ตอนที่แล้วบทที่ 15 จิตสัมผัสแห่งเทพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17 ตัวเลือกของหลีจื่อ

บทที่ 16 เธอเป็นคนของข้าแล้ว


บทที่ 16 เธอเป็นคนของข้าแล้ว

 

สือเสี่ยวไป๋ไม่ได้รับรู้ถึงสายตาแปลกๆ จากทุกคน เพราะว่าตอนนี้ในหัวของเขามีเสียงยะโสอันคุ้นเคยดังขึ้น

 

“เสร็จสิ้น ยินดีด้วยผู้เลือกได้รับรางวัลระดับ E ‘ชิ้นส่วนรางวัลระดับ A (10)’ ขณะนี้มีชิ้นส่วนรางวัลระดับ A 10 ชิ้น!”

 

อารมณ์ของสือเสี่ยวไป๋สับสน ถึงแม้ว่าการสะสมรางวัลระดับล่างๆ จะสามารถรวมกันเป็นรางวัลระดับสูงขึ้นไป แต่การที่ไม่ได้รับรางวัลเป็นรูปธรรมนี้ทำให้เขาไม่ดีใจสักเท่าไหร่ แต่ย้อนคิดถึงตอนที่ตัวเองหลับหูหลับตายิงไปนัดหนึ่งแล้วยังยิงเข้าเป้าที่หนึ่งร้อยพอดิบพอดี ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย

 

“ที่แท้ก็ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้!”

 

สือเสี่ยวไป๋เกือบจะหมดความมั่นใจแต่ไม่สูญเสียและได้รับกลับมา เป็นการได้มาที่สุดยอดเสียจริง ในใจของเขาตอนนี้ชื่นชมตัวเองอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง สุดท้ายจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีสัญญาที่ลืมไม่ได้กับหลีจื่ออยู่ พอนึกถึงคำพูดของยัยซาดิสม์ที่ว่า “ชั้นยอมนายทุกอย่างเลย” ใจของสือเสี่ยวไป๋ก็เต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง รีบหันกายมองไปยังที่นั่งฝั่งขวา กลับพบว่าสาวน้อยกำลังกำลังเดินมาทางเขาพอดี

 

สือเสี่ยวไป๋ยังคงไม่รู้สึกถึงความเงียบแปลกๆ ที่เกิดขึ้นภายในห้องและสายตาซับซ้อนของทุกคน ในสายตาเขาตอนนี้มีเพียงสาวน้อยมัดผมหางม้า น้ำเสียงอวดดีได้ถูกพ่นออกจากปากของเขาช้าๆ

 

“สาวน้อย ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป เธอเป็นคนของข้าแล้ว!”

 

ความเงียบงันในห้องได้ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง

 

ทุกคนในห้องได้พิจารณาถึงความแปลกประหลาดต่างๆ ระหว่างการทดสอบความสามารถของสือเสี่ยวไป๋ คิดว่าสือเสี่ยวไป๋มีแผนการร้ายที่ตั้งใจวางแผนไว้อย่างดี แต่มีจุดน่าสงสัยสองจุดที่ค้างคาอยู่ในใจของพวกเขา ข้อแรกก็คือสือเสี่ยวไป๋ได้ทำนายปืนนัดสุดท้ายนั้นได้อย่างไร? โชคดีที่ผู้อาวุโสทั้งสามได้ใช้ประสบการณ์การการอ่านที่สั่งสมมายาวนานช่วยวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและบอกต่อฝูงชน ผู้คนต่างพากันตกใจอย่างที่สุด ยิ่งรู้สึกว่ามองหนุ่มน้อยหน้าซื่อที่เรียกตัวเองว่า “ข้า” คนนี้ไม่ออก

 

ด้วยเหตุนี้จุดน่าสงสัยที่สองได้กลายเป็นสิ่งที่น่าสงสัยที่สุด ‘สือเสี่ยวไป๋กำลังวางแผนทำอะไรอยู่?’ เขาอยากให้หลีจื่อรับปากเรื่องอะไร? สำหรับสาวน้อยคนหนึ่งที่มีรูปโฉมงดงาม รูปร่างสมส่วน เขาจะขออะไรกันแน่? หรือว่า…

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังเดาไปต่างๆนานา สือเสี่ยวไป๋กลับเผยความจริงออกมาด้วยตัวเอง!

 

สือเสี่ยวไป๋พูดกับหลีจื่อว่า “ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป เธอเป็นคนของข้าแล้ว!” พับผ่าสิ ไอ้เจ้านี่กำลังอยากได้คุณหนูหลีจื่อ! แม่มันสิ บ้าตัณหาเงียบๆ อย่างนี้น่ากลัวจริงๆ ท่าทางโง่ๆ ซื่อๆ แท้จริงแล้วแอบวางแผนด้วยจิตใจที่สกปรกยิ่งกว่าใคร ที่สำคัญกว่านั้นคือจิ้งจอกบ้าตัณหาตัวนี้เป็นถึงอัจฉริยะระดับปีศาจร้ายมีคุณสมบัติเป็นถึง S คู่บวกกับสัมผัสเทพ! แม่มันเถอะ โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม!

 

เมื่อทุกคนแน่ใจกับการคาดเดาของตัวเองในใจแล้ว สายตาที่มองไปยังสือเสี่ยวไป๋ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่

 

ผู้ที่ตอบสนองอย่างรุนแรงที่สุดก็ต้องเป็นหลีจื่ออยู่แล้ว เธอกับสือเสี่ยวไป๋รู้จักกันถึงแม้จะไม่นานนัก แต่ใจไม่เชื่อว่าสือเสี่ยวไป๋จะขอเรื่องสกปรกอะไรได้ กลับคิดไม่ถึงว่าคำแรกที่สือเสี่ยวไป๋พูดก็คือตัวเองกลายเป็นคนของเขาแล้ว หลีจื่อรู้สึกอับอายที่สุด

 

เห็นว่าสือเสี่ยวไป๋กำลังจะอ้าปากพูดอีก กลัวว่าเขาจะพูดอะไรให้ตกใจไปกันใหญ่ หลีจื่อก็รีบพุ่งตรงไปยังสือเสี่ยวไป๋ราวสัตว์ป่า!

 

หลีจื่อได้ใช้ความเร็วสูงสุดในชีวิตนี้ พุ่งตรงไปอยู่ข้างหน้าสือเสี่ยวไป๋ มือข้างหนึ่งได้ล็อคคอของสือเสี่ยวไป๋ไว้ อีกข้างหนึ่งปิดปากของสือเสี่ยวไป๋ พร้อมคำรามเสียงดังว่า “หุบปาก!”

 

หลังจากหอบหายใจแล้วจึงได้เขยิบใกล้หูของสือเสี่ยวไป๋ ข่มใจกัดฟันพูดเสียงเบาว่า “มีอะไรเดี๋ยวค่อยคุยกัน!”

 

หลีจื่อไม่อยากขายขี้หน้าต่อหน้าทุกคนอีกต่อไป อีกอย่างถ้าหากว่าสือเสี่ยวไป๋ขออะไรที่เกินไปกว่านี้อีก เธอไม่อยากใช้ความรุนแรงต่อหน้าสาธารณชน รอให้ถึงที่ที่ไม่มีคน เธอถึงจะสามารถ “ปฎิเสธ” สือเสี่ยวไป๋ดีๆ ได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใด

 

หลีจื่อที่สมองตอนนี้จินตนาการถึงวิธีจัดการสือเสี่ยวไป๋ให้คุกเข่าร้องขอชีวิตอย่างไร ไม่ทันรู้ตัวว่าท่าทางล็อคคอสือเสี่ยวไป๋จากทางด้านหลังของเธอตอนนี้ดูล่อแหลมขนาดไหน หน้าอกที่เจริญเติบโตของเธอนั้นกำลังบี้เบียดกับแผ่นหลังของสือเสี่ยวไป๋ เบียดกลมราวกับดอกปุยฝ้ายอย่างไรอย่างนั้น

 

สือเสี่ยวไป๋รู้สึกถึงสัมผัสอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นจากแผ่นหลัง จึงหันไปดูอย่างไม่ได้ตั้งใจ สายตาตกไปอยู่ที่อาวุธร้ายกาจของสาวน้อย

 

“หรือนี่จะเป็นวิชา ‘มนุษย์ชนบอล’ ในตำนาน? ได้ยินมาว่าวิชานี้จะทำให้พลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตเพศชายอ่อนลง! ตายหล่ะ ยัยซาดิสต์คิดจะทำร้ายข้า?”

 

สือเสี่ยวไป๋ตกใจ อยากจะร้องตะโกน “รีบไปห่างๆ ข้า” แต่ทำไม่ได้เมื่อถูกปิดปากอยู่ ทำได้เพียงส่งเสียง “อืออา” และออกแรงดิ้นไม่หยุด

 

การดิ้นของสือเสี่ยวไป๋ทำให้ร่างกายทั้งสองเสียดสีกัน ในที่สุดหลีจื่อก็รับรู้ถึงความผิดปกติ มองตามสายตาของสือเสี่ยวไป๋ พบว่าหน้าอกของตัวเองไม่เพียงเบียดติดอยู่กับแผ่นหลังของสือเสี่ยวไป๋ ด้วยการดิ้นของสือเสี่ยวไป๋จึงถึงขนาดที่…

 

“ไอ้โรคจิต!”

 

หลีจื่อหน้าแดง ร้องกรี๊ดพลางก้าวถอยหลัง มือกอดหน้าอกตัวเองแน่น คิดถึงว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองที่ยังไม่เคยมีใครได้แตะต้องได้ให้เด็กหนุ่มอายุสิบสามถูไปถูมา อยากร้องไห้ก็ร้องไม่ออก ภายใต้ความขุ่นเคืองของหลีจื่อ ใช้มือข้างนึงกำปกเสื้อของสือเสี่ยวไป๋ ลากสือเสี่ยวไป๋ตรงไปยังประตูทางออก ทิ้งประโยคเย็นชาให้กับคนอื่นๆในห้องว่า “การทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว พวกเราขอตัวก่อน!” ลากตัวสือเสี่ยวไป๋ออกไปจากห้องด้วยจิตสังหาร

 

หลังจากที่ทั้งสองออกไปจากห้อง ทุกคนในห้องยังคงนิ่งเป็นหิน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แปลกประหลาดเกินไปจริงๆ น่าตกใจเกินไป โค-ต-ร ไร้คำบรรยายเลยแม่-ง!

 

ผ่านไปพักใหญ่ ผู้อาวุโสกล่าวขึ้นประโยคหนึ่งว่า “แยกย้ายกันเถอะ” ทุกคนจึงได้คลายเรื่องในใจลง

 

ผู้อาวุโสถอนหายใจ ไม่ว่านิสัยของสือเสี่ยวไป๋จะเป็นอย่างไร ก็ถูกกำหนดให้เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ไกอาจะต้องเลี้ยงดูสั่งสอนอย่างเต็มที่

 

ตามหลักการองค์กรจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของเขา แต่ฐานะของหลีจื่อแห่งวังทักษิณนั้นกลับค่อนข้างพิเศษ เรื่องนี้เกรงว่าจะซับซ้อนมาก!

 

สือเสี่ยวไป๋ถูกหลีจื่อลากมายังมุมมืดหนึ่งอย่างมึนงง กำลังจะเปิดปากถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ กลับพบว่าดวงตาของสาวน้อยตอนนี้แดงเล็กน้อย มีแม้กระทั่งแสงแวววาวของน้ำตา

 

“สาวน้อย...เธอ…” สือเสี่ยวไป๋อึ้งไป

 

“สือเสี่ยวไป๋ ชั้นเคยพูดว่าจะยอมนายทุกอย่าง”

 

น้ำเสียงของหลีจื่อเยือกเย็นเหมือนกับหิมะน้ำแข็งในดินแดนเหน็บหนาว “พูดมาเลย นายต้องการอะไรกันแน่?”

 

หลีจื่อจ้องสือเสี่ยวไป๋เขม็ง เดิมทีเธอโมโหมาก แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ เธอไม่ได้รังเกียจหนุ่มน้อยจูนิเบียว[1]ท่าท่างซื่อบื้อตรงหน้านี้ ขนาดที่ว่าเต็มใจจะเป็นเพื่อนกับเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นแม้ว่าจะมาถึงตอนนี้ ในใจของเธอยังยินดีจะคงความเชื่อใจสุดท้ายไว้ แน่นอนว่า ตอนนี้เป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอจะมอบให้สือเสี่ยวไป๋แล้ว ถ้าหากยังได้ยินคำพูดน่ารังเกียจนั่นจากปากสือเสี่ยวไป๋อีกครั้ง เช่นนั้นเธอก็ไม่รังเกียจที่จะอบรมสั่งสอนเด็กหลงทางคนนี้สักหน่อย

 

สือเสี่ยวไป๋สัมผัสได้ถึงความเคร่งขรึมและจริงจังจากสายตาและคำพูดของหลีจื่อ ด้วยเหตุนี้ท่าทีของเขาก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา พูดอย่างปวดร้าวว่า “สาวน้อย เธอยังไม่ยินดีที่จะทำพันธสัญญากับข้างั้นหรอ?”

 

“ห๊ะ?” หลีจื่อตะลึงงัน

 

สือเสี่ยวไป๋ถอนหายใจกล่าวว่า “เธอบอกว่าเธอจะยอมข้าทุกอย่าง! ข้าไม่ได้ขออะไรมาก ขอแค่ให้เธอทำพันธสัญญากับข้าแค่นั้น!”

 

ในที่สุดหลีจื่อก็สังเกตว่ามีอะไรแปลกๆ ในเรื่องนี้ เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ทำพันธสัญญาคือ…หมายความว่าอะไร?”

 

สือเสี่ยวไป๋ดวงตาเป็นประกาย พูดด้วยน้ำเสียงเร่าร้อน “มาเป็นองครักษ์ของข้า เข้าร่วมทีมฮีโร่เสี่ยวไป๋ มากอบกู้โลกใบนี้กับข้า!”

 

หลีจื่อตะลึงงันด้วยความคาดไม่ถึง ถามต่อว่า “งั้นก่อนหน้านี้ที่นายพูดว่าชั้นเป็นคนของนายแล้ว หมายความว่าอะไร?”

 

สือเสี่ยวไป๋แสดงท่าทาง “เธอโง่หรือเปล่า” กล่าวว่า “เข้าร่วมทีมฮีโร่เสี่ยวไป๋ ก็ต้องเป็นคนของข้าแน่นอนอยู่แล้ว!”

 

ให้ตายสิ ที่แท้หมายความว่ายังงี้เอง!

 

หลีจื่อไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ความเย็นเยือกในใจได้ค่อยๆ ละลายลง ในใจคิดว่าหนุ่มน้อยตรงหน้านี้เป็นไอ้โง่คนหนึ่งอย่างที่คิดไว้เลย!

 

สือเสี่ยวไป๋เห็นหลีจื่อมีท่าทีเหมือนว่าจะกลับคำ รีบกล่าวว่า “สาวน้อย เธอจะพูดไม่เป็นคำพูดไม่ได้นะ!”

 

หลีจื่อกรอกตาบนทีหนึ่ง หลังจากทำท่าทางลังเลนิดหน่อย พูดเสียงอ่อนว่า “ชั้นรับปากนาย”

 

สือเสี่ยวไป๋ตะลึง ยิ้มหน้าบานกล่าวว่า “สาวน้อย ตั้งแต่นี้ต่อไป เธอเป็นคนของข้าแล้ว! ไม่อนุญาตให้ใช้ความรุนแรงกับข้าอีก!”

 

ได้ยินคำกล่าว หลีจื่อที่เพิ่งจะยกกำปั้นขึ้นมาก็หัวเราะพรวด

 

ราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิยามดึกพัดวูบมาเอาดอกแพร[2]กว่าพันกว่าหมื่นต้นให้ลอยลิ่วไป

 

[1] จูนิเบียว หรือ โรคเด็ก ม.2 หมายถึง เด็กที่โตแล้วแต่ยังเล่นจินตนาการสมมติว่าตัวเองคือฮีโร่ เจ้าแห่งความมืด อัญเชิญปิศาจได้ ฯลฯ ( ต้นกำเนิดคำนี้มาจากการ์ตูนเรื่อง chuunibyou demo koi ga shi tai )

[2] ดอกแพร ในภาษาจีนคือ 梨花 ซึ่งเป็นตัวอักษะตัวเดียวกันกับชื่อของ หลีจื่อ (梨子)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด