ตอนที่ 26 การมาเยือนของผู้อาวุโส [อ่านฟรี]
ตอนที่ 26 การมาเยือนของผู้อาวุโส
ภายใต้แสงจันทร์ หลินหานผู้สวมชุดสีเขียว ได้นั่งลงบนพื้นด้วยใบหน้าสงบ
แต่ในขณะนี้ ดวงตาทั้งสองของเขาปิดสนิท
เขาพยายามที่จะสื่อสารกับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองในใจของเขา เตรียมพร้อมจะสัมผัสและกระตุ้นพลังวิญญาณของตัวเอง
จากการแนะนำโดยไม่ตั้งใจของหลินเซว่ในการประลองทำเนียบภายนอก ทำให้ประตูและเส้นทางการฝึกตนใหม่เอี่ยมเปิดหน้าอ้ายังเบื้องหน้าหลินหาน เต็มไปด้วยความลึกลับ
"เวิง"
ในช่วงเวลาหนึ่ง ทันใดนั้นหลินหานก็รู้สึกได้ถึงวิญญาณที่สั่นไหว
แม้ว่าดวงตาของเขาจะไม่ลืมขึ้น แต่เขาก็สามารถที่จะ "มองเห็น" มังกรสีทองห้ากรงเล็บที่แข็งแกร่งแต่โบราณล่องลอยอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะของตัวเอง
เสียงคำรามของมังกร ดังสะท้านฟ้า!
หลินหาแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย ยามนี้ใจเขาเต้นถี่ถี่ และพบว่าวิญญาณของเขาหลุดออกจากร่างกายของเขา มันผสานรวมเข้ากับมังกรทองห้ากรงเล็บที่อยู่บนของหัวของเขา
พริบตานั้น หลินหานรู้สึกเพียงว่าเขากลายเป็นมังกรทองคำบินอย่างองอาจอยู่ในอากาศ
ณ ตอนนี้ วิญญาณได้ผสานรวมเข้ากับมังกร ดวงตามังกรของหลินหานเป็นประกาย จ้องมองลงไปด้านล่าง
ทันใดนั้น เขาได้มองเห็นด้านข้างสระน้ำ มีชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งนั่งอยู่ที่นั่น ดวงตาของเขาปิดสนิท ใบหน้าสงบ
นั่นคือร่างกายของเขา!
วิญญาณของเขาหลุดออกจากร่างจริงๆเหรอ?
ภาพที่เกิดขึ้นนี้มหัศจรรย์มาก ทำให้หัวใจของหลินหานตกตะลึง
เส้นทางแห่งนักพรตวิญญาณ ช่างลึกลับและไม่มีที่สิ้นสุด
"ตุบตุบ"
ในเวลานี้ คนรับใช้ในสำนักตระกูลหลินมาจากระยะไกล
คนรับใช้ได้มองเห็นหลินหานที่มีแต่ร่างซึ่งนั่งอยู่ที่ข้างสระน้ำ ดวงตาของเขาแสดงความชื่นชม "สมแล้วที่เป็นราชาคนใหม่ของทำเนียบภายนอก ในเวลานี้ยังคงฝึกฝน!"
เมื่อพูดจบ คนรับใช้ก็ส่ายหัวและถอนหายใจ ก่อนจะเดินจากไป
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ คนรับใช้นี้ไม่รู้เลยว่าเวลานี้มีมังกรทองห้ากรงเล็บที่แข็งแกร่งอยู่บนท้องฟ้าเหนือสระน้ำ เป็นสภาวะวิญญาณ ดวงตามังกรเต็มไปด้วยสีสัน กำลังจ้องมองลงมาที่เขา
“จริงๆด้วย จอมยุทธธรรมดาไม่สามารถเห็นสภาวะจิตและวิญญาณของข้าได้” ปากของหลินหานพูดพึมพำ
วินาทีต่อมา หลินหานเพ่งมองคนรับใช้อีกครั้ง
ทันใดนั้น เขาได้มองเห็นวิญญาณของข้ารับใช้คนนั้น มันเล็กกระจ้อยร่อยอยู่ภายในร่างกายของเขา
หลินหานรู้สึกราวกับว่า หากตนเองเอาเท้ามังกรเหยียบข้าทาสคนนั้นลงไปในตอนนี้ วิญญาณอันแสนอ่อนแอนั่นจะถูกทำลายในทันที
"เส้นทางแห่งนักพรตวิญญาณเต็มไปด้วยความลึกลับ ทักษะที่ใช้วิญญาณเช่นนี้แม้นป้องกันก็มิอาจกันได้"
หลินหานถอนหายใจเล็กน้อย
จากนั้น เขาก็ต้องตกใจที่วิญญาณมังกรหายไปจากท้องฟ้าว่างเปล่า วิญญาณของเขากลับสู่ร่างกาย
ณ ที่เดิมตรงนั้น หลินหานค่อยๆลืมตา
เขารู้ซึ้งดีว่าความสามารถทางด้านนักพรตวิญญาณของตัวเองจะต้องเกี่ยวข้องกับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง
เพราะหลินหานเข้าใจดีว่าความสามารถของตัวเองก่อนหน้านี้ ธรรมดาดาดๆถึงขีดสุด
เป็นเพราะเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองได้แปรสภาพพลัง ปราณ วิญญาณของเขา และถึงขั้นที่แปรเปลี่ยนระดับจิตวิญญาณของเขาใหม่ทั้งหมด
"เมื่อตอนกลางวัน ก่อนที่หลินเซว่จะจากไปเขาพูดว่า รอให้ข้าได้พบวิธีการฝึกตนสู่นักพรตวิญญาณที่เป็นของตัวเอง จากที่คิด การเป็นนักพรตวิญญาณต้องฝึกตนอย่างต่อเนื่อง ขยายพลังแห่งวิญญาณ ไปสังหารคนโดยไม่ปรากฏรูปลักษณ์"
หลินหานครุ่นคิด จากนั้นเขาใช้พลังทังหมดสื่อสารกับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองที่อยู่ในใจ
เขารับรู้ได้ว่าภายในของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองจะต้องมีวิธีการฝึกตนสู่การเป็นนักพรตวิญญาณที่เขาต้องการ
เพียงแต่ พยายามมาแล้วหลายชั่วยาม หลินหานก็ยังไม่ค้นพบ
พื้นที่ว่างอันมืดมิดภายในจิต มีเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองกลุ่มหนึ่งล่องลอยอยู่ตรงนั้น ลุกโชนอย่างเงียบๆ ไม่มอดดับชั่วกาลนาน
แต่ไม่ว่าหลินหานจะสื่อสารอย่างไร สภาวะจิตของเขาก็ไม่สามารถเข้าไปยังพื้นที่ของเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองได้ และไม่สามารถกระตุ้นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองให้เเแสดงร่องรอยอะไรออกมา
สิ่งนี้ทำให้หลินหานต้องเบ้มุมปาก
หลินหานครุ่นคิดสักพัก แล้วยอมถอดใจที่จะสื่อสารกับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทอง เขารู้แน่ชัดว่าตัวเองต้องรอจังหวะ เพื่อจะเปิดเส้นทางฝึกตนทางวิญญาณ
ช่วงเวลาสั้นๆนี้ยอมถอดใจเรื่องเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีทองก่อน หลินหานทราบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตัวเองในตอนนี้ คือต้องเพิ่มพลังวิถียุทธของตัวเอง
เนื่องด้วยจบการประลองแห่งทำเนียบภายนอกแล้ว งานเลี้ยงน้ำชาแห่งวิถียุทธจึงอยู่ใกล้แค่เอื้อม
เวลา มันช่างกระชั้นชิด
...
วันต่อมา เมื่อหลินหานออกจากห้อง ก็ได้เห็นเสี่ยวหนู่ หญิงรับใช้ที่เดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้น
"นายน้อย! ท่าน.. ท่านได้อันดับ1ของทำเนียบภายนอกจริงเหรอ?" ใบหน้ารูปไข่เล็กเรียวน่ารักของเสี่ยวหนู่ เปี่ยมความตื่นเต้นและดีใจ
"ใช่" หลินหานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
"นายน้อยเก่งจังเลย!"
เสี่ยวหนู่ไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้ตื่นเต้นของตัวเองอย่างไร ท้ายที่สุดก็เพียงแค่แลบลิ้น พูดออกมาหนึ่งประโยค
"ที่นี่คือที่อยู่ของหลินหานเหรอ?" ทันใดนั้น มีน้ำเสียงเปี่ยมบารมีดังขึ้นจากจุดที่ไม่ไกลนัก
ด้านนอกที่พัก มีใครหลายคนเดินเข้ามา
คนที่นำหน้าคือชายวัยกลางคนสวมผ้าทอลายดอก ใบหน้ามิมีความเกรี้ยวกราดหากแต่เปี่ยมบารมี ออร่าที่แผ่ออกมาช่างทรงพลังและมั่นคง
คือเขา?
พลัน หลินหานนึกออก ชายวัยกลางคนผู้นี้คือผู้อาวุโสทำเนียบภายในที่เป็นคนดำเนินการประลอง
"คารวะผู้อาวุโส " หลินหานยกมือคำนับ
"ผู้.. ผู้อาวุโส?" ใบหน้าเล็กเรียวของเสี่ยวหนู่แสดงอารมณ์หวาดหวั่น แล้วหดตัวไปหลบด้านหลังจองหลินหาน
นางไม่เข้าใจว่าบุคคลใหญ่โตที่มีอานาจสูงเช่นนี้ จะมาที่เรือนเล็กๆนี้ทำไม?
"เจ้าไม่เลวเลย"
ผู้อาวุโสทำเนียบภายในรู้พรสวรรค์ของหลินหาน ครานี้เขาจึงยิ้มอย่างเริงร่า "หนึ่งปีมานี้ เจ้าตกระกำลำบากที่ทำเนียบภายนอก จากการที่เจ้าแสดงได้อย่างน่าอัศจรรย์ในการประชองทำเนียบภายนอก บัดนี้ ระดับสูงของสำนักจึงตัดสินใจให้เข้าไปอาศัยในทำเนียบภายใน"
"เข้าไปอาศัยในทำเนียบภายใน?
ดวงตาของหลินหานเป็นประกาย ยื่อความแปลกใจ
ทำเนียบภายใน เป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริงของสำนักตระกูลหลิน มีศิษย์ทำเนียบภายในมากมายที่เป็นคนสายเลือดตระกูลหลักและบรรดาผู้อาวุโสต่างก็อาศัยภายใน
หากทำเนียบภายนอกเทียบได้กับสลัม เช่นนั้นแล้ว ทำเนียบภายในคงเป็นดั่งชนชั้นสูง
ขอเพียงคนในตระกูลสร้างคุณงามความดีที่โดดเด่น ก็จะมีคุณสมบัติเข้าสู่ทำเนียบภายใน ได้รับการปฏิบัติสูงสุดของตระกูล
แต่ในบัดนี้ ตามที่ผู้อาวุโสทำเนียบภายในกล่าว หมายความว่าเขาสามารถเข้าไปอาศัยในทำเนียบภายใน?
อย่างที่ทราบ ต่อให้เป็นศิษย์จำนวนมากของทำเนียบภายใน ยังทำได้แค่เข้าไปฝึกฝนในทำเนียบภายในเท่านั้น แต่ไม่สามารถเข้าไปอาศัยในทำเนียบภายในได้
หลังจากที่ครุ่นคิดสักพัก ในใจของหลินหารก็ตระหนักถึงสิ่งหนึ่งได้
เท่าที่คิด พรสวรรค์อันแกร่งกล้าของเขาคือสิ่งดึงดูดความสนใจของระดับสูงของตระกูล
โลกใบนี้ ทุกๆอย่างต้องพูดกันด้วยพลังอย่างแท้จริง ตัวเองต้องแย่งชิงทุกอย่าง
อย่างที่ทราบ เมื่อหลายวันก่อนเขายังเป็นเพียงศิษย์จากสาขาผู้ต่ำต้อยที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ตอนนี้ แม้แต่ระดับสูงของสำนักยังแจ้งให้เขาเข้าไปอาศัยในทำเนียบภายใน
การปฎิบัติที่ได้รับแต่ก่อนกับตอนนี้ ต่างกันมหันต์
ยามนี้ เมื่อผู้อาวุโสทำเนียบภายในได้มองสายตาเป็นประกายของหลินหาน ผู้อาวุโสทำเนียบภายในก็ถอนหายใจเงียบๆ
จากที่เห็น หลินหานผู้นี้ยังมีความผูกพันต์ต่อสำนักตระกูลหลิน
หลังจากที่หลินหานเจิดจรัส ระดับสูงของสำนักได้ทำความเข้าใจต่อหลินหาน จึงทราบว่าในหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาได้รับความอัปยศและการดูแคลนจากศิษย์ตระกูลหลักมากมายเพียงใด
ข้อมูลนี้ ทำให้ระดับสูงแจ้งประกาศทันที ว่าต้องทุ่มพลังทั้งหมดรั้งตัวหลอนหาน ถึงกับไม่ลังเลที่จะให้เขาเข้าสู่ทำเนียบภายในทันที เพื่อขจัดความบาดหมางในใจหลินหาน
อันที่จริง ระดับสูงของสำนักได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว
หลินหานออกจากหมู่บ้านฉางหยุน เป้าหมายแรกสุดคือการสร้างชื่อในตระกูลหลัก เจิดจรัสที่สุด
จึงเป็นธรรมดาที่ในใจของเขาจึงยังรู้สึกผูกพันธ์กับสำนักตระกูลหลิน
"หลังจากที่เข้าสู่ทำเนียบภายใน เจ้าจะมีอำนาจได้รับการปฎิบัติอย่างดีเยี่ยม ทุกๆเดือน สำนักจะมอบ500ตำลึงทอง ยาตันนิ่งหยวน1เม็ด ยังมีอีก ชั้นที่หนึ่งแห่งตำหนักยุทธ จะเปิดรอให้เจ้าเข้าไปได้ทั้งหมด"
คำพูดนี้ของผู้อาวุโสทำเนียบภายในทำให้ใจของหลินหานตะลึงเล็กน้อย
จากที่เห็น ระดับสูงคงอยากให้เขารู้สึกวางใจ ถึงกับมอบสิทธิ์นี้ให้
ส่วนเสี่ยวหนู่ตกตะลึงจนไม่รู้จะตกตะลึงอย่างไรแล้ว
เมื่อไหร่กันนะ ที่นายน้อยของนางกลายเป็นคนที่ระดับสูงของสำนักให้ความสนใจ?
แต่ สิ่งที่ทำให้เสี่ยวหนู่ดีใจมากที่สุดคือ พวกเขาจะได้ย้ายไปอยู่ทำเนียบภายในแล้ว
ในใจของเสี่ยวหนู่คิดว่าทำเนียบภายในที่มีภูเขาเขียวขจีวารีใสสะอาด มีตำหนักต่างๆเรียงรายคือสถานที่ที่ดีที่สุดในใต้หล้า
"เสี่ยวหนู่ ไปเก็บของ พวกเราจะย้ายไปทำเนียบภายใน"
หลินหานมองเด็กสาวที่ตื่นเต้นอยู่ด้านข้าง จึงพูดด้วยรอยยิ้ม