ตอนที่แล้วMoney Monster Episode XX [ชั้นเชิงที่เหนือกว่า]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMoney Monster Episode XXII Episode XXII

Money Monster Episode XXI [ขี้แพ้ชวนตี]


Money Monster

Episode XXI

[ขี้แพ้ชวนตี]

 

“อึก..โถ่เว้ย!” ชายหนุ่มผู้หนึ่งตะโกนออกมาอย่างอารมณ์เสีย เตะกระป๋องปิ๊บกระเด็นไปกระทบกำแพงเกิดเสียงดังปัง

“ใจเย็นก่อนสิเซลิเป้!” เพื่อนๆ รีบเข้ามาห้ามปราม

“ใจเย็น..ใจเย็นงั้นเหรอ ใจเย็นบ้านแกสิ ฉันโดนเอาเงินทั้งหมดไปแถมการ์ดเกือบทั้งหมดที่มีด้วย ฉันหมดตัวแล้ว ฉันล้มละลายแล้ว! ฉันหมดอนาคตแล้ว ความปรารถนาของฉัน..ต้องโดนยึดแน่ ถ้าฉันหาเงินมาส่งมาม่อนไม่ได้ น้องสาวของฉัน..น้องสาวของฉันต้องกลับไปเป็นเจ้าหญิงนิทราอีกครั้ง เพราะมัน ไอ้คนชื่อไลท์ ทำให้ทุกอย่างพังไม่มีชิ้นดี”

“ก็ถึงได้บอกว่าให้ใจเย็นลงไง ไอ้กร๊วกนี่” เพื่อนคนหนึ่งสุดเหลือจะอดกระชากคอเสื้อของเซลิเป้ก่อนจะซัดกำปั้นเข้าที่ขมับหน้าจนกระเด็นไปครึ่งเมตร

ชายหนุ่มหัวเม่นกุมขมับที่ถูกซัดก่อนจะค่อยๆ เหลียวมองไปที่เพื่อนคนนั้น

“เจอร์รี่..แกต่อยฉัน”

“รัศมีผู้นำแกมันหดหายไปไหนแล้ว..เซลิเป้ พวกเราชื่นชมแกที่มีการ์ดและความสามารถที่เก่งกาจ ฉันเชื่อว่าถ้าเราจบออกจากศูนย์อบรมจะต้องตั้งกลุ่มที่มีประสิทธิภาพได้แน่ ภาพที่ฉันเห็นในตอนนั้นคือแกที่ขึ้นเป็นผู้นำของพวกเรา..ตอนนี้แกทำให้ฉันผิดหวังมาก” เจอ์รี่เอ่ยพลางสบเข้ากับสายตาของเซลิเป้ อีกฝ่ายหลบสายตาของไปครู่หนึ่ง

“ทำเหมือนกับที่แกเคยบอกสิเซลิเป้! ไม่ว่าใครจะเอาอะไรไปจากแก แกก็จะไปเอาคืนมากลับมาสิบเท่า”

“เรื่องนั้น..เรื่องนั้นมัน” เซลิเป้กัดฟันกรอดก่อนนะนึกภาพในตอนนั้นอยู่ในหัว การ์ดสีทองที่มีรูปเต่าหุ้มเกราะที่มีปืนใหญ่ติดอยู่บนกระดอง แม้จะเห็นแค่ภาพและดูไม่ได้มีพิษภัยอะไร แต่พอเหลือบไปเห็นตัวเลขและสถานะที่อยู่บนอดการ์ดก็ล่วงรู้ได้ในทันทีว่า

นั่นคือการ์ดที่มีไว้เพื่อบดขยี้ทุกสิ่งโดยเฉพาะ

แม้เขาจะไม่รู้ว่ามีการ์ดใบใดบ้างที่แข็งแกร่งมากกว่านี้บ้างหรือไม่ แต่ก็มั่นใจว่า ณ ศูนย์อบรมแห่งนี้ จะไม่มีใครมีการ์ดที่แข็งแกร่งกว่าการ์ดใบนั้น

‘ถ้ามันใช้ออกมาได้ล่ะก็ ใครจะชนะมันได้’ เซลิเป้คิดอย่างจนใจ

“เซลิเป้!” เจอร์รี่ตะโกนเสียงเรียกสติหลังจากที่ชายหนุ่มเงียบงันไปนาน

“อะไร”

“ถึงจะดึงสิ่งที่แกมีกลับมาไม่ได้ แต่ก็มีบางสิ่งที่พวกเราทำได้”

“แกหมายความว่ายังไง เจอร์รี่”

“ฉันมีแผนในใจ..ในวัน[สอบอบรม]ที่จะถึง คือวันที่เหมาะสมที่สุด”

 

 

 

“อา..รสชาติของเบอร์เกอร์นี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ” ไลท์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสุขอารมณ์ ถ้าจะบรรยายสภาพของเขาในตอนนี้ ต้องเรียกว่าไม่ต่างจากหนูตกถังข้าวสาร

ได้เงินก้อนโตและการ์ดจากการลงเดิมพันนั้นถือเป็นกำไรมหาศาลแล้ว เขายังได้รับส่วนแบ่งจากการแทงเดิมพันของเหล่าโบรกเกอร์คนอื่นๆ อีกส่วนหนึ่ง ด้วยทรัพย์สินที่เขามีอยู่ในขณะนี้พออเดมัสคำนวณให้แล้วก็พบว่า เขาสามารถจ่ายค่างวดมาม่อนได้ถึงหนึ่งปีครึ่งเลยทีเดียว

ตอนนี้ไลท์กับรับประทานเบอร์เกอร์จักรพรรดิหมูซอสพริกไทยดำโอเมก้าสเปเชี่ยลก๊อดที่ได้จากการชนะพนันครอสซ์อย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ตอนนี้ศูนย์อาหารกำลังครึกครื้นกับการสั่งเมนูเด็ดหลังจากที่ได้เงินก้อนโตมากันหมาดๆ

“เอาให้เต็มที่เลย! วันนี้ฉันเลี้ยง ฮ่าๆ!ๆๆ” ครอสซ์ยิ้มหัวเราะระรัวด้วยความอิ่มเอมใจ หยิบแผ่นเมนูจากร้านอาหารจำนวนมากมากองไวเต็มให้เพื่อนๆ ได้เลือกสรร พอรู้สึกตัวอีกทีทั้งสี่ก็รุมกันสั่งอาหารที่แสนน่ารับประทานมากองเป็นภูเขา เรียกว่าหากกินหมดนี่ต้องกลิ้งกลับบ้านสถานเดียวแล้ว

“ไม่เกรงใจล่ะนะ!”ไลท์พูด

“เชิญเลยๆ” ครอสซ์ยิ้มกล่าวแสดงท่าทีชักชวนอย่างชัดเจน ทำให้แจ๊สเปอร์กระตุกตารัวๆ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า

‘จริงๆ คนที่เป็นเจ้าภาพควรเป็นไลท์ที่ได้เงินเยอะกว่าไม่ใช่เหรอ..อา ช่างเถอะ’ แจ๊สเปอร์คิดก่อนจะตักข้าวราดแกงกะหรี่บนโต๊ะเข้าปาก ดวงตาของแดงก่ำก่อนจะทำการรับประทานต่ออย่างตะกละตะกลามไม่ต่างจากคนอื่นๆ

“อร่อย! อร่อยมาก” ลูน่าที่เป็นเด็กสาวยังทนไม่ไหวกับอาหารตรงหน้า รีบตักเข้าปากจนไม่เหลือเค้าโครงของสาวน้อยผู้น่ารักอีกต่อไป ตอนนี้ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยเศษอาหารไม่ต่างจากเด็กเล็ก

บรรยากาศรื่นเริงเช่นนี้ดำเนินต่อไปอีกเป็นชั่วโมงจนกระทั่งกระเพาะของทุกคนถึงขีดจำกัด ทั้งสี่จึงเปลี่ยนที่ออกไปเปลี่ยนอารมณ์ยังม้านั่งหินอ่อนใต้ร่มไม้ที่เก่าที่พวกตนชอบไปนั่งคุยกัน เมื่อถึงที่พักพิงสำเร็จลูน่าทำเป็นหนังท้องตึงหนังตาหย่อน นำกระเป๋าออกมาแนบหน้านอนอย่างเกียจคร้าน

“อา..ดีจังเลยค่ะที่คุณไลท์ชนะ ถ้าคุณภาพชีวิตดีแบบนี้ทุกวันฉันขอติดตามคุณไลท์ไปชั่วชีวิตเลย”

“เหอะๆ คำขอแต่งงานเหรอ” ไลท์เอ่ยคำหยอกก่อนที่ลูน่าจะหรี่ตามองใส่เขาหนึ่งที

“บ้า!”

“หึหึ ต่อให้จริงก็ไม่เอาหรอก ฉันไม่พร้อมจะคบหาใครถ้ายังไม่มีการงานที่มั่นคง” ไลท์ยิ้มจางๆ พลางซดกาแฟลงคออย่างชื่นใจ ก่อนที่จะค่อยๆ ควักเอาการ์ดสีเงินจำนวนหนึ่งออกมาวางไว้กลางโต๊ะ ทุกคนให้ความสนใจมัน

“นี่เป็นการ์ดที่ฉันลงเดิมพันกับเซลิเป้ ฉันกรองดูแล้ว ไม่มีการ์ดที่ฉันอยากได้ ฉันยินดีขายให้ในราคาต้นทุน ถูกหวยกันแล้วใช่ไหมล่ะ คงมีเงินมาซื้ออยู่ใช่ไหม”

“ฉันเลือกก่อน!” แจ๊สเปอร์เป็นคนแรกที่โพล่งเสียงออกมา เขาคือคนที่กระตือรือร้นเรื่องการ์ดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย มีการ์ดที่ถูกกว่าที่ขายในร้านมาเสนออยู่ตรงหน้า มีหรือจะไม่ตะครุบโอกาสนี้เอาไว้

“เดี่ยวก่อนสิคะคุณแจ๊สเปอร์! ถ้าคุณเลือกก่อนฉันก็อดสิ”

“ไม่ต้องแย่งกันๆ” ไลท์ยิ้มกรุ้มกริ่มมองภาพตรงหน้าอย่างสุขใจ ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าหยิบเอกสารปึกหนาขึ้นมากองเป็นโต๊ะและเริ่มพลิกอ่านดู หลังจากที่จัดสรรการ์ดกันแล้วบรรยากาศบนโต๊ะก็กลับมาเงียบสงบกันอีกครั้ง

แจ๊สเปอร์กับลูน่าหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมแล้วนำเอกสารของตนเองขึ้นมาอ่าน มีแต่ครอสซ์คนเดียวที่เปิดโทรศัพท์มือถือเล่นอินเทอร์เน็ตอย่างสบายใจเฉิบ

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าการเก็บคะแนนจะมีอยู่สามส่วนใหญ่ๆ คือ[คะแนนห้องจำลองการต่อสู้] [ภาคทฤษฏี] และสุดท้ายคือ[สอบอบรม]

และอีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาสอบภาคทฤษฏีแล้ว หลายคนจึงต้องตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเพื่อจะได้คะแนนเพิ่มขึ้นมาสักนิดก็ยังดี จะมีก็แต่ครอสซ์คนเดียวที่ปลงกับชีวิตไปแล้ว ถึงขนาดตรัสไว้ว่า[ศูนย์คะแนนข้าก็ไม่แคร์]

“ม่ายไหวแล้ว! ฮือ น่าเบื่ออ่ะ ง่วงอ่ะ ฮือ อยากร้องไห้” ลูน่าผู้แสนบอบบางตั้งแต่ร่างกายยันเซลล์สมอง หมดความอดทนทิ้งเอกสารในมือหน้าแนบบนกระเป๋าอย่างสิ้นสภาพ สมองน้อยๆ ของเธอไม่พร้อมจะรับข้อมูลมหาศาลนี้ได้

“ไม่ดีนะลูน่า ลองคิดดูสิว่าถ้าไปอยู่คนเดียวแล้วจะออกล่ากรีดได้ยังไง” แจ๊สเปอร์เอ่ยตักเตือน เด็กสาวจึงทำน้ำตาคลอมองมาที่เขาด้วยสายตาอ้อนวอนคล้ายลูกหมาถูกทิ้ง ชายหนุ่มผมเทาถึงกับเบนสายตาหนีหนึ่งทีพร้อมถอนหายใจ

“ฉันจะอยู่กับพวกคุณแจ๊สเปอร์ไปจนกว่าจะใช้หนี้มาม่อนหมดค่ะ ถ้าฉันอยู่คนเดียวต้องทำอะไรไม่ได้แน่” ลูน่าเอ่ยด้วยท่าทีคล้ายเด็กงอแง แม้ตอนแรกเธอจะเข้ามาคบหากับชายหนุ่มทั้งสายด้วยเรื่องเงินๆ ทองๆ แต่หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายวันก็พลันผูกพันกันขึ้น เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นน้องสาวคนเล็กที่เกาะติดกับพี่ชายสามคนไม่มีผิด

“คิดแบบนั้นไม่ดีนะ ไม่ช้าก็เร็วเราคงต้องแยกกัน”

“เอ๋! ทำไมล่ะคะ”

“เพราะพวกเราอาจถูกทาบทามกันคนละที่ ที่แน่ๆ ก็มีอยู่คนหนึ่งที่น่าจะไม่อยู่กับพวกเราต่อแน่หลังจบสอบอบรม” แจ๊สเปอร์เอ่ยออกมาก่อนจะเหลียวไปมองที่ไลท์ด้วยแววตาเสียดายอย่างสุดซึ้ง

“คะแนนของไลท์ดีมาก แถมฉลาด สอบอบรมคงได้คะแนนติดลำดับฉลุย พวกแมวมองต้องคว้าตัวไปแน่ ใช่ไหมไลท์”

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็น่าจะเป็นอย่างงั้น” ไลท์ที่กำลังอ่านเอกสารอยู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“อ่าว! คุณไลท์จะออกจากกลุ่มแล้วเหรอคะ”

“ก็ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็แน่นอน โดยเฉพาะเรื่องที่ฉันเดิมพันกับเซลิเป้แล้วเป็นฝ่ายชนะ พวกแมวมองต้องสนใจฉันแน่ ที่เหลือก็แค่รอดูคะแนนจากสอบอบรมของฉัน โอกาสเป็นองค์กรระดับสูงค่อนข้างมาก เผลอๆ อาจเป็นพวกมหาอำนาจด้วย”

“โห! ฟังดูน่าอิจฉาจัง” ลูน่ากะพริบตาปริบๆ

“รวมเงินสดกับการ์ดทุกใบไลท์มีทรัพย์สินติดตัวอยู่สิบล้านเหรียญ สมควรแล้วล่ะที่จะได้รับความสนใจ” แจ๊สเปอร์พูดเสริมก่อนจะเหลียวมองไปทางครอสซ์

“ครอสซ์เองก็มีโอกาสที่จะมีแมวมองมาทาบทาม ถึงจะหวังพึ่งคะแนนทฤษฏีไม่ได้แต่ตอนสอบอบรมน่าจะทำอะไรได้มากอยู่”

“แน่นอน! ท่านครอสซ์คนนี้ต้องกวาดคะแนนมาให้เรียบ! ชนิดไม่ต้องแก้0กันเลย”

“ครอสซ์..นี่ไม่ใช่โรงเรียนนะ จะได้มีการแก้คะแนนกันได้”

“อ่าว งั้นเหรอ??” ครอสซ์กล่าวเอียงคอด้วยท่าทีสงสัยเหมือนเพิ่งรู้ ส่งผลให้ทั้งสามคนหันหน้ามามองกัน

“....”

“อุ๊บ ฮะๆๆๆๆ” ลูน่าหลุดหัวเราะออกมาเป็นคนแรก สองหนุ่มยิ้มเจื่อนให้กันก่อนจะเริ่มหัวเราะตาม โดยมีเพียงครอสซ์เป็นคนเดียวที่นั่งเอ๋อสงสัยอยู่คนเดียวว่าเหตุใดทั้งสามจึงหัวเราะกันแน่ พอถามก็ไม่มีใครยอมตอบ

‘เฮ้อ บรรยากาศแบบนี้มันก็ไม่เลวนะ’ ไลท์แอบคิดในใจ ตอนแรกเขาไม่คิดจะรวมกลุ่มกับใครและออกไปอยู่คนเดียว แต่ตอนนี้กลับรู้สึกอบอุ่นกับความบ้าของครอสซ์ ความไร้เดียงสาแบบสาวน้อยของลูน่า และคนที่คุยกันถูกคออย่างแจ๊สเปอร์

‘แต่น่าเสียดาย..อีกไม่นานคงได้จากกันแล้ว’

 

หลังจากที่ทำกิจกรรมของวันนี้ครบจนหมด ไลท์แยกตัวออกมาคนเดียวแต่ยังไมได้นั่งแท็กซี่กลับบ้านในทันที เขามุ่งหน้ามายังร้านขายการ์ดเพื่อขายการ์ดที่ไม่จำเป็นทิ้งเพื่อนำไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่น ในระหว่างนั้นก็มีอยู่หนึ่งเรื่องที่ติดอยู่ในหัว

ระหว่างกำลังนั่งรอให้พนักงานขายการ์ดตรวจมูลค่าการซื้อขาย ไลท์นั่งลงที่เบาะรองนั่งข้างๆ ก่อนจะหยิบบัตรMMCขึ้นมาเคาะหนึ่งที จอข้อมูลปรากฏขึ้นกลางอากาศให้เขาได้ตรวจสอบข้อมูลที่มี

[สกิลติดตัว:?????? (ยังไม่สามารถระบุได้)]

“.....” ไลท์ลอบถอนหายใจก่อนจะกดปิดมันอีกครั้ง

ตั้งแต่จบการต่อสู้สิ่งที่ติดค้างอยู่ในหัวของเขามีเพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือสกิลติดตัว

เมซูลบอกเอาไว้ว่าสกิลติดตัวคือความสามารถที่จะแสดงผลอยู่ตลอดเวลา บางอย่างก็ไร้ประโยชน์จนไม่มียังจะดีซะดีกว่า แต่บางอย่างก็ให้คุณประโยชน์มากมายมหาศาล เห็นได้ชัดจากเซลิเป้ที่สามารถทำให้ควบคุมมอนสเตอร์ได้มากกว่าคนปกติถึงสิบเท่า

การที่เซลิเป้มีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งไม่ได้น่าตกใจ เพราะถึงอย่างไรเซลิเป้ก็มีข้อเสนอพิเศษกับมาม่อนเช่นเดียวกัน แต่สกิลติดตัวของเซลิเป้สร้างปัญหาให้เขามาก ไลท์ยอมรับเลยว่าในตอนนั้นหากไม่มีการ์ดบอมเบอร์กับจอมเวทแห่งกาลเวลา เขาอาจแพ้ไปแล้ว

‘เราเองก็ได้ข้อเสนอพิเศษจากมาม่อนแต่ทำไมกัน ถึงดูสกิลติดตัวของตัวเองไม่ได้ แถมยังเรียกอเดมัสมาคุยไม่ได้อีก มันยังไงกันแน่ เหมือนกับ..มาม่อนไม่อยากให้เรารู้’ ไลท์ครุ่นคิดอย่างหนัก เขาพยายามทำทุกวิถีทางแล้วในหลายวันมานี้

สกิลติดตัวที่ได้จากข้อเสนอพิเศษของมาม่อน เขาควรจะยินดีกับมัน แต่พอไม่รู้ว่ามันคืออะไรกลับรู้สึกทุกใจเสียมากกว่า

‘หรือว่าอีกฝ่ายจะเล่นไม่ซื่อ’

“คุณลูกค้าคะ” พนักงานขายการ์ดเรียกหาไลท์หลังประเมินมูลค่าของการ์ดเสร็จสิ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นพรวดก่อนจะรีบไปคุยธุระให้จบๆ กำเงินสดออกไปจากร้านเพื่อกลับบ้านให้เร็วที่สุด ทว่า ยังไม่ทันได้ก้าวถึงจุดจอดแท็กซี่ ชายหนุ่มจำนวนหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้นพลันพร้อมใจกันเดินเข้ามาขวางทางกัน

แต่ละคนมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย แต่กลับเพ่งมองมาที่เขาด้วยสายตาไม่พอใจบางอย่าง พอไลท์จะเดินออกไปอีกทางก็เข้ามาขวาง หันกลับไปด้านหลังก็พบว่าถูกล้อมแล้วเรียบร้อย

“อะไรกันเนี่ยพวกนาย” ไลท์ขมวดคิ้วถาม

“....”

“หรือว่าอยากจะมาหาเรื่องฉันเหมือนเจ้าเซลิเป้ ตัดใจซะดีกว่า”

“ไม่ใช่” เสียงหนึ่งดังขึ้น ไลท์เริ่มตื่นตัวรอการมาของผู้มาใหม่จนกระทั่งร่างสูงใหญ่นับสิบเดินออกมาจากที่กำบัง คราวนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไปแล้ว หากเป็นเซลิเป้และผองเพื่อน

“แพ้แล้วไม่เข็ดงั้นเหรอ” ไลท์เอ่ยถามพลางหัวเราะเล็กน้อยหวังจะกวนประสาทของอีกฝ่าย แต่เซลิเป้กลับทำหน้าบึ้งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขา

“ฉันตาสว่างแล้ว ฉันจะมาเอาเงินและการ์ดของฉันคืน”

“เราทำสัญญาแห่งความมืดเดิมพันกัน ฉันได้รับเงินและการ์ดของนายตามกฎที่ถูกต้องของMoney Monster เอาคนมาขู่เป็นแสนฉันก็ไม่คืนให้”

“ใครว่าขู่” เซลิเป้จ้องตาไลท์แบบไม่กะพริบ

“สอบอบรมกำลังใกล้เข้ามา ถ้าแกไม่คืนของๆ ฉันมา แกก็อย่าหวังว่าชีวิตจะราบรื่น”

“ขี้แพ้ชวนตีชัดๆ..”

“หุบปากของแกไป”

“ทำตัวเป็นใหญ่กร่างไปทั่ว ปากบอกว่าฉันขี้ขลาดแต่เล่นยกพวกมาข่มเป็นหมาหมู่ พออะไรไม่ได้ดั่งใจก็งอแงเป็นเด็กน้อย คิดว่าทำตัวเป็นเด็กไม่ได้ของเล่นแล้วฉันจะยอมงั้นเหรอ ตลก!”

“หุบปาก!!”

“นายนั่นแหละที่ต้องหุบปาก อย่าคิดนะว่าน้ำหน้าอย่างนายจะทำอะไรฉันได้ ฉันหมดอารมณ์จะใช้คำสุภาพแล้วนะ” ไลท์ใช้ดวงตาสีทองจิกมองกลับไปอย่างไม่วางตา ชายหนุ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวออกมาอย่างชัดเจน คล้ายกับว่าการกระทำต่อไปจะไม่มีการไว้หน้าใดๆ ทั้งสิ้น

“พวกนายก็ด้วย มัวแต่ติดตามคนไร้น้ำยาที่ควบคุมอารมณ์ไม่เป็นแบบนี้ไปแล้วจะเจริญไหม ใจร้อน ใช้แต่กำลัง เงินและการ์ดดีๆ ก็ไม่เหลือ คุณสมบัติผู้นำเป็นศูนย์ แล้วทำไมถึงยังติดตามไอ้คนน่าสมเพชนี่อยู่อีก” ไลท์กวาดสายตามองพร้อมยิงคำพูดใส่เหล่าเพื่อนๆ ของเซลิเป้ที่ติดตามมาตั้งแต่รู้จักกัน ความจริงพวกตนติดตามเซลิเป้เพราะมีการ์ดและสกิลติดตัวที่แข็งแกร่ง และเชื่อว่าหมอนี่จะเจ๋งพอ

แต่พอพลาดท่าให้ไลท์และสูญเสียแทบทุกอย่างก็เริ่มรู้สึกมีช่องว่างโผล่ขึ้นที่กลางใจ ยิ่งได้ยินคำพูดข้างต้นก็ยิ่งขยายความเคลือบแคลงยิ่งขึ้นไปอีก

“นายเองก็เถอะ มัวแต่เล่นหมาหมู่ระวังพออยู่คนเดียวแล้วทำอะไรไม่เป็นฉันไม่รู้ด้วยแล้วนะ เพราะถ้านายหมดประโยชน์แล้วก็จะไม่มีใครเหลืออยู่อีก”

“เหลวไหล! ฉันไม่มีวันหมดประโยชน์ ฉันมีไออ้อนแพนดูลัมสุดแข็งแกร่ง มีสกิลติดตัวมากประโยชน์ ฉันนี่แหละผู้นำ ฉันนี่แหละคือทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกคนต้องยอมศิโรราบให้กับฉัน”

“ถ้าอย่างงั้นฉันจะบอกอะไรให้..การ์ดของนายแค่ฆ่าก็ชิงได้แล้ว”

“ไอ้หมอนี่! คิดว่าพวกเราจะฆ่าคุณเซลิเป้และแย่งชิงการ์ดมางั้นเรอะ จะสามหาวเกินไปแล้ว!” เหล่าเพื่อนๆ ของเซลิเป้ต่างทำหน้าบึ้งตึงไปด้วยความโกรธ

“พี่น้องยังฆ่ากันได้เพราะแย่งชิงมรดก จะประสาอะไรกับเพื่อนหักหลังเพื่อน ให้ฉันเดาไอ้คนที่เสี้ยมให้นายมาทำอะไรแบบนี้คงอยากหักหลังแกจนใจจะขาด”

“ฉันไม่ได้จะหักหลัง ฉันมองเห็นศักยภาพของเซลิเป้และคิดว่าหมอนี่คือคนที่จะนำพาพวกเราไปสู่ความสุขสบาย” เจอร์รี่ก้าวเท้าออกมายืนด้านหน้าและรีบแก้ต่างในทันที ไลท์แอบยิ้มที่มุมปากก่อนจะชี้นิ้วมาที่เขาก่อนจะกล่าวต่อว่า

“ฉันขอเดา นายเกาะแข้งเกาะขาเซลิเป้ อยากจะให้เขาเติบโตและสร้างความเชื่อใจจนถึงตอนที่หมอนี่ประสบความสำเร็จ พอถึงเวลาก็หักหลังและเอาทุกอย่างไปเป็นของตัวเองใช่ไหม แต่พอฉันชนะเดิมพัน กองเงินกองทองในวันหน้าของตนเองดูไม่มีอนาคต เลยโน้มน้าวให้หมอนี่มาเอาเงินและการ์ดคืน ใช่ไหม!”

“ไม่ใช่! เซลิเป้อย่าไปฟังมันนะ มันกำลังทำให้พวกเราแตกคอกัน คำพูดของหมอนี่มันเชื่อถือไม่ได้ มันก็แค่พูดมั่วไร้สาระ ไม่มีมูลจริงเลยสักนิด”

“อะ..อึก หนวกหู”

“ฉันมีทางออก” ทันทีที่ไลท์เอ่ยออกมาทุกคนก็พลันเงียบลง

“เซลิเป้ถ้าอยากมั่นใจว่าเพื่อนๆ จะซื่อสัตย์ต่อนายจริงๆ ลองให้ทุกคนเซ็นชื่อลงในสัญญาแห่งความมืดสิ ว่าจะไม่ทรยศและหักหลังนายตลอดกาล มิเช่นนั้นจะเสียชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมดให้นาย เท่านี้ก็ไม่ต้องมาระแวงหลังอีกต่อไปแล้ว”

“จะ..จะบ้าเรอะ!” เจอร์รี่และอีกหลายคนขึ้นเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียง ทว่า ในวินาทีที่สมองเริ่มกระจ่างก็รู้สึกได้ในทันทีว่างานเข้าในบัดดล

คำว่าตลอดกาลมันดูมากมายมหาศาลเกินไป ไม่มีหลักประกันเลยว่าในอนาคตจะเกิดปัจจัยอะไรขึ้นมาบ้าง แต่แน่นอนว่ามันจะสร้างหลักประกันให้แก่เซลิเป้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะไม่มีการหักหลังกันเกิดขึ้นเด็ดขาด ทว่า..

คำว่าหักหลังมันครุมเครือเกินไป

สมมุติแค่เลิกคบหา เลิกพูดคุย แบบนี้จะถือว่าหักหลังกันหรือเปล่า

แถมในสถานการณ์เช่นนี้หากไม่เซ็นสัญญาคงมิวายถูกตราหน้าเป็นพวกไม่คบหาแบบไม่บริสุทธิ์ใจเป็นแน่ อีกอย่างคือปฏิเสธไม่ได้ว่าในนี้ก็ไม่ใช่ทุกคนที่คบหากับเซลิเป้จากใจจริง

‘อึดอัด..อึดอัดเป็นบ้า หมอนี่มันบังคับให้เราลงเรือเดียวด้วยกันไปตลอดฝั่งชัดๆ’

“เอาไงล่ะเซลิเป้ อยากจะลองวัดความบริสุทธิ์ใจของเพื่อนๆ ดูไหม”

“แกจะเหลวไหลมากเกินไปแล้ว! ชักแม่น้ำทั้งห้าจนออกนอกประเด็นแล้วคิดจะสร้างความร้าวฉานให้พวกเรางั้นเหรอ กำแหงมากเกินไปแล้ว!” เจอร์รี่แผดเสียงตวาดอยากจะชักอาวุธออกไปกะซวกชายตรงหน้าให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้

“ไม่รู้สิ..แต่ฉันยังยืนยันคำเดิม” ไลท์ยิ้มออกมาก่อนที่รถแท็กซี่สีสันจะจอดที่ด้านหลังของเขาอย่างพอดิบพอดี ก่อนที่จะแหวกกลุ่มคนขึ้นไปนั่งบนที่นั่งผู้โดยสาร เขาได้ทิ้งท้ายคำพูดหนึ่งเอาไว้พร้อมกับความวุ่นวาย

ฉันจะไม่เสียเงินให้พวกนายแม้แต่เหรียญเดียว

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด