ตอนที่แล้วคุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 2 : ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ย่อย (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 4 : ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ย่อย (3)

คุณหมอย้อนเวลา - ตอนที่ 3 : ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ย่อย (2)


ตอนที่ 3 – ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ย่อย (2)

“กระเป๋าสีดำหรือขอรับ?”

“ใช่.. ใบที่ผมถือมา”

“อ่อ! ขอรับนายท่าน”

โดลซกวิ่งไปหยิบกระเป๋า.. ในขณะเดียวกันก็พึมพำอย่างงุนงง.. สองคนที่ดูจะประหลาดใจที่สุดคือท่านหมอและชายชราซังนัมนั่นเอง

“นี่ท่านกำลังทำอะไร? เราจำเป็นต้องให้ยาแก้อาหารไม่ย่อยแก่เขา”

ท่านหมอดูต่อต้านและไม่พอใจกับสิ่งที่จองกุกเพิ่งทำลงไป ด้วยฐานะของหมอที่เขาเป็นอยู่ ปกติจะได้รับการปฏิบัติอย่างดีจากผู้คนทั่วไปรวมถึงเหล่าขุนนาง ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ แต่เป็นถึงชนชั้นสูงแม้ว่าจะเป็นลูกของอนุภรรยาก็ตาม

แต่จองกุกกลับหัวเราะเยาะ..

‘แผนโบราณกับแผนปัจจุบัน’

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดจึงคิดเช่นนั้น.. แต่เขาจะปล่อยให้คนไข้ได้รับการรักษาในลักษณะแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เขาจึงผลักท่านหมอเบาๆให้หลีกทาง

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน! นี่เจ้าทำแบบนั้นกับท่านหมอได้ยังไงกัน เราต้องพยายามไปขอร้องท่านหมออยู่หลายครั้งกว่าท่านหมอจะมาได้?” ซังนัมระเบิดออกมาด้วยความโกรธ และแสดงตัวว่าอยู่ข้างท่านหมออย่างชัดเจน

นอกจากเสียงเอะอะโวยวายรอบๆตัวเขา.. จองกุกก็ไม่รู้ว่าตัวเขาเองตอนนี้อยู่ที่ใหน และเกิดอะไรขึ้น เขาจึงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

‘คนที่นอนป่วยอยู่นั้น.. นั่นคือเรื่องจริง’

จองกุกเป็นศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดในเกาหลี.. หากคนไข้อยู่ในการดูแลของเขาแล้ว และหากเขาเป็นผู้ลงมือทำการผ่าตัดคนไข้เองล่ะก็ คนไข้ส่วนใหญ่จะรอดชีวิต

“นี่ครับนายท่าน..” โดลซกรีบส่งกระเป๋าให้กับเขาโดยไม่สนใจกับอารมณ์โกรธเกรี้ยวไม่พอใจที่แผ่กระจายอยู่ทั่วห้อง

ดูเหมือนเขาจะเป็นคนรับใช้ที่เชื่อฟังจองกุกมาก

“ดีมาก..” จองกุกเปิดกระเป๋าออกมาอย่างรีบร้อน อุปกรณ์ด้านในค่อนข้างพร้อม เพราะเป็นกระเป๋าที่เตรียมไว้สำหรับให้ท่านประธาน

‘ว่าแต่ทำไมมันถึงได้หนักอย่างนี้นะ!’

ในกระเป๋าใบนั้นมีทั้งอุปกรณ์สำหรับทำการผ่าตัด รวมถึงพวกยาฆ่าเชื้อ ยาปฏิชีวินะ ยาชา และยาสลบ นอกจากนั้นยังมีค้อนเล็กๆ สิ่ว และเลื่อยมือ

หรือจะเรียกกระเป๋าใบนี้ว่า ‘ห้องผ่าตัดฉุกเฉินขนาดเล็ก’ ก็ยังได้

หลังจากมีปากเสียงและลงไม้ลงมือกันนิดหน่อย ท่านหมอก็ไม่กล้าเข้าใกล้จองกุกอีก แต่เป็นซังนัมที่ตะโกนด่าเขาแทน..

คนรับใช้ที่อาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกันนั้นเป็นมากกว่าแค่คนรับใช้ คนรับใช้อาจจะใกล้ชิดกับเจ้านายมากเกินกว่าที่คนนอกจะจินตนาการได้ ดังนั้น.. เป็นธรรมดาที่เขาเองจะค่อนข้างรู้สึกกังวลเกี่ยวกับชีวิตของเด็กชาย

“บอกฉันมาว่าแกคิดจะทำอะไร”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จองกุกก็มองซังนัม สายตาของซังนัมที่มองเขานั้นก็ช่างเหมือนจริงราวกับเป็นพ่อของเขาจริงๆ ‘นี่ไม่ใช่ความฝันอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างดูเหมือนจริงและจับต้องได้’

แต่.. ลึกๆในใจของเขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง

‘นี่ผมย้อนกลับมาในอดีตอย่างงั้นเหรอ? มันเป็นไปไม่ได้’ จองกุกประหลาดใจ แต่ความคิดเรื่องการเดินทางมาในอดีต ก็ดูเป็นเรื่องที่พอจะอธิบายได้มากที่สุดหากพิจารณาจากพื้นที่รอบๆใกล้เคียง

‘แต่ช่างเถอะ.. สิ่งสำคัญตอนนี้คือการช่วยชีวิตเด็กชายไว้ก่อน’

เขาตอบขณะที่กำลังสวมถุงมือผ่าตัด..

“ท่านครับ.. ไม่สิ.. พ่อครับ กรุณาปล่อยเขาไว้กับผมสักครู่ เราจำเป็นต้องช่วยชีวิตเขาก่อน”

“ใช่.. เราถึงต้องให้ท่านหมอมารักษาเขา”

“ไม่.. หมอนี่หลอกลวง”

“อะไรนะ? นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า?” แม้ชายชราจะพูดกับเขากระโชกโฮกฮาก แต่ดูเหมือนเขาจะรักลูกชายของเขามากทีเดียว เพราะสายตาและสีหน้าของเขาตอนนี้ดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง..

นั่นเพราะตอนเด็กๆนั้น.. ใครๆก็เรียกเขาว่าอัจฉริยะ

“นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน? นี่เจ้าเรียนมาจากฮีจุนอย่างงั้นรึ?”

จองกุกไม่รู้ว่าใครคือฮีจุน และนั่นก็ไม่สำคัญสำหรับเขา

‘แต่นั่นอาจเป็นข้ออ้างที่ดีได้..’

และตอนนี้.. จองกุกก็ได้เตรียมวางยาชาเฉพาะที่แล้ว เขาเงียบและไม่สนใจฟังคำถามอีก..

“ใช่..ใช่.. ผมเรียนมาจากเพื่อน โดลซกปิดประตูให้สนิท และอย่าให้มีลมเข้า ถ้าลมเข้าแม้แต่น้อยโอซกจะตายทันที”

“โอ้.. ขอรับ.. ขอรับ..”

แต่เมื่อโดลซกพยายามจะปิดประตู ซังนัมก็ตะโกนออกมาอย่างดัง “โดลซก.. นี่แกจะเชื่อฟังใคร?”

“พ่อ.. ถ้าอยากให้โอซกรอด พ่อต้องเชื่อผม”

เสียงของเขาสงบเยือกเย็น และกระแสของความมั่นใจได้แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขา ราวกับว่าไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ รังสีแห่งความเชี่ยวชาญนั้นสาดส่องไปทั่วพื้นที่ราวกับพระอาทิตย์ทรงกลด

โดลซกเองก็ไม่กล้าปฏิเสธที่จะไม่ทำตาม แม้แต่ซังนัมเองยังอยู่ในอาการเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

นี่เป็นชีวิตของน้องชายเขา ในสถานการณ์ที่เร่งด่วนเช่นนี้ จองกุกคือคนที่น่าเชื่อถือที่สุดสำหรับโดลซก แม้ในบางเวลาเขาอาจจะดูไม่ได้เรื่องบ้างก็ตาม

‘แม้ว่าตอนนี้จองกุกจะดูไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ตอนเด็กๆความเฉลียวฉลาดของเขาก็เป็นที่โจษจันอย่างมาก’

ตอนอายุสามขวบผู้คนเรียกเขาว่าอัจฉริยะ เพราะเขาสามารถท่องฮันจามุน (อักษรจีน1000คำ) ได้ และเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัวเบแห่งซูวอน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของเขา มีผู้คนมากมายที่อยากให้ลูกสาวของตนได้แต่งงานกับเขา และเขาก็เป็นที่รู้จักดีในหมู่ของพวกแม่สื่อในเวลานั้น

‘แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เรื่องเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเป็นที่รักใคร่ของใครต่อใคร’

โดลซกยังจำเหตุการณ์ในวัยเด็กของเขาได้ ในเวลานั้นเขาก็ป่วยและนอนซึมไร้เรี่ยวแรงเหมือนกันโอซกในตอนนี้ และตอนนั้นนายน้อยก็จับกระต่ายเพื่อนำมาลดไข้ให้กับเขา เขาเป็นเพียงแค่บ่าว แต่นายน้อยก็ยังดูแลเขาแม้ในยามเจ็บป่วย

เขาไม่เคยลืมว่านายน้อยยื่นกระต่ายให้เขาด้วยมือที่เย็นเป็นน้ำแข็งจนแดงกล่ำ

“นายท่าน.. นายน้อยบอกว่าโอซกอาจตายได้” โดซกพูดเพียงแค่นั้น เขาก็ปิดประตูและกลับไปหาจองกุก ยังมีเสียงตะโกนมาจากข้างนอกให้ได้ยินอยู่บ้างแต่ก็ไม่รุนแรงนัก

“นายท่าน.. จะให้ข้าทำอะไรบ้าง?”

“ถือตะเกียงไว้ ในนี้ค่อนข้างมืดจะได้เห็นชัดขึ้น”

“ขอรับนายท่าน แต่..”

“อะไร?”

“ท่านจะช่วยชีวิตโอซกใช่ไหมขอรับ?”

ได้ยินคำพูดของโดลซก.. ท่านหมอก็ทำเสียงสูงขึ้นจมูก “ช่วยชีวิตงั้นรึ? หึ!”

แต่เมื่อจองกุกหันกลับไปมอง ท่านหมอก็ทำแกล้งกระแอม แต่ก็ยังคงอยู่ในห้อง

ดูเหมือนเขาจะอยากรู้อยากเห็นว่าจองกุกจะรักษาเด็กชายอย่างไร

“โดลซก”

“ขอรับ”

“ถือตะเกียงไว้ให้แน่น.. แล้วก็ไม่ต้องถามอะไรที่ไร้สาระ”

“ขอรับนายท่าน”

“โอซก.. มันอาจจะหนาวมากแล้วก็เจ็บนิดหน่อย”

“ขอรับท่าน..”

หลังจากพูดจบ.. จองกุก็จัดการฉีดยาชาเข้าไปที่ท้องของเด็กชายหลายเข็ม

‘ไม่เคยคิดว่าจะต้องทำการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยยาชาเฉพาะที่เท่านั้น’ เขามองโอซกอย่างกังวล เขาไม่ลังเลสงสัยในฝีมือของเขา แต่เขากังวลกับความอดทนของเด็กชาย

“ห้ามขยับเขยื้อน..”

“ข้าจะไม่ขยับขอรับ”

“บอกฉันถ้าเธอรู้สึกเจ็บ”

“ขอรับ”

จากนั้น.. จองกุกก็จัดการกับความกังวลของตนเอง เมื่อใบมีดคมส่องกระทบแสงไฟ เขารู้สึกแปลกๆ

โดลซกถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “นายท่าน.. ท่านจะใช้มันทำอะไรหรือขอรับ?”

“ถือตะเกียงไว้ให้สูงๆถ้าเธออยากให้โอซกมีชีวิตรอด”

“ขอรับ ขอรับ”

โดลซกกัดฟันและมือก็ถือตะเกียง เขาจำต้องทำตามคำสั่งจองกุก เพราะมันคือความเป็นความตายของโอซก

“เอาล่ะ.. จากนี้ไปต้องไม่มีใครขยับเขยื้อน” ขณะที่พูดจองกุก็ทำการเปิดหน้าท้องด้านขวาของโอซกด้วยความกังวล เลือดสีแดงสดๆไหลออกมาจากแผลผ่าที่ยาวราวสามเซ็นติเมตร

ท่านหมอที่ยืนดูอยู่อย่างเงียบๆแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา

“นี่ท่านบ้าไปแล้วรึ?”

“เงียบ!”

“ไม่! ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ให้ท่านอาจารย์ทราบ” ท่านหมอลุกขึ้นตะโกน ปฏิกิริยาของท่านหมอนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะคำสอนของขงจื้อสอนที่ว่าทุกส่วนของร่างกายได้มาจากบิดามารดา ในสมัยต้นโชซ็อนคำสอนของขงจื้อยังไม่แพร่หลายเหมือนยุคปลายโชซ็อน แต่เป็นเพราะการได้เห็นเลือดสดๆที่ไหลออกมานั้นทั้งน่าประหลาดและน่าตกใจในคราวเดียวกัน

และท่านหมอก็คิดว่าโดลซกคงรู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา..

“โอ้.. โอ้.. นายท่านขอรับ?”

“ถือตะเกียงไว้”

“เอ่อ.. ขอรับ”

โดลซกเชื่อฟังอย่างมากเพราะเขาถือตะเกียงไว้แน่นตามคำสั่งของจองกุก และพยายามไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆออกมาอีก

มีเพียงท่านหมอที่ดูเหมือนจะกำลังโมโหอย่างมาก..

โดลซกมองจองกุกอย่างขาดสติและไม่รู้ควรทำเช่นไร ส่วนจองกุกก็ไม่ละสายตาจากรอยผ่าแม้เพียงเสี้ยววินาที

“ทำให้เขาเงียบ”

“เอ่อ.. ทำอย่างไรขอรับ?”

“ทำยังไงก็ได้.. เขากำลังรบกวนการผ่าตัด จับตะเกียงไว้ให้แน่นๆ”

“ขอรับ.. แล้วก็”

สำหรับโดลซกแล้ว ท่านหมอคือปัญหาใหญ่ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น น้องชายของเขาอาจตายได้หากยังคงเป็นเช่นนี้ บางทีถ้าหากเขาบอกกับท่านหมอว่าเขาทำตามคำสั่งของนายท่าน เขาก็อาจจะไม่โดนทำโทษถึงตายก็ได้

“ท่านหมอ..ขอรับ”

“มีอะไรรึเจ้าหนู?”

“อย่าเรียกข้าว่าเจ้าหนู”

“อ๊าค..”

เพียงยกเท้าถีบแค่ครั้งเดียว ท่านหมอก็กระเด็นไปอยู่ที่มุมห้อง แต่นั่นทำให้ตะเกียงในมือสั่นเล็กน้อย แต่นั่นไม่มีปัญหาสำหรับจองกุก เขาได้เปิดเยื่อบุช่องท้องแล้วในตอนนี้ และกำลังจัดการกับไส้ติ่งที่กำลังเป็นหนอง

‘เป็นเรื่องปกติที่จะปวดขนาดนั้นหากเป็นไส้ติ่งอักเสบ’

นี่ถ้าไส้ติ่งแตก เด็กชายคงไม่ทางรอด เว้นแต่จะมีเครื่องไม้เครื่องมือและสภาพแวดล้อมที่สะอาดปลอดเชื้อกว่านี้ เขาก็พอจะทำอะไรได้บ้าง แต่ที่นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

“เธอยังสบายดีใช่ไม๊?”

“ขอรับนายท่าน”

“เก่งมากเด็กน้อย.. ใกล้จะเสร็จแล้ว”

‘อึก!’ โดลซกกลืนน้ำลายที่แห้งขณะที่มองดูว่าจองกุกทำอะไร เขาใช้มีดเฉือนร่างกายคนโดยที่คนถูกเฉือนยังมีชีวิตอยู่.. ถ้าไม่ใช่จองกุกจะมีใครที่ทำแบบนี้ได้ มีแต่เขาที่เอาชนะความตายได้

ไม่.. หากโอซกตาย เขาจะไม่ปล่อยจองกุกแน่..

“จับตะเกียงให้แน่น”

“ขอรับ.. ขอรับ..”

เพราะเขากำลังคิดเรื่องไม่ซื่อกับจองกุก เขาจึงตอบไปด้วยเสียงที่ดังและเร็วกว่าเดิม

นาทีนั้น.. จองกุกจัดการมัดไส้ติ่งด้วยเชือกแล้วตัดด้วยกรรไกร จากนั้นการผ่าตัดก็ค่อนข้างง่ายหลังจากที่หาไส้ติ่งพบแล้ว

“เรียบร้อยแล้ว.. ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องเย็บ นิ่งๆไว้นะ”

“ขอรับนายท่าน”

“ไม่เจ็บใช่ไม๊?”

“ไม่ขอรับ”

จองกุกจัดการเย็บปิดผนังบุช่องท้อง แล้วตามด้วยเย็บผิวหนังปิด รอยบากที่เปิดกว้างเมื่อครู่ตอนนี้ถูกเย็บปิดจนแน่น

หากพิจารณาจากประสบการณ์และทักษะของจองกุก การผ่าตัดครั้งนี้จัดได้ว่าเป็นการผ่าตัดที่ไม่มีอะไรสำหรับเขา แต่สำหรับโดลซกแล้ว.. มันคือความมหัศจรรย์

ผ่าสดๆแล้วก็ปิด..

นี่ไม่ใช่อะไรใหญ่โตสำหรับจองกุก เขาผ่านเคสผ่าตัดมามากมายตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นแพทย์ประจำบ้าน (Resident)

จากนั้นเขาก็ถอดถุงมือออกแล้วพยักหน้าเบาๆ..

“เธอทำได้ดีมาก.. ตอนนี้ไข้ก็จะไม่มีแล้ว หลับฝันดีนะ”

“ขอรับนายท่าน”

“ขอรับ”

โอซกนอนหลับไป หลังจากที่ต้องต่อสู้กับความเจ็บป่วยมาเป็นเวลาหลายวัน และความเครียดที่เกิดจากการผ่าตัด สีหน้าของเขาดูสงบขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก

โดลซกพูดอะไรไม่ออก เขายังคงถือตะเกียงไว้ในมือ และใบหน้าของเขาภายใต้แสงตะเกียงก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

ไม่แปลก.. เพราะสิ่งที่เขาเห็นดูเหมือนจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับเขา

“นายท่าน.. ท่านทำได้ยังไงกัน?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด