ตอนที่แล้วบทที่ 11 ตบหูฉาดเข้าให้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 ตัวภาระก็ควรมีจิตสำนึกของการเป็นตัวภาระ

บทที่ 12 ตกลงธุรกิจ


บทที่ 12 ตกลงธุรกิจ

 

“โอ๊ะ...ฉันขอปฏิเสธ”

 

หลิงม่อส่ายหัวอย่างแข็งขัน ตอนแรกที่ช่วยพวกเขาเป็นเพราะไม่มีทางเลือก แล้วยิ่งบวกกับเมื่อครู่เจอเรื่องที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ ตอนนี้เขาจึงคิดแต่จะรีบพาเย่เลี่ยนไปจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นเกิดฟ้ามืดขึ้นมา ทีนี้จะไปไหนไม่ได้จริงๆ

 

“ทำไมนายถึงเป็นคนแบบนี้นะ! ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย!”

 

ซย่าน่ากัดริมฝีปากอย่างเซ็งๆ ส่วนมือที่คว้าจับแขนเสื้อของหลิงม่อก็ดูเหมือนไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย แม้สีหน้าเธอจะดูดื้อรั้น แต่เมื่อสังเกตดูใกล้ๆ หลิงม่อถึงได้พบว่า เธอดูหน้าอ่อนกว่าอายุจริงมากทีเดียว ก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นแต่ความรวดเร็วและเฉียบขาดเวลาที่เธอสังหารซอมบี้ มองไม่ออกเลยสักนิดว่าที่จริงแล้วเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักคนหนึ่ง

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องแบกรับความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ของหลายคน อีกทั้งผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนหรือเปล่า เธอถึงได้ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าหน้าตา

 

“นี่ เลิกจ้องฉันได้แล้ว!” เมื่อสังเกตเห็นว่าสายตาของหลิงม่อจับจ้องที่ใบหน้าตนเองอยู่ตลอด ซย่าน่าก็เลิกคิ้วขึ้นทันทีและสะบัดแขนเขาทิ้ง “เราต่างก็เป็นผู้รอดชีวิตเหมือนกัน แถมนายก็นับว่าค่อนข้างมีฝีมือ ทำไมถึงไม่ยอมช่วยเล่า”

 

ถ้าเก่งจริง ทำไมเธอยังต้องการให้ฉันช่วยล่ะ...ฟังจากน้ำเสียงของซย่าน่า เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากยอมรับว่าตัวเองสู้หลิงม่อไม่ได้ เรื่องนี้ทำให้หลิงม่ออดตำหนิอยู่ในใจไม่ได้

 

“สรุปอย่างนี้ก็แล้วกัน เรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมอดพวกนั้น ฉันไม่มีทางช่วย” หลิงม่อรู้สึกไม่สบอารมณ์กับพวกรอชุบมือเปิบพวกนั้นเลย ตั้งแต่ที่พวกซย่าน่ากลับมาถึง พวกเขาก็ไม่เห็นจะเป็นห่วงว่าซย่าน่าและหลิวอวี่หาวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เอาแต่สนใจผลประโยชน์ส่วนตนและต่อต้านคนนอก การที่หลิงม่อตบหน้าลู่ซินก็เหมือนกับเป็นการตบหน้ามอดพวกนี้ทางอ้อมด้วยเช่นกัน

 

แต่อย่างไรเสียนี่ก็เป็นสิ่งที่ซย่าน่าและหลิวอวี่หาวเลือกเอง หลิงม่อก็ไม่ได้คิดที่จะพูดอะไรมาก ทว่าถ้าจะลากเขาไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนี้ล่ะก็ ไม่มีทางซะหรอก

 

คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ฟังเขาพูด ซย่าน่ากลับเผยรอยยิ้มอันลึกลับออกมา “หมายความว่าถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา นายก็ยินดีที่จะช่วยใช่ไหม เยี่ยมไปเลย เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยจริงๆ”

 

“ฉันไม่ได้พูดแบบนี้สักหน่อย...”

 

“เมื่อกี้ฉันได้ยินที่หลิวอวี่หาวคุยกับนายแล้ว พวกเราเป็นนักเรียนโรงเรียนซานจงในเมือง X โรงเรียนนี้นายรู้จักใช่ไหม”

 

“รู้จัก...โรงเรียนดังนี่นา โรงเรียนประจำทั้งหมด...”

 

ที่เมือง X โรงเรียนซานจงมีชื่อเสียงมาก แต่สำหรับหลิงม่อที่มีผลการเรียนปานกลางแล้ว เขาแค่เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยไปโรงเรียนนี้ เย่เลี่ยนเพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนซานจงเมื่อสองปีที่แล้ว และสอบติดมหาวิทยาลัยเมือง X คิดไม่ถึงว่าเจ้าลู่ซินหน้าตากวนโอ๊ยนั่นจะเป็นนักเรียนโรงเรียนซานจงด้วย...

 

แล้วหลิวอวี่หาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พูดเสริมขึ้นมาได้ถูกจังหวะพอดี “เจ้าลู่ซินนั่น มันยัดเงินเข้ามา”

 

“นายนี่น่ารำคาญชะมัด!” ซย่าน่าถลึงตาใส่เขาและพูดต่ออีกว่า “ตอนที่พวกเราหนีออกมา มีเพื่อนนักเรียนจำนวนหนึ่งยังอยู่ที่โรงเรียน เดิมทีสัญญาไว้ว่าถ้าเจอที่พักแล้วจะไปรับพวกเขามา ซึ่งเราเคยกลับไปที่โรงเรียนหนหนึ่งแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าไปใกล้ที่นั่นได้ นายแค่ช่วยพาฉันเข้าไปในโรงเรียนก็พอแล้ว คิดว่ายังไง”

 

บอกตามตรง หลิงม่อไม่มีน้ำใจเสียสละแบบนี้หรอก แต่เขาเองก็ไม่เอามาตรฐานของตัวเองไปขอร้องคนอื่นเช่นกัน

 

เขามองซย่าน่าอย่างเปี่ยมด้วยความหมาย แล้วจู่ๆ ก็ยื่นมือออกไป “ค่าตอบแทนล่ะ”

 

“ว่าไงนะ”

 

“เธอคงไม่ได้คิดว่าฉันทำงานให้ฟรีๆ หรอกใช่ไหม” หลิงม่อย้อนถามอย่างสมเหตุสมผล

 

หลิวอวี่หาวหางตากระตุกทันที แล้วพลันถามราวสติแตก “ใครหน้าไหนนะที่บอกผมว่าหลังจากเกิดหายนะ ทุกคนต่างก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน! พี่หลิง จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าโลกนี้ช่างมืดมิดเหลือเกิน!”

 

“มันก็ต้องดูว่าเป็นหายนะอะไร นายคิดว่าปัจจุบันนี้ยังมีเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อยและศีลธรรมจรรยาอยู่อีกเหรอ” หลิงม่อทำเสียงฮึดฮัดพลางพูด

 

มันก็จริง ข้างนอกเต็มไปด้วยซอมบี้ ส่วนคนเป็นต้องหลบซ่อนอยู่ในซอกหลืบเหมือนหนู ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของโลกใบนี้ได้พังทลายลงหมดแล้ว เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน พวกเขาอาจจะยังหวังว่าจะมีคนมาช่วยเหลือ แต่ตอนนี้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าในสถานการณ์เช่นนี้ นอกจากการช่วยเหลือตัวเองแล้วก็ไม่มีวิธีอื่นอีก

 

ตอนที่เกิดหายนะขึ้น ทุกคนอาจกลายเป็นซอมบี้ภายในชั่วพริบตา ถึงขนาดไม่มีใครบอกได้ชัดเจนว่าตกลงแล้วเจ้าไวรัสนี้แพร่กระจายทางไหน แต่สามารถแพร่ระบาดได้เป็นวงกว้างขนาดนี้ หนำซ้ำยังแผ่ปกคลุมไปทั่วโลกแค่ภายในวันเดียว ไวรัสนี้ก็คงจะแพร่กระจายทางอากาศละมั้ง...

 

แล้วเวลาที่พวกซอมบี้ที่กลายพันธุ์แล้วเจอเข้ากับคนเป็นๆ อีกครั้ง พวกมันก็จะแค่จับฉีกกินทันที โดยไม่ให้โอกาสพวกเขาได้กลายพันธุ์เลย

 

ซย่าน่าตะลึงงันจ้องมองหลิงม่ออยู่พักใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็เผยรอยยิ้มออกมา “ข้อเรียกร้องมีเหตุมีผลดี แต่นายได้ค่าตอบแทนไปแล้วไม่ใช่เหรอ” ซย่าน่าชี้ไปที่มีดสั้นตรงเอวหลิงม่อ “อันนี้ญาติฉันเป็นคนทำเอง”

 

“เธอเป็นญาติกับหวังหลิ่นงั้นเหรอ!”

 

หลิงม่อตกใจ โลกมันช่างกลมเกินไปแล้วมั้งนี่! แต่เรื่องนี้ก็ช่วยอธิบายได้ว่าทำไมเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอถึงได้มีดาบยาวคมกริบขนาดนี้ สำหรับที่กฎหมายบ้านเมืองแล้ว ดาบเล่มนี้อยู่นอกขอบเขตการควบคุมอาวุธมีคมทั่วไปแล้ว เรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่ามันคืออาวุธสำหรับสังหาร!

 

แต่เมื่อหลิงม่อมองไปที่ดาบยาวที่เธอพกติดตัว กลับพบว่าตัวอักษรที่สลักอยู่บนด้ามดูต่างออกไปเล็กน้อย ที่ด้ามดาบไม่ได้สลักชื่อสกุลหวังนี่นา...

 

ท่าทางจะดูออกว่าหลิงม่อกำลังสงสัย ซย่าน่าจึงพลิกมือไปลูบด้ามดาบที่โผล่ออกมาตรงหลังบ่า แล้วทำเสียงฮึดฮัด “เลิกมองได้แล้ว ดาบเล่มนี้ฉันทำเอง อีกอย่างนะ มีดที่อยู่ในมือนายน่ะ หวังหลิ่นเป็นคนทำ”

 

“หวังหลิ่น?” คราวนี้หลิงม่อตกใจจริงๆ นึกไม่ถึงว่าหวังหลิ่นที่ดูอ่อนแอบอบบางในสายตาเขาจะทำมีดดาบทำมือเป็นด้วย แถมฝีมือยังดีเยี่ยมขนาดนี้...แต่พอคิดอีกที ร้านสกุลหวังเป็นธุรกิจภายในครอบครัว การจะถ่ายทอดทักษะฝีมือให้กับเธอก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

 

แต่หวังหลิ่นอายุยังน้อย อีกทั้งมีฝีมือดีแบบนี้ กลับต้องมาด่วนจากไปเสียก่อน แม้แต่ศพก็ไม่มีเหลือทิ้งไว้...หลิงม่ออดไม่ได้ที่จะกำด้ามมีดแน่น สีหน้าดูหม่นหมองลงไปในพริบตา

 

ซย่าน่าไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในแววตาของหลิงม่อ เธอยังคงพูดต่อไปว่า “ถึงจะทำได้ดีไม่เท่าฉัน แต่มีดสั้นเล่มนี้คงราคาสูงพอดูเลยใช่ไหม ไหนๆ นายก็ได้รับค่าตอบแทนล่วงหน้าไปแล้ว งั้นเราก็ตกลงกันตามนี้นะ ถ้านายเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่สาวล่ะก็ จะให้พี่สาวรอพวกเราอยู่ที่นี่ก็ได้นะ เพื่อนๆ ฉันจะช่วยดูแล...”

 

“ไม่ต้อง” หลิงม่อปฏิเสธข้อเสนอของซย่าน่าทันที พูดล้อเล่นอะไรกัน เย่เลี่ยนเป็นซอมบี้กลายพันธุ์นะ ทันทีที่หลุดจากการควบคุมของเขา ไม่แน่ว่าพอพวกเขากลับมา อาจจะเหลือแต่กองเศษซากเนื้อและกระดูกให้เห็นก็เป็นได้

 

“ถึงนายจะทำตัวน่ารำคาญอยู่หน่อยๆ แต่เรื่องนี้นับว่าใช้ได้ทีเดียว แม้พี่สาวจะพูดไม่ได้ แล้วก็ดูเก็บเนื้อเก็บตัว แต่หน้าตาสะสวยขนาดนี้ นายก็ดูแลทะนุถนอมต่อไปให้ดีนะ!”

 

ซย่าน่าเลิกคิ้วขึ้น แล้วจู่ๆ ก็ยื่นมือไปตบบ่าของหลิงม่อ และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

 

ถึงได้บอกไงน้องสาว เธอน่ะเข้าใจผิดแล้ว...แต่หลังจากที่รู้ว่าซย่าน่ากับหวังหลิ่นเป็นญาติพี่น้องกัน ในใจของหลิงม่อก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย สถานที่ที่มีผู้คนอยู่กันอย่างหนาแน่นอย่างเช่นรั้วโรงเรียนนี้ แน่นอนว่าจำนวนซอมบี้ก็มากตามไปด้วย จึงเป็นไปได้มากที่บรรดานักเรียนที่อยู่ด้านในจะไม่รอดแล้ว ซึ่งซย่าน่าเองก็ได้คำนึงถึงผลลัพธ์ทำนองนี้เอาไว้แล้ว แต่กระนั้นเธอก็ยังคงไม่เลิกล้มความตั้งใจ

 

จะเรียกว่าดื้อรั้นหัวแข็ง หรือว่าโง่งมดีนะ...

 

“แค่ไปส่งที่ประตูทางเข้านะ” หลิงม่อครุ่นคิดอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง เขาคิดว่าด้วยฝีมือความสามารถของตัวเอง การจะบุกฝ่าไปที่ประตูทางเข้านั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แล้วถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น เขาก็ยังมีเย่เลี่ยนอยู่ข้างกาย

 

“เยี่ยมไปเลย! พี่หลิง ไม่น่าเชื่อว่าพี่จะยอมอยู่ช่วย คืนนี้พวกเราต้องดื่มฉลองกันสักหน่อยแล้ว! ฮ่าๆๆ...” หลิวอวี่หาวแอบชูนิ้วโป้งให้กับซย่าน่า จากนั้นก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่หลิงม่ออย่างสนิทชิดเชื้ออีกครั้ง แล้วหัวเราะพลางพูด

 

“ในเมื่อเป็นการตกลงทางธุรกิจ งั้นผมขอไม่กล่าวขอบคุณแล้วกันนะ”

 

ซย่าน่ายิ้มเล็กน้อย แล้วจูงเย่เลี่ยนไป เห็นได้ชัดว่าเธอชอบพี่สาวคนสวยที่ไม่พูดไม่จา อีกทั้งสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ คนนี้มากทีเดียว...

 

.................................................................................

 

 

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด