ตอนที่แล้วChapter 1 : วันเกิดอายุ 18
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 3 : Leo

Chapter 2 : อัญเชิญภูติแห่งดวงดาว


Chapter 2 : อัญเชิญภูติแห่งดวงดาว

“สวัสดีพ่อหนุ่ม”

เสียงทักทายทำให้สายตาของผมมองตามไปยังแหล่งที่มาของเสียงบริเวณเคาน์เตอร์ของร้าน ตอนนี้รู้สึกว่าภายในร้านจะมีผมอยู่แค่คนเดียว คนพูดเป็นคุณตาแก่ ๆ ที่ผมคาดเดาอายุว่าคงสัก 70 กว่า ๆ เจ้าตัวกำลังส่งยิ้มให้ผมซึ่งเป็นลูกค้า ผมเลยทักทายเขากลับไป พร้อมกับบอกจุดประสงค์ว่าตัวเองต้องการอะไร

“ผมมาซื้อกุญแจอัญเชิญภูติแห่งดวงดาวครับ”

“เอากี่ดอกล่ะพ่อหนุ่ม” คุณตาคนนั้นถาม

“ดอกเดียวก็พอครับ” ผมตอบกลับไป

“หืม เอ็งนี่แปลกนะ คิดว่าจะสามารถอัญเชิญภูติดวงดาวออกมาโดยใช้กุญแจเพียงดอกเดียวหรือยังไง” คุณตาคนนั้นพูดขึ้นมา ทำสีหน้าฉงน ผมเองก็ไปไม่ถูกเลย นี่ปกติเวลาเขาอัญเชิญภูติแห่งดวงดาวกัน เขาใช้กุญแจกี่ดอกกันเนี่ย ผมก็ลืมถามพ่อว่าให้ซื้อกี่ดอก แค่มาซื้อตามที่เขาบอกเหมือนถูกใช้ให้ไปเลือกสินค้าเข้าร้าน เพราะไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเรื่องนี้เลย แค่ทำไปตามคำสั่งของพ่อ

“อ้าว ปกติเขาซื้อกันไปคนละกี่ดอกละครับ แล้วทำไมซื้อแค่ดอกเดียวไม่ได้”

“เป็นผู้ใช้เวทจริง ๆ ใช่ไหมน่ะเรา ทำไมถึงไม่รู้เรื่องนี้ การทำพิธีอัญเชิญภูติดวงดาวแต่ละครั้งใช้กุญแจแค่ดอกเดียวก็จริง แต่ถ้าพิธีล้มเหลว กุญแจที่ใช้อัญเชิญก็จะไม่สามารถใช้ได้อีก ผู้ใช้เวทส่วนมากเขาก็ซื้อกันไปคนละเกือบสิบดอก ทำพิธีกันหลายครั้งอยู่ อย่างตาเองก็ทำไปเกือบ 50 ครั้งกว่าจะได้เจ้านี่มา”

คุณตาพูดจบก็โชว์กุญแจดอกหนึ่งขึ้นมาโชว์ผม มันเป็นกุญแจสีทองอร่ามเหมือนของพ่อผม แต่ตรงปลายด้ามจับมีสัญลักษณ์ต่างกัน เกิดแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมา ก่อนนกอินทรีย์ตัวหนึ่งจะปรากฏตัวออกมาเกาะอยู่ที่ไหล่ของคุณตา ผมมองมันอย่างทึ่ง ๆ ในความสง่างาม

Aquila [แอคเลอร์] ถึงจะเป็นภูติดวงดาวระดับต่ำ แต่มันก็เป็นเพื่อนรักของตาและอยู่กับตามาเกือบ 40 ปีแล้ว” คุณตาบอกผมพร้อมกับหันไปมองภูติดวงดาวนกอินทรีย์ของตัวเอง

พ่อเคยเล่าให้ผมฟังคร่าว ๆ ว่าภูติดวงดาวจะมีสามระดับ ระดับต่ำคือภูติดวงดาวที่ไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ระดับกลางคือภูติดวงดาวที่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่ต้องแชร์พลังจากผู้ใช้เวท อย่างเช่นฟินิกซ์ ภูติดวงดาวของพ่อผม ส่วนระดับสูง คือภูติดวงดาวจักรราศีทั้ง 12 ซึ่งสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์และใช้พลังของตนเองได้อย่างอิสระ พ่อบอกว่าภูติดวงดาวจักรราศีไม่ได้อัญเชิญมาได้ง่าย ๆ โอกาสเพียงน้อยนิดยิ่งกว่างมเข็มในมหาศาลสมุทร

แล้วนี่ผมควรต้องซื้อไปกี่ดอกล่ะเนี่ย เพื่อให้ได้ภูติดวงดาวระดับต่ำอย่างคุณตาเขา แถมไม่การันตีด้วยว่าจะอัญเชิญออกมาสำเร็จ

“ดอกละเท่าไรครับคุณตา” ผมถามออกไป เพื่อที่จะได้คำนวณว่าควรจะซื้อกี่ดอกดี

“1,000,000 เคอเรน”

ทันทีที่ได้ยินกับคำตอบ ผมก็แทบอยากจะก้าวเท้าออกจากร้านซะเดี๋ยวนั้น นี่รวยอย่างเดียวเปย์เป็นสิบดอกไม่ได้นะ ต้องบ้าด้วย เงินหนึ่งล้านเคอเรนซื้อร้านกาแฟกึ่งคฤหาสน์ของพ่อผมได้อีกครึ่งหลังเลยด้วยซ้ำ ผมไม่น่าตกปากรับคำพ่อของตัวเองเลย เงินก็ไม่ได้ให้ผมมาซื้อกุญแจ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ออกจากรวย ติดอันดับผู้มั่งคั่งในเมืองแท้ ๆ ผมเพิ่งเริ่มทำงานมาสองปี ซื้อกุญแจแค่สองดอกมันคือเงินเก็บทั้งหมดของผมเลยนะนั่น

“เอาแค่ดอกเดียวครับคุณตา”

ในที่สุดผมก็กัดฟันพูดออกไป ผมไม่ได้หวังอะไรกับการอัญเชิญภูติแห่งดวงดาวอยู่แล้ว คิดว่ามันคงเหมือนกับสิ่งที่พ่อเคยให้ทำสมัยเด็ก ๆ ให้นั่งมองแอปเปิลจนกว่ามันจะลอยได้ แต่สุดท้ายก็ใช้เวลาทิ้งขว้างไปเปล่า ๆ ผมไม่ได้มีพลังเวทมนตร์อะไร

“เอาดอกเดียวแน่รึ” คุณตาถามย้ำ

“ครับ ผมเพิ่งเริ่มทำงาน ไม่มีเงินเยอะมากมายอะไรครับ” ผมตอบคุณตากลับไป

คอยดูนะ กลับไปจะไปเบิกคืนสักสามเท่า พ่อนะพ่อ เล่นเอาเงินในบัญชีผมหายไปตั้งครึ่ง ไอ้ผมก็นึกว่ากุญแจอัญเชิญมันจะราคาไม่กี่เคอเรน

“งั้นหรอ ก็จริงของเอ็ง เพิ่ง 18 ซิท่า ยังมีเวลาอีกเยอะ กว่าตาจะอัญเชิญเจ้าแอคเลอร์มาได้ก็เกือบ 5 ปี ล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน ไว้เก็บเงินได้ค่อยมาซื้อใหม่ละกัน ตาเอาใจช่วย”

ผมยิ้มแห้ง ๆ ให้กับคุณตา ในใจก็นึกสงสัยเหมือนกันว่ากุญแจแต่ละดอกมันมูลค่ามหาศาลขนาดนี้ ทำไมถึงเอาออกมาแขวนไว้เต็มร้าน ไม่กลัวโดยขโมยบ้างหรือไง

“ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับคุณตา ทำไมคุณตาเอากุญแจมาแขวนโชว์แบบนี้ ไม่กลัวขโมยเลยหรอครับ”

“เอ็งลองหยิบไปสักดอกแล้วเดินออกไปนอกร้านดูซิ” คุณตาพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ ออกมา เหมือนท้าให้ผมลองทำตามที่แกพูดดู

ผมชั่งใจมองคนตรงหน้าแปบหนึ่งก่อนทำตามด้วยความอยากรู้อยากเห็น มือเอื้อมไปหยิบกุญแจสีทองออกมาหนึ่งดอกจากชั้นที่วางโชว์ข้าง ๆ ก่อนก้าวขาเดินออกจากร้านไป

ทันทีที่ผมก้าวขาออกมาจากร้าน ผมก็รู้สึกรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของกุญแจในมือ มันลื่น ๆ อย่างบอกไม่ถูก แถมเหมือนขยายใหญ่ขึ้นอีกด้วยแน่ะ จนในที่สุดก็ต้องก้มลงไปมองมือตัวเอง

“เฮ้ย !”

ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนโยนสิ่งที่อยู่ในมือออกห่างจากตัว งูสีดำตัวขนาดเท่าแขนกำลังชูคอแผ่แม่เบี้ยใส่ผมอยู่ ดูท่าทางจะมีพิษซะด้วย คุณตาเดินตามผมออกมานอกร้านก่อนใช้ตัวสแกนเลเซอร์ยิงไปยังงูตัวนั้น ไม่ช้ามันก็กลายกลับไปเป็นกุญแจอย่างเก่า

“แบบนี้นี่เอง” ผมร้องออกไปอย่างเข้าใจ

“ร้านนี้ทั้งร้านมีสนามเวทมนตร์ปกคลุมอยู่ จากสมาคมผู้ใช้เวทที่ช่วยกันสร้างขึ้นมาเอาไว้ทุกสาขาทั่วโลก กุญแจดอกไหนที่ยังไม่ผ่านการสแกนว่าได้รับการชำระเงินแล้ว เมื่อเอาออกไปนอกสนามเวทมนตร์ก็ไม่ต่างอะไรจากสิ่งของที่ไร้ค่า อาจจะกลายเป็นก้อนหิน หรือสัตว์พิษอย่างที่เอ็งเจอก็ได้” คุณตาอธิบายเพิ่ม

 

ผมกลับเข้าไปในร้านก่อนหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเพื่อจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ผ่านระบบกับคุณตา ถึงเมืองนี้จะห้ามใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ แต่ในร้านค้าทุกที่ก็ยังสามารถใช้การจ่ายเงินแบบออนไลน์ได้อยู่ดีเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้า ชำระเงินเสร็จผมก็ได้กุญแจสีทองมูลค่า 1,000,000 เคอเรนมาหนึ่งดอก บริเวณตรงด้ามจับกุญแจยังไม่มีสัญลักษณ์อะไรสลักเอาไว้เหมือนของพ่อและคุณตา

ก็ได้แต่หวังว่าหนึ่งล้านเคอเรนที่เสียไป ผมจะได้ภูติดวงดาวระดับต่ำมาคอยดูแลอย่างที่พ่อบอกล่ะนะ

 

“ซื้อมาดอกเดียว ! โธ่ ไอ้วิน ไอ้ขี้งกเอ้ย” เสียงตะโกนดังลั่นออกมาจากปากพ่อผม ทันทีที่ผมบอกไปว่าผมซื้อกุญแจอัญเชิญภูติแห่งดวงดาวมาแค่ดอกเดียว

“ก็มันแพงนี่พ่อ จะซื้อมาทำไมหลายดอก ใช่ว่าจะอัญเชิญมาได้ด้วย เงินในบัญชีผมก็มีอยู่สองล้านเคอเรน ถ้าพ่อโอนเงินให้ผมไปซื้อก็ว่าไปอย่าง”

“ที่มันแพงก็เพราะวัสดุที่ใช้ทำกุญแจอัญเชิญมันหายากและมันผลิตมาจากสมาคมผู้ใช้เวทโลก ฉันรวย ฉันจ่ายให้แกได้น่า อีกอย่างก็เห็นทำงานวิจัยงก ๆ ก็นึกว่ามีเงินเก็บเป็น 10 ล้านเคอเรนแล้ว เลยไม่ได้ให้เงินไป” พ่อผมพูดบ่น

“โห พ่อ ถ้าผมรวยขนาดนั้น ผมย้ายไปอยู่ฝั่งตรงข้ามเปิดร้านแข่งกับพ่อไปแล้ว” ผมพูดออกไปขำ ๆ กวนอารมณ์เขาเล่น

“ไอ้วิน ไอ้เด็กนี่ ! เถียงไม่มีหยุด ตอนเด็ก ๆ ก็น่ารักดี ทำไมโตมาเป็นแบบนี้วะ”

“เค ๆ ผมยอมละ แล้วต้องทำไงบ้างเนี่ย” ผมถามพ่อออกไป ตอนนี้เจ้าตัวกำลังปิดการใช้งานหุ่นยนต์ AI ที่เป็นพนักงานเสิร์ฟของร้านอยู่สามสี่ตัว

“ลงไปรอชั้นใต้ดิน ฉันให้ฟินิกซ์เตรียมของทำพิธีอัญเชิญไว้หมดแล้ว เดี๋ยวอีกแปบตามลงไป” พ่อผมพูด

 

บ้านของผมมีชั้นใต้ดินอีกหนึ่งชั้นอย่างที่เคยบอก ผมไม่ได้ลงไปบ่อยหรอก ส่วนใหญ่มันเป็นเหมือนห้องทำงานของพ่อมากกว่า ที่เอาไว้ใช้ทำนู่นนี่นั่นส่วนตัวของเขา เมื่อเดินลงมาชั้นล่าง ผมก็เห็นเทียนเป็นสิบแท่งถูกจุดจนเปลวไฟสว่างไสวออกมาพร้อมกัน ฟินิกซ์กำลังอยู่ตรงกลางห้องขีดเขียนอะไรบางอย่างอยู่ที่พื้น มุมหนึ่งเป็นชั้นหนังสือที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ของพ่อ และมีโต๊ะทำงานของพ่ออยู่

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ฟินิกซ์ ผมก็เห็นวงกลมที่ถูกวาดด้วยชอล์กลงบนพื้นด้านล่างของห้องใต้ดินที่เป็นหิน พร้อมกับรอบ ๆ วงกลมมีสัญลักษณ์ของแต่ละจักรราศีทั้ง 12 อยู่ล้อมรอบวงกลมนั้น ฟินิกซ์หันมามองผมแปบหนึ่ง ก่อนก้มลงวาดต่อให้สมบูรณ์ เมื่อพบว่ามีคนเข้ามาในห้องเพิ่มอีกหนึ่งคน

ผมนั่งรอจนฟินิกซ์วาดเสร็จ หลังจากนั้นก็ชวนคุยเรื่องนู่นนี่นั่น วันนี้ที่ร้านขายดีไหม คนเยอะไหมไปเรื่อย จนในที่สุดพ่อของผมก็เดินลงมาที่ชั้นล่าง เจ้าตัวเดินไปที่ชั้นหนังสือของตัวเองก่อนหยิบหนังสือออกมาหนึ่งเล่ม เปิดไปยังหน้าที่ต้องการอย่างรวดเร็วแล้วยื่นส่งให้ผม

“ขั้นตอนการทำพิธีอัญเชิญไม่ยากเลย แกทำสมาธิให้ดี ๆ เอากุญแจไปวางไว้กลางวงกลมที่ฟินิกซ์วาดไว้ แล้วพูดตามที่เขียนไว้ที่หนังสือเล่มนี้”

“ง่ายอย่างงั้นเลยหรอพ่อ” ผมถามออกไป

“อ่อ เกือบลืม ต้องใช้เลือดของตัวเองหยดไปที่ด้ามจับกุญแจด้วย มันจะถือเป็นการทำพันธสัญญากับภูติดวงดาว” พ่อผมพูดต่อ เจ้าตัวแบมือ ก่อนไม่ช้าจะมีมีดด้ามหนึ่งลอยมาอยู่ในมือขวาของเขาจากชั้นบนของบ้าน

ผมยื่นมือไปให้พ่อ ก่อนปลายคมของมีดจะกรีดลงมาที่กลางอุ้งมือ ผมกำมือแน่นหลังจากพ่อกรีดเสร็จ ก่อนยกขึ้นเหนือมืออีกข้าง เลือดสีแดงไหลลงมาที่ด้ามจับของกุญแจที่อยู่ในมือผมอีกข้างทันที ผมทำตามที่พ่อบอก เอากุญแจไปวางไว้ตรงกลางวงกลมที่ฟินิกซ์ได้วาดเอาไว้ให้ ก่อนหันไปมองหน้าพ่อเป็นเชิงว่าจะเริ่มแล้วนะ พ่อผมพยักหน้า มีฟินิกซ์ยืนมองอยู่ข้าง ๆ พ่อผม

ผมหลับตาทำสมาธิให้ตัวเองไม่คิดอะไรฟุ้งซ่านประมาณหนึ่งนาทีก่อนลืมตาขึ้นมา ก้มลงมองข้อความที่อยู่บนหน้าหนังสือ มันเป็นภาษาโบราณที่อ่านไม่ออก แต่พ่อของผมได้เขียนคำอ่าน และคำแปลไว้ให้ผมด้านล่างประกอบ ว่าแล้วผมก็เริ่มพูดออกมาเพื่อเริ่มพิธีอัญเชิญ

“กลุ่มดาวที่อยู่บนท้องฟ้า โปรดรับฟังคำอธิษฐานของข้า ข้า ผู้เป็นบุตรแห่งผู้ใช้เวทและสายเลือดของผู้ใช้เวท ข้าขอใช้กุญแจนี้ในการไขประตูแห่งความปรารถนา ข้าขออัญเชิญภูติแห่งดวงดวงมาเป็นพลังให้กับข้า”

วูบ !

เสียงลมพัดไปมาภายในห้องก่อนจะเงียบไป ผมมองซ้ายมองขวาไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง ผมมั่นใจว่าพูดตามที่พ่อเขียนคำอ่านไว้ในหนังสือทุกคำไม่มีผิดพลาด แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมยักไหล่ขึ้นมาแบบเข้าใจ หันไปหาพ่อตัวเอง

“ผมบอกแล้วไง ว่ามันไม่ได้ผล” ผมพูด

“ลองอีกที กุญแจยังไม่บิ่นหรือผิดรูปใช่ไหม” พ่อผมถาม ผมยื่นหน้ามองไปยังกุญแจที่ยังคงอยู่ในสภาพเดิมทุกประการก่อนพยักหน้าให้พ่อ พ่อผมเลยบอกให้ลองทำอีกครั้ง ซึ่งผมถอนหายใจมาอย่างเหนื่อยอ่อน นี่ก็คงไม่ต่างอะไรกับการทำให้แอปเปิลมันลอยได้สมัยตอนผมยังเด็ก

“กลุ่มดา...”

อยู่ดี ๆ ก็เกิดแสงสว่างวาบมาจากกุญแจที่วางอยู่กลางวงกลม พร้อมกับสายลมที่พวยพุ่งออกมาจากรอบสัญลักษณ์จักรราศีที่ถูกวาดไว้บนพื้น ผมถึงกับหยุดพูด เอามือขึ้นมาบังแสงที่มันสว่างเกินไป และสายลมแรงที่พัดเข้าตา พ่อกับฟินิกซ์ก็ดูท่าจะทำแบบเดียวกัน นี่อย่าบอกนะ ว่าผมอัญเชิญภูติดวงดาวออกมาได้จริง ๆ

ตลกน่า ...

แสงสว่างค่อย ๆ จางลงเรื่อย ๆ พร้อมกับสายลมแรงได้หายไป เหลือเพียงแต่ออร่าสีฟ้าอ่อนที่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง กับความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ผมกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับความเข้มแสงให้กับสายตาของตนเอง มองภูติดวงดาวที่ได้อัญเชิญมาอย่างตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใกล้คำว่าใช้เวทมนตร์ได้มากที่สุดตั้งแต่เกิดมา

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าผมคือสิงโตตัวสีขาวเผือก ดวงตาสีฟ้าเข้มเป็นประกายกำลังจ้องกลับมาที่ผม ภูติแห่งดวงดาวสี่เท้าค่อย ๆ ย่างเท้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ ผมเกร็งจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน สิงโตเผือกตาสีฟ้าตัวนั้นจ้องหน้าผมนิ่งก่อนจะอ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมแล้วคำรามออกมา

โฮก !

นี่มันจะงับหัวผม !

หลังจากผมยืนนิ่งอึ้งไปสามวินาที ไอ้สิงโตตัวนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวถอยหลังออกไป เกิดออร่าสีฟ้าปกคลุมไปรอบตัวของสิงโต ก่อนรูปร่างของสิงโตจะค่อย ๆ เปลี่ยนไป ขาทั้งสี่เริ่มเปลี่ยนแปลงกลายเป็นเท้าและมือ สัดส่วนเริ่มคล้ายมนุษย์มากขึ้นจนกระทั่งในที่สุด มนุษย์เพศชายหน้าตาหล่อเหลา ที่ดูแล้วอายุแก่กว่าผมไม่กี่ปีก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าในสภาพเปลือยเปล่าทั้งตัว ใบหน้าและดวงตาสีฟ้านั่นจ้องผมก่อนเอียงคอมองแบบพิจารณา

 

“เห ผู้อัญเชิญ ... เป็นผู้ชายจริง ๆ ด้วย โธ่ นึกว่าจะได้ผู้อัญเชิญเป็นผู้หญิงแจ่ม ๆ ซะอีก” ภูติแห่งดวงดาวของผมพูดขึ้นมาแบบเซ็ง ๆ เหมือนกับผิดหวังเสียเต็มประดา เจ้าตัวยื่นกุญแจดอกสีทองที่เคยอยู่ตรงกลางวงกลมที่พื้นส่งให้ผม ผมยื่นมือไปรับมาอย่างงง ๆ

บัดนี้ ตรงด้ามของกุญแจมีสัญลักษณ์เหมือนถูกสลักเอาไว้ มันเป็นสัญลักษณ์ของจักรราศีสิงห์ ผมหันไปมองพ่อกับฟินิกซ์ที่ทำหน้าตาไม่สู้ดี ดูไม่ดีใจสักนิดที่ผมอัญเชิญภูติแห่งดวงดาวออกมาได้

ก็ไหนว่าอยากให้ผมมีภูติแห่งดวงดาวนักหนาไง

“นะ ... นี่ มัน Leo [ลีโอ]

ผมได้ยินเสียงของพ่อพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกักเบา ๆ

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด