SH.10 – ออกเดินทาง
10 – ออกเดินทาง
โรดส์ถอนหายใจและมองดูเด็กสาวตรงหน้าเขา
“ไลซ์ คนที่ควรกังวลที่สุดคือตัวคุณเอง คุณไม่ได้พักผ่อนมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘เมื่อคืน’ เธอตัวสั่นเทาอีกครั้งราวกับว่าเธอจำเหตุการณ์นั้นได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เธอกัดริมฝีปากและส่ายหัว
“ไม่...ฉัน...”
ผัวะ!!
ไลซ์ยังไม่ทันพูดจบเมื่อโรดส์ยกมือขึ้นตบไปที่หน้าของเธอ
ห๊า...?!
แก้มของเธอแดง ไลซ์จ้องมองไปที่โรดส์อย่างเหลือเชื่อและตกใจ แต่ชายหนุ่มกำลังมองดูเธอ
“ผมรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร” เขาพูดอย่างไร้อารมณ์
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส ความโกรธระเบิดออกมาจากหัวใจของเธอ เธอวางมือลงและบีบกำปั้น ในขณะที่เธอรู้สึกโกรธ ประโยคถัดไปของโรดส์ราวกับเธอถูกน้ำสาดใส่หน้า
“คุณรู้สึกผิดที่รอดชีวิตมาได้เพราะคุณเกิดมาแตกต่าง เป็นสายเลือดผสม หรือจะให้ผมพูดว่า ทูตสวรรค์ เหมือนจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว”
“!!”
ไลซ์ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เธออ้าปากค้างและถอยหลังด้วยความตกใจจนหลังเธอสัมผัสกับต้นไม้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เขารู้ได้อย่างไร?!
ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้
ฉันไม่เคยบอกเขามาก่อน แม้แต่ในกลุ่มทหารรับจ้างคนที่รู้เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของฉันมีแค่ไม่กี่คน...
“คุณรู้ได้อย่าง...ไร?”
“ดวงตาของคุณ”
โรดส์ชี้ไปยังดวงตาของเขา
“ตาดำของคุณมีประกายสีทอง นั่นเป็นสัญลักษณ์ของ ‘ผู้ส่งสาร’ และยังมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของทูตสวรรค์ อย่างไรก็ตาม คุณแตกต่างไปจากทูตสวรรค์สายเลือดบริสุทธิ์....เหตุผลที่ทำไมประกายตาสีทองของคุณจางเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะคุณเป็นมนุษย์เลือดผสม ใช่ไหม?”
เด็กสาวพูดไม่ออก
แม้ว่าจะไม่มีคำตอบ โรดส์สามารถยืนยันได้ว่าเขาเดาถูก เด็กสาวที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นลูกครึ่งทูตสวรรค์ ความจริงเขาสังเกตเห็นเธอมาระยะหนึ่งแล้ว
ในฐานะที่เป็นผู้เล่นระดับท็อปและจากประสบการณ์การเล่นเกมของเขา โรดส์ต้องทำความคุ้นเคยกับสิ่งที่มีอยู่และประเมินความสามารถของฝ่ายตรงข้าม สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดในการต่อสู้กับบอสโดยใช้เวลาน้อยที่สุดและยังสามารถทำให้เขาสามารใช้ในการต่อสู้ PVP ได้ อาจกล่าวได้ว่าทักษะสังเกตเป็นสิ่งที่ผู้เล่นระดับสูงทุกคนต้องมี
เมื่อเขาได้รับการช่วยเหลือ เขาเริ่มสังเกตเธออย่างมีสติและเริ่มตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ แม้ว่าเธอจะเป็นลูกครึ่งทูตสวรรค์ แต่ความสามารถในการรักษาและฟื้นฟูบาดแผลไม่ได้หายไปไหน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลหลักที่ไลซ์สามารถรอดจากแรงกระแทกของเรือบินได้
ไลซ์คงรู้เรื่องนี้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่เธอรู้สึกกดดันมาก
“นั่นเป็นเหตุผลที่ผมบอกว่าผมรู้ว่าคุณรู้สึกอย่างไร”
โรดส์ยักไหล่
“คุณรู้เหตุผลที่ทำไมคุณถึงรอดชีวิต มันไม่ได้เป็นเพราะโชค แต่เป็นเพราะคุณแตกต่างจากคนอื่น นั่นคือสาเหตุที่คุณรับไม่ได้...ถ้าคุณทำได้ คุณคงอยากเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาและตายไปพร้อมกับเพื่อนๆสินะ”
“....”
ไลซ์ก้มหัวลง มือของเธอจับกระโปรง
“แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถตัดสินใจได้”
เมื่อมองไปยังไหล่ที่สั่นเทา น้ำเสียงของโรดส์ผ่อนคลาย
“คุณไม่สามารถตัดสินจากการเกิดของคุณได้ คุณไม่แม้แต่สามารถหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ มันเกินขีดจำกัดของคุณ อย่าเสียใจในสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้”
“ถ้าอย่างนั้น.…”
ในที่สุดไลซ์ก็พูดขึ้น
“ฉันควรทำอย่างไรดี?”
“นี่เป็นเส้นทางของคุณ คุณควรตัดสินใจด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ไลซ์เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอเงยหน้ามอง
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ คุณโรดส์”
“ด้วยความยินดีครับ”
“...อย่างไรก็ตาม ที่ตบมานี่เจ็บมากเลยค่ะ…”
แม้ว่าจะมี ‘ความรุนแรง’ อยู่บ้าง แต่ในที่สุดไลซ์ก็ปล่อยวางจากการโทษตัวเองและความเจ็บปวดจากการสูญเสียเพื่อนไปได้ วันต่อมาเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ใบหน้าของไลซ์เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เรื่องนี้ทำให้แมทรู้สึกประหลาดใจที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขามองไปยังทั้งสองคนสลับไปมา สุดท้ายเขาหันไปมองโรดส์ และยิ้มให้เขา นั่นหมายความว่าเขาไม่รู้จริงๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พ่อค้าร่างอ้วนจะละความสนใจ คำพูดของโรดส์ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว
“ผมคิดว่าถึงเวลาที่พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว”
ออกเดินทาง?
คำพูดเหล่านั้นเริ่มส่งสัญญาณเตือนเขาอีกครั้ง ใบหน้าที่ผ่อนคลายหายไปทั้งหมด เขาเพิ่งจำได้ว่าเขาไม่ได้นอนอยู่ในห้องที่แสนสบายของตนเอง แต่อยู่ในป่าที่เต็มไปด้วยอันตรายไม่รู้จบ
ใช่ เราไม่ได้มาพักร้อน เพราะไอ้งูเวรนั่นและไอ้กัปตันเฮงซวย...ลืมมันไปเถอะ พูดไปก็ไร้ค่า สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ...พวกเราจะออกจากป่าบ้านี้ได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ แมทจ้องไปที่โรดส์อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มพูดว่าเขามีวิธี แสดงว่าเขาต้องมีแผนแล้ว พวกเขาอยู่ในส่วนลึกของภูเขา หากพลาดไปแม้แต่ก้าวเดียว พวกเขาอาจจะหายไปตลอดกาล ไม่ต้องพูดถึงสัตว์ป่ามากมายที่ซ่อนตัวอยู่ พวกเขาจะหลบหนีจากพวกมันได้อย่างไร? ทักษะการเอาชีวิตรอดเป็นความรู้จำเป็นในการเดินทางในป่า พวกเขาต้องใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เขาอาจจะตายที่นี่เพราะความประมาทเลิ่นเลอของตัวเขาเอง จากนั้นเขาจะสูญเสียทุกสิ่งที่เขาทำงานมาทั้งชีวิต
เมื่อคิดได้ แมทตบหน้าตัวเองอย่างแรง ความง่วงของเขาหายไปทันที เขามองโรดส์ที่ลึกขึ้นจากพื้นอย่างรอบคอบ เขาลุกขึ้นและปัดสิ่งสกปรกออกจากขาของเขาและเหยียดแขนออกมา ก่อนที่โรดส์และไลซ์จะเริ่มออกเดินทาง
“ไปกันเถอะ”
…
“..เดี๋ยวก่อน ท่านโรดส์ รอด้วยครับ!”
พ่อค้าร่างอ้วนกระโดดขึ้นจากหินที่เขานั่งอยู่
“พวกเราจะไปที่ไหน?”
“ทางตะวันออกเฉียงเหนือมีเมืองเล็กๆอยู่ที่นั่น เมื่อพวกเราเดินทางไปถึงที่นั่น การเดินทางครั้งต่อไปของพวกเราจะง่ายขึ้น”
“ไม่ต้องกังวลอะไรเป็นพิเศษรึครับ?”
“ไม่ ไม่จำเป็น”
ไม่แปลกที่เขาพูดอย่างนั้น ใน Dragon Soul Continent นี่เป็นสถานที่สำหรับมือใหม่ พื้นที่ทั้งหมดในดินแดนภาฟิวด์ได้รับการสำรวจโดยผู้เล่นหมดแล้ว
ใกล้กับจุดเริ่มต้นของเกม ผู้เล่นหลายคนพยายามเดินทางไปในที่เปลี่ยวและสำรวจในพื้นที่ที่ยากจะเข้าถึง พยายามอย่างมากเพื่อที่จะได้รับอุปกรณ์ระดับตำนานของเกม เมื่อพวกเขามีอาวุธเวทมนตร์เหล่านั้น พวกเขาจะแข็งแกร่งและย้ายไปรวมกันในทวีป...
แต่แน่นอน ความจริงนั้นโหดร้ายอยู่เสมอ
แม้ว่าความพยายามอย่างไร้ขีดจำกัดของผู้เล่นเหล่านั้นทำให้พวกเขาพบอาวุธหายากและมีค่าสถานะไม่เหมาะสม น่าเสียดายไม่มีใครได้รับไอเทมประเภท ‘ด้วยอุปกรณ์นี้ โลกนี้จะตกเป็นของฉัน’
ท้ายที่สุด ไอเทมพวกนั้นหายากเกินไป
สำหรับแมท สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายและทุกก้าวเปรียบเสมือนการเดิมพันด้วยชีวิตของเขา แต่สำหรับโรดส์ สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสวนหลังบ้านของเขา
ในเกม ในฐานะหัวหน้ากิลด์ เขาได้ช่วยเหลือกลุ่มมือใหม่มานับไม่ถ้วนในการเก็บระดับ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ระดับสูงไปจนถึงต่ำ ภารกิจไหนเหมาะสำหรับงานไหน ความสามารถอะไรบ้างที่สามารถฝึกที่นี่ได้และอื่นๆ....เขาคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้มาก แม้ว่าเขาจะโยนพวกมันทิ้งไปนานมากแล้ว แต่เขายังสามารถหาทางออกของเขาได้
สำหรับแมท? โรดส์ได้ทำภารกิจคุ้มกันพ่อค้ามามากมายในเกม น่าจะประมาณ 1,000 ครั้งเป็นอย่างน้อย มันแทบไม่มีความแตกต่างไปจากเดิมเลย
เมื่อได้ยินคำตอบของโรดส์ ใบหน้าอวบอ้วนของแมทเปลี่ยนเป็นแข็งค้าง เขาไม่รู้ว่าทำไมโรดส์ถึงมั่นใจ
พ่อค้าอ้วนเริ่มเสียใจกับการตัดสินใจของเขา หลังจากคิดกับตัวเอง เขาจำได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่บนภูเขามาก่อน...
ถ้าเขาไม่บาดเจ็บ คำพูดของเขาอาจจะน่าเชื่อถือกว่านี้...แต่ความจริงที่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บในป่านี้...เมื่อคิดได้ดังนี้ เขากลัวว่าเขาคงไม่ตายในป่านี้หรอกใช่ไหม?
แม้ว่าจะเสียใจเล็กน้อย นี่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการ ‘ขี่หลังเสือ’ สำหรับเขา ไม่มีทางอื่นแล้ว เขาได้แต่กัดฟันและเดินตามทั้งสองเข้าไปในป่าลึก
ภายใต้แสงแดดอันสดใส ป่าพระจันทร์สีเงินเงียบมาก แสงแดดส่องผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ในบางจุด มีเสียงนกร้องและสามารถมองเห็นร่องรอยของกระต่ายป่าได้ ภาพทิวทัศน์ตรงหน้าเป็นภาพที่รื่นรมย์และสงบสุขมาก ดังนั้นพ่อค้าอ้วนที่กระวนกระวายก่อนหน้านี้เริ่มผ่อนคลายลงและไม่ระแวงเหมือนก่อนหน้านี้
โรดส์เดินไปข้างหน้า แม้ว่าการเดินในป่าที่ไม่มีถนนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การมองเห็นสิ่งต่างๆรอบๆ มันทำให้ยากที่พวกเขาได้รับบาดเจ็บ
ไลซ์เดินตามเขามาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเธอคุ้นเคยกับการกระทำเช่นนี้ แม้ชุดเดรสยาวของเธอจะไม่เหมาะกับการเดินป่า แต่ไลซ์ยังคงตามติดโรดส์อย่างใกล้ชิด เธอเตือนพ่อค้าร่างอ้วนเป็นบางครั้ง
ยิ่งพวกเขาเข้าไปลึกเท่าไหร่ ไลซ์ยิ่งประหลาดใจมากขึ้น
ดูเหมือนทิศทางที่โรดส์นำไปจะไม่แน่นอน เนื่องจากเขาไม่ได้เลือกเดินตรง บางครั้งเขาก็เลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวา บางครั้งเขาก็เดินเป็นวงกลม แต่เธอสังเกตได้ว่าป่าค่อนข้างทึบกว่าเดิมมาก ราวกับหมู่บ้านซ่อนอยู่ในป่ารอคนมาพบเจอ
ไลซ์เคยได้ยินหัวหน้าพูดก่อนหน้านี้ มันเป็นทักษะระดับสูง สำหรับคนทั่วไป เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะสามารถค้นหาเส้นทางของพวกเขาได้ในป่า มีเพียงคนที่อาศัยอยู่ในป่าอย่างพวกเอลฟ์ที่เดินสำรวจภูเขามากมายถึงจะได้ครอบครองทักษะนี้ เธอเคยเห็นทักษะแบบนี้ครั้งหนึ่ง ตอนนั้น กลุ่มของเธอหลงอยู่ในป่า และเอลฟ์ที่ถูกส่งไปช่วยพวกเขาไม่ได้ใช้เส้นทางตามปกติ เอลฟ์เลือกทิศทางที่ตรงกันข้ามกับพวกเขาโดนสิ้นเชิงซึ่งทำให้ไลซ์กังวลมาก แต่สุดท้ายเมื่อพวกเขาสามารถออกจากป่าได้ ตอนนั้นเองหัวหน้าบอกเรื่องทักษะนี้กับเธอ อย่างไรก็ตาม....
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของโรดส์ ไลซ์รู้สึกงุนงงเล็กน้อย ตามที่หัวหน้าเคยพูดไว้ ทักษะประเภทนั้นจะมีในเอลฟ์และเรนเจอร์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เอลฟ์สามารถเชื่อมต่อกับธรรมชาติได้ แต่ไม่มีทางที่มนุษย์อย่างเธอจะสามารถใช้ทักษะแบบนี้ได้ แต่โรดส์สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เขาไม่ได้หยุดพักเพื่อเชื่อมต่อกับธรรมชาติ นั่นเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่เอลฟ์ แต่...เมื่อมองไปที่เขา เขาดูไม่เหมือนเรนเจอร์ด้วย?
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยได้พบเรนเจอร์บ่อยๆ แต่เธอรู้ว่าอาวุธหลักของพวกเขาคือธนู อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ โรดส์ยังไม่เคยใช้ธนูเลย
เขาเป็นใครกันแน่?
ณ ตอนนี้ ไลซ์สับสนมาก
ทันใดนั้นโรดส์หยุดเดิน
เมื่อมองผ่านพุ่มไม้ โรดส์มองเห็นทะเลสาบได้อย่างชัดเจน สถานที่ตรงนั้นเป็นศูนย์กลางของป่าพระจันทร์สีเงิน นั่นคือแม่น้ำแสงจันทร์ ในเกมสถานที่แห่งนี้เคยถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในจุดตั้งแคมป์ที่ดีที่สุดในบริเวณนี้
“เยี่ยม!”
เมื่อมองไปยังทะเลสาบใส แมทเลียริมฝีปากของเขาอย่างไม่รู้ตัว แม้ว่าการพบเจอสถานที่แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่สำหรับพ่อค้าอย่างเขาที่ชื่นชอบการผ่อนคลาย หลายวันที่ผ่านมาสำหรับเขาเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เมื่อมองเห็นสถานที่พักผ่อน เขารีบก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขากำลังรีบเดินตรงไป โรดส์ยื่นมือขาจับที่ไหล่ของเขา
พ่อค้าร่างอ้วนงุนงงทันที เขามองไปยังชายหนุ่ม แต่โรดส์ไม่ได้พูดอะไรและชี้นิ้วเป็นเชิงว่า ‘ไม่’ และชี้ไปด้านหน้า เมื่อแมทมองไปตามทางที่โรดส์ชี้ ใบหน้าของเขาซีดลงอย่างมาก
ในเงาของทะเลสาบ มีร่างของหมาป่าเงินขนาดใหญ่กำลังนอนหลับอยู่