ตอนที่แล้วตอนที่ 233 ผู้หนุนหลังของเฟิงหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 235 กำไรเล็กน้อย

ตอนที่ 234 ไต่สวน


“เยว่ฮงฉาง?” อ้าวหยางหมิงแสดงสีหน้าว่างเปล่า มันส่ายหัวและพูด “ไม่เคยได้ยิน” เมื่อเห็นสีหน้าอันไม่เป็นมิตรของหลิงฮัน มันรีบโบกมือและพูด “ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนั้นจริงๆ!”

“งั้นเจ้าไม่ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว” ออร่าอันโหดเหี้ยมของหลิงฮันถูกปลดปล่อยออกมา

อ้าวหยางหมิงกลายเป็นมืดมน นิกายจันทราเหมันต์มีคนมากกว่าหนึ่งหมื่นคน มันจะจำชื่อของทุกๆคนได้อย่างไร? แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮัน มันไม่กล้าพูดความคิดนั้นออกไป

หลิงฮันเปลี่ยนใจและพูด “งั้นเยว่เจิงซ่านล่ะ?”

“อาวุโสเยว่?” อ้าวหยางหมิงชะงักอีกครั้ง สถานะของเยว่เจิงซ่านในนิกายจันทราเหมันต์นั้นเรียกได้ว่าเป็นรองเพียงแค่อ้าวเฟิง เพราะตระกูลเยว่เองก็มีผู้อาวุโสระดับสูงที่มีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับตัวอ่อนวิญญาณซึ่งไม่เป็นรองผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลอ้าว

เป็นไปได้อย่างไรที่ตัวตนอันต่ำต้อยจากแคว้นพิรุณอย่างหลิงฮันจะรู้จักตระกูลเยว่ แถวยังรู้ด้วยว่ามันเป็นบุตรของอ้าวเฟิง? ดูเหมือนว่าเขาจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับนิกายจันทราเหมันต์ไม่น้อย

เมื่อเห็นหลิงฮันมองมา อ้าวหยางหมิงรีบพูดทันที “ผู้อาวุโสเยว่ก็เหมือนกับท่านพ่อของข้า เขาเป็นจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสเยว่ไม่สามารถเทียบท่านพ่อข้าได้ เพราะเขาเพิ่งบรรลุระดับนี้เมื่อสองปีก่อน”

มันพอใจไม่น้อยที่ได้พูดโอ้อวด

หลิงฮันแสยะยิ้ม “เจ้าเป็นบุตรของอ้าวเฟิงจริงๆรึ? ทำไมเจ้าถึงได้เป็นขยะเช่นนี้?”

อ้าวหยางหมิงทั้งอับอายและโมโห

ตระกูลอ้าวมีอำนาจในนิกายจันทราเหมันต์อย่างมาก พวกเขาควบคุทรัพยากรบ่มเพาะพลังจำนวนมหาศาล แต่ปัญหาก็คือตระกูลอ้าวนั้นไม่ได้มีแค่อ้าวเฟิงคนเดียว พวกเขายังมีสมาชิกตระกูลอีกจำนวนมาก

แถมอ้าวเฟิงยังมีบุตรนอกกฎหมายนับไม่ถ้วน จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกมันทุกคนจะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะพลังเพียงพอ? บุตรนอกกฎหมายของอ้าวเฟิงบางคนถึงขนาดหนีไปอยู่กับนิกายอื่น เพราะด้วยสถานะของพวกมัน พวกมันจะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะพลังมากกว่าเมื่อไปอยู่ที่นั่น

...ยกตัวเช่นเช่น หากอ้าวหยางหมิงมายังสำนักหู่หยางและแสดงสถานะศิษย์ของนิกายจันทราเหมันต์ออกมา พวกเขาจะปฏิเสธไม่รับมันเข้ามาไหมล่ะ? พวกเขาจะต้องรับมันเข้ามาในสำนักแน่นอน แถมยังต้องปฏิบัติกับมันอย่างดีอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม บุตรนอกกฎหมายของอ้าวเฟิงส่วนใหญ่ต้องการหน้าตา หากไปอยู่กับขุมอำนาจอื่นจะถือว่าเป็นการทำให้สถานะของพวกมันลดลง อ้าวหยางหมิงก็เป็นหนึ่งในนั้น

มันยอมคงสถานะศิษย์สายตรงของนิกายจันทราเหมันต์เอาไว้ พลังบ่มเพาะของมันจึงอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นห้าเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าฉีฮวงเย่และคนอื่นๆเสียอีก

“หลิงฮัน ข้าบอกเรื่องที่เจ้าอยากรู้ไปหมดแล้ว เจ้าจะปล่อยข้าไปได้หรือยัง?” อ้าวหยางหมิงพูด

หลิงฮันยิ้มจางๆและพูด “ข้าช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้และเจ้าก็ชดใช้ด้วยบันทึกโบราณ ซึ่งก็หมายถึงพวกเราไม่ติดค้างอะไรกัน แต่เจ้าไม่ควรมีความคิดชั่วร้ายต่อข้า เจ้าได้พลักตัวเองลงไปสู่ขุมนรกแล้ว!”

“ว่าไงนะ เจ้าจะสังหารข้ารึ?” อ้าวหยางหมิงถามด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ได้! นิกายจันทราเหมันต์จะต้องบดขยี้เจ้าเป็นเศษซาก!”

หลิงฮันหัวเราะ “ผิดแล้ว ถึงแม้นิกายจันทราเหมันต์จะไม่มาหาข้า ข้าก็จะเดินไปเคาะประตูเรียกพวกมันเพื่อสะสางเรื่องบางอย่างอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับบิดาของเจ้า! เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียรึไม่?”

อ้าวหยางหมิงอ้าปากค้าง หมอนี่บ้าไปแล้วรึไง... เขาเป็นเพียงจอมยุทธตัวเล็กๆของแคว้นพิรุณ แต่เขากลับพูดว่าจะไปเคาะประตูนิกายจันทราเหมันต์เพื่อสะสางเรื่องบางอย่าง เขาไม่รู้รึไงว่านิกายจันทราเหมันต์มีจอมยุทธที่แข็งแกร่งอยู่จำนวนมาก พวกเขามีจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณอยู่หลายร้อยคน จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานสิบกว่าคน และจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณเกือบสิบคน

ขุมอำนาจขนาดนั้น ในทวีปเหนือนับว่าเป็นขุมอำนาจระดับต้นๆ แต่จอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นหนึ่งอย่างเจ้าดันไม่ให้เกียรติพวกเขาเลย...

‘ไม่สิ เดี๋ยวก่อน... พลังของหมอนี่...!?’

อ้าวหยางหมิงดวงตาเปิดกว้างและพูด “เป็นไปได้อย่างไร เจ้าอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุขั้นหนึ่งแล้ว?” ในนิกายจันทราเหมันต์ มันพบปะกับจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุมานับไม่ถ้วน ดังนั้นถึงแม้มันจะไม่สามารถสัมผัสออร่าของจอมยุทธที่มีพลังสูงกว่าได้ แต่มันก็พอจะคุ้นเคยกับกลิ่นอายของจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุอยู่บ้าง

เมื่อไม่กี่วันก่อน หลิงฮันยังมีพลังเพียงระดับรวมธาตุขั้นหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นหนึ่งแล้ว... มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

พลังบ่มเพาะของคนอื่นพัฒนาจากขั้นหนึ่งถึงขั้นเก้า จากนั้นก็ทะลวงผ่านระดับใหม่ หรือว่าร่างกายของหมอนี่จะพิเศษและจำเป็นต้องบ่มเพาะพลังเพียงขั้นเดียว?

หลิงฮันถอนหายใจ “คำพูดสั่งเสียของเจ้าช่างแปลกประหลาดเสียจริง เอาเถอะจะยังไงก็ช่าง ตอนนี้เจ้าไปตายได้แล้ว!”

“ไม่ อย่าสังหารข้า! อย่าสังหารข้า!” อ้าวหยางหมิงรีบโบกมือห้าม “ข้ายังมีประโยชน์ต่อเจ้าอยู่!”

“ข้าจะต้องการอะไรจากขยะจากเจ้า?” หลิงฮันปล่อยฝ่ามือออกไปทันที ‘ตูม’ เปลวเพลิงจากฝ่ามือของหลิงฮันเผาร่างของอ้าวหยางหมิงจนเป็นเถ้าถ่าน

ภายในหอคอยทมิฬ เขามีอำนาจเหนือยิ่งกว่าจอมยุทธระดับสวรรค์

หลิงฮันมองไปข้างนอกหอคอยทมิฬ ตอนนี้ลุงฝูและพรรคพวกของมันไม่อยู่แล้ว บางทีมันมันอาจจะคิดว่าเขาหนีไปที่ไหนสักแห่งและกำลังตามหาตัวเขาอยู่จนแทบจะพลิกแผ่นดิน เขาเรียกฮูหนิวกับหลิวอู๋ตงมาและพูด “ออกไปข้างนอกกันเถอะ”

เพียงแค่คิด เขาก็พาหญิงสาวออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว

ฮูหนิวเล่นเข้าออกหอคอยทมิฬแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ด้วยอายุของนาง นางเพียงคิดว่ามันเป็นเรื่องสนุก แต่หลิวอู๋ตงนั้นตกตะลึงจนหน้าซีดเผือด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเหนือความเข้าใจของนางอย่างสิ้นเชิง

พวกเขาปรากฏตัวออกมาตรงบริเวณที่เคยมีเต็นท์ที่พัก แต่ตอนนี้เต็นท์ที่พักได้หายไปแล้วเหลือเพียงแค่หลุมอยู่บนพื้น บางทีลุงฝูอาจจะคิดว่าพวกเขาใช้อุโมงค์ใต้ดินหนีไปเลยพยายามขุดหา

เขาจะสามารถขุดอุโมงค์ใต้ดินด้วยระยะเวลาสั้นๆได้รึ? แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้

ไม่นึกเลยว่าจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณอย่าลุงฝูจะคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ มันคงจะตื่นตระหนกจนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริงๆ

“หลิงฮัน พวกเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? แล้วสถานที่เมื่อสักครู่คือที่ใด?” หลิวอู๋ตงพูด นางยังคงตกตะลึงไม่หาย

หลิงฮันหัวเราะ “ข้าได้รับสมบัติบางอย่างมา เมื่อสักครู่พวกเราอยู่ภายในของมัน”

หลิวอู๋ตงตกตะลึงมากขึ้นไปอีก สถานที่ที่อยู่เมื่อสักครู่มีขนาดกว้างขวางมาก มันจะถูกหลิงฮันพกไปมาได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้น พวกนางก็ปรากฏตัวออกมาที่เดิม นั่นก็หมายถึงพวกนางอยู่ที่นี่มาโดยตลอด แล้วทำไมลุงฝูกับพรรคพวกคนอื่นๆไม่พบเห็นพวกนาง?

หลิงฮันไม่ได้อธิบายต่อ เพราะการมีอยู่ของหอคอยทมิฬเป็นความลับระดับสุดยอด ใครที่ไม่ได้รับความเชื่อใจจากเขาจะไม่มีทางได้เข้าไปในหอคอยทมิฬเด็ดขาด... เว้นแต่ว่าคนพวกนั้นจะไม่ได้ออกมา

“ไปส่วนลึกของเขตแดนลี้ลับกันเถอะ” หลิงฮันพูดด้วยจิตใจฮึกเหิม

การมีหอคอยทมิฬก็เท่ากับการรับประกันความปลอดภัยของพวกเขา หลิงฮันมั่นใจว่าหากเข้าไปในส่วนลึกจะต้องค้นพบความลับของเขตแดนลี้ลับแน่นอน

หลิวอู๋ตงกับฮูหนิวไม่ปฏิเสธ ดังนั้นทั้งสามคนจึงเดินเข้าไปในป่าทึบและเข้าไปในส่วนที่ลึกกว่านี้

หนึ่งวันต่อมา พวกเขาเดินออกมาจากป่าทึบ ข้างหน้าพวกเขาคือภูเขาขนาดเล็กเต็มไปหมด

“จากจุดนี้ไป พวกเราจะเข้าไปยังอาณาเขตที่อันตรายของเขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับ สัตว์อสูรที่พบเจอนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรเช่นกัน” หลิวอู๋ตงพูด “มีคนเคยกินผลลึกลับจากที่นี่และพลังบ่มเพาะได้เพิ่มขึ้นจากระดับรวมธาตุเป็นระดับห้วงจิตวิญญาณในทันที”

นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก แต่เขตแดนลี้ลับนั้นเกี่ยวข้องกับจอมยุทธระดับทลายมิติ หากจะมีผลไม้เช่นนั้นอยู่ก็คงจะไม่แปลกอะไร

“อย่างไรก็ตาม ที่นั่นมีลำธารขนาดใหญ่ที่ตระกูลของข้ากำชับเอาไว้กับทุกคนว่าห้ามข้ามไปเด็ดขาด” หลิวอู๋ตงเงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะพูดต่อ “ไม่มีใครเคยรอดชีวิตกลับมาจากอีกฝั่งของลำธารนั่น”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด