ตอนที่แล้วตอนที่ 15: ประโยชน์ต่างๆ ของบรอธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17: เพื่อนซี้กลับมาเยี่ยม

ตอนที่ 16: การต่อรองในร้านหนังสือ


ตอนที่ 16: การต่อรองในร้านหนังสือ

 

หมู่บ้านเซนต์กิลเจนเป็นหมู่บ้านรายล้อมด้วยภูเขารอบด้าน บ้านเรือนในหมู่บ้านล้วนทากำแพงเป็นสีขาว หลังคาบ้านปูกระเบื้องสีเทา ตรงกลางหมู่บ้านมีทะเลสาบสีครามเขียวสวยงาม รอบทะเลสาบมีถนนราดปูนซีเมนต์สร้างขนาบ ชาวบ้านใช้สกู๊ตเตอร์พลังน้ำเพื่อสัญจรไปมาอย่างแพร่หลาย

 

เฮเซคียาห์ในชุดเสื้อคลุมปกปิดเส้นผมและผิวกาย เดินตามเมเดียนไปบนถนนเลียบทะเลสาบ

 

"ภาพบนพื้นถนนคืออะไร” เฮเซคียาห์สังเกตเห็นสัญลักษณ์แบบเดียวกัน ปรากฏอยู่ตลอดทางบนพื้นถนน

 

“สัญลักษณ์ของฉัน ฉันเป็นคนสร้างหมู่บ้านนี้”

 

คำตอบมีแค่นั้น แต่เฮเซคียาห์มั่นใจว่าหมู่บ้านนี้มีการป้องกันตัวเองอย่างดี และเตรียมพร้อมต่อการถูกโจมตีจากชาวมัสตินเช่นเดียวกับอีกหมู่บ้านซึ่งเขาเคยเดินทางผ่านไป

 

“ดูเหมือนคุณไม่ดูถูกพวกมนุษย์แม้แต่นิดเดียว ว่าพวกเขาต้อยต่ำกว่าคุณ ทั้งเรื่องคอยช่วยเหลือคนที่เดินทางเข้าป่าไปหาคุณพร้อมกับของตอบแทน แล้วยังเรื่องหมู่บ้านนี้อีก” เฮเซคียาห์มองอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง “ทำไมคุณไม่เหมือนพวกมนุษย์กลายพันธุ์คนอื่นๆ”

 

“พวกนั้นลืมกำพืดไปหมดแล้ว เพราะถูกส่งเข้าระบบโรงเรียนเพื่อให้เข้าใจถึงโครงสร้างทางสังคมที่ว่าเผ่าพันธุ์มัสตินคือผู้ครอบครองโลก และพวกมนุษย์กลายพันธุ์มีหน้าที่ช่วยดูแลให้พวกมนุษย์ทำงานอย่างเป็นระเบียบในฐานะทาส” เมเดียนเดินให้ช้าลง ล้วงมือเข้าไปในกางเกงวอร์ม

 

เมเดียนเดินเตะเท้าใส่อากาศบนพื้นถนน เดินแปลกๆ ท่าทางเซ็งๆ

 

“ฉันไม่เคยลืมว่า แม่ที่ให้กำเนิดฉันเป็นมนุษย์และมีเพื่อนหลายๆ คนเป็นมนุษย์ ตอนฉันเกิด ฉันเป็นมนุษย์กลายพันธุ์คนแรกที่พวกมัสตินสร้างขึ้น และฉันทันได้เห็นยุคที่มนุษย์บางส่วนในโลกได้รับการยอมรับว่าเป็นมิตรกับชาวมัสติน”

 

“แม่คุณตายเพราะอะไร เธอตายก่อน หรือหลัง ยุคที่มนุษย์ตกเป็นทาสของชาวมัสติน”

 

“เธอตายไปสองร้อยปีก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์นั้น ช่างโชคดีจริงๆ” เมเดียนหยุดเคลื่อนไหว และเบี่ยงกายก้าวเดินไปเกาะราวกั้นขอบถนนเพื่อทอดสายตามองทะเลสาบ “แม่ของฉันกับภรรยาของฉัน พวกเขาเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งคู่คงทนไม่ได้ถ้ามิตรภาพแบบเพื่อนต้องเปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์อย่างอื่น”

 

“แล้วพ่อ...”

 

“ไม่มีไง เธอก็นะ ช่างซักช่างถาม” เมเดียนหันมาหัวเราะหึๆ กับเฮเซคียาห์ “แม่ของฉัน เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ เธออยากมีลูกแต่ไม่ได้ต้องการพ่อของเด็ก”

 

เฮเซคียาห์นิ่งไป เขากังวลว่า ถ้าเขาถามซักไซ้ต่อ จะถูกอัดเข้าให้

 

“กลัวฉันอัดหรือไง เด็กน้อย”

 

“ครับ?”

 

“หน้านิ่วแล้วแหน่ะ!” เมเดียนยกมือขึ้น แล้วดีดนิ้วใส่หน้าผากของเฮเซคียาห์

 

เฮเซคียาห์คราง เจ็บอยู่ไม่น้อย

 

“ฉันจะโกรธจริงๆ ถ้าต้องให้พูดถึงเรื่องอดีตอีก เราเดินกันต่อดีกว่า เธอเห็นทางแยกขึ้นภูเขาลิบๆ นั่นไหม เดี๋ยวเราต้องไปทางนั้น” เมเดียนหมุนกายแล้วชี้ไปยังทิศทางเป้าหมาย

 

เฮเซคียาห์ยอมตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ ใจคิดร่างคำพูดโน้มน้าวอีกฝ่ายเอาไว้ด้วย

 

“เธอตั้งใจจะอยู่ในป่าอีกนานไหม แค่ฉันอย่างนั้นเหรอเป็นสาเหตุให้เธอไปปักหลักอยู่” เมเดียนเปิดโอกาสให้เฮเซคียาห์ได้พูด

 

“ก็นานเท่าที่คุณยอมช่วยผมให้ได้กลับเข้าไปในเมืองหลวง ผมอยากให้คุณเชื่อสิ่งที่ผมบอกว่าผมเป็นใคร”

 

เฮเซคียาห์เร่งฝีเท้า เดินขึ้นมาตีเสมอกับอีกฝ่าย จะได้สังเกตสีหน้าท่าทางของเมเดียนขณะสนทนา

 

“ฉันไปถามมา ดูเหมือนฉันจะเข้าใจผิดจริงๆ เรื่องการตายของรัชทายาทเฮเซคียาห์”

 

เมเดียนทำให้เฮเซคียาห์มีกำลังใจ

 

“คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าผมยังไม่ตาย”

 

เมเดียนโคลงศีรษะ

 

“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอคือรัชทายาทเฮเซคียาห์จริงๆ ฉันยังสงสัยว่าเธออาจจะแอบอ้าง ปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาก็ได้”

 

พวกเขาเดินมาถึงทางแยกขึ้นไปยังบนภูเขา ลักษณะทางเดินเป็นขั้นบันไดทอดยาวขึ้นไป เมื่อเดินไปตามทางดังกล่าว เฮเซคียาห์พบภายหลังว่ายังมีทางแยกย่อยอื่นๆ อีก ทางหนึ่งถูกปูไม้ทับบนพื้นป่าเป็นทางเดิน ด้านข้างทางเดินมีป้ายไม้ปัก บอกนักเดินทางว่าสุดทางเดินมีร้านหนังสือและคาเฟ่

 

“ถ้าฉันไม่รับปากพาเธอไปหาราชินีเอสเธอร์ เธอจะไม่ยอมแพ้ จะปักหลักอยู่หน้าบ้านฉันตลอดไปเลยเหรอ”

 

“ใช่ ผมจะอยู่หน้าบ้านคุณ ผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”

 

“นี่เป็นคนดื้อด้านแบบนี้ทุกเรื่องเหรอ บางเรื่องไม่คุ้มจะดื้อด้านหรอกนะ มันเปล่าประโยชน์”

 

“ถ้าผมเห็นความหวังอยู่บ้าง แม้จะริบหรี่ ผมก็จะดันทุรังให้มันถึงที่สุด”

 

เฮเซคียาห์เดินช้าลงตอนเดินเลี้ยวเข้ามาตามทางแยก ต้นไม้เต็มไปด้วยใบไม้สีเหลืองปรากฏอยู่รอบด้านแทนที่ต้นไม้สีเขียวซึ่งเห็นจนเจนตา

 

เวลาลมพัด ใบไม้ร่วงหล่นเหมือนกระดาษสีทองโปรยปราย เป็นภาพสวยงามจับตา

 

ด้านหน้า ทางเดินไม้สิ้นสุดลงหน้าเรือนไม้หลังหนึ่ง ตัวเรือนถูกสร้างยกสูงจากพื้น กลิ่นของเครื่องดื่มคาเฟอีนเข้มข้นลอยมาแตะจมูกของเฮเซคียาห์

 

“ถึงกันสักที” เมเดียนเร่งฝีเท้าเดินหนีเฮเซคียาห์ เขาผลักประตูร้านหนังสือและคาเฟ่เข้าไปก่อน

 

เมื่อเฮเซคียาห์ก้าวตามเข้าไปในร้านหนังสือ เขาประทับใจความอบอุ่นภายในร้าน ด้านใต้พื้นคงฝังท่อส่งผ่านความร้อนเอาไว้ อากาศในห้องจึงผิดจากอากาศภายนอก ขณะเดียวกัน หนังสือจำนวนมากตามที่บรอธเล่าให้เขาฟังมีอยู่บนชั้นหนังสือเรียงรายเต็มไปหมด เฮเซคียาห์ตรงเข้าไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกจากชั้นและเปิดออกอ่านอย่างรวดเร็ว

 

เฮเซคียาห์เคยได้รับความรู้เข้าสู่สมองโดยตรง หนังสือดูไม่จำเป็นสำหรับเขา แต่ในหมู่มัสติน พวกเขายังมีการผลิตหนังสืออยู่บ้าง โดยส่วนมากเป็นประเภทนิยาย

 

“มนุษย์ที่ทำหนังสือนี่ ฝีมือยอดเยี่ยม” เฮเซคียาห์ลูบไล้นิ้วไปบนรูปภาพแสนสวยในหนังสือ

 

หนังสือที่เขาหยิบขึ้นมา มีชื่อว่าตำนานของดอกไม้

 

อีกเหตุผลที่ชาวมัสตินจะอ่านหนังสือ คือการได้ชื่นชมรูปภาพในหนังสือ การส่งภาพเข้าสมองจากไลฟ์ควอตซ์ ไม่สามารถให้สุนทรียภาพเทียบเท่ากับการดูรูปภาพจากหนังสือจริงๆ

 

“ผมไม่อยากยกย่องมนุษย์หรอกนะ แต่สิ่งที่เห็นอยู่ ผมดูถูกไม่ลงเลย” เฮเซคียาห์เงยหน้าขึ้นจากหน้าหนังสือ มองหน้าเมเดียน

 

“ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหน? แต่จะถือว่าเป็นคำชม” หญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เธอสวมชุดตัวยาวสีขาว ดูคล้ายชุดนอน ผมสีทองถูกรวบหลวมๆ ไว้ด้านหลังรุ่ยร่าย

 

“ผู้หญิงคนนี้ มนุษย์อย่างนั้นเหรอ?” เฮเซคียาห์จับผ้าคลุมของเขา แล้วเบาใจเมื่อพบว่ายังปิดผมและบังหน้าของเขาอยู่

 

“เธอคนนี้คือ...”

 

“ไม่ต้องแนะนำฉัน ท่านอัลฟ่าแห่งการเดินทาง ดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่อยากรู้จักฉัน” เจ้าของร้านเสียงเขียว

 

เฮเซคียาห์นิ่งตอบ

 

“จะรับเครื่องดื่มอะไร” เสียงของเธอห้วนๆ

 

“ผมไม่เอาเครื่องดื่มได้ไหม” เฮเซคียาห์มีทิฐิขึ้นมา

 

เขาไม่อยากลิ้มลองเครื่องดื่มฝีมือมนุษย์นักหรอก

 

“เอาสักหน่อยเถอะ เครื่องดื่มที่นี่อร่อยมาก โดยเฉพาะโกโก้ร้อน”

 

“เอาโกโก้ร้อนสองที่ อันหนึ่งหวานพิเศษ” เจ้าของร้านสรุปคำสั่ง เธอรีบเดินหายลับไปด้านหลังของร้าน

 

“เธอเลือกหนังสือของเธอไป ฉันจะเลือกหนังสือของฉัน ที่นี่จะอ่านฟรีก่อนก็ได้” เมเดียนเดินไปยังชั้นหนังสืออื่น

 

เฮเซคียาห์ก้มมองภาพในหนังสือที่อยู่ในมือ แล้วเริ่มอ่านย่อหน้าหนึ่งในหน้าหนังสืออีกด้าน

 

“มีนิยายเกี่ยวกับผู้ใช้เศวตศาสตราด้วยนะ ฉันอยากแนะนำ” เมเดียนเดินกลับมาหา ในมือหอบหนังสือตั้งใหญ่เอาไว้ด้วย

 

“ไม่ต้อง” เฮเซคียาห์ส่ายหน้า

 

เมเดียนเดินเลยตัวเขาไป

 

ทางด้านหนึ่งหลังชั้นหลังสือ มีโต๊ะยาววางติดไปตามทางยาวของผนัง และเก้าอี้จำนวน 5 ที่นั่ง

 

เมเดียนวางกองหนังสือลงบนโต๊ะ หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา

 

“เล่มนี้สนุกดี ฉันอ่านจบแล้ว 3 รอบ กะว่าจะอ่านอีกสักรอบ เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ใช้เศวตศาสตราที่ชอบเดินทางไปตามเมืองร้าง เขาบรรยายถึงสภาพบ้านเมืองแต่ละที่ที่ไป แล้วก็มีการผูกเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้กับชาวมัสตินซึ่งพบระหว่างทาง ในเรื่องไม่มีการตายเกิดขึ้นหรอกนะ มีแต่การเอาตัวรอดในสถานการณ์แย่ๆ”

 

“ไม่เห็นน่าสนุก” เฮเซคียาห์ย่นหัวคิ้ว

 

“สนุกตอนบรรยายถึงเมืองเก่าๆ ฉันไปดูบางสถานที่มาด้วยตา ในหนังสือบรรยายไว้ดีทีเดียว”

 

“เรื่องของมนุษย์ ไม่น่าสนใจสำหรับผม”

 

เมเดียนจ้องหน้า เฮเซคียาห์จ้องตอบ ระหว่างทั้งคู่มีเพียงความเงียบอยู่ครู่ใหญ่

 

“โอเค งั้นเอาเล่มนี้ไหม เรื่องราวของชาวมัสตินบ้าเลือดที่ออกไล่ล่ามนุษย์ตามชุมชนต่างๆ ในที่สุดเขาก็ตกหลุมรักผู้ใช้เศวตศาสตราคนหนึ่งแล้วถูกเธอฆ่าอย่างเหี้ยมโหด

 

“เนื้อหาบ้าบอ ผมไม่อ่าน”

 

“โอเค งั้นเอาเล่มนี้แทนไหม เรื่องราวบู๊ล้างผลาญของผู้ใช้เศวตศาสตราเจ็ดคนที่ทำลายล้างราชวงศ์มัสตินลงได้ และพาให้โลกเข้าสู่สันติสุข”

 

“นี่คุณกำลังยั่วโมโหผมอยู่อย่างนั้นเหรอ ผมว่า ผมเอาเล่มที่อยู่ในมือก็ได้

 

เสียงกระดิ่งดังขึ้นจากในร้าน เฮเซคียาห์ได้กลิ่นหอมของโกโก้ร้อนลอยมา

 

“มาละ” เมเดียนยิ้มจางๆ แล้วนั่งลงกับเก้าอี้ หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาเปิด

 

กำแพงไม้ตรงหน้าเหนือโต๊ะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกระจกใส เฮเซคียาห์สามารถมองออกไป และเห็นทัศนียภาพภายนอก เขาค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างเมเดียน

 

หุ่นยนต์ตัวเล็กๆ มีใบพัดอยู่บนหัวลอยมาหา ในมือของมันคีบถาดที่วางถ้วยใส่โกโก้ร้อนสองอันซึ่งมีควันฉุ่ยออกมา ถ้วยใส่น้ำตาลและนมอยู่บนถาดด้วย

 

“ขอบใจนะ” เมเดียนเอ่ยกับเจ้าหุ่นยนต์เมื่อหยิบทุกอย่างบนถาดมาวางบนโต๊ะแล้ว

 

“ไม่เป็นไรครับ” หุ่นยนต์ตอบกลับ แล้วหมุนกายบินกลับไปทางเดิม

 

เฮเซคียาห์ชำเลืองมองเมเดียนกับหนังสือในมือ ขณะที่อีกฝ่ายดูไม่สนใจเขาแล้ว

 

“ทำไมอยู่ๆ ถึงพาผมมาที่นี่”

 

“ยังไงฉันก็ต้องมาอยู่แล้ว ตอนแรกฉันก็ว่าจะมาพรุ่งนี้ แต่พอบรอธบอกฉันว่าเธออยากมา ฉันคิดว่าเรามาด้วยกันก็ได้” เดเมียนหันมาตอบ ยกถ้วยโกโก้ร้อนขึ้นจิบ

 

“แต่ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมช่วยผมให้ได้กลับบ้านไปเจอหน้าแม่ใช่ไหม”

 

“พูดซะน่าเห็นใจ แต่ถ้าฉันบอกไม่ เธอก็เปลี่ยนใจฉันไม่ได้”

 

“...”

 

“ฉันยังไม่ได้ตอบแทนเธอ เธอยังขออะไรจากฉันได้อยู่” เมเดียนยิ้มน้อยๆ เขาปิดหน้าหนังสือลง แต่สอดนิ้วคั่นหน้าที่อ่านค้างเอาไว้ ขยับตัวจัดท่าทางให้นั่งสบาย ยิ้มให้เฮเซคียาห์อย่างเป็นมิตร “บรอธคุยกับฉันว่า ฉันน่าจะเสนอทางเลือกอื่นให้เธอที่ดื้อด้านไม่ยอมไปไหนสักทีเป็นการตอบแทน และมันฉลาดนะ มันนั่นแหละที่แนะนำฉันว่า การเปลี่ยนบรรยากาศไปพูดคุยที่อื่นอย่างที่นี่ อาจจะเกลี้ยกล่อมให้เธอรับข้อเสนอของฉัน”

 

“ข้อเสนออะไร” เฮเซคียาห์ไม่ค่อยสบายใจ

 

เขาเรียกหาบรอธในใจ

 

“เธอต้องการคนช่วยเธอฝึกใช้เพนดูลัมหรือเปล่า เธอใช้เพนดูลัมเหมือนกับฉันใช่ไหม”

 

“ใช่! เพียงแต่...”

 

“เพียงแต่ตอนนี้ เธอควบคุมมันได้ไม่ค่อยดี และบรอธคิดว่าฉันช่วยเรื่องนี้ได้”

 

“ผมดูเหมือนควบคุมมันได้ไม่ดี ก็เพราะตอนนี้มันต่างจากเมื่อก่อน เมื่อก่อนผมเป็นชาวมัสติน ควบคุมธาตุต่างๆ ได้ตามใจชอบ ลมเป็นเหมือนเพื่อน ดังนั้นมันง่ายต่อการควบคุมเพนดูลัมในการต่อสู้กับคนอื่น แต่ตอนนี้ผมอาศัยได้แค่แรงของตัวเองเป็นหลัก ผนวกกับทักษะบนพื้นฐานของความเข้าใจทฤษฎีแรงเหวี่ยง แล้วก็การออกแบบของเพนดูลัมที่ตอบสนองการใช้งานเหมือนกับแส้”

 

“ฉันไม่มีความสามารถในการควบคุมพลังธาตุนะรู้ไหม แต่ว่าฉันควบคุมเพนดูลัมได้ดีทีเดียว”

 

“ผมขอดูเพนดูลัมของคุณได้ไหม” เฮเซคียาห์แบมือ

 

“ฉันถือ แล้วเธอดูใกล้ๆ” เมเดียนดึงเพนดูลัมออกมาจากใต้เสื้อของเขา “เพนดูลัมอันนี้มีการฝังไมโครชิปที่ไม่เชื่อมต่อกับระบบอื่นเอาไว้ แต่บันทึกรหัสพันธุกรรมของฉันโดยเฉพาะ ถ้าหากมันตรวจพบว่าคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันสัมผัสหรือแตะต้องเข้าละก็ มันจะปล่อยให้สารกัมมันตภาพรังสีจากผลึกแร่ด้านในออกมา เธออาจตายได้ถ้าถือมันไว้นานๆ”

 

“ทำไมคุณถึงเลือกเพนดูลัม”

 

“แล้วทำไมเธอถึงเลือกเพนดูลัม”

 

“แต่เดิมผมอยากได้แส้มากกว่า แต่มันดูเหมือนผู้หญิงมากไป” เฮเซคียาห์ยกมือขึ้นแตะตรงคอของเขา ความอุ่นของมือที่ส่งผ่านไปสู่ร่างกายตัวเองช่วยกระตุ้นความคิด “นอกจากนี้ ผมคิดว่าเพนดูลัมสามารถพกพาได้ง่าย”

 

“สำหรับฉัน ฉันเลือกใช้เพนดูลัมตามภรรยา อันที่จริงภรรยาของฉันเป็นคนแรกในหมู่มัสตินที่ใช้เพนดูลัมเป็นอาวุธ เราเคยใช้เพนดูลัมต่อสู้ด้วยกันมาก่อนด้วย”

 

“ผมไม่รู้จักเธอ และไม่เคยรู้จักคนอื่นที่ใช้เพนดูลัมเหมือนกับผม มันดูเหมือนเครื่องประดับมากกว่าอาวุธ คุณคิดแบบนั้นไหม ตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้วว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียทีเดียวที่ผมใช้เพนดูลัมเป็นอาวุธ” เฮเซคียาห์ครุ่นคิด สายตาจับนิ่งอยู่บนเพนดูลัมของเมเดียน “ตอนเด็กๆ ผมลองใช้อาวุธหลายอย่าง ทั้งธนู ปืน มีด หรือแม้กระทั่งบูมเมอแรงก์ แต่ไม่มีอะไรเหมาะมือเลยนอกจากแส้ แต่พอผมบอกแม่ ผมหมายถึงราชินีเอสเธอร์ เรื่องที่ว่า ผมคิดว่ามันออกจะดูเป็นผู้หญิงไปหน่อยถ้าจะใช้แส้ เธอก็แนะนำให้ผมใช้เพนดูลัม”

 

“ฉันยังไม่เชื่อว่าเธอคือรัชทายาทเฮเซคียาห์ แต่เอาเป็นว่าถ้าเธอต้องการ ฉันทำให้เธอใช้เพนดูลัมได้ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องมีพลังควบคุมธาตุ”

 

“คุณจะเอาไมโครชิปมาฝังหรือไง”

 

“ไม่ ไมโครชิปไม่ได้ช่วยอะไรเรื่องการบังคับเพนดูลัม ตัวไมโครชิปแค่ช่วยยืนยันว่าเพนดูลัมเป็นของฉัน และเป็นของที่คนในราชวงศ์มอบให้กับฉัน ไมโครชิปทำให้ฉันฉายภาพในอดีตตอนที่ได้เพนดูลัมมาได้อย่างที่ฉันเคยทำให้เธอดู นอกจากนี้มันยังบันทึกภาพเหตุการณ์สำคัญๆ อื่นๆ ในชีวิตที่ฉันอยากพกติดตัวไว้”

 

“ผมคิดไม่ออกเลยว่าในร่างนี้ ร่างที่มีความเป็นมนุษย์ ผมจะใช้เพนดูลัมได้อย่างชำนาญเหมือนเก่าได้ยังไง” เฮเซคียาห์ส่ายหน้า “พาหนะที่มีเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ ไม่มีทางวิ่งแข่งเอาชนะพาหนะที่มีเครื่องสมบูรณ์ได้”

 

“ถ้าวิ่งแข่งน่ะ แพ้แน่ แต่การต่อสู้มันไม่เหมือนวิ่งบนลู่วิ่ง เธอไม่ได้ใช้ความเร็ว เธอต้องใช้ทักษะร่วมกับสติปัญญา”

 

สิ่งที่เมเดียนบอกกับเขาเป็นพื้นฐานที่เขาเคยเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย

 

“ถ้าเธอใช้สติปัญญาและการฝึกฝนที่มากพอ ก็ย่อมทดแทนความแข็งแกร่งของร่างกายและความสามารถในการควบคุมธาตุได้ การใช้พลังธาตุ เธอไม่คิดเหรอว่ามันเหมือนการขี้โกงในเกมศิลปะการต่อสู้ ถ้าเธอเคยเป็นชาวมัสตินจริงๆ เธอก็ต้องผ่านการเรียนรู้การใช้อาวุธของตัวเองโดยไม่ใช่พลังธาตุ พลังธาตุน่ะมันก็แค่ของเล่น เป็นแค่ตัวช่วย”

 

เฮเซคียาห์ผงกศีรษะ เขาเถียงอีกฝ่ายไม่ได้

 

แต่การที่คุณจะมาฝึกการใช้อาวุธให้ผม ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ สิ่งที่ผมต้องการคือกลับ...”

 

“ฉันไม่รับคำขอนี้” เมเดียนตัดบท แล้วเขาหายตัวไปปรากฏตัวด้านข้างของเฮเซคียาห์ มือข้างหนึ่งยกขึ้นกอดคอของเฮเซคียาห์เอาไว้ เฮเซคียาห์แทบเซ เพราะเมเดียนกดน้ำหนักมหาศาลลงมาบนตัวของเขา “บรอธฉลาดกว่าเธอเยอะ เพราะแบบนั้นมันถึงได้เสนอกับฉันให้ตอบแทนเธอด้วยวิธีการอื่น”

 

ผมไม่ต้องการให้คุณมาสอนวิธีการใช้เพนดูลัม

 

“ไปปรึกษาเศวตศาสตราของเธอดูก่อนเถอะ เพราะถ้าเธอยืนยันความต้องการของเธอแบบเดิมๆ เธอก็จะได้คำตอบแบบเดิมๆ จากฉันตลอดไป มันเป็นการกระทำที่โง่มากรู้ไหม” เมเดียนขยับแขนของเขา วางมือทั้งคู่บนไหล่ของเฮเซคียาห์ ดึงเขาให้มาอยู่ด้านหน้า เมเดียนจ้องเข้าไปในดวงตาของเฮเซคียาห์ “ในโลกนี้ มีบางอย่างที่ไม่ว่าเธอจะวิงวอนร้องขอยังไง มันก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้นจริง”

 

“อย่างนั้น ผมขอต่อรองกับคุณ”

 

“ต่อรอง?”

 

“ใช่! และผมหวังว่าคุณจะยอมรับคำต่อรองของผม”

 

“ฉันไม่มีทางทำให้เธอสมปรารถนา หยุดขอให้ฉัน...”

 

ฟังก่อนสิ!” เฮเซคียาห์ตาวาวโรจน์ “ผมขอท้าคุณว่าถ้าหากผมเก่งขึ้นจากการฝึกฝนของคุณและเอาชนะคุณได้ คุณจะต้องยอมพาผมไปหาราชินีเอสเธอร์”

 

“จุ๊ๆๆ” เมเดียนก้าวถอยออกห่างเฮเซคียาห์ “เป็นคำท้าที่เธอได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ”

 

“ก็คุณดูเหมือนอยากสอนผม ผมก็จะยอมเป็นลูกศิษย์ของคุณ แต่การประสบความสำเร็จของผมหมายถึงความพ่ายแพ้ของคุณ ผมให้ความพ่ายแพ้กับคุณ ดังนั้นคุณควรจะตอบแทนผมด้วย” เฮเซคียาห์จงใจ ใช้วาทศิลป์เพื่อยั่วโทสะ และยอกย้อนอีกฝ่าย ด้วยหลักปฏิบัติที่เมเดียนให้ความสำคัญในชีวิต คือความสัมพันธ์แบบการแลกเปลี่ยน

 

“ฉลาดนักนะ แต่ปกติฉันนับว่าใครให้อะไรกับฉัน เฉพาะต่อเมื่อของที่ฉันได้รับ เป็นสิ่งของจับต้องได้”

 

“คุณกลัวหรือไงว่าจะแพ้ผม” เขายั่วต่อ

 

“แพ้เธอเหรอ?” เมเดียนเลิกคิ้ว กอดอก แล้วเอียงคอมองเฮเซคียาห์อย่างประเมินอยู่ในที แล้วเขาก็ส่ายหน้า “ฉันไม่มีทางแพ้เธอ”

 

“เอาอย่างนี้ ในทางกลับกัน ถ้าผมแพ้คุณ ผมจะเลิกเฝ้าหน้าบ้านคุณ”

 

“แล้วจะไม่ตื้อฉันอีกแล้วใช่ไหม” เมเดียนทำสีหน้าเหมือนภูเขาถูกยกออกจากอก

 

เฮเซคียาห์หรี่ตาลง เขาดูออกแล้ว อีกฝ่ายอยากให้เขาไปเสียให้พ้นๆ จากหน้าบ้าน

 

“แน่นอน” เฮเซคียาห์รีบตอบ

 

“เอางั้นก็ได้” เมเดียนยื่นมือมาด้านหน้า

 

เฮเซคียาห์จับมือของเขาและเขย่าด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาถือว่าตกลงกันแล้ว

 

อันที่จริงเฮเซคียาห์ไม่รู้หรอกว่าเขาจะเอาชนะเมเดียนได้อย่างไร แต่เขามีบรอธอยู่ และเขาขอให้มันช่วยประเมินความสำเร็จของการเอาชนะเมเดียน ซึ่งบรอธยืนยันกับเขาว่าโอกาสสำเร็จมีสูงถึง 50% หากเฮเซคียาห์ได้รับการฝึกฝนจากเมเดียนและมีบรอธเป็นผู้สนับสนุนในการต่อสู้

 

ขอบคุณบรอธ ฉันไม่นับแกเป็นเพื่อน แต่แกถือเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด