ตอนที่แล้วซัพที่33: คำปลอบประโลมจากเด็กกำพร้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปซัพที่35: ตื่น ตื้น ตื่น ตื๊นนน กระเป๋าวิเศษมาแล้วจ้า

ซัพที่34: ทำไมข้าจะเรียกบ้างไม่ได้?


ซัพที่34: ทำไมข้าจะเรียกบ้างไม่ได้?

เมิ่งชงหยวนเมื่อตรวจคนไข้เสร็จ จึงเอนตัวลงนอนบนเตียงผู้ป่วย หวังจะหลับสักงีบ ขณะที่กำลังจะเข้าห้วงนิทรา เสียงวิ่งตึงตังก็ดังขึ้นจากด้านนอก

เอะอะอะไรนักหนาเนี่ย คนไข้ด่วนหรือไง..

เมิ่งชงหยวนฝืนลืมตาลุกขึ้นมาดู ร่างที่ขึ้นบันไดมา ทว่าเมื่อเห็นองค์ชายขาประจำ ก็ล้มตัวลงนอนอีกรอบ

“เมิ่งชงหยวนตื่นเดี๋ยวนี้! ไม่ต้องมาแกล้งตายยย” จินหลงเดินมาข้างเตียง เมิ่งชงหยวนพลิกตัวมา ลืมตาปรือๆ พูดกับองค์ชายน้อย

“แกล้งตายอะไรล่ะ.. ข้าจะตายจริงแล้วเนี่ย ตรวจโรคมายังไม่ได้พักเลยยย” เมิ่งชงหยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงยืดยาน ก่อนเขาจะสังเกตว่ามีใครยืนอยู่ด้านหลังองค์ชายน้อย เมื่อเงยหน้ามองก็ถึงกับตาเหลือก

“เห้ย!! โครม!” เมิ่งชงหยวนตกใจจนเผลอพลิกตัวหนี เป็นเหตุให้ตกเตียงลงไปกระแทกกับพื้น จินหลงย่อตัวลงมองท่านหมอที่ร้องโอดโอยอยู่บนพื้น

“เจ็บไหมล่ะนั่น อะไรจะรีแอคเวอร์ได้เบอร์นั้น” จินหลงเท้าคางมองท่านหมอที่กุมหลังตัวเองอยู่บนพื้น

“พูดบ้าอะไรของท่านน่ะ รีแอคว..อะไรนะ เวอร์เหรอ? อูย..” เมิ่งชงหยวนบ่นอุบ ก่อนจะปีนขึ้นมาบนเตียง

“แล้วเหตุใดคุณชายอู๋จึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ!” อู๋เจียงสงมีสีหน้าหมองโดยพลัน

“ข้าเองก็อยากรู้ ทั้งๆ ที่ข้าควรตายไปแล้วแท้ๆ” อ้าวซวย..

“ไม่ๆ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าหมายถึงปกติแล้วองค์ชายมักหนีเจ้ามานี่เพียงคนเดียว แต่ครั้งนี้ไหงมีเจ้าตามติดมาด้วยล่ะ” เมิ่งชงหยวนรีบแก้ความเข้าใจผิด ทว่าเจียงสงไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา

ไม่ติดว่ากำลังเศร้าคงได้เปิดศึกกันแหง!

“พอๆ ข้าไม่ได้พาพวกเจ้ามาทะเลาะกัน ข้าแค่จะให้เจ้าอธิบายให้เจียงสงฟังที ว่าข้าไม่-ได้-บ้า!” จินหลงเน้นคำหลัง ทั้งยังเหลือบมองเจียงสงที่ยังคงไม่เชื่อ

“ก็ตามนั้น องค์ชายไม่ได้บ้าจริง” เจียงสงหันมามองหน้าเมิ่งชงหยวน

“งั้นแปลว่าเจ้าหลอกลวงเบื้องสูง?”

“อืม จริงๆ แล้วองค์ชายเป็นบ้า แต่เพราะได้ข้ารักษาจึงจะหายแล้ว” เห้ย!!!

“เดี๋ยว! อย่ามาปั่นอะไรแบบนี้ ไม่โอเคๆๆ เอาความจริงสิ เดี๋ยวจะยิ่งงงกันไปใหญ่” เจ้าตัวแสบโบกไม้โบกมือห้าม เมิ่งชงหยวนจึงเดินไปนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ

“ก็แหม่ ขืนข้าไม่บอกว่าพระองค์บ้า มีหวังได้โดนตัดหัวสิ” เมิ่งชงหยวนยักไหล่ไม่ใส่ใจ

“แล้วอยากโดนข้าสั่งโบยไหมล่ะ เอาให้ยิ่งกว่าเมื่อครั้นนั้นเลย” ท่านหมอส่ายหน้าแรง

“ไม่ๆ โอเคข้าบอกความจริงแล้วก็ได้ โดนฆ่าฉับเดียวดีกว่าต้องมาเจ็บก้นแบบตอนนั้น” ท่านหมอตัดสินใจได้โดยพลัน แล้วผายมือให้เจียงสงมานั่งเก้าอี้ใกล้ๆ ส่วนองค์ชายตัวแสบกระโดดขึ้นไปเอนหลังบนเตียงไม้

“ถ้าให้สรุปง่ายๆ ล่ะก็ ที่ไม่มีหมอคนไหนรักษาองค์ชายได้ เป็นเพราะองค์ชายแกล้งบ้า ที่ข้ารู้เพราะก่อนเข้าวังได้เห็นองค์ชายกับกลุ่มเด็กกำพร้านอกเมือง ก็เลยรู้ความจริง พอได้เจอองค์ชายก็เลยไปต่อรองอะไรกันนิดหน่อยแลกกับการให้ข้าปิดเรื่องนี้เป็นความลับ จบ!” วิธีการเล่าของท่านหมอช่างต่างจากจื่อจงนัก จินหลงหรี่ตามองอย่างเบื่อหน่าย

“จบเร็วไปมะ?” เจ้าตัวแสบแย้งขึ้น ท่านหมอยักไหล่

“ย่อๆ ก็แค่นี้ ส่วนสาเหตุเรื่องราวทั้งหมดพระองค์คงต้องเป็นผู้เล่าเองแล้วล่ะ” จินหลงเลิกคิ้ว ก่อนพลิกตัวหันหลังให้พวกเขา

“เล่าไปพวกเจ้าก็หาว่าข้าบ้า จะให้ข้าเล่าทำไม” เจ้าตัวแสบงอนตุ๊บป่อง

“ก็ถ้าพระองค์เล่าเรื่องเดิมออกมา ข้าก็ยืนยันว่าพระองค์บ้า” นั่นไง แล้วจะให้ข้าเล่าทำไม!!

“ถ้าพระองค์ไม่เล่า ข้าจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดหรือไม่ ว่าเหตุใดพระองค์ต้องแกล้งสติฟั่นเฟือนด้วย” เจียงสงเอ่ย จินหลงถอนหายใจ ลุกขึ้นมา

“เอาเป็นว่าก่อนเล่า ข้าขอยืนยันก่อนแล้วกัน ว่าข้าพูดความจริง ไม่ได้บ้า แล้วก็ห้ามขัดระหว่างเล่าด้วย” เจียงสงพยักหน้า จินหลงจึงนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากเล่า

“ในชาติแรกข้ามีนามว่าหยางฮุ่ยหลง เป็นฮ่องเต้ที่เก่งกาจในอดีต ตัวข้..”

“เรื่องนี้อีกแล้วเหรอ” ไม่ทันจะเล่าถึงไหน ท่านหมอเมิ่งก็ขัดขึ้น ทำให้จินหลงต้องหันไปแยกเขี้ยว

“ข้าบอกว่าอย่าขัด!!” เมิ่งชงหยวนรีบเอามืออุดปากตัวเอง จินหลงส่งเสียจิ๊จ๊ะไม่พอใจ ก่อนจะเล่าต่อ

“ในชาติแรกข้ามีนามว่าหยางฮุ่ยหลง เป็นฮ่องเต้ในราชวงศ์ที่เลื่องลือในโลกนั้น..” จินหลงแอบเหลือบมองเมิ่งชงหยวน ว่าจะพูดแทรกอะไรอีกไหม เมื่อเห็นเจ้าตัวยังปิดปากแน่น เขาจึงเล่าต่อ

“ตัวข้าถูกน้องชายแท้ๆ สังหารในชาติแรก เมื่อตายไปจึงได้พบกับพระเจ้า แล้วก็เลยขอแลกวาสนามังกรเพื่อคงความทรงจำในชาติแรกไว้ พอเกิดใหม่ชาติสอง ข้ามีนามว่าเหออยู่ร์หาน ชาตินี้ข้าก็เกิดในครอบครัวธรรมดาๆ นั่นแหละ ไม่ได้มีอะไรมาก ในโลกนี้เป็นโลกที่ต่างจากโลกเดิม ไม่มีราชวงศ์ ไม่มีแคว้น แม้จะมีสงครามบ้างประปราย แต่ก็เป็นโลกที่สงบสุข ผู้คนใช้ชีวิตสุขสบาย” จินหลงอธิบายคร่าวๆ ทั้งเมิ่งชงหยวนและเจียงสงต่างพยายามนึกภาพตาม

“แต่ข้าดันไปรู้มาว่าประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือน น้องชายข้าในชาติแรกสั่งให้คนทำลายบันทึกในช่วงเวลาที่ข้าครองราชย์ และร้อยเรียงบันทึกใหม่ที่ถูกแต่งเติมเข้าไป ทำให้ข้าต้องกลายเป็นฮ่องเต้ทรราชขายแผ่นดิน การที่ต้องมารู้เรื่องทั้งหมดหลังตาย มันเป็นเรื่องทรมานมาก ข้าได้รู้ว่าทั้งสนม ทั้งลูกของข้า ทุกคนที่ข้ารักล้วนถูกสังหาร เพียงเพราะเก้าอี้ที่ถูกเรียกว่าบัลลังก์” จินหลงกำหมัด ใบหน้าเต็มไปด้วยความแค้น

“ข้าทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ ข้าไม่สามารถทำอะไรได้เลยในตอนนั้น เรื่องมันผ่านมาตั้งหลายร้อยปี ไม่อาจชำระแค้นได้ สิ่งที่ข้าทำได้มีแต่ทวงคืนประวัติศาสตร์ที่แท้จริงกลับมา ข้าพยายามอย่างหนัก กว่าจะทำสำเร็จ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปีข้าก็ต้องตายลงอีกครั้ง” จินหลงเงยหน้าขึ้นมอง

“ข้าถูกฆ่าในชาติที่สองและเกิดใหม่ในชาติที่สาม เพื่อเป็นตัวแทนจากสวรรค์ รับภารกิจเลือกเฟ้นฮ่องเต้จากพระเจ้า ทว่าข้าก็ไม่รู้ว่าสวรรค์คิดอะไร เหตุใดจึงส่งข้ามาเป็นองค์ชาย ทั้งที่ตัวข้าไร้วาสนามังกรแล้ว ไม่ควรจะให้ข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกเลยสักนิด” เจ้าตัวแสบถอนหายใจ เมิ่งชงหยวนจึงถามขึ้น

“หรือเจ้าอยากเกิดเป็นองค์หญิง?” จินหลงนิ่งคิด ก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่อะ องค์หญิงถึงจะชีวิตดี แต่สุดท้ายก็ต้องถูกจับแต่งงานการเมืองอยู่ดี ตัวข้าไม่ว่ายังไงก็จะต้องหาตัวฮองเฮาของข้าในชาติแรกให้พบให้ได้! หากชาตินี้นางเกิดเป็นชาย ข้าก็ยินดีเป็นโฮโม!!” จินหลงฮึดสู้สุดกำลัง เจียงสงและท่านหมอจึงหันมามองหน้ากัน

อะไรคือโฮโม..

“แต่ในชาตินี้ ข้าดันอยากตอบแทนพระคุณเสด็จแม่มากเกิน เลยกลายเป็นว่าทำตัวเด่นไป เสด็จพ่อจึงจะให้ข้าเป็นรัชทายาท ซึ่งข้าไม่ต้องการเป็นเช่นนั้น ต่อให้ข้ายังมีวาสนามังกรอยู่ ให้ตายยังไงข้าก็ไม่มีวันเป็นฮ่องเต้ ข้าไม่อยากไปอยู่ท่ามกลางสมรภูมิการฆ่าฟันชิงอำนาจนั่นอีกแล้ว แต่หากข้าถอยออกมาชัดเกิน ก็กลัวจะเกิดเรื่องทำให้ใครหลายคนเดือดร้อน จึงตัดสินใจอาศัยแผนร้ายของฮองเฮา แต่ก็ไม่คาดว่าแม่ขององค์ชายห้าจะกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาแทน” จินหลงถอนหายใจ

“เท่าที่ฟังมา.. หากพระองค์ไม่ทำตัวเด่นเกิน ก็ไม่มีปัญหาแล้วนี่” พูดถูก! แต่อย่าย้ำได้ไหมมมม

“เอาเถอะ เรื่องก็โดนยืดมาขนาดนี้แล้ว ทีนี้พวกเจ้าจะเชื่อข้าไหมล่ะ” เมิ่งชงหยวนส่ายหน้าทันควัน ต่างกับเจียงสงที่นิ่งคิด

“เรื่องแบบนี้ข้าเองก็ไม่รู้ แต่หากพระองค์ไม่มีหลักฐาน ก็คงเชื่อถือได้ยากนัก” ...แล้วจะให้ข้าไปหาหลักฐานจากไหน!

“ข้าก็บอกแล้วไงว่าเล่าไปพวกเจ้าก็ไม่เชื่อ จะให้เล่าวนอีกกี่รอบกัน เอาเป็นว่าตอนนี้พาเจียงสงไปหาพวกหยางเค่อดีกว่า” จินหลงกระโดดลงมาจากเตียง

“ถ้าจะไปฝากเอายาบำรุงนี่ไปด้วยสิ” เมิ่งชงหยวนเปิดลิ้นชัก หยิบถุงยาถุงใหญ่ออกมา

“หยางเค่อ?” เจียงสงฉงน จินหลงนิ่งคิดก่อนจะตอบว่า

“เขาคืออี้เทาที่ท่านพี่จื่อจงพูดเมื่อตอนอยู่ข้างล่างนั่นแหละ พอดีเขามาตื้อให้ข้าเปลี่ยนชื่อให้ได้ ข้าเลยมอบชื่อจินหยางเค่อให้เขาไป” เจียงสงพยักหน้าเข้าใจ

 

ทว่าเมื่อเข้าป่ามา เจียงสงก็ต้องเหนื่อยหอบทันทีกับระยะทางที่แสนไกล ไม่น่าเชื่อว่าตัวเขาจะเหนื่อยเร็วกว่าองค์ชายน้อย!

“เร็วเข้าสิ เดี๋ยวก็มืดพอดี” เจ้าตัวแสบเร่ง

“น..นี่ นี่ท่าน.. ที่ท่านหนีมาทุกวัน.. คือมาทำอะไรแบบนี้งั้นเหรอ!” เจียงสงหอบหายใจอย่างยากลำบาก

“ใช่ ว่าแต่นี่เจ้าเหนื่อยแล้วเหรอ” จินหลงถาม แต่คำพูดของเขาคล้ายคำดูแคลน

“ไม่ ข้ายังไม่เหนื่อย!”

 

กว่าเจียงสงจะมาถึงที่ตั้งหมู่บ้านจินหู่ ก็เรียกได้ว่าหมดแรง ทว่าเมื่อมาถึงก็ต้องตกตะลึง กับเด็กๆ ที่ฝึกวรยุทธ์อยู่ข้างทะเลสาบ ทั้งยังมีกระท่อมน้อยๆ ตั้งเรียงราย ราวกับเป็นหมู่บ้านขนาดย่อม

“ท่านอยู่ร์หาน!” เสียงหยางเค่อดังมาแต่ไกล พร้อมกับร่างของเด็กวัยสิบเอ็ดปีที่วิ่งมาด้วยดวงตาเป็นประกาย

“เป็นไงบ้างหยางเค่อ ระหว่างที่ข้าไม่อยู่ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” จินหลงถามสารทุกข์สุขดิบ ในขณะที่เจียงสงกำลังมองไปโดยรอบ

“แล้วนั่นใครหรือ?” หยางเค่อหรืออี้เทาชะโงกหน้าไปมองเจียงสงด้านหลัง

“ออ..ว่าไงดี องครักษ์ของข้าที่ที่บ้านจ้างมาน่ะ” คำตอบที่ออกมาทำเอาเส้นขมับบนหัวหยางเค่อปูดขึ้นทันที

ข้าเป็นถึงมือซ้ายของท่านอยู่ร์หานนะ!

“ฮึ ดูท่าทางปวกเปียกอ่อนแอเหม่อลอยขนาดนี้จะไปทำอะไรได้” หยางเค่อเค้นเสียงหัวเราะ

เอาแล้วไง...งานเข้าอีกแล้ว

เจ้าตัวแสบคิดในใจ เมื่อเห็นดวงตาของเจียงสงวาววับด้วยโทสะ

ศักดิ์ศรีราชองครักษ์มันค้ำคอ!

“เจ้าว่าใครอ่อนแอ” เจียงสงเดินเข้ามาประจันหน้ากับหยางเค่อ

“ก็เจ้าไง” หยางเค่อยังไม่ยอมหยุด ทำเอาจินหลงต้องเข้ามาคั่นกลาง

“พอๆๆ พอได้แล้ววว พวกเจ้าจะตีกันทำไมเนี่ย” จินหลงโวยวาย หยางเค่อส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ เจียงสงชี้หน้าหยางเค่อแล้วถามจินหลง

“องค์ช..อุ๊บ” จินหลงรีบตะครุบปากเจียงสงไว้ทันที

“นายน้อย” เจ้าตัวแสบรีบแก้ก่อนความจะแตก แม้เจียงสงจะสงสัย แต่ก็ทำตาม เขาสะบัดหน้าให้จินหลงปล่อยมือ ก่อนจะถามว่า

“นายน้อย นี่นายน้อยมาอยู่กับเจ้าคนไร้มารยาทเช่นนี้ได้เยี่ยงไร เจอหน้าก็หาเรื่องข้าทันที” เจียงสงโวยวายชี้หน้าหยางเค่อ

“เหอะ ใครกันแน่ไร้มารยาท เจอหน้าครั้งแรกก็เอาแต่หน้าบูด” แล้วไหงพวกเจ้ามาตีกันเนี่ย!!

“แล้วเหตุใดข้าต้องยิ้มแย้มกับคนอย่างเจ้า” เจียงสงกัดริมฝีปาก

“โว้ยพอสักที๊!!! รำคาญโว้ยยยยยยยยยย” จินหลงแหกปากตะเบ็งเสียงจนคนทั้งตระกูลหันมามอง เจ้าตัวแสบนวดขมับก่อนจะแนะนำหยางเค่อให้เจียงสงรู้จัก

“นี่จินหยางเค่อ เป็นคนที่ข้ามอบหมายให้ดูแลตระกูลจินและหมู่บ้านจินหู่ ส่วนนี่เป็นองครักษ์ของข้าเอง” จินหลงแนะนำ โดยละชื่อไว้ไม่ให้เจียงสงสะเทือนใจ

“แล้วจะให้ข้าเรียกเขาว่าอะไร” หยางเค่อถาม จินหลงจึงชะงัก ก่อนหันมามองหน้าเจียงสง

“ไม่ต้องมาเรียกข้า ข้าไม่ได้มีธุระกับเจ้า” เจียงสงพ่นลมหายใจไม่พอใจ

“หา..” หยางเค่อกำหมัด

เมื่อไรพวกเจ้าสองคนจะเลิกตีกันเนี่ยยยยย

กว่าจะทำให้เจียงสงและหยางเค่อหยุดปากได้ ก็เล่นเอาจินหลงถึงกับเหนื่อย เขาหันมาบอกเจียงสงว่า

“ที่นี่คือตระกูลจินหมู่บ้านจินหู่ ตามที่ท่านพี่จื่อจงเล่าให้เจ้าฟัง ที่นี่พวกเราอยู่กันเป็นครอบครัวพี่น้อง เพราะอยู่กลางป่าฉะนั้นจึงไม่มีใครเข้ามารบกวน เจ้าเองก็ลองซึมซับบรรยากาศที่นี่ดูแล้วกัน และหากต้องการ ตระกูลจินยินดีต้อนรับเจ้า” จินหลงเอ่ย

“เดี๋ยวท่านจะรับ..อุ๊บ” จินหลงใช้มือปิดปากหยางเค่อ ก่อนจะหันหลังเตรียมลากตัวอีกฝ่ายออกไป เจียงสงมองแผ่นหลังเล็กๆ ของจินหลง พลางนึกถึงคำที่พ่อเคยกล่าวไว้

‘เจียงสง พ่อเองก็มีอายุมากแล้ว เห็นผู้คนมาก็มาก พ่อสัมผัสได้ถึงความพิเศษผ่านตัวองค์ชายสี่ มันเป็นความพิเศษที่ควรเดิมพัน เจียงสง..พ่อเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรองค์ชายก็จะต้องช่วยเจ้าออกไปให้ได้ เมื่อเจ้าออกไปแล้ว เจ้าต้องทวงคืนความเป็นธรรมใหตระกูลอู๋ และเดินเคียงข้างคอยรับใช้องค์ชายต่อไป พ่อเชื่อว่าเส้นทางที่องค์ชายจะเดินไป แม้จะทรหดแต่ก็รุ่งโรจน์นัก’

ถ้อยคำและแววตาแน่วแน่ของผู้เป็นพ่อ เจียงสงยังคงจำได้ดี แม้ในตอนแรกเขาจะยังไม่มั่นใจ ว่าควรเดินตามองค์ชายสี่จริงหรือไม่ แต่ในวันนี้ เขาได้เห็นและได้ยินสิ่งที่พระองค์ทำแล้ว การมีอยู่ของหมู่บ้านจินหู่ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็จะทำได้ ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสงบสุข

เรื่องราวที่องค์ชายเล่าเกี่ยวกับชาติก่อนและภารกิจจากสวรรค์ แม้จะฟังดูเชื่อยาก แต่เขาก็เชื่อมัน เพราะมันช่างสมเหตุสมผลนัก เมื่อนึกถึงความสามารถขององค์ชายตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน

“เดี๋ยว” เจียงสงเอ่ยรั้งจินหลงไว้ ทำให้เจ้าตัวต้องหันมาพร้อมกับหยางเค่อ เจียงสงถอนหายใจและหลับตาลงเพื่อตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

“ชื่อของข้า.. ช่วยตั้งให้ที” หยางเค่ออ้าปากค้าง ต่างจากจินหลงที่กระพริบตาปริบๆ

“หากเจ้านั่นเป็นมือซ้ายของท่าน ข้าจะเป็นมือขวาเอง ฉะนั้นชื่อของข้าขอท่านได้โปรดเป็นคนตั้ง” เจียงสงคุกเข่าทำความเคารพตามธรรมเนียมวัง โดยไม่สนใจหยางเค่อที่แทบจะกินหัวเขา

“เจ้าจะบ้าหรือไง อยู่ดีๆ จะมาเอาตำแหน่งมือขวาไปได้ยังไง ทั้งยังจะให้ท่านอยู่ร์หานตั้งช..”

“จินหย่งเล่อ” หยางเค่อหันขวับมามองจินหลงทันที ไม่ต่างจากเจียงสงที่เงยหน้ามอง

“ข้าขอมอบนาม จินหย่งเล่อ ให้กับเจ้า” หย่งเล่อหรือเจียงสงหันไปมองหน้ากับหยางเค่อทันที ก่อนจะชี้หน้ากันและกันโดยพลัน

“เหตุใดข้าต้องชื่อคล้ายเจ้านี่!!” จินหลงหัวเราะขบขัน กับท่าทางของทั้งสอง พลางคิดในใจ

ก็ตอนชาติก่อนดูเปาบุ้นจิ้นแล้วข้าชอบเวลาเรียกจางหลง จ้าวหู่นี่นา

แล้วทำไมข้าจะเรียกหยางเค่อ หยงเล่อบ้างไม่ได้!

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด