ตอนที่แล้วบทที่ 12 ตกลงธุรกิจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 เกมในห้องนอนผู้หญิง

บทที่ 13 ตัวภาระก็ควรมีจิตสำนึกของการเป็นตัวภาระ


บทที่ 13 ตัวภาระก็ควรมีจิตสำนึกของการเป็นตัวภาระ

 

สำหรับเรื่องที่หลิงม่อกับเย่เลี่ยนจะอยู่ต่อ ด้วยความที่เห็นลู่ซินเป็นตัวอย่างก่อนหน้า คนพวกนี้จึงไม่กล้าปริปากบ่นอะไรอีก

 

แต่จากการที่คนส่วนใหญ่จงใจพากันหลบสายตา ทำให้หลิงม่อมองออกว่าพวกเขาเกรงกลัวเขาเสียมากกว่า แม้ซย่าน่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับพวกเขา สงสัยช่วงวินาทีที่หลิงม่อคว้าตัวลู่ซิน คนพวกนี้ถึงตระหนักได้ในที่สุดว่าเวลาอยู่ต่อหน้าหลิงม่อ ควรทำตัวสงบเสงี่ยมไว้หน่อยจะดีกว่า

 

ได้ผลเหมือนอย่างที่หลิงม่อต้องการเป๊ะ ถึงแม้เขาจะตบหน้าลู่ซินเพียงคนเดียว แต่ในความเป็นจริงคนอื่นที่เหลือที่ไม่พออกพอใจหลิงม่อก็รู้สึกเจ็บและร้อนผ่าวที่ใบหน้าด้วยเช่นกัน ทั้งพวกที่เออออผสมโรงและพวกที่บ่นอุบอิบอยู่ในใจ

 

ทางด้านลู่ซิน พอได้ยินว่าหลิงม่อจะอยู่ต่อ เขาก็เดินหงอยเข้าไปหลบในห้อง ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาอีก

 

แต่หลิงม่อไม่คิดว่าตัวเองทำเกินไป เดิมทีโลกนี้ก็เป็นโลกที่ไร้ซึ่งความเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้ว ในเมื่อมีกำลัง เขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นสบประมาทเด็ดขาด!

 

“ทุกคนยังจำบรรดาครูกับเพื่อนๆ นักเรียนที่อยู่ที่โรงเรียนได้ใช่ไหม” หลิวอวี่หาวจัดแจงให้หลิงม่อนั่งบนโซฟา จากนั้นพูดกับเพื่อนๆ ด้วยความตื่นเต้น “พี่หลิงตกลงที่จะช่วยฉันกับซย่าน่าหาพวกเขาแล้วละ!”

 

ทุกคนนิ่งงันอยู่พักหนึ่ง แล้วสายตาที่มองหลิงม่อก็พลันเปลี่ยนเป็นสับสนงุนงงในชั่วพริบตา

 

เด็กหญิงชั้นมัธยมคนก่อนหน้านี้เอ่ยปากอย่างลังเลเล็กน้อย “ที่นั่นมีซอมบี้เยอะแยะเป็นโขยง...”

 

ความหมายโดยนัยคือไม่เชื่อว่าปฏิบัติการครั้งนี้จะทำสำเร็จ ซึ่งก็สามารถมองเห็นความเคลือบแคลงสงสัยในแววตาของคนอื่นได้ด้วยเช่นกัน

 

“ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยบอกพวกเธอแล้วนี่ว่าฉันจะต้องกลับไปตามหาพวกเขา ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาช่วยรั้งท้ายขบวนให้ ป่านนี้พวกเธอคงจะกลายเป็นเศษซากอยู่ในท้องซอมบี้ไปนานแล้ว” เมื่อเทียบกับหลิวอวี่หาวแล้ว ซย่าน่าไม่เพียงจะพูดอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น เธอยังพูดแบบไม่ไว้หน้าอีกด้วย

 

หากไม่ใช่เพราะลักษณะท่าทางที่เธอจูงมือเย่เลี่ยนช่างเหมือนกับน้องสาวที่เกาะติดแจแล้วล่ะก็ จะว่าไปเธอก็ดูเป็นหัวโจกอยู่หน่อยๆ เหมือนกัน...

 

“แต่...”

 

ทันใดนั้นเองชายหนุ่มสวมแว่นตาที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของหลิงม่อก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราทุกคนก็ไปด้วยกันเถอะ ซย่าน่าพูดถูก ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่และกำลังรอให้พวกเราไปช่วย ถ้าพวกเราหนีหายไปแบบนี้ มันก็ออกจะเห็นแก่ตัวเกินไปหน่อย ว่ายังไง พาพวกเราไปด้วยเถอะนะ”

 

ทันทีที่เขาพูดจบ สีหน้าของทุกคนก็ดูเจื่อนเล็กน้อย แต่น่าแปลกที่ไม่มีใครเอ่ยคัดค้านเลย

 

“ไม่ได้!” ซย่าน่าและหลิวอวี่หาวยังไม่ทันได้พูดอะไร หลิงม่อก็ชิงพูดก่อน

 

ข้อเสนอถูกปฏิเสธ แต่หนุ่มแว่นก็ไม่ได้โกรธเคือง แค่หันไปมองหลิงม่อและถามว่า “ทำไมล่ะ”

 

“พวกนายต่างก็ไม่มีทักษะการต่อสู้ แถมไปกันกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นเป้าความสนใจเกินไป”

 

เรื่องที่ถูกซย่าน่าบังคับข่มขู่น่ะช่างมันเถอะ แต่ให้เขาเป็นพี่เลี้ยงให้กับคนพวกนี้ หลิงม่อคิดว่าตัวเองไม่ได้ใจดีขนาดนั้น อีกอย่างหนุ่มแว่นก็พูดได้น่าฟัง แต่หลิงม่อกลับคิดว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นเป็นเพราะพวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย ถึงได้อยากตามไปด้วย ซึ่งสามารถเห็นได้จากปฏิกิริยาของพวกเขา

 

โรงเรียนซานจงอยู่ค่อนข้างไกลจากที่นี่ ถ้าคนกลุ่มนั้นตายกันหมดแล้วก็แล้วกันไป แต่ถ้ายังเหลือผู้รอดชีวิตอยู่ ก็คงต้องใช้เวลาสองสามวันกว่าพวกซย่าน่าจะกลับมา เพราะการจะผ่านเขตที่มีซอมบี้อยู่ชุกชุมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

 

แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีความกดดันแต่อย่างใด พวกเขาแค่เป็นตัวภาระไปดีๆ ก็พอแล้ว

 

“แต่อาหารมีไม่พอกินนะ!” จู่ๆ ชายหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ร่วมผสมโรงกับลู่ซินก็พูดขึ้นมาพลางทำหน้าเครียด ซึ่งพอคำพูดประโยคนี้หลุดออกจากปากเขา ก็เท่ากับเป็นการยืนยันการคาดเดาของหลิงม่อ

 

“จริงสิ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เจอกับพี่หลิง เราก็เลยไม่ได้เตรียมอาหารให้พวกเขาล่วงหน้า...”

 

หลิวอวี่หาวตบหัวตัวเองเบาๆ แล้วส่งสายตาวิงวอนให้กับหลิงม่อ

 

“เอาอย่างนี้แล้วกัน นายไม่ต้องสนใจว่าพวกเขาจะเป็นหรือตาย นายแค่ช่วยพวกเราตอนที่ตกอยู่ในวิกฤตก็พอแล้ว แบบนี้โอเคใช่ไหม” ซย่าน่าก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพลันพูดกับหลิงม่อ

 

พอเธอพูดแบบนี้ สีหน้าทุกคนก็ดูสับสนบอกไม่ถูก พวกเขาคงจะรู้สถานะของตัวเองอยู่แล้ว แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่ถูกพูดชี้ชัดขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องรู้สึกอับอายเป็นธรรมดา

 

ที่จริงแล้ว เนื่องจากรู้ดีว่าตัวเองเป็นตัวภาระ ถึงได้แสดงท่าทีไม่พออกพอใจกับการปรากฏตัวของหลิงม่อ ไม่ว่าหลิงม่อจะเป็นตัวภาระเหมือนกับพวกเขา หรือว่ามีฝีมือความสามารถอยู่นิดหน่อย สำหรับคนพวกนี้ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแล้ว หลิงม่อก็ยังคงเป็น ‘ผู้บุกรุกจากภายนอก’ อยู่ดี

 

สำหรับซย่าน่าและหลิวอวี่หาว ในสายตาพวกเขานั้น ทั้งสองเป็นเหมือนแหล่งพึ่งพิงอาศัย ซึ่งจะต้องแสวงประโยชน์จากสองคนนี้อย่างเต็มที่และต้องครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว

 

แต่ตัวภาระก็ควรมีจิตสำนึกของการเป็นตัวภาระ เมื่อผู้เป็นแหล่งพึ่งพิงอาศัยเอ่ยปาก ถึงแม้ในใจพวกเขาจะไม่พอใจสักแค่ไหน ก็ทำได้แค่อดทนไว้

 

ในเมื่อซย่าน่าอุตส่าห์พูดขนาดนี้แล้ว หลิงม่อก็เลยพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ “โอเค”

 

“เยี่ยมยอด ซย่าน่าวางใจได้ ขอแค่เอาอาวุธให้พวกเรา เราจะพยายามปกป้องตัวเองเอง” หนุ่มแว่นเผยรอยยิ้มดีอกดีใจพลางพูด

 

แต่พอดูสีหน้าสับสนวุ่นวายของคนอื่นแล้ว มันก็ยากที่จะถือคำพูดนี้เป็นจริงเป็นจัง

 

ทุกคนหารือเรื่องรายละเอียดกันอีกพักหนึ่ง จากนั้นหลิวอวี่หาวก็หยิบอาหารออกมาจากกระเป๋าเป้ แล้วนั่งล้อมวงกินอาหารกันแบบง่ายๆ

 

แต่อาหารที่พวกเขาหามาได้กินแล้วไม่ค่อยอิ่มท้อง ตรงกันข้ามกับอาหารในกระเป๋าเป้ของหลิงม่อที่ล้วนแล้วแต่ดีกว่าอาหารพวกนี้มาก ทั้งในด้านรสชาติและปริมาณพลังงาน ซึ่งมันก็ไม่แปลก ในเขตตัวเมืองมีซอมบี้อยู่มากมาย ผู้รอดชีวิตก็มีอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าซุปเปอร์มาร์เกตที่ไหน ก็คงถูกรื้อค้นมาหลายครั้งหลายหนแล้วละมั้ง...

 

แต่หลิงม่อไม่คิดจะเอาออกมาแบ่ง...

 

“เอ๋...พี่สาวไม่กินเหรอ” ซย่าน่ายื่นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปครึ่งห่อให้เย่เลี่ยน แต่กลับพบว่าเย่เลี่ยนไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ

 

“พี่สาวอารมณ์ไม่ดีเหรอฮะ”

 

ดูเหมือนว่าซย่าน่าจะดูไม่ออกเลยสักนิด แต่หลิวอวี่หาวนั้นกลับรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบในแววตาของเย่เลี่ยน จึงอดไม่ได้ที่จะหยั่งเชิงถาม

 

“เปล่าหรอก เธอแค่ไม่ค่อยสุงสิงกับคนแปลกหน้าน่ะ” หลิงม่อรู้สึกปวดหัวขึ้นมากะทันหัน จึงรีบตัดบทพวกเขาทันที

 

“คืนนี้พี่เย่นอนด้วยกันกับพวกเราเถอะ” จู่ๆ ซย่าน่าก็เสนอขึ้นมา “นายพักกับหลิวอวี่หาวนั่นแหละดีแล้ว ผู้ชายพักตรงนี้ ส่วนพวกเราผู้หญิงอยู่ฝั่งตรงข้าม”

 

ซย่าน่าพูดพลางชี้นิ้วไปยังฝั่งตรงข้าม

 

แม้ว่าหลิงม่ออยากจะปฏิเสธใจจะขาด แต่เมื่อเขากวาดตามองซย่าน่าและเด็กผู้หญิงคนอื่น เขาก็ต้องพยักหน้าอย่างจำยอม “ก็ได้” อย่างไรเสียก็อยู่ห่างกันไม่มาก ไม่ถึงกับทำให้เย่เลี่ยนหลุดจากการควบคุม นับตั้งแต่พลังจิตของเขาแกร่งกล้าขึ้น ระยะห่างในการควบคุมก็เพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด

 

“เอ๋...” ซย่าน่าค่อนข้างแปลกใจที่หลิงม่อตอบตกลงอย่างรวดเร็ว แต่นี่ก็ทำให้ทัศนะที่เธอมีต่อหลิงม่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

หลังจากที่วันสิ้นโลกมาเยือน กิจกรรมรื่นเริงบันเทิงพื้นฐานทั้งหมดก็หายเกลี้ยง เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว แม้ท้องฟ้าเพิ่งจะเริ่มมืด แต่ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนที่ห้องอย่างเงียบๆ

 

ซย่าน่าเองก็จูงมือเย่เลี่ยนเดินไปที่ห้องฝั่งตรงข้ามพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกสามสี่คน ส่วนหลิงม่อรักษาสายสัมพันธ์ทางจิตระหว่างเขากับเย่เลี่ยนไว้ ขณะเดียวกันก็นอนบนเตียงเดี่ยวคนเดียวตามที่หลิวอวี่หาวจัดไว้ให้

 

นี่นับได้ว่าเป็นการดูแลแบบพิเศษ อย่างไรเสียพรุ่งนี้เขาจะต้องช่วยพาพวกซย่าน่าไปยังโรงเรียนซานจง แล้วด้วยทักษะการต่อสู้ของเขา ถึงแม้เขาจะช่วยอย่างเสียไม่ได้ แต่สำหรับพวกซย่าน่าแล้ว มันก็ยังคงมีความหมายที่พิเศษยิ่ง

 

แต่ไม่ว่าใครก็คงคิดไม่ถึงว่า ตอนที่หลิงม่อล้มตัวลงนอนบนเตียงเดี่ยวและดูเหมือนหลับตาพักผ่อนอยู่นั้น เขาได้เปลี่ยนมุมในการมองไปที่ตัวเย่เลี่ยนเรียบร้อยแล้ว

 

‘ให้เย่เลี่ยนอยู่กับพวกเธอตามลำพัง ฉันจะวางใจได้ยังไง ต้องคอยเฝ้าดูไว้ถึงจะถูก...’

 

หลิงม่อแอบพูดอยู่ในใจ

 

...................................................................................

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด