ตอนที่แล้วคุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 3 : ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ย่อย (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 5 : การแสดงผาดโผน (1)

คุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 4 : ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ย่อย (3)


ตอนที่ 4 – ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ย่อย (3)

ไม่เพียงแค่โดลซกที่ตกตะลึง.. ท่านหมอที่ตอนนี้ไปอยู่มุมห้องก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน เพียงแต่ฐานะหมอของเขา ทำให้เขาไม่พูดอะไรออกมา

คนทั้งคู่ต่างก็จ้องมองใบหน้าของจองกุกที่เพิ่งตัดใส้ติ่งมาวางไว้บนผ้าพันแผล ความจริงมันควรจะต้องใหญ่ประมาณเท่านิ้วก้อย แต่ตอนนี้มันบวมเปล่งเท่ากับนิ้วสองนิ้วเลยทีเดียว

จองกุกมองคนทั้งคู่ที่จ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง..

‘ผมจะอธิบายยังไงดี?’

เขาเคยสอนที่สถาบันการแพทย์อยู่สองสามครั้งในฐานะศาสตราจารย์ แต่เขาไม่มีประสบการณ์ในการอธิบายเรื่องทางการแพทย์ให้กับคนที่ไม่มีความรู้พื้นฐานทางการแพทย์ฟัง

‘ผมคงต้องอธิบายจากมุมมองของพวกเขา’

อาจจะดูหยาบคายหากเขาจะจัดโดลซกและท่านหมอไว้ในกลุ่มคนจำพวกเดียวกัน เพราะคนหนึ่งเป็นเพียงบ่าวธรรมดาๆ ในขณะที่อีกคนเป็นถึงชนชั้นสูง แต่จากสำหรับเขา คนทั้งคู่ไม่มีอะไรต่างกันมากนัก

เขาถามคนทั้งสองขณะที่ชี้ไปที่ไส้ติ่ง “พวกคุณคิดว่ามันดูเหมือนอะไร?”

“ของไม่ดี” เป็นคำตอบของโดลซก

โดลซกอธิบายเพิ่มว่า ไส้ติ่งดูเหมือนอะไรที่ไม่ปกติ

“ใช่แล้ว.. โอซกป่วยเพราะสิ่งนี้ ผมจะให้พวกคุณได้ดูอะไรใกล้ๆ” เขาพูดพร้อมกับตัดบางส่วนของไส้ติ่งด้วยใบมีดที่ใช้ผ่าตัด แล้วของเหลวสีเหลืองก็ไหลออกมาจากรอยผ่านั้น และกลิ่นเหม็นก็ตลบอบอวลไปทั่วห้อง

“โอ้.. มันคืออะไรหรือขอรับ?” โดลซกถามขณะที่เอาแขนเสื้อปิดจมูกตัวเองไว้ เช่นเดียวกับท่านหมอที่ตอนนี้ขมวดคิ้วขณะที่มองดู

‘มันคืออวัยวะส่วนที่เรียกว่าไส้ติ่ง มันเกี่ยวข้องกับเรื่องของภูมิต้านทานในร่างกาย ถ้ามันเกิดอุดตันขึ้นมา มันก็ยากที่จะหายได้ และมันก็อักเสบได้ง่าย และหากมันเกิดการอักเสบเราก็จะเรียกว่าไส้ติ่งอักเสบ’ เขาส่ายหน้าขณะที่คิดคำพูดพวกนั้นอยู่ในหัว

‘จะมีประโยชน์อะไรถ้าจะอธิบายแบบนั้น’ คงไม่น่าสนใจหากจะอธิบายเรื่องที่คนอื่นไม่เข้าใจ

จองกุกตัดสินใจที่จะไม่อธิบายแบบนั้น ดูเหมือนว่าน่าจะปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่จำเป็นต้องอธิบายรายละเอียด

“เธอคิดว่ามันคืออะไร? ของไม่ดีใช่ไม๊”

“ใช่ของไม่ดี”

ไส้ติ่งก็ถูกจัดอยู่ในจำพวก ‘ของไม่ดี’ ท่านหมอที่ใบหน้างุนงงก่อนหน้านี้เปลี่ยนสีหน้าของเขาทันที อาจเป็นเพราะเขาต้องการปกปิดใบหน้าที่งุนงงของตนเอง เขาจึงแสร้งทำเป็นว่ารู้ดีกว่าโดลซก

“โอ.. นี่ท่านขับไล่เสนียดจัญไรออกไปแล้วอย่างนั้นรึ! ข้าคิดว่าท่านกำลังทำอะไรที่ไร้ประโยชน์เสียอีก แต่ท่านก็ทำได้ดีนี่..”

‘เสนียดจัญไรอะไรกัน?’ จองกุกปวดหัวขึ้นทันทีเมื่อได้ฟังแบบนั้น แต่ก็ดีแล้วที่เขาเข้าใจแบบนั้น เพราะถ้าหมอนั่นถามเขามากกว่านี้ เขาก็คงจะตกที่นั่งลำบาก

หากเสนียดจัญไรคือของไม่ดี.. การเข้าใจแบบนี้ก็ไม่น่าจะผิดอะไร

“เอ่อ..”

จองกุกนิ่งไปครู่หนึ่งขณะที่เหลือบมองท่านหมอ เป็นเรื่องลำบากสำหรับเขาทีเดียวที่ไม่รู้ว่าจะพูดกับท่านหมอด้วยภาษาแบบใหนดี

‘ฟังจากคำพูดคำจาของเขา ท่านหมอนี่น่าจะเป็นพวกชนชั้นสูง’ เมื่อคิดได้แบบนั้น เขาจึงเลือกที่จะพูดเป็นกลางๆดีกว่า “ท่านพูดถูกต้องแล้ว.. อาการของเขาดีขึ้นแล้ว และก็จะค่อยๆฟื้นตัวในไม่ช้า”

จองกุกต้องพยายามพูดจาให้เป็นภาษาโบราณ เขาจึงค่อนข้างอึดอัดอย่างมาก และไม่ถนัดปากสักเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคาดเดาได้ถูกต้อง เพราะท่านหมอดูไม่มีสีหน้าที่กระอักกระอ่วนเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด

“งั้นรึ..” ท่านหมอตอบ

“ข้าต้องขออภัยท่านหมอที่ปฏิบัติต่อท่านเยี่ยงนั้น สถานการณ์ค่อนข้างเร่งด่วน ข้าจึงต้องเร่งรีบกระทำการ” โดลซกกล่าวขอโทษ..

“อภัยให้ข้าน้อยด้วยเถิดนายท่าน..”

ท่านหมอดูใจเย็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก เขาโบกมือพร้อมกับยิ้มให้..

“ไม่เป็นไร.. เจ้าอย่าได้กังวลไป”

ท่านหมอเดินออกจากบ้านไป และไม่ลืมที่จะกล่าวอำลาซังนัม เขาปฏิเสธไม่รับข้าวหนึ่งถุงและกระดาษอีกสิบแผ่นที่ซังนัมให้แก่เขาเพื่อเป็นค่ารักษา

“เด็กนั่นเป็นผู้รักษา.. ข้าว่าท่านคงไม่ต้องกังวลกับเขาอีกต่อไปแล้วล่ะ”

“จริงรึท่านหมอ? เขานี่นะเป็นผู้รักษา?”

“ใช่.. เป็นเรื่องจริง เขาทำการรักษาทั้งหมดเพียงคนเดียว ข้ามิได้ทำสิ่งใดเลย”

หลังจากชื่นชมจองกุกแล้วเขาก็จากไป.. แม้เขาจะเป็นพวกนักต้มตุ๋น แต่ก็ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง..

‘ช่างน่าเสียดาย..’

แม้ว่าจองกุกจะรู้สึกเสียดายแทนท่านหมอ แต่เขาก็ไม่มีเวลาที่จะคิดเรื่องนั้น แต่เหลือบไปมองโอซกอีกครั้ง..

‘เขาต้องกินยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยสามวัน’

ไส้ติ่งติดเชื้อและบวมจนใกล้จะแตก เด็กชายมีไข้สูง เหงื่อเย็น แต่ชีพจรเต้นเร็ว เป็นไปได้ว่าอาจติดเชื้อในกระแสเลือด..

เมื่อคิดได้เช่นนั้น.. เขาจึงหยิบเอายาฆ่าเชื้อออกมาจากกระเป๋า

‘เมแอค.. ยาฆ่าเชื้อในช่องปากที่ดีที่สุด’

มีอยู่ทั้งหมดหกสิบเม็ด.. น่าจะเพียงพอสำหรับ 15 วัน

เขาหยิบยาออกมาสี่เม็ดส่งให้กับโดลซก “บดยาพวกนี้แล้วผสมกับน้ำให้โอซกดื่ม ส่วนที่เหลือเก็บไว้ให้เขากินพรุ่งนี้เช้า”

“ขอรับนายท่าน..”

เขาเพิ่งจะได้เห็นเรื่องลึกลับและมหัศจรรย์ด้วยตาตัวเอง.. โดลซกจึงไม่คิดจะถามอะไรอีก..

และตอนนี้เขาคงต้องไปอธิบายให้พ่อของเขาฟังก่อน.. จองกุกลุกขึ้น รู้สึกปวดหลังและต้นคอหลังจากที่นั่งผ่าตัดบนพื้นอยู่นาน

“เอ่อ..” ซังนัมเข้ามาใกล้เมื่อได้ยินเสียงบ่นเบาๆว่าปวดออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและความอยากรู้อยากเห็น

“เกิดอะไรขึ้นกับโอซกอย่างนั้นรึ? แล้วที่ท่านหมอบอกข้าว่า.. เจ้าเป็นผู้รักษาโอซกนั่น.. เป็นความจริงไม๊?”

“ใช่ครับนายท่าน.. ท่านพ่อ เขาจะดีขึ้น”

ซังนัมโผล่หน้าเข้ามามองในห้อง โอซกดูสบายขึ้นเหมือนอย่างที่เขาบอกจริงๆ

“เฮียวชัม นี่เจ้ามีพรสวรรค์ที่ข้าไม่รู้ด้วยรึ”

“มันไม่มีอะไรมาก..”

“ไม่.. ไม่.. ข้าคิดว่าเจ้านั่นต้องตายแล้ว ตอนนี้ข้าโล่งอกที่เห็นมันนอนหลับอยู่อย่างนั้น เจ้าคงเหนื่อยมากเช่นกัน ไปพักผ่อนซะ.. เจ้าทำได้ดีมาก!”

ซังนัมตบไหล่จองกุกและเดินเอามือไขว้หลังกลับไปยังห้องของเขา ส่วนโดลซกก็กำลังยุ่งอยู่กับการดูแลโอซก

ในที่สุด.. เขาก็ได้อยู่คนเดียวหลังจากเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น..

‘ผมต้องรู้ให้ได้ว่าผมอยู่ที่ใหน และถ้าผมเดาไม่ผิด..’ เขาขมวดคิ้วขณะคิด..

ถ้าเขาย้อนเวลากลับมาในอดีตได้จริง นั่นคงเป็นเรื่องที่เลวร้ายที่สุดที่เขาไม่อาจจินตนาการได้ เขาต้องสูญเสียหน้าที่การงานที่เคยมี เกียรติยศ และเงินทองที่เขาสะสมแม้จะมีไม่มากนักก็ตาม

เขาจะต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด..

...

แต่อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีอยู่เรื่องหนึ่ง.. บ้านหลังนี้ใหญ่โตมาก เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตุเพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แต่ตอนนี้เขาพบว่าภายในบ้านหลังนี้มีข้าทาสบริวรมากมาย

จากที่เขานับได้นั้น.. น่าจะมีมากกว่ายี่สิบคนได้

‘ถ้างั้นก็ออกไปดูข้างนอกดีกว่า..’ จองกุกออกมานอกบ้านและยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง เขาเห็นผู้คนต่างสวมใส่เสื้อผ้าเก่าๆและสกปรก ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนสวมเสื้อผ้าสีขาวที่ซีดและสกปรก..

จองกุกรู้ได้ด้วยสัญชาติญาณทันทีว่า ‘ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านเกาหลีโบราณ (Folk Village) อย่างแน่นอน’

เมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งความมืดเริ่มมาเยือน จากความสงสัย เริ่มกลายเป็นความมั่นใจ..

ที่นี่คือสมัยโชซ็อนอย่างแน่นอน.. เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่

....

‘โอ้โห..! ดวงดาวที่นี่ช่างสว่างไสว..’

ดูเหมือนว่าบนท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยดวงดาวมากมายอย่างที่เขาเองก็ไม่เคยเห็นที่ใหนมาก่อน

เพียงแค่ฟ้าเริ่มมืด.. เสียงระฆังก็ดังไปทั่วบริเวณ เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร โดลซกที่เพิ่งกลับมาและมายืนอยู่ข้างกายเขาบอกว่ามันคือเสียงระฆังอินจอง..

จองกุกไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่เขาก็ทำแกล้งตอบกลับไปว่า..

“งั้นรึ?”

“ขอรับ.. ถ้าเราไปพบกับผู้รักษาความปลอดภัยเข้า เราจะมีปัญหา คืนนี้อากาศค่อนข้างเย็น เข้าไปข้างในเถอะขอรับ”

ดูเหมือนว่า.. เสียงดังของระฆังอินจองจะเป็นการประกาศเวลาเคอร์ฟิว ถ้าเป็นเช่นนั้น.. เข้าไปในบ้านจะดีกว่า

....

ภายในห้องอบอุ่นอย่างมาก.. โดลซกลูบมือของเขาเพื่อแสดงความเคารพและพูดว่า “ราตรีสวัสดิ์ขอรับนายท่าน”

“เช่นกัน..”

“ขอรับนายท่าน.. ข้าน้อยลาไปก่อนนะขอรับ”

จองกุกอนุญาติให้เขาไปและตัวเองก็เอนตัวลงนอนบนที่นอน.. เขานอนไม่หลับ อาจเป็นเพราะฟูกที่ค่อนข้างแข็ง หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะความคิดมากมายที่ฟุ้งอยู่ในหัวของเขา

‘ก่อนที่จะมาที่นี่.. ผมทำอะบางอย่างอยู่กับท่านประธาน..’ แต่เขาจำไม่ได้ว่าได้ทำอะไรไป ‘ผมต้องคิดหาวิธีกลับไปให้ได้ระหว่างที่รักษาโอซก’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด