ตอนที่แล้วMoney Monster Episode XIX [กับดักเผด็จศึก]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMoney Monster Episode XXI [ขี้แพ้ชวนตี]

Money Monster Episode XX [ชั้นเชิงที่เหนือกว่า]


Money Monster

Episode XX

[ชั้นเชิงที่เหนือกว่า]

ร่างกายที่ถูกอัดจนยับเยินของเซลิเป้ค่อยๆ ไหลลงสู่พื้นอย่างเชื่องช้า ทุกส่วนในร่างกายรู้สึกฉีกขาดเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทุกอณูเซลล์ เพียงแค่กระดิกนิ้วก็รู้สึกเหมือนเส้นประสาทกำลังชาเสมือนถูกไฟฟ้าดูด

ควันสีขาวค่อยๆ ลอยออกมาจากเรือนร่างของเซลิเป้ บาดแผลที่มีเริ่มถูกสมานอย่างรวดเร็ว ด้วยกฎของการดวลจึงทำให้ความตายของชายหนุ่มถูกทำให้เป็นโมฆะ ดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดและแค้นเคืองเหลือบมองไปยังศัตรูคู่อาฆาตที่ทำให้ตนต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้

“กะ..แก บังอาจนัก”

“ฝังนั้นประมาทเองต่างหาก” ไลท์เดินเข้ามาหาพร้อมยิ้มจางๆ ให้ ส่งผลให้อีกฝ่ายโกรธขึ้นไปอีก

“ได้ยังไง..แกทำได้ยังไง ทำไมถึงมีการ์ดไว้ใช้พลิกเกมที่ฉันวางเอาไว้ถึงสองรอบ” เซลิเป้กัดฟันถามออกไป

ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะถูกจัดการด้วยกำลังของมอนสเตอร์นับร้อยที่อัญเชิญมาแต่ก็ถูกอีกฝ่ายกวาดล้างไว้ได้ พอใช้ไออ้อนแพนดูลัมสุดแข็งแกร่งก็ถูกอีกฝ่ายสวนกลับอีก ราวกับว่าตนเองกำลังเต้นอยู่ในมือของชายตรงหน้า เป็นฝ่ายที่ถูกไล่ต้อนตั้งแต่ต้นยันจบ

นี่มันเหมือนกับ..เป็นตัวตลกขายขี้หน้า

“มีผู้หญิงสวยๆ คนหนึ่งบอกฉันไว้ว่า ศัตรูที่รับมือยากที่สุดไม่ใช่อมนุษย์ แต่คือมนุษย์ด้วยกันเอง”

“!”

“เพราะเราไม่มีทางรู้ได้ว่า การ์ดบนมือของอีกฝ่ายใช้ทำอะไรได้บ้าง และไม่รู้ว่าการ์ดใบต่อไปที่จะขึ้นมือเราคือการ์ดใบไหน ปัจจัยที่จะส่งผลต่อรูปเกมมันมีร้อยแปดเพราะอย่างนั้นต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา”

“นี่แก..จะบอกว่ายังไงกันแน่”

“ฉันจะไม่ประมาทและหาทางเตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่เป็นไปได้ เหมือนกับนาย นายมีเวลาสิบนาทีเตรียมการเพื่อจะไล่ต้อนฉันให้จมมุม ฉันก็มีสิบนาทีที่จะรับมือลูกไม้ที่นายมี ในระหว่างที่พวกเรากำลังเล่นซ่อนแอบกันก็ได้การ์ดเพิ่มมาตั้งสี่ใบใช่ไหม ฉันพิจารณาการ์ดในมือว่าจะใช้มันทำอะไรได้บ้าง ก็เลยส่งหุ่นไล่กาปีศาจให้แอบอยู่ใกล้ๆ เผื่อมีกรณีแบบนี้ แต่สุดยอดไปเลยนะ โชคดีจริงๆ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้ฉันคงโดนลูกตุ้มซัดเข้าจนตัวแบนไปแล้ว”

“อะ..อึก” เซลิเป้เพ่งตามองอีกฝายอย่างเจ็บใจ

“นายมั่นใจในแผนการของตัวเองมาก..แต่ไม่เผื่อในกรณีอื่นที่จะโดนพลิกกลับ ใช่..ทะนงตนเกินไป”

“หุบปาก! อย่ามาทำเป็นเก่งกว่าฉันนะ”

“ไม่ได้ทำ แต่เก่งกว่าต่างหาก” ไลท์กล่าวยิ้มออกมาอย่างเป็นเลศนัย

“เพราะว่าฉันชนะแล้ว เห็นไหม”

“เหลวไหล! มาสู้กันอีกรอบ ฉันยังไม่ได้ใช้พลังของไออ้อนแพนดูลัมเลย แกมันขี้โกง แกมันก็แค่คนอ่อนแอที่ไม่กล้าสู้ตรงๆ แกมันขี้ขลาด!”

“หึหึ ทำไมถึงมั่นใจนักว่าถ้าสู้กันตรงๆ แล้วตัวเองจะชนะ คนที่ขี้ขลาดจริงๆ คือนายต่างหาก..ก็เล่นหนีไปซ่อนในท่อระบายน้ำกับหนูสกปรกตั้งสิบนาทีเลยนี่นา”

“ฉันไมได้ซ่อนอยู่ในท่อระบายน้ำ!”

“ฉันขี้เกียจฟังคนขี้แพ้ชวนตีแล้ว” ไลท์ทำเป็นแคะขี้หูหนึ่งทีก่อนจะยกบัตรMMCขึ้นมือ มันส่องแสงสีทองออกมาจางๆ ก่อนที่จะมีแสงแบบเดียวกันเกิดขึ้นที่กระเป๋าเสื้อของเซลิเป้ บัตรMMCของชายหัวเม่นลอยออกจากที่อยู่ของมันก่อนจะปลดปล่อยธนบัตรจำนวนมหาศาลออกมา

“ไม่นะ! เงิน เงินของฉัน เงินของฉัน!!” เซลิเป้ร้องเสียงหลงออกมาอย่างน่าเวทนา โอบแขนกันไม่ให้ธนบัตรหลุดลอยออกไปไหนแต่ก็ไร้ผล เพราะพวกมันลอยทะลุร่างองเขาออกไป

ไลท์ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างเป็นสุข ธนบัตรจำนวนนับไม่ถ้วนถูกดูดเข้ามายังบัตรMMCของเขา เป็นเงินสดด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นพร้อมกับการ์ดแรร์จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มีการ์ดใบไหนที่เรียกความสนใจเขาเท่ากับการ์ดSRอีกแล้ว

Ability Card : (SR) สมบัติจากพระเจ้า 112,000 Coin

คุณสมบัติ: ทำงานเมื่อการ์ดในมือเหลือเพียงหนึ่งใบ เพิ่มการ์ดจากสต๊อกการ์ดมาขึ้นมือจนครบหกใบ พร้อมกับทำให้โบรกเกอร์ทุกคนในบริเวณสิบเมตร เพิ่มการ์ดในมือให้คนละหนึ่งใบ

“โฮ เป็นการ์ดที่ดีใช้ได้นี่” ไลท์ยิ้มก่อนจะเก็บการ์ดใบนั้นเข้าไปในสำรับ

“เอาเงินกับของๆ ฉันคืนมานะโว้ย!” เซลิเป้แผดเสียงคำรามใส่

“ฉันชนะตามสัญญา พวกมันกลายเป็นของฉันแล้ว ลาล่ะ” ไลท์ขยิบตาให้หนึ่งทีก่อนจะเขาจะก้าวเดินห่างออกทุกฝีก้าว ร่างของชายหนุ่มเลืองหายไปโผล่ตรงทางเข้าห้องจำลองการต่อสู้ โดยมีผู้คนจำนวนมากรอคอยการมาของเขาอยู่

 

ภายในสนามทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเซลิเป้จับต้นชนปลายยังลำบาก แต่สำหรับฝั่งคนดูแล้วไม่ใช่ เพราะมุมมองที่ฝั่งคนดูได้รับคือมุมมองบุคคลที่สามที่เห็นทุกท่วงท่าและการกระทำของผู้อยู่ข้างใน ทำให้รู้อยู่แล้วว่าไลท์แอบอัญเชิญหุ่นไล่กาปีศาจมาตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนจะเริ่มต้นตามหาเซลิเป้แล้ว

พวกเพื่อนๆ ของเซลิเป้ได้แต่นั่งใจแป้วอยากจะคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบอกให้อีกฝ่ายรับทราบ แต่ห้องจำลองการต่อสู้ไม่สามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้

แต่ถึงจะรู้ว่าไลท์แอบวางแผนรับมืออะไรไว้แต่ก็อดเอาใจช่วยเซลิเป้ไมได้ เพราะเซลิเป้เองลำดับก็ไม่ใช่น้อยๆ แถมในหมู่คนรู้จักก็ได้รู้ความร้ายกาจของเจ้าตัวดีไม่ว่าจะเป็นสกิลติดตัวหรือการ์ดสีทองทรงพลัง ทว่า..

อัญเชิญมอนสเตอร์ออกมาเป็นร้อยก็โดนระเบิดตายทั้งโขยง เอามอนสเตอร์สุดแกร่งออกมาสู้ก็เป็นอย่างที่เห็น มิหนำซ้ำ ไอ้อาวุธที่เพิ่มความสามารถจากการ์ดสีทองยังไม่ทันได้ใช้ด้วยซ้ำ ความอนาถที่แสดงให้เห็นนั้นทำให้เหล่าเพื่อนๆ เกินจะทานทน

และจากการต่อสู้ครั้งนี้ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเหล่านักเสี่ยงโชคทั้งหลายที่แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ

[กลุ่มแทงข้างไลท์]และ[กลุ่มแทงข้างเซลิเป้นั่นเอง] เมื่อมีการเดิมพันเกิดขึ้น การแข่งขันมีผู้ชนะฉันใดก็มีผู้แพ้ฉันนั้น ผู้พนันก็เช่นกัน

“ไอ้บ้าเอ้ย! ฉันไม่น่าลงข้างแกเลย”

“ไปลากคอมันออกมา กระทืบมันให้ตายคาตีนเลย”

“เยี่ยม! ฉันได้เงินมาตั้งแสนเหรียญ โคตรคุ้มค่า”

“มองถูกจริงๆ ดีแล้วที่ไม่โง่ไปเลือกข้างไอ้โง่นั่น”

ทั้งสองฝ่ายโห่ร้องและคร่ำครวญทั้งดีเศร้าปะปนกันไป

“เยี่ยม! สมกับเป็นเพื่อนฉัน เท่านี้ก็ได้เงินก้อนโตไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์แล้ว” ครอสซ์ปีนโต๊ะขึ้นไปทำท่าชูมือขึ้นฟ้าทั้งสองข้าง เป็นตัวแทนของเหล่ากองเชียร์ไลท์อย่างออกนอกหน้า ถ้าว่ากันแล้วนอกจากไลท์ที่ได้เงินล้านกับการ์ดมูลค่าสูงก็มีเขานี่แหละ ที่ได้ประโยชน์จากการสู้ครั้งนี้สูงสุด

เพราะพี่แกเล่นทุ่มเงินทั้งหมดที่มีลงเดิมพันข้างไลท์ยังไงล่ะ!

“ฮ่า!ๆๆ เงินทองเอ๋ยจงงอกเงย”

“เฮ้อ..จะโล่งอกหรือจะปวดใจดีนะ” แจ๊สเปอร์กุมขมับหนึ่งทีโดยมีลูน่าคอยนวดแขนนวดไหล่ให้แก้ปวด

“ตอนเห็นครอสซ์เอาเงินทั้งหมดลงเดิมพันนี่ก็ห้ามไม่ทัน พอคิดว่าไลท์จะแพ้ก็คงงานเข้า จะว่าไงดีล่ะ หรือหมอนี่มีพลังวิเศษที่ทำอะไรก็ราบลื่นไปหมด” แจ๊สเปอร์อดคิดไม่ได้ แม้ครอสซ์จะไม่ได้ราบลื่นเท่าไลท์แต่ก็นับว่าก้าวหน้ามาก อย่างตอนนี้ก็กอบโกยเงินไปหลายแสนแล้ว ในขณะที่เขาอยู่ในเซฟโซนได้มาแค่หกหมื่นเหรียญเท่านั้น

“คุณครอสซ์เขาคงเชื่อใจคุณไลท์มากมั้งคะ!” ลูน่ายิ้มตอบแทน

“ฉันว่าครอสซ์เขาโชคล้นเหลือมากกว่า ว่าแต่ลูน่าเธอได้เท่าไหร่”

“สองแสนค่ะ”

“แค่ก!ๆ” แจ๊สเปอร์ถึงกับสำลักเมื่อได้ฟังตัวเลขเงินที่เธอได้

“ดีจังเลยนะคะ! พนันทีเดียวก็ได้เงินมาคืนพวกคุณทุกคนแล้ว”

“การพนันมันไม่ดีนะ! ครั้งนี้แค่โชคดีเฉยๆ ขนาดไลท์ยังเกือบแพ้เลย”

“รู้แล้วค่ะ คุณพ่อก็สอนเอาไว้ว่าการพนันมันไม่ดี แต่ถ้าเลือกข้างที่ชนะก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา”

“เฮ้อ..ไม่ฟังผู้ใหญ่ระวังอนาคตจะแย่เอานะ”

“ฮิฮิ ค่า!” ลูน่าส่งเสียงน่ารักก่อนจะเผยรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของเธอ แจ๊สเปอร์แอบถอนหายใจเล็กน้อยแล้วเปลี่ยนเป็นหัวเราะในที่สุด สถานะของเขากับลูน่าในหลายวันมานี้เหมือนเด็กกับพี่เลี้ยงไม่มีผิด

เขาจ้องมองผู้คนโดยรอบก่อนจะเอ่ยออกมาว่า

“ไม่รู้ว่าไลท์คำนวณเอาไว้แล้วรึเปล่า”

“ยังไงหรือคะ?”

“ที่จงใจทำให้การดวลมันได้รับความสนใจมากขนาดนี้ คิดดูสิ ตอนแรกเริ่มจากการเดิมพันแค่การ์ดแรร์ไม่กี่ใบใช่ไหม ต่อมาก็เป็นการ์ดSR สุดท้ายก็เป็นเงินหลักล้าน ยิ่งเดิมพันกันสูงขนาดไหนก็ได้รับความสนใจมากขึ้น ไลท์เองก็เป็นคนฉลาด ต้องรู้แน่ๆ อยู่แล้วว่าระบบดวลมีการให้ลงเดิมพันด้วย”

“แล้วยังไงต่อหรือคะ?”

“เมื่อมีการเดิมพันก็ต้องมีทั้งคนที่ลงเดิมพันข้างตัวเองและอีกฝ่ายใช่ไหม คิดดูสิว่าทำไมไลท์ถึงกล้าลงเดิมพัน เพราะเขาคิดว่าตัวเองจะชนะ ถ้าลูน่าไม่มั่นใจว่าตัวเองจะชนะจะลงเดิมพันเงินหลักล้านกับการ์ดมูลค่าแพงๆ ไหม”

“ไม่ค่ะ” ลูน่าส่ายหน้า

“ใช่ ไลท์คิดว่าตัวเองจะชนะ เพราะมีการ์ดดีและอาวุธเป็นปืน ทุกคนในที่นี้รู้อยู่แล้วว่าไลท์ล่าคะแนนได้เยอะส่วนหนึ่งเป็นเพราะปืน ถ้าตามตรรกะแล้ว ลูน่าจะเลือกแทงข้างใครระหว่างคนที่ถือปืนกับคนที่ถือดาบ”

“เอ่อ..ปืน..มั้งคะ” ลูน่ากะพริบตารัวๆ เพราะคำถามนี้มันช่างตอบง่ายเสียเหลือเกิน

“เพราะงั้นคนที่เลือกแทงไลท์ถึงมีสูงกว่า” แจ๊สเปอร์กล่าวก่อนจะใช้นิ้วสัมผัส เปิดหน้าต่างค่าสถิติการลงเดิมพันเงินในการต่อสู้ระหว่างไลท์และเซลิเป้ให้เด็กสาวได้ดู ซึ่งฉายให้เห็นเปอร์เซ็นต์ของผู้ลงเดิมพันทั้งสองฝ่าย

“ไลท์แอบกังวลนิดๆ ว่ามันน่ารำคาญมากที่มีคนมาอิจฉาและเหม็นขี้หน้าทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไร แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนพวกนั้นได้รับประโยชน์จากตัวเขา อาจไม่ถึงขั้นรักใคร่กลมเกลียวแต่คงมีความรู้สึกดีๆ มากกว่าความรู้สึกด้านลบล่ะนะ”

“แต่แบบนั้นก็ต้องมีพวกที่เกลียดคุณไลท์มากขึ้นด้วยสิคะ เช่นพวกที่แพ้พนัน”

“ใช่ แต่ก็เป็นคนส่วนน้อย การแยกระหว่างสีขาวกับสีดำมันให้ความรู้สึกแตกต่างกันนะ แต่..ฉันอาจมโนไปเองก็ได้ ไลท์คงไม่ได้คิดไกลขนาดนั้นหรอกมั้ง”

“ค่ะ” ลูน่าพยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่ไลท์จะเดินออกมาจากห้องจำลองการต่อสู้ ทุกคนเฮลั่นทันทีเป็นการต้อนรับเขา ชายหนุ่มโบกมือทักทายผู้คนที่มารอเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณที่เชียร์นะทุกคน”

“ไอ้ขี้โกง! หยุดนะ” เสียงของชายผู้หนึ่งต้องทำให้สถานการณ์สังสรรค์ต้องหยุดซะงัก เซลิเป้ที่ฟื้นฟูร่างกายจนกลับเป็นปกติแล้ววิ่งออกมาจากประตูด้วยสภาพสะบักสะบอม ใบหน้าของชายหนุ่มไม่ต่างจากคนที่หลงอยู่ในป่าเป็นเดือนๆ แดงก่ำพร้อมจะกระชากคอผู้อยู่ตรงหน้าให้เป็นชิ้นๆ

“ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่ ฉันจะฆ่าแก!”

“เฮ้ยๆๆๆ ใจเย็นๆ นายเป็นคนแพ้ ฉันรู้ว่าความรู้สึกมันหดหู่มาก ตอนฉันแพ้พนันเกมกับเพื่อนก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้พวกเรากำลังมีความสุขกันอยู่นะ ช่วยรอสักพักก่อนได้ไหม ขอพวกเราสนุกกันก่อนค่อยมาโวยวาย” ครอสซ์ยิ้มและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงขำขัน พวกเพื่อนๆ อย่างแจ๊สเปอร์และไลท์ย่อมรู้ว่านิสัยของเจ้าตัวเป็นอย่างไร แต่เซลิเป้และคนอื่นไม่ใช่!

ฟังดูเหมือนว่าเรากำลังกินข้าวอยู่ในร้านอาหาร โจรเข้ามาปล้นแต่เราไปบอกว่า [ขอฉันกินข้าวเสร็จก่อนพวกนายค่อยปล้นได้ไหม] งั้นแหละ

“ตลก!” เซลิเป้ทำหน้าบึ้งยิ่งกว่าเก่าก่อนจะหันมาคุยกับไลท์อีกครั้งหนึ่ง

“มาสู้กันอีกที! รอบนี้ฉันชนะแน่”

“ไม่ล่ะ วันนี้เหนื่อยแล้ว อยากกลับไปพัก”

“อ้อ!” เซลิเป้แสยะยิ้มก่อนจะกล่าวถ้อยคำถัดไป

“แกกลัวแพ้ฉันใช่ไหม! พอรู้ความสามารถของฉันและพลังของการ์ดไออ้อนแพนดูลัมเลยกลัวแพ้ฉันจนไม่กล้าสู้อีกรอบใช่ไหม เพราะกลัวว่าถ้าสู้อีกรอบจะไม่ชนะ”

“ใช่ แล้วมันจะทำไม”

“.....” เซลิเป้นิ่งเงียบ

“.....” พวกครอสซ์ แจ๊สเปอร์ ลูน่านิ่งเงียบ

“.....” เพื่อนๆ ของเซลิเป้ ผู้ชมทั้งสองฝั่งนิ่งเงียบตาม

ความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อไลท์ตอนนี้คือ [ใช่ แล้วจะทำไม ฉันไม่สน]

‘กล้าหาญมาก!’

“แก! ต้อง! สู้!”

“ไม่อ่ะ ฉันชนะแล้ว ได้เงินก้อนโตกับการ์ดแพงๆ วันนี้กำไรแล้ว ทำไมฉันต้องเสี่ยงอีก”

‘เออ ก็ถูกของมัน’ ทุกคนคิดพร้อมกัน

“ไอ้ระยำ ไอ้ลูกหมา ไอ้&*^$^($&” เซลิเป้พ่นถ้อยคำสถุนออกมาไม่เป็นภาษา ความโกรธแทบจะทะลุสมองอยากจะกินเลือดกินเนื้อฝ่ายตรงข้ามให้เสียตรงนี้ เมื่อเห็นท่าไม่ดีเหล่าเพื่อนๆ ก็พากันออกมาปกป้อง ไม่ใช่กลัวจะโดนไลท์ทำร้าย แต่ยังมีกำปั้นของพรรคพวกที่อยู่ข้างไลท์อีกเป็นพัน และมีบาทาของพวกที่ลงข้างเขาแต่แพ้พนันอีกนับหมื่นรอคอยอยู่

“ถ้าอยากสู้ขนาดนั้นฉันพิจารณาได้นะ แต่ว่า..” ไลท์ยื่นใบหน้าที่มีรอยยิ้มเลศนัยเข้ามาใกล้เซลิเป้ก่อนจะเอ่ยด้วยถ้อยคำที่แสงเสนาะหูว่า

“มาเดิมพันกันดีไหม สิบล้านเหรียญ”

“!!!” ผู้ที่ได้ฟังถึงกับสั่นสะท้านไปทั่วร่าง เสมือนกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน ในชั่วพริบตานั้นคล้ายกับถูกแช่แข็งในทันที

“สิบ..สิบล้านเหรียญ”

“ใช่!”

“ฉันไม่มีเงินขนาดนั้น”

“ฉันมีวิธี” ไลท์กล่าวก่อนจะยกแผ่นกระดาษสีดำขึ้นมาในมือ ทำใดนั้นทุกคนก็เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี

“ไม่มีเงินสดแต่นายจ่ายฉันผ่านระบบของMoney Monsterได้ แต่จะมีค่าดอกเบี้ย ค่าดำเนินการอีกจำนวนหนึ่ง”

“จะบ้าเรอะ! ถ้าทำแบบนั้นฉันได้ติดหนี้ไปจนตายแน่”

“นั่นน่ะสิ ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นการ์ดSRสิบใบดีไหม”

“มูลค่ามันพอๆ กัน..เผลอๆ แพงกว่าด้วย”

“ใช่”

“ฉันไม่รับ! มันแพงเกินไป เอาแค่สามล้านก็พอ”

“นายไม่รับข้อเสนอของฉัน แล้วทำไมฉันต้องรับข้อเสนอของนายล่ะ”

“อึก..” เซลิเป้กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเพ่งมองสายตาสีทองคู่นั้น ดวงตาของผู้มีบ่งบอกว่าเหนือกว่ากำลังจดจ้องมาที่เขา

ใช่แล้ว..คนที่มีความต้องการคือเขาแค่คนเดียว อีกฝ่ายไมได้มีความจำเป็นต้องรับคำท้าหรืออะไรเลยนี่นา

แต่ว่านั่นมันเงินเป็นล้านเชียวนะ! จะปล่อยให้หลุดมือไปงั้นหรือ

‘ไม่สิ เรามั่นใจในการ์ดและสกิลติดตัวของเราดี ใช่ ถ้าได้สู้อีกครั้งคงชนะแน่ สิบล้าน..ถ้าชนะได้ก็จะได้ตั้งสิบล้านเชียวนะ เงินสิบล้าน..ท่องไว้สิ เงินสิบล้าน’

“ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ งั้นฉันขอถามนายหน่อย..นายก็ได้ข้อเสนอพิเศษจากมาม่อนทำให้ได้พรกับการ์ดสีทองเก่งๆ ใช่ไหม” ทันทีที่ไลท์กล่าวจบเซลิเป้ก็หันมามองเขาด้วยดวงตาตาที่แข็งค้าง

“ทำไมถึงคิดว่านายจะชนะถ้าเราสู้กันอีกรอบ”

“....”

ร่างกายของเซลิเป้รู้สึกเบาหวิวในน้ำหนักขึ้นมาในชั่วพริบตาเละทรุดเข่าลงพื้นอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปชั่วขณะ

ในตอนนั้นเซลิเป้ก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองสำคัญตนผิดไป

ตัวเขามีข้อเสนอพิเศษจากมาม่อน และเขารู้ว่าไลท์ที่มีทั้งเงินหลายล้านและการ์ดSRก็คงได้รับข้อเสนอพิเศษเหมือนกัน ถ้าเช่นนั้น..อีกฝ่ายคงมีสกิลติดตัวที่มีประโยชน์และการ์ดสีทองที่แข็งแกร่งที่เผลอๆ อาจทรงพลังมากกว่าก็เป็นได้

ก็แค่อีกฝ่ายไม่ได้ใช้มันออกมา..

เซลิเป้รู้สึกคล้ายราวกับพ่ายแพ้และนิ่งสงบไม่ต่างจากรูปปั้น เพื่อนๆ ของเขาเป็นห่วงจึงพากันตบหน้าเรียกสติ ไลท์ที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่น่ามีความคิดจะต่อสู้ต่อแล้วหันหลังพร้อมกับแอบชูไพ่สีทองใบหนึ่งไว้ที่ด้านหลัง ซึ่งมีเขาเพียงคนเดียวที่ได้ล่วงรู้และเห็นในขณะนั้น

Summon Card : (SR) TankTurtle 150,000 Coin

คุณสมบัติ:[คู่หู/สติปัญญา/ผลพิเศษ/พาหนะ] Level:6 พลังจู่โจมS+ พลังเกราะS+++ พลังงานA+ พลังความเร็วF- [ONE Unit]

‘การ์ดสีทองSRงั้นเรอะ..’

และในตอนนั้นเซลิเป้ก็ได้รู้ว่า

การไม่ดึงดันสู้ต่ออาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด