ตอนที่แล้วตอนที่ 218 ข้ามทะเลสาบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 220 ใครคือนกขมิ้น

ตอนที่ 219 หมาป่าเงาลวงสายฟ้า


ตอนที่ 219 หมาป่าเงาลวงสายฟ้า

ไม่มีการแยกระหว่างกลางวันและกลางคืน พลังหยินหยางหลอมรวมอย่างวุ่นวาย มันเป็นคุณสมบัติที่น่าตกใจของสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้

เข้ามาแล้ว !! ซูเสี่ยวหยี่กล่าวด้วยความตื่นเต้น เฉินเซี่ยซู่และหยางไค่กำลังสำรวจบริเวณรอบข้างด้วยความระมัดระวัง เมื่อพวกเขายืนยันได้ว่าบริเวณแห่งนี้ไร้ซึ่งอันตราย พวกเขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

สถานที่แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาล หากไม่ใช่ผู้ที่มาพร้อมกันพวกเขาจะไม่ปรากฏในบริเวณเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นหยางไค่เข้าใจมันอย่างดี ในตอนนี้เมื่อขเจ้องมองอีกครั้งและพบว่ามันเป็นดั่งที่เขาคิดเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน

หยางไค่ค่อยๆทิ้งระยะห่างระหว่างเฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่ แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนมาก แต่มันทำให้เฉินเซี่ยซูมองเห็นอย่างชัดเจน

เฉินเซี่ยซูไม่ได้ใส่ใจมาก ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้ม เขาจ้องมองหยางไค่และกล่าว : ศิษย์น้องหยาง เจ้าอยากจะเดินทางไปพร้อมกับพวกเราหรือไม่ ? ความสัมพันธุ์ระหว่างเราก็มิได้เลวร้าย !!

หยางไค่ส่ายหัวอย่างช้าๆ เขายกมือกอดกำปั้นเอาไว้และกล่าวตอบ : ข้าอยากลองทดสอบเพียงคนเดียว

เฉินเซี่ยซู่พยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่รั้งหยางไค่อีกต่อไป : ศิษย์น้องหยางไค่ระวังตัวด้วย !!

เราจะได้พบกันอีก !! กล่าวจบ หยางไค่หมุนตัวและจากอย่างรวดเร็วไปโดยเปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของเขา

ทำไมต้องรีบวิ่งไปด้วยล่ะ เราไม่กินเขาสักหน่อย !! ซู่เสี่ยวหยี่กล่าวด้วยความหงุดหงิดใจ และจ้องมองหยางไค่ด้วยความไม่พอใจ

เฉินเซี่ยซูหัวเราะเบาๆ เขาลูบไปที่ศีรษะของซูเสี่ยวหยี่เบาๆและกล่าว : นั่นคือสิ่งที่เขากลัว !!

แต่พวกเราไม่มีเจตนาร้ายต่อเข้า !! ซู่เสี่ยหยี่ยังคงกล่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ : เจ้าคนนี้มีการบ่มเพาะพลังที่อ่อน ข้าว่าเขาจะต้องตายก่อนใคร !!

สีหน้าของเฉินเซี่ยซูแปรเปลี่ยนไปเขากล่าวอย่างช้าๆ : ไม่แน่ เจ้าเด็กคนนี้ค่อนข้างเงียบขรึมและระมัดระวังตัว คนเช่นพวกเขาจะมีชีวิตได้นานที่สุด !! นอกจากนั้น ข้ารู้สึกว่าเจ้าเด็กคนนี้ค่อนข้างที่จะประหลาด !!

ประหลาดเช่นไร ? ซูเสี่ยวหยี่กล่าวถามด้วยความสงสัย

เขามีการบ่มเพาะพลังเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 3 แต่ยังกล้ามายังสถานที่แห่งนี้ หากไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าตนเองมีชีวิตนานเกินไปนั้นหมายความว่าเขามีสิ่งพึ่งพาที่มั่นใจว่าตนเองจะมีชีวิตรอด

"เจ้าหมายถึง ... "

เจ้าเด็กคนนี้ต้องมีวิธีการบางอย่างที่น่าทึ่ง ไม่เช่นนั้นอาจารย์ของเขาคงไม่วางใจที่จะส่งเขามาบ่มเพาะพลังในสถานที่แห่งนี้ อั๊ย ผู้ที่สามารถเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ใครบ้างที่ไร้ซึ่งความสามารถ ? จำเอาไว้ พวกเราต้องระมัดระวังตัว พวกเราต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับบุคคลอื่นๆ

หลังจากที่หยางไค่แยกจากศิษย์แห่งสำนักจันทราซ่อนเร้นเขาเปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวอย่างสุดกำลัง ทำให้เขาเดินทางออกมาไกลกว่า 10 ลี้ ในระหว่างนั้นเขาได้เปลี่ยนทิศทางหลายครั้ง ก่อนที่จะพุ่งขึ้นไปยังยอดไม้ต้นหนึ่ง และเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวรอบๆบริเวณ

ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจคับแคบในการแยกจากพวกเขา แต่เมื่อเข้ามาในสถานที่แห่งนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการระวังตัว

นอกจากนั้น นี้เป็นการทดสอบ ทดสอบว่าเฉินเซี่ยซูและซู่เสี่ยวหยี่ว่าเป็นหมาป่าหรือแกะน้อยที่ไร้ซึ่งอันตราย

หลังจากที่เขาซ่อเร้นในยอดไม้เป็นเวลานาน หยางไค่ไม่พบร่องรอยการไล่ตามจากพวกเขา เขาจึงมั่นว่าทั้งคู่มิได้มีเจตนาร้ายต่อเขา

พวกเขาทั้งสองมีการบ่มเพาะพลังในเขตแดนลมปราณแท้จริง ในสำนักจันทราซ่อนเร้นพวกเขาทั้งสองต้องเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ หากพวกเขาลงมือต่อเขาจริง พวกเขาคงไม่รอจนถึงตอนนี้

หลิงไท่ซู่เคยกล่าวไว้ หากพบเจอกับคนที่สามารถเชื่อใจได้ ไม่ต้องกังวลที่จะร่วมมือกับพวกเขา และในตอนนี้ เฉินเซี่ยซูและซู่เสี่ยวหยี่เป็นบุคคลที่หยางไค่จะสามารถเชื่อใจพวกเขา

หากมีโอกาสพบเจอกันอีกครั้ง หยางไค่จะไม่รังเกียจที่จะเคลื่อนไหวไปพร้อมๆกับพวกเขา

หยางไค่หลบซ่อนตัวอยู่บนยอดไม้ ก่อนที่จะนำสมบัติล้ำค่าแห่งการฆ่าทั้ง 2 ออกมา เขาพยายามเป็นเวลานั้นและพบว่าไม่สามารถเรียกสมบัติวิเศษเหล่านั้นออกมาได้ ราวกับว่าพวกมันถูกปิดผนึกจากพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น

มารปฐพี !! หยางไค่กล่าวตะโกนเรียก

ข้าอยู่ที่นี้ มารปฐพีรีบกล่าวตอบอย่างรวดเร็ว

เข็มสลายวิญญาณของเจ้าใช้ได้หรือไม่ ?

นายน้อยคงต้องผิดหวัง มันใช้ไม่ได้..........

หยางไค่กล่าวสบทสาปแช่งสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้ แม้แต่เข็มสลายวิญญานที่ไม่ใช้สมบัติของตนเองยังถูกควบคุมเอาไว้ เมื่อไร้ซึ่งเข็มสลายวิญญาณ มารปฐพีไม่สามารถสำแดงความแข็งแกร่งในการต่อสู้ ดูเหมือนว่าในครั้งนี้เขาต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตนเอง

โชคดีที่ก่อนจะเข้ามาหลิงไท่ซู่ได้มอบถุงสวรรค์ล้อมปฐพีให้แก่เขา ด้านในมีสิ่งของจำนวนไม่น้อย

ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้สำรวจ ในเวลานี้ถึงเวลาที่เขาจะสำรวจมันสักที

หยางไค่หยิบถุงผ้าเล็กออกมาจากทรวงอก เขาเปิดผนึกของมัน ก่อนจะยื่นมือล้วงเข้าไป และพบ่ด้านในของมันมิสิ่งต่างๆเป็นจำนวนมาก

ด้านในมีขวดยากว่า 10 ขวด ส่วนใหญ่ล้วนเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บ และยังมีขวดยาแห่งพลังหยาจำนวนหลายขวด ซึ่งทำให้หยางไค่รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง เขากล่าวชื่นชมอาจารย์ปู่ว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อมีขวดยาเหล่านี้ ทำให้หยางไค่ไม่ต้องกังวลว่าหยดน้ำพลังลมปราณหยางของเขาจะหมดไป

นอกจากขวดยาเหล่านี้ ด้านในยังมีเสื้อผ้าที่สะอาดกว่า 10 ชุด และยังมีกระบี่เล่มหนึ่ง

กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่สมบัติวิเศษ มันเป็นเพียงกระบี่ที่สร้างมาจากเหล็กกล้า ดังนั้นมันจึงสามารถใช้ในสถานที่แห่งนี้ แต่ว่าหยางไค่มิได้ฝึกฝนกระบวนท่าเคล็ดวิชาที่เกี่ยวข้องกับกระบี่ การใช้มือเปล่าในการต่อสู้ดีกว่าการใช้กระบี่ เมื่อความแข็งแกร่งของหยางไค่ถึงในจุดนี้ กระบี่เล่มหนึ่งก็ไม่สามารถเพิ่มพลังในการจ่อสู้ให้แก่เขา

หลังจากที่เก็บของเหล่านี้เข้าไปอย่างระมัดระวัง หยางไค่หมุนตัวและกระโดดลงมาจากต้นไม้ เขาจ้องมองไปยังสถานที่กว้างไกลที่จะเริ่มต้นประสบการณ์ชีวิตอันแข็งแกร่งของเขาด้วยความตื่นเต้น

ครึ่งชั่วยามผ่านไป หยางไค่พบกับสัตว์อสูรขั้นที่ 4 เขาใช้วิธีการที่ไม่น้อยจึงจะสามารถฆ่ามัน ก่อนที่เขาจะยืนมองซากของมันที่ตายด้วยความสงบ

มันเป็นดั่งคำกล่าวที่หยางไคได้ยินมา หลังจากที่สัตว์อสรูตนนี้ตายไป หยางไค่รู้สึกได้ถึงพลังและโลหิตของมันค่อยๆรวบรวมตัวในกลางอากาศสักแห่งหนหนึ่ง

เมื่อถึงจุดที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ซากศพของสัตว์อสูรตัวนี้ค่อยเหือดแห้งและบิดงอ แต่ว่าพลังแห่งแสงสีแดงที่พุ่งออกมาจากร่างกายของมันกลับเพิ่มมากขึ้น มากขึ้น

แสงสีแดงเป็นประกาย หลังจากที่เขารออีกสักพัก ลูกแก้วสีแดงสดที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่วได้ได้กลั่นตัวสำเร็จจนกลายเป็นลูกแก้วชีพจรโลหิต

สายตาและการเคลื่อนไหวของหยางไค่ค่อนข้างรวดเร้ว ในขณะที่มันกลั่นตัวเป็นลูกแก้วชีพโลหิต หยางไค่รีบคว้ามันเอาไว้ เขาใช้จิตใจสัมผัสมัน และพบว่าพลังที่ซ่อนอยู่ในลูกแก้วชีพโลหิตค่อนข้างประหลาด พลังของมันไม่มาก แต่อย่างน้อยมันก็เป็นสัตว์อสูรขั้นที่ 4 มันไม่ทำให้เขาผิดหวังสักเท่าใด

เขาไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนี้ซ่อนเร้นกฎแห่งสวรรค์เช่นไร ทำไมสิ่งมีชีวิตเมื่อตายไปแล้วจึงสามารถแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้

หลังจากที่เก็ลลูกแก้วชีพโลหิต หยางไค่ก้มมองสัตว์อสูร เขาพบว่าซากศพของสัตว์อสูรตนนี้ได้กลายเป็นฝุ่นผง เมื่อสิ่งที่สำคัญที่สุดได้หายไป จึงเหลือเพียงสิ่งที่ไร้ค่า

ไม่รู้ว่าลูกชีพโลหิต 1 เม็ดจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แกเขามากเท่าใด หยางไค่คาดหวังอย่างเงียบๆ แต่ในตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่สถานที่จะหลอมละลายและดูดซึมพลังของมัน

เมื่อได้รับผลตอบแทน หยางไค่เริ่มมีกำลังใจในการต่อสู้ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่น่าแปลกที่สถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่เหมาะสมในการบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณและลมปราณแท้จริง 1 วันที่หยางไค่มาถึงสถานที่แห่งนี้ เขาได้ฆ่าสัตว์อสูรขั้นที่ 5-6 ตัว พวกมันล้วนเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ในขั้นที่ 3 ทำให้เขาสุญเสียพลังไม่มาก แต่ผลตอบแทนกลับมากมาย ลูกแก้วชีพจรโลหิตที่สัตว์อสูรขั้นที่ 3 มอบให้แก่เขาเล็กกว่าลูกแก้วชีพจรโลหิตของสัตว์อสูรขั้นที่ 4 เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันซ่อนเร้นพลังที่แตกต่างกัน

ในระหว่างทางเขาพบเจอกับสัตว์อสูรขั้นที่ 5 หยางไค่จ้องมองมันเป็นเวลานั้นจึงสามารถที่จะไม่ลงมือกับมัน สัตว์อสูรขั้นที่ 5 เทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง แม้ว่าหยางไค่จะมั่นใจว่าเขาสามารถฆ่ามันได้ แต่ว่าเขาต้องใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา และยังต้องเตรียมตัวในการรับอาการบาดเจ็บที่จะได้รับ

เมื่อเป็นเช่นนี้ หยางไค่จึงไร้ซึ่งหนทาง เพราะเขาไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรขั้นที่ 5

3 วันผ่านไป หยางไค่ฆ่าสัตว์อสูรอย่างไม่ละเว้น เมื่อเขาเหนื่อยล้าเขาจะหาสถานที่ปลอดภัยในการพักฟื้น หลังจากทั่พักฟื้นแล้วเขาจะลงมือฆ่าต่อไป

3 วันที่ผ่านมา เขาไม่พบเจอกับผู้อื่นแม้แต่คนเดียว

ไม่น่าแปลกที่ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณส่วนใหญ่กล้าที่จะเข้ามา หากมันปลอดภัยเช่นนี้ต่อไป แม้ว่าผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียนเข้ามายังสถานที่แห่งนี้เขาก็ไม่ต้องกังวลสิ่งใด นอกจากระวังการปะทะกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง

3 วันผ่านไป หยางไค่ซ่อนตัวอยู่กลางป่า ก่อนจะสังเกตไปทั่วบริเวณ

ด้านหน้าของเขามีสัตว์อสูรขั้นที่ 4 จำนวน 2 ตัน มันคือ หมาป่าเงาลวงสายฟ้า

สัตว์อสูรขั้นที่ 4 เทียบเท่าเขตแดนผสานลมปราณ เทียบเท่ากับเขตแดนของหยางไค่ หากพวกมันทั้ง 2 ตนพุ่งขึ้นมาพร้อมๆกัน มันคงเป็นปัญหาในการรับมือกับพวกมัน

แต่เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ หยางไค่ก็ยังตัดสินใจที่จะโจมตี

ตนแองเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร ความแข็งแกร่งของมันก็อยู่ในขึ้นที่ 4 ในตอนนี้เขาพบเจอกับสัตว์อสูรขั้นที่ 4 พร้อมกัน 2 ตัว ไม่มีเหตุผลที่เขาจะยอมแพ้

เมื่อมั่นใจดังนี้ หยางไค่ค่อยกระโจนออกมาจากที่ซ่อน เขาวิ่งไปยังหมาป่าเงาลวงสายฟ้าทั้ง 2 ตนอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ตอนแรกหยางไค่พุ่งความสนใจไปยังหมาป่าทั้ง 2 ตน แต่เมื่อเขาวิ่งออกมาได้ครึ่งทาง เขาได้มองเห็นเงาร่างของคนคนหนึ่งที่เหินบินอยู่บนอากาศที่ไม่ไกลจากเขามาก

จิตใจของหยางไค่สั่นไหว เขากวาดสายตามองไป ซึ่งระยะห่างประมาณ 100 จ้าง มีคนผู้หนึ่งที่สวมใส่เสื้อคลุมสีแดงปกปิดร่างกายของเขาเอาไว้

เมื่อหยางไค่ครุ่นคิดในสิ่งที่เกิดขึ้น หยางไค่เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามได้ซ่อนตัวและกำลังจ้องมองหมาป่าทั้ง 2 ตัว โดยที่ไม่พบร่องรอยของกันและกัน แต่มันเป็นเรื่องที่บังเอิญ เพราะเขาและฝ่ายตรงข้ามเลือกที่จะลงมือพร้อมๆกัน

บางทีอาจะเป็นความเร็วของตนเองเร็วกว่าเขาอย่างยิ่ง ดังนั้นหลังจากที่ตนเองวิ่งออกมา ฝ่ายตรงข้ามจิงปรากฏตัวขึ้น

ในเวลานี้ ฝ่ายตรงข้ามพบการดำรงอยู่ของตนเอง เขารีบหลบซ่อนตัว และปกปิดเงาร่างของตนเองอีกครั้ง

เสื้อผ้าที่คนผู้นั้นสวมใส่ค่อนข้างโดดเด่น มันจึงเป็นการเปิดเผยตัวตนโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในเวลานี้หากถอยกลับไปคงไม่ทันท หมาป่าเงาลวงสายฟ้าทั้ง 2 ตัวจ้องมองหยางไค่อย่างโหดเหี้ยม พวกเขาขบฟันไว้แน ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาหยางไค่อย่างไม่ลังเล

จิตใจของหยางไค่สบทด้วยความขมขื่น เขาครุ่นคิดว่าจะจัดการกับเจ้าหมาป่าสองตัวนี้ได้อย่างไร และยังระลึกฐานะของคนผู้นั้น

หลังจากนั้น หยางไค่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เขาเร่งฝีเท้าของตนเอง แกล้งทำเป็นว่าไม่เห็นก่อนจะพุ่งดจมตีหมาป่าทั้งสองตนด้วยความไร้ปราณี

สัตว์อสูรขั้นที่ 4 ทั้งสองตัวมีความเร็วดั่งสายลม ร่างกายของพวกมันยังประกายด้วยแสงแห่งสายฟ้า พวกมันแยกตัวไปด้านซ้ายและขวา ก่อนจะพุ่งโจมตีไปยังด้านหน้าของหยางไค่

เห็นได้ชัดว่าหมาป่าเงาลวงทั้ง 2 ตัวมีประสบการณ์มากมายในการฆ่า มันโจมตีมายังด้านซ้ายขวา และการโจมตีของมันได้ปลดปล่อยความแข็งแกร่งของมันจนถึงขั้นสูงสุด

หยางไค่รีบหลบหนีจากการโจมตี เขาหลบจากการกัดของหมาป่าเงาลวงสายฟ้า ก่อนจะถูกหมาป่าอีกตัวกัดไปที่หัวไหล่

การโจมตีจากสายฟ้าลุกลามไปทั่วร่างกาย จนร่า่งกายของหยางไค่กระตุกไป เขารีบเคลื่อนไหวพลังลมปราณเพื่อทำลายมัน จนทำให้กล้ามเนื้อของเขาหดเกรง เขาได้พุ่งหมัดโจมตีไปยังใบหน้าของหมาป่าเงาลวงสายฟ้าตนหนึ่ง จนมันลอยกระเด็นออกไป

อู้ว!!!! เสียงหอนแห่งความเจ็บปวดดังขึ้น ในขณะที่หมาป่าเงาลวงสายฟ้ากระแทกลงไปที่พื้นและยังหมุนตลบไปอีกหลายครั้ง

การโจมตีในครั้งนี้ หยางไค่ไมได้ใช้พลังทั้งหมด ดังนั้นมันจึงไม่ได้รับบาดเจ็วบอะไรมาก แต่หลังจากที่มันกระแทกลงไปที่พื้น มันสองตนได้ร่วมมือกันอีกครั้ง มันพุ่งจากด้านล่างและด้านบน อ้าปากพุ่งเข้ามาขย้ำหยางไค่

หยางไค่ยื่นเท้าและเตะออกไป ซึ่งได้โจมตีไปยังหน้าท้องของหมาป่าเงาลวงสายฟ้าที่โจมตีมาจากด้านล่าง จนทำให้มันลอยกระเด็นออกไป สองหมัดของเขายังได้พุ่งออกไปโจมตีหมาป่าเงาลวงสายฟ้าที่พุ่งมาจากด้านบน ซึ่งได้ป้องกันการขย้ำของมัน

ในขณะที่สัตว์อสูรทั้งสองตนยังไม่ได้สติ หยางไค่พุ่งเข้าไปข้างหน้า และต่อสู้กับหมาป่าทั้งสองตัวอย่างสุดสีโดยที่หยางไค่มิอาจถอนตัวออกจากพวกจากพวกมันได้

หากว่าหยางไค่ใช้พลังทั้งหมดของเขา หยางไค่คงไม่ต่อสู้ด้วยความยากลำบากเช่นนี้ แต่เขาทราบดีว่ามีคนผู้หนึ่งกำลังจ้องมองเขา เขาจึงต้องทำเช่นนี้อย่างช่วยไม่ได้ เพื่อเป็นการปกป้องตนเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด