ตอนที่แล้วตอนที่ 26 การมาเยือนของผู้อาวุโส [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28 ทรงพลัง กำแหง [อ่านฟรี]

ตอนที่ 27 ลั่วเฟยหยุน [อ่านฟรี]


ตอนที่ 27 ลั่วเฟยหยุน

หลินหานได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากระดับสูงของทำเนียบภายใน จึงได้เข้าสู่ทำเนียบภายใน!

ข่าวนี้ทำให้บรรยากาศในสำนักตระกูลหลินราวกับถูกจุดระเบิด

หลินหานและสาวรับใช้เสี่ยวหนู่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ในเรือนซึ่งอยู่ใกล้แม่น้ำในทำเนียบภายใน

ผู้คนนับไม่ถ้วนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักได้มาแสดงความยินดีจนตัวเคาะประตูแตก ทำให้หลินหานพูดอะไรไม่ออก

ในท้ายที่สุด เขาทำได้เพียงติดป้ายไม้ไว้หน้าเรือนซึ่งเขียนว่า "เก็บตัวฝึกตน" จากนั้นทุกอย่างจึงสงบลง

ในเวลานี้

หลินหาน ได้ออกหมัดเป็นครั้งคราว บางครั้งก็ดึงดาบ และบางครั้งก็ย่างก้าวดุจมังกรทะยานอยู่ภายในเรือน

จากการประลองแห่งทำเนียบภายนอก ทำให้เขาเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้จริงไม่น้อย หลินหานจึงฝึกปรือวิชายุทธของตัวเองต่อ

แม้ว่าสามารถละทิ้งวิชายุทธระดับต่ำได้ แต่หากนำไปใช้ในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวหรือโจมตีเดียว บางทีมันอาจจะสามารถระเบิดพลังรุนแรงได้

ภายในเวลาสั้นๆไม่กี่ยามเศษ หลินหานรู้สึกว่าว่าตัวเองเข้าใจวิชายุทธอย่างถ่องแท้ขึ้น เวลาใช้พลังจะเร็วขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น

ต่อจากนั้น หลินหานพยายามตระหนักถึงจิตวิญญาณและเจตจำนงของเขา

นักพรตวิญญาณ นี่เป็นวิธีการฝึกตนทางจิตวิญญาณที่เร้นลับและลึกลับ ต้องพึ่งพาการตระหนักรู้และการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม ตลอดเวลาหลายชั่วยาม หลินหานยังไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง

หรือว่า เขาคาดเดาผิดหรือเปล่า?

ไม่มีวิธีการฝึกฝนจิตวิญญาณใด ๆอยู่ภายในเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง?

"ผิดพลาดตรงไหนกันนะ ... " หลินหานขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดในใจอย่างเงียบๆ

หลังจากนั้น หลินสละข้อสงสัยของเขาไว้ชั่วคราว แล้วเริ่มทำเข้าใจโล่ระฆังทองคำตะวันฉาย

โล่ระฆังทองคำตะวันฉาย เป็นวิชายุทธระดับสูงที่ได้รับจากลั่วเฟยหยู่ หากใช้พลังนี้ จะเกิดเป็นรูปร่างระฆังทองคำนอกร่างกาย ฟันแทงไม่เข้า ทรงพลังมาก

ดังนั้น หลินหานเตรียมพร้อมที่จะทำความเข้าใจให้ได้ในระดับบริบูรณ์โดยเร็วที่สุด เพราะเมื่อถึงเวลานั้น โล่ระฆังทองคำตะวันฉายที่สร้างขึ้นจากสสารถิ่องแท้จะเพิ่มความน่ากลัวเทียบเท่าอาวุธสงครามระดับสูง

ตลอดทั้งวันหลินหานใช้เวลาอยู่ในเรือน ใช้สสารถ่องแท้หนาแน่นที่ได้จากเคล็ดวิชาจักรพรรดิมังกรแห่งไทกู่ ร่ายวิชาโล่ระฆังทองคำตะวันฉายต่อไปอย่างต่อเนื่อง

ในครานี้

"บูม"

โล่ระฆังทองคำตะวันฉายที่มีความสมบูรณ์เสมือนเป็นแก่นแท้น ปกคลุมรอบร่างกายของหลินหาน

ระฆังกายานั้นเรียบง่าย เย็นยะเยือก แข็งแรง และเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง

"ในที่สุด ก็ตระหนักถึงระดับบริบูรณ์!" หลินหานเผยความสุขบนใบหน้า

ในเวลานี้ แม้แต่หลินหานเองก็รู้สึกถึงคุณภาพพลังยุทธของตัวเองที่เป็นราวกับปีศาจก็ไม่ปาน

และในเวลานี้

“สหายหลินหานอยู่ไหม?” ทันใดนั้น มีเสียงที่ร้อนรนดังดังขึ้นนอกเรือน

หลินหานเก็บพลัง รีบลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเล็กน้อย

เขาปิดประตูไม่ต้อนรับแขก แต่ยังมีคนมาหา?

หลินหานผลักประตูห้องใต้หลังคาให้เปิดออก ทันใดนั้น เขามองเห็นศิษย์หลายคนล้อมรอบป้ายไม้ที่เขาวางไว้ด้วยสีหน้ารีบร้อน รอคอยอย่างลนลาน

ศิษย์วัยเยว์เหล่านี้ล้วนเป็นศิษยืทำเนียบภายนอก

หนึ่งในนั้น มีคนสองคนที่หลินหานรู้จัก

หนึ่งคือ หลินซา ที่เคยถูกเขาสั่งสอนตอนลงทะเบียนเข้าร่วมการประลองทำเนียบภายนอก และอีกคนหนึ่งคือ หลินเหยียนที่เขาเคยชี้นำไปบ้างตอนที่กำลังประลองกันในงานประลองทำเนียบภายนอก

ครานี้ พอหลินเหยียนเห็นหลินหานเดินออกมา จึงเปลี่ยนอารมณ์เป็นความดีใจ รีบก้าวไปข้างหน้าทันที พูดว่า: "สหายหลินหานออกมาเสียที"

“มีอะไร?” เมื่อมองเห็นความตื่นเต้นที่เห็นเขาออกมาของกลุ่มคนศิษย์ภายนอก ดวงตาของหลินหานจึงเปล่งประกายความสงสัยและถามขึ้นทันที

"ตระกูลผู้ครองเมืองส่งคนมากลุ่มหนึ่ง กำลังรออยู่ที่สังเวียนทำเนียบภายนอก พร้อมจะอาละวาด ทั้งเรียกหาหลินหานชื่อของเจ้า มีศิษย์มากมายไปขัดขวาง ก็ถูกศิษย์จากตระกูลผู้ครองเมืองที่ชื่อว่าลั่วเฟยหยุนจัดการจนบาดเจ็บสาหัส" หลินเหยียนรีบอธิบายสถานการณ์

ตระกูลผู้ครองเมือง?

ลั่วเฟยหยุน?

มีความสัมพันธ์อย่างไรกับลั่วเฟยหยู่ที่เขาสังหารไปเมื่อวันก่อน?

หรือว่าเรื่องที่เขาสังหารลั่วเฟยหยู่รับรู้ไปถึงหูของตระกูลผู้ครองเมืองแล้ว?

สักพักหนึ่ง จิตใจของหลินหานฉุกความคิดนับไม่ถ้วน

แต่สีหน้าของเขายังไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงนิ่งเฉย  พูดช้าๆ: "ไป ไปดูกัน"

......

ลานขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางทำเนียบภายนอก ด้านหน้าสังเวียนการต่อสู้

"ปัง"

ร่างๆหนึ่งถูกชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวซัดด้วยฝ่ามือจนกระเด็นลอยไป และล้มลงกับพื้น

“ขยะกลุ่มหนึ่งจริงๆ เดิมทีข้าคิดว่าสำนักตระกูลหลินจะแข็งแกร่ง เท่าที่เห็นตอนนี้ ดูเหมือนจะชุบเลี้ยงพวกไร้ค่ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น!” ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวยิ้มอย่างเย็นชาและพูดในทันที

"เจ้า......"

"ลั่วเฟยหยุน ที่นี่ไม่ใช่ตระกูลผู้ครองเมืองของเจ้า ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาเบ่ง!"

"รอให้สหายหลินหานมาถึงก่อน จะต้องจัดการจนเจ้าขี้เยี่ยวแตก"

ศิษย์ทำเนียบภายนอกของสำนักตระกูลที่อยู่รอบๆ ต่างโกรธและตะโกนดังเป็นทอดๆ

ชายหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวคนนี้เป็นลูกศิษย์อัจฉริยะในตระกูลผู้ครองเมือง นาม ลั่วเฟยหยุน มีตบะของยุทธปัญจสวรรค์ น่ากลัวอย่างยิ่ง

"หลินหาน? คนที่ข้ากำลังตามหา ก็คือเขา!"

ลั่วเฟยหยุนยิ้มเชือดเฉือน พูดว่า: "ข้าสงสัยว่าหลินหานศิษย์ทำเนียบภายนอกแห่งสำนักตระกูลหลิน ได้สังหารลั่วเฟยหยู่ผู้เป็นน้องชายข้า ข้าจะพามันกลับไปที่ตระกูลผู้ครองเมือง เพื่อรับโทษ!"

"ก็แค่ขยะ ฆ่าทิ้งจะเปนไรไป??" ทันใดนั้น เสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้นทันที ต้นเสียงอยู่ในบริเวณที่ไม่ไกลนัก

เมื่อพูดจบ ร่างของชายชุดสีเขียวที่สูงสง่าหลังตรงตรงปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ ในสายตาของทุกคน

เขาคือหลินหาน!

"ดูสิ หลินหานมาที่นี่แล้ว!"

"สหายหลินหาน ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่ รีบช่วยพวกเราที"

เมื่อศิษย์ทำเนียบภายนอกเห็นหลินหานมาถึงแล้ว พวกเขาทั้งหมดถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

ลั่วเฟยหยุนจากตระกูลผู้ครองเมืองแข็งแกร่งเกินไป กดดันจนพวกเขาหายใจไม่ออก

ในทำเนียบภายนอก กลัวว่าจะมีเพียงหลินหานซึ่งเป็นศิษย์อันดับหนึ่งแห่งทำเนียบภายนอกเท่านั้น ที่จะทำให้ผู้คนเกิดความสงบใจ

"เจ้าพูดอะไร!" ทันใดนั้น ดวงตาของลั่วเฟยหยุนเปลี่ยนเป็นทะมึน ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด "เจ้ายอมรับสินะ ว่าน้องชายของข้า ลั่วเฟยหยู่ ถูกเจ้าสังหาร?

"สาดโคลนแก่ผู้บริสูทธิ์ ข้าไร้คำพูดจะโต้แย้ง"

ใบหน้าของหลินหานยังคงสงบ เขามองไปที่ลั่วเฟยหยุน แล้วพูดว่า:“ในเมื่อเจ้าสงสัยว่าข้าฆ่าน้องชายของเจ้า แล้วหลักฐานล่ะ?”

"หลักฐาน?"

ลั่วเฟยหยุนแสดงสีหน้าแข็งทื่อ

ก่อนที่เขาจะมา เขาก็แค่สงสัยหลินหาน เพราะตามข่าวที่ได้ยิน วันนั้นน้องชายของเขาอยู่ในป่าหม่างแห่งเมืองต้วนเทียน บรรดาคนที่พบก็มีเพียงหลินหาน

อย่างไรก็ตาม ที่ลั่วเฟยฟยุนตัดสินใจมาที่สำนักตระกูลหลินเพื่อก่อเรื่อง เพราะเขาได้รับรู้จากที่คนมาแจ้งเรื่องที่หลินหานและลั่วชิงเฉิงร่วมกันสังหารอสูรพยัคฆ์มังกร

ลั่วชิงเฉิงยังพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าหลินหานจะกลายเป็นหลินกู่เทียนคนต่อไป

สิ่งนี้ทำให้ลั่วเฟยหยุนไม่สบอารมณ์ในใจ ในที่สุดเขาก็ก่อเกิดความเกลี่ยดชังต่อหลินหานชายผู้ซึ่งเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน

เพราะลั่วชิงเฉิงคือธิดาของเจ้าเมืองคือคนที่เขาหมายมั่นอยู่ในอกมาโดยตลอด

การที่ลั่วชิงเฉิงได้ชื่นชมหลินหานขนาดนี้ และแม้แต่ดวงตาคู่งามก็ยังสื่อความไฝ่หา ทำให้ลั่วเฟยหยุนก่อเกิดเพลิงริษยาสุมอยู่เต็มอก

ดังนั้น ลั่วเฟยหยุนอ้างการแก้แค้นให้กับน้องชาย แล้วเดินทางมาสำนักตระกูลหลิน วางแผนที่จะมาฆ่าหลินหาน

แต่ตอนนี้กลับถูกหลินหานถามคำถามนี้ ทำให้ลั่วเฟยหยุนไม่รู้จะตอบอย่างไร

"ใช่แล้ว หลักฐานล่ะ?"

“ลั่วเฟยหยุน เจ้ากำลังทำร้ายผู้คนโดยไม่มีเหตุผล ทำร้ายศิษย์ทำเนียบภายนอกของสำนักตระกูลหลินของเราไปมากมาย ช่างกำเริบนัก”

ศิษย์ทำเนียบภายนอกแต่ละคนเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ในตอนนี้มีหลินหานเป็นที่พึ่ง ผู้คนจึงตะโกนด่าทอทันที

เมื่อได้ยินเสียงกร่นด่าของฝูงชน อารมณ์ของลั่วเฟยหยุนก็ดูหดหู่มากขึ้นเรื่อย ๆ

เขาหันหลัง และเตรียมพร้อมที่จะออกไปก่อน

คำว่า "หลักฐาน" ง่ายๆสองคำนี้ของหลินหาน เป็นดั่งก้อนหินที่เขาโยนขึ้นแล้วตกใส่เท้าของเขาเอง

"หยุด!"

ทันใดนั้น น้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น

เขาคือหลินหาน!

"เจ้าต้องการจะทำอะไร?" ลั่วเฟยหยุนหยุด สีหน้านั้นมืดมนและหันกลับมา

"ข้าต้องการทำอะไรหรือ?"

หลินหานแสยะยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาทันที

วูม!

ดาบดูกดึงออกจากฝัก ตวัดแทงบนท้องฟ้า

จิตดาบเย็นยะเยือกเข้ากระดูกดำ ล็อกตัวลั่วเฟยหยุนทันที

"ขอโทษคนทุกคนที่ได้รับบาดเจ็บโดยฝีมือเจ้า มิฉะนั้น ตามกฎของสำนักตระกูลหลิน หากเจ้าลงจากสังเวียน นั่นคือ ... ตาย!"

ตาย!

เมื่อคำสุดท้ายถูกกล่าวออกมา จิตสังหารอย่างรุนแรงก็กระจายออกออกจากร่างของหลินหาน ราวกับเสียงคำรามมังกรอย่างเดือดดาล

เวิง!

ในพริบตานั้น อุณหภูมิของสังเวียนทั้งหมด คล้ายกับจะเย็นยะเยือกและหนาวเหน็บเชือดเฉือนกระดูก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด