

เมื่อนางออกไป เฟิงหยูเฮงก็มาถึงนานมานี้ เฟิงเซียงหรูไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเฟิงหยูเฮงเข้าไปในพระราชวังในครั้งนี้ แต่ความกังวลของฮูหยินผู้เฒ่าก็ส่งผลกระทบต่อนางเช่นกัน นางรู้สึกกังวลว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น แต่นางก็ไม่สามารถพูดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

รถม้าหยุดก่อนที่ทางเข้าของตำหนักชุนและเฟิงเซียงหรูลงจากรถม้า นางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ป้ายตำหนักชุนที่จารึกไว้ขนาดใหญ่ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าใจสั่น

ตำหนักแห่งนี้เป็นสถานที่ที่นางจินตนาการถึงรวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ในนั้น ทุกครั้งที่นางเห็นเขา นางจะรู้สึกดีใจและนางจะไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เห็นได้ชัดว่าบุคคลนั้นเป็นสายลมฤดูใบไม้ผลิและมีเจตนาที่ดี แต่เขาก็ยังสามารถทำให้นางเป็นกังวลอย่างมาก

ตัวอย่างเช่นนางยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าตำหนักแล้ว แต่นางไม่มีความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอีก แบบนั้นนางยืนอยู่ตรงทางเข้าเป็นเวลานาน จนกระทั่งประตูของตำหนักเปิดออก และบ่าวรรับใช้เดินออกมา เมื่อเห็นนาง เขาก็เดินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ท่านเป็นคุณหนูมาจากตระกูลไหนขอรับ  ? ทำไมถึงยืนอยู่หน้าประตูตำหนักของเรา?”

เฟิงเซียงหรูรวบรวมความคิดและตอบว่า “ข้าเป็นคุณหนูสามตระกูลเฟิง ข้าต้องการ…ข้าขอพบกับองค์ชายเจ็ด”

“คุณหนูสามตระกูลเฟิง ?” บ่าวรับใช้ไตร่ตรองชั่วครู่หนึ่ง “จากครอบครัวของเสนาบดีเฟิงหรือขอรับ ?”

“อืม”

“ได้โปรดรอสักครู่ ข้าต้องเข้าไปรายงาน แต่ไม่รู้ว่าองค์ชายจะอนุญาตให้เข้าพบหรือไม่นะขอรับ” บ่าวรับใช้พูดเสร็จแล้วก็วิ่งกลับเข้าไปข้างใน

โชคดีที่นางไม่ได้รอนานเกินไป นางกำนัลอาวุโสก็ออกมาและคำนับเซียงหรู “คารวะคุณหนูสาม ฝ่าบาทให้คุณหนูสามตามบ่าวรับใช้คนนี้เข้าไปเจ้าค่ะ”

เฟิงเซียงหรูรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “นางกำนัลอาวุโสอย่าทำแบบนี้เจ้าค่ะ เซียงหรูควรจะคารวะนางกำนัลอาวุโสมากกว่าเจ้าค่ะ”

นางกำนัลอาวุโสยิ้มแล้วจ้องมองเฟิงเซียงหรูและพยักหน้า นางเคยได้ยินว่าตระกูลเฟิงมีบุตรสาว 4 คน คุณหนูใหใญ่นั้นงดงามเป็นพิเศษ คุณหนูรองนั้นฉลาดและกล้าหาญ คุณหนูสามนั้นบอบบางและน่ารัก ส่วนคุณหนูสี่นั้นหยาบคายและไร้การอบรม นางรู้ว่าคุณหนูรองน่ารัก และตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณหนูสามสามก็น่ารัก นางมีมารยาทดีมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงเซียงหรูเข้ามาในตำหนักชุน ถึงแม้ว่านางต้องการที่จะเหลียวมองไปรอบ ๆ แต่นางก็ไม่สามารถเงยหน้าของนางได้เลย นางทำได้แค่ตามหลังนางกำนัลอาวุโสแล้วเดินต่อไปข้างใน พวกเขาเดินตรงแล้วเลี้ยวตรงมุมแล้วเดินไปรอบ ๆ บ่อน้ำเล็ก ๆ แล้วเดินผ่านป่าเล็ก ๆ ในที่สุดพวกเขาหยุด เฟิงเซียงหรูรู้สึกว่าถ้านางถูกสั่งให้กลับไปตามทางเดิมที่เดินมา นางคงหลงทางแน่นอน

“คุณหนูสามโปรดรอที่นี่สักครู่เจ้าค่ะ เดี่ยวองค์ชายจะมาหาที่นี่เจ้าค่ะ” นางกำนัลอาวุโสทิ้งเฟิงเซียงหรูในห้องโถงรับแขก และแจ้งให้บ่าวรับใช้คนหนึ่งรินชาให้นาง หลังจากนั้นนางจากไป

ในที่สุดเฟิงเซียงหรูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อมองดูถ้วยชาที่ถูกยกมา มันเป็นถ้วยที่ทำจากหยกขาว และข้างในนั้นมีเกษรดอกบัวลอยอยู่ มันเป็นเหมือนซวนเทียนฮั่วซึ่งเป็นผู้สูงส่งและสงบ

แต่เฟิงเซียงหรูไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ในช่วงเวลานี้จิตใจของนางก็เต็มไปด้วยความคิด ข้ามาที่ตำหนักขององค์ชายเจ็ด

มันคืออะไร

คำพูดของอันชิยังคงอยู่ในใจของนาง นางรู้ว่ามีบางสิ่งที่นางคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ มีบางเส้นทางที่ถ้านางพลาดแม้แต่ก้าวเดียวนางจะต้องตกนรก นางไม่มีความกล้าหาญและนางไม่ได้รับพรนั้น

“ทำไมคุณหนูสามถึงมาที่นี่ ?” ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น มันเป็นเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิที่ทำลายบรรยากาศในฤดูหนาวทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด