ตอนที่แล้วตอนที่ 180 เนตรแห่งสัจธรรม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 182 มุมกลับ

ตอนที่ 181 สัญญา


หลิงฮันไม่แน่ใจว่าองค์ชายหนึ่งจะค้นหาความลับของเฟิงหยางได้ โดยการคาดการณ์ของเขาแล้วมันมีโอกาสต่ำมาก

นั่นเป็นเพราะองค์ชายสามได้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่เนื่องจากการปรากฏตัวและการแทรงแซงของเหลียนกวงซู ทำให้องครักษ์จักรพรรดิขององค์ชายสามถูกขับไล่ออกไปจากสำนักหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น องค์ชายสามจึงเริ่มสืบสวนเรื่องของเฟิงหยางด้วยตัวเขาเอง

ถ้าองค์ชายสามค้นพบอะไรเข้า เขาจะแจ้งให้หลิงฮันทราบทันทีอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่มีข่าวคราวจากองค์ชายสามเลย ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ค้นพบอะไรเลย

เมื่อหลิงฮันมาถึงตำหนักโอสถสสวรรค์ หลิงฮันจึงไปเยี่ยมหลี่เฮ่าและจูเซว่อวี่ก่อนเป็นอันดับแรก ในตอนนี้หลี่เฮ่าไม่สามารถกลับไปที่สำนักได้ แต่สำหรับหลี่เฮ่าแล้วนี่อาจเป็นความโชคดีที่แฝงมาอยู่ในความโชคร้าย

ตำหนักโอสถสวรรค์เป็นสถานที่แบบไหนกัน?

สถานที่ขายโอสถ!

มันอาจไม่มีอะไรมากที่นี่ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเม็ดยาแล้วที่แห่งนี้มีเม็ดยามากถึง 1 ใน 3 จากทั่วแคว้นพิรุณที่สามารถพบได้ที่นี่  และถ้าพูดถึงเรื่องเม็ดยาระดับสูง สถานที่แห่งนี้เป็นที่แจกจ่ายเม็ดยาระดับสูงไปยังส่วนต่างๆของแคว้นพิรุณ

ในตอนนี้หลิงฮันนับหลี่เฮ่าเป็นเพื่อนแท้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะขอให้หยวนชู่จัดหาเม็ดยาให้กับหลี่เฮ่า ขณะที่ตัวเขาเองคอยแนะนำการบ่มเพาะพลังให้กับหลี่เฮ่าสักเล็กน้อย

ลองคิดดูสิ หลี่เห่ามีทั้งทรัพยาเม็ดยาที่ไม่จำกัด รวมถึงมีจอมยุทธระดับสวรรค์เช่นเขาคอยชี้แนะการบ่มเพาะให้ ถ้าพลังของหลีเห่ายังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล งั้นมันก็ควรหาเศษเต้าหู้มาทุบตัวให้ตายซะ

หลี่เฮ่าและจูเซว่อวี่เข้าใจแนวคิดนี้ดี ดังนั้นพวกเขาจึงอดที่จะขอบคุณหลิงฮันไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาทั้งคู่จึงได้ตัดสินใจว่าในอนาคตพวกเขาจะต้องทำอะไรบางอย่างให้กับหลิงฮันอย่างแน่นอนเพื่อเป็นการตอบแทนเขา

หลังจากที่ออกจากตำหนักโอสถสวรรค์แล้ว หลิงฮันยังไม่ได้กลับไปที่สำนัก ในขณะที่เขาได้หยุดเดินกลางทางและถูกใครบางคนเรียก

"น้องหลิง!"องค์ชายสามยังคงมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม แม้จะมีเศษเสี้ยวของความกังวลอยู่บนใบหน้าของเขาก็ตาม "ข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่ของข้าไปพบเจ้าในวันนี้?"

"หากองค์ชายรู้อยู่แล้ว ทำไมท่านถึงถามเช่นนั้นออกมาทั้งๆที่ท่านรู้คำตอบอยู่แล้ว?" หลิงฮันพูดตรงๆออกมา เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องการแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างพวกเขา และไม่อยากพาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัญหาพวกนั้น

"ฮ่าฮ่าฮ่า!" องค์ชายสามหัวเราะออกมา "ข้าเชื่อว่าน้องหลิงจะไม่มีทางถูกหลอกล่อโดยคำพูดของพี่ใหญ่ของข้าได้ง่ายอยู่แล้ว"

หลิงฮันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้และกล่าวว่า "อาจไม่เป็นเช่นนั้น" เขาจำข้อเสนอที่องค์ชายหนึ่งพูดออกมาได้ และสีหน้าขององค์ชายสามได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลิงฮัน เขาแอบคิดว่าองค์ชายหนึ่งเป็นคนที่ใจกล้า ถึงขั้นกล้าที่จะสัญญาให้สถานะกับหลิงฮันในฐานะราชาและจะช่วยเหลือเขาทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน

ต้องเข้าใจก่อนว่าถึงแม้ว่าจักรพรรดิพิรุณในปัจจุบันต้องการมอบชื่อราชาให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่ตระกูลฉี เขายังถูกคัดค้านจากสมาชิกของจักรวรรดิ มันเป็นการเดิมพันสูงมากที่เอาเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง และมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมอบชื่อให้กับใครบางคนได้

...ถ้าผู้ใดได้รับสถานะราชา คนผู้นั้นจะได้รับดินแดนบางส่วนเพื่อสร้างอาณาจักรของตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม แคว้นพิรุณได้ก่อตั้งขึ้นมาไม่กี่พันปีและดินแดนทั้งหมดอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิแล้วถูกแบ่งให้กับหมู่ชนชั้นสูงดูแล ดังนั้นหลิงฮันจะไปเอาดินแดนมาจากไหน? เว้นเสียแต่ว่าหลิงฮันจะยกทัพไปทำสงครามเพื่อไปแย่งชิงดินแดนนั้นมา?

และการใช้พลังแห่งจักรภพเพื่อช่วยให้หลิงฮันทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้นั้นเป็นเรื่องที่ไร้สาระกว่าเดิม ถ้ามันง่ายขนาดนั้น ทำไมแคว้นพิรุณถึงมีคนเพียงคนเดียวที่อยู๋ระดับบุปผาผลิบาน?

"ข้ารู้ว่าน้องหลิงเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สูงและไม่คิดที่จะทรยศต่อข้า!" องค์ชายสามหัวเราะออกมาเสียงดังดูเหมือนว่าเขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก แต่หลิงฮันสามารถรู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในเสียงหัวเราะของเขา

ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ ใครมันจะไม่แสดงความเยือกเย็นและโหดร้าย? แม้จะเป็นพี่น้องเลือดเนื้อเดียวกันก็ยังแทงกันเองได้

หลิงฮันหัวเราะออกมาและพูดว่า "อาจไม่เป็นเช่นนั้น ถ้ามันมีประโยชน์กับข้ามากพอ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถพูดคุยกันได้"

"อึก!"

องค์ชายสามแทบจะสำลัก ราวกับว่ามีคนชกหน้าเขา และสีหน้าของเขาเริ่มคลุมเครือใบหน้าของเขากระตุกและฝืนยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า "น้องหลิงช่างเป็นคนที่พูดเรื่องล้อเล่นเก่งเสียจริง"

หลิงฮันส่ายหัวและกล่าวว่า "ข้าไม่ได้พูดล้อเล่น ตัวอย่างเช่น ถ้ามันทำให้ข้าสามารถบ่มเพาะพลังเนตรแห่งสัจธรรมได้ เช่นนั้นข้าก็จะยินดีที่จะเป็นสหายที่ดีต่อท่าน"

"เนตรแห่งสัจธรรม!" สีหน้าขององค์ชายสามเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าพี่ใหญ่ของเขาเปิดเผยเรื่องการดำรงอยู่ของสมบัติล้ำค่านี้กับหลิงฮัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับตำแหน่งราชาแล้ว หรือใช้พลังแห่งจักรภพเพื่อช่วยให้หลิงฮันทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน พลังลี้ลับนี่มันคู่ควรแก่การต่อรองมากกว่า ถ้ามันไม่ได้เป็นความจริงที่ว่ามันถูกเก็บไว้อยู่ในคลังสมบัติชั้นในของจักรวรรดิพิรุณเขาคงไม่คิดที่จะเอามันออกมาและมอบมันให้กับหลิงฮัน นั่นเป็นเพราะมันเป็นเพียงแค่พลังลี้ลับเท่านั้น และหลังจากที่ผ่านไปหลายปี มันไม่มีใครสามารถสืบทอดเนตรแห่งสัจธรรมได้ ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าหลิงฮันเองก็จะไม่มีข้อยกเว้น

การแลกเปลี่ยนสมบัติที่ไร้ค่ากับแรงสนับสนุนจากหลิงฮัน ทำไมอัจฉริยะอย่างองค์ชายสามถึงคิดเช่นนั้นไม่ออก? แต่ปัญหาคือเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในคลังสมบัติชั้นในของจักรวรรดิพิรุณ

ใจเย็นเข้าไว้!

จากนั้นองค์ชายสามได้กล่าวออกมาว่า "หลังจากนี้อีกสองเดือน มันจะเป็นวันเกิดครบรอบหกสิบปีของบิดาข้าและทั้งจักรวรรดิจะเฉลิมฉลองให้กับเขา ในวันนั้น บิดาของข้าจะเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงครั้งใหญ่ และจะมีการนำสมบัติของจักรวรรดิบางส่วนออกมาให้ทุกคนได้ชื่นชม ดังนั้นมันจึงมีโอกาสที่จะเข้าไปในคลังสมบัติของจักรวรรดิ แต่ทว่า คลังสมบัติชั้นในจักรวรรดิพิรุณมันมีการป้องกันที่หนาแน่นมาก เว้นแต่ว่าจะมีกุญแจที่สามารถไขได้ทุกอย่าง! เฮ้อ!"

อย่างไรก็ตาม ดวงตาของหลิงฮันดูเปล่งประกายขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขามีทองคำก่อเกิดผลาญโลหิตที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามความคิดของเขา มันสามารถปลดล็อคได้ทุกอย่างบนโลกนี้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นสำหรับเขา หลิงฮันจึงกล่าวออกไปว่า "หากเป็นแบบนั้น ข้าเองอยากเข้าไปดูคลังสมบัติแล้วสิ"

องค์ชายสามเป็นคนที่ฉลาด ดังนั้นเขาจึงจ้องมองไปที่หลิงฮันด้วยความประหลาดใจทันทีและกล่าวว่า "น้องหลิงเจ้าสามารถปลดล็อคประตูได้?"

"ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเรียนรู้เทคนิคสะเดาะกุญแจมาเล็กน้อยน่ะ" หลิงฮันไม่ได้เปิดเผยการมีอยู่ของทองคำก่อเกิดผลาญโลหิต ดังนั้นเขาจึงพูดแบบนั้นเพื่อกลบเกลื่อน

องค์ชายสามขบคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาได้กล่าวออกมาว่า "เอาล่ะ เมื่อข้าเป็นฝ่ายชนะ ข้าจะพาน้องหลิงเข้าไปในคลังสมบัติชั้นในของจักรวรรดิพิรุณ แต่ว่าข้าควรพูดเรื่องนี้กับน้องหลิงก่อนเป็นอันดับแรก มันมีสมบัติที่ล้ำค่าอยู่มากมายภายในคลังสมบัติของจักรวรรดิพิรุณ และพวกมันมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นเจ้าห้ามเอาพวกมันไปแม้แต่ชิ้นเดียว มิฉะนั้นมันจะไม่ใช่เพียงแค่เจ้า แม้กระทั่งข้าเองอาจจะต้องได้รับบทลงโทษกับผลที่จะตามมา"

"ไม่ต้องห่วง ข้าไม่สนใจสมบัติชิ้นอื่น" หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

องค์ชายสามหดม่านตาลง มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่เชื่อคำพูดของหลิงฮัน แต่เพื่อประโยชน์ที่จะได้รับการสนับสนุนจากหลิงฮัน เขาจึงไม่อาจห้ามหลิงฮันได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะยืนอยู่เคียงข้างหลิงฮันเพื่อไม่ให้หลิงฮันทำตามใจชอบ

แม้มันจะมีความเสี่ยง แต่มันเป็นความเสี่ยงที่เขาสามารถควบคุมได้

"เอาล่ะ เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อนและจะรอคอยข่าวดีจากท่าน" หลิงฮันกล่าวขณะยิ้ม

"เชิญ น้องหลิง" องค์ชายสามพยักหน้า

ก่อนที่จะจากองค์ชายสาม หลิงฮันได้กวาดสายตามองไปที่ซุนจือหยาง ดูเหมือนว่านางจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและดูเยือกเย็นขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา

เมื่อหลิงฮันกลับมาที่ลานของตัวเองในสำนัก เขาสังเกตเห็นว่าหลิวอู๋ตงกับหลีซื่อฉางอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา และพวกนางทั้งสองคนแสดงให้เห็นถึงความกังวล

"หลังจากที่อาจารย์ของข้าจงใจไปเยี่ยมเยียนอาจารย์เหลียน แต่อาจารย์เหลียนกล่าวว่าเขาติดปัญหาของตัวเองอยู่ ดังนั้น เขาจะให้การสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าเฟิงหยางจะตัดสินใจทำอะไร" หลีซื่อฉางกล่าว

หลิ่วอู๋ตงกล่าวว่า "ข้าได้ใช้อำนาจตระกูลของข้าเพื่อตราจสอบเรื่องของเฟิงหยาง แต่ข้าไม่พบอะไรเลย มันเหมือนกับว่าเฟิงหยางกลายเป็นคนที่มีพลังอำนาจในชั่วข้ามคืน"

สีหน้าของหลิงฮันเผยให้เห็นว่าเขากำลังเหม่อลอย เหลียนกวงซูได้บอกว่าเขาจะให้การสนับสนุนอย่างไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าเฟิงหยางจะตัดสินใจทำอะไร...นั่นเป็นคำสัญญาที่น่าตกใจและอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในมือของเฟิงหยาง ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำให้หลิงฮันเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าตัวเขาเองมีตำหนักโอสถสวรรค์รวมถึงฝ่ายนักปรุงยาอยู่เบื้องหลังเขาและทั้งสองฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าฝ่ายวรยุทธในแง่ของอำนาจ ถ้ามันเกิดการปะทะกันอย่างเต็มรูปแบบจริง เช่นนั้นตระกูลจักรพรรดิแห่งแคว้นพิรุณจะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน รวมถึงแปดตระกูลใหญ่ ในความขัดแย้งครั้งนี้

...จักรพรรดิพิรุณจะไม่ยอมให้เกิดความขัดแย้งภายในอย่างแน่นอน

มันดูแปลกประหลาด เขาสามารถกำราบฟูหยวนเชิง หวู่ซงหลิน และนักปรุงยาคนอื่นได้เพราะความสามารถในการปรุงยาจากชีวิตที่แล้วของเขา แต่มันน่าจะไม่ใช่ระดับที่พวกเขาจะปฏิบัติตามคำสั่งของเขาทั้งหมด

"จู่ๆเฟิงหยางก็ผงาดขึ้นอย่างกะทันหันด้วยวิธีแปลกประหลาด ตระกูลจักรพรรดิแห่งแคว้นพิรุณจะต้องทำการตรวจสอบเฟิงหยางด้วยตัวพวกเขาเอง ถ้าแม้แต่อำนาจของจักรวรรดิยังตรวจสอบอะไรไม่พบ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรที่จะเสียเวลากังวลกับพวกเรื่องนี้" หลิงฮันกล่าวกับหลิ่วอู๋ตง

"อย่าได้หลงลืมตัวเจ้าเอง!" หลีซื่อฉางชี้นิ้วออกมา"ไม่ใช่ว่าจู่ๆเจ้าเองก็ผงาดขึ้นมาอย่างแปลกประหลาดเหมือนหรอกหรือ?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด