ตอนที่แล้วDND.87 - พลังหาใดเปรียบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.89 - การต่อสู้แห่งศตวรรษ

DND.88 - ปราบทวิกระบวนท่า


ฟึ่บ--

ร่างนั้นเข้ามาใกล้ขึ้นอย่างรวดเร็ว

เขามีอายุประมาณยี่สิบปี ใบหน้าหล่อเหลามาพร้อมกับร่างกายอันสง่างาม เขามีพลังระดับเก้าขั้นกลางเช่นกัน...นั่นทำให้ทุกคนเป็นกังวล

เขาบินมายังลานประลองอย่างสง่างามและมองไปยังราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จากระยะไกล เขาประสานมือด้วยความนับถือ

“ชางเฟยหยุนจากหุบเขาเฟิงหวง ข้ามาเพื่อพบราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ ใต้บัญชาแห่งเซียนหุบเขา”

ราชันย์ยังคงสงบนิ่ง

“มีสิ่งใด...จงพูดออกมา”

มิได้อ่อนน้อมหรือหยาบคาย ชางเฟยหยุนตอบอย่างใจเย็น

“ในนามแห่งเซียนหุบเขา นางชี้แนะให้ท่านเคลื่อนไหวเร็วขึ้น นางจะไม่รอหากท่านชักช้า”

ข้อความอะไรกัน!

มันหยาบคายกับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์นัก! เซียนหุบเขาเฟิงหวงหยาบเกินไปแล้ว!

ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์มองชางเฟยหยุน

“กลับไปบอกนางว่าข้าจะไม่พลาดการต่อสู้แห่งศตวรรษ!”

“เช่นนั้น! ข้าจะบอกนาง”

ชางเฟยหยุนพูดอย่างนับถือและค่อยหันหลังเตรียมตัวจะจากไป

“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”

หลิวคุนมองอย่างเย็นชา

ชางเฟยหยุนหันฝีเท้ากลับมา

“เจ้ามีเรื่องอะไรกับข้างั้นรึ?”

เขาวางท่าถาม

ใบหน้าหลิวคุนเย็นชา

“เจ้าคิดว่าจะเข้าๆออกๆวิหารได้ตามใจงั้นรึ? เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นหุบเขาของเจ้ารึไง?”

“แล้วเจ้าจะทำอะไรล่ะ?”

ชางเฟยหยุนถาม เขาดูเบื่อหน่ายและเอามือไพล่หลัง

หลิวคุนระเบิดโทสะ

“ข้าอยากจะรู้นักว่าวิชาของคนในเฟิงหวงมันเหมาะสมกับความหยาบคายนั้นหรือไม่!”

ศิษย์สวรรค์ทั้งสิบสังเกตอย่างเงียบเชียบ

หุบเขาเฟิงหวงทำเกินไป!

พวกเขาเดินทางมาไกลเพียงเพื่อบอกราชันย์ศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจะไม่รีรอหากเขาช้า นั่นนับว่าเป็นการลบหลู่ต่อราชันย์ศักดิ์สิทธิ์!

ชางเฟยหยุนและความหยาบคายของเขาจะต้องถูกขัดเกลา!

“ด้วยพลังของเจ้าน่ะรึ? เจ้ามิใช่คู่แข่งของข้าหรอก”

ชางเฟยหยุนส่ายหัวเบาๆและตอบอย่างดูถูก

“ข้าจะสู้กับเจ้าได้หรือไม่ มันตัดสินกันหลังจากที่สู้กันแล้วต่างหาก!”

หลิวคุนตะโกน

“ฟ้าดินวินาศ!”

หลิวคุนตะโกนและตัวของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยฎีกาสวรรค์

ทุกคนได้ยินเสียงคลื่นสมุทรพิโรธ มันแรงพอที่จะพัดพาภูเขา พลังโจมตีนั้นกว้างใหญ่และดูดทุกคนไปยังใจกลาง

พลั่ก--

ว่าที่ศิษย์สวรรค์ที่อยู่ใกล้ลานประลองต่างปลิวไปข้างหลังและกระอักเลือด

หลิวชิงหวาดกลัว เขาหน้าซีด

ฎีกาสวรรค์ของหลิวคุนแกร่งมาก เขาเป็นศิษย์สวรรค์ที่ไร้เทียมทาน

มีเพียงสามลำดับแรกของศิษย์สวรรค์เท่านั้นที่ต้านพลังฎีกาสวรรค์ของหลิวคุนได้

ตู้ม--

พลังที่เพียงพอจะทลายฟ้าดินพุ่งตรงไปยังชางเฟยหยุน

แต่แม้จะต้องเจอกับพลังอันน่ากลัว...ชางเฟยหยุนก็ยังคงใจเย็นเช่นทุกที

“ได้แค่นี้เองรึ”

เขายั่วยุ

“หลิวผกากระจ่าง!”

ฟึ่บ--

ร่างชางเฟยหยุนหายไปกับเงา...รวดเร็วยากจะมองตามทัน

พลังอันเข้มข้นกดดันพื้นที่รอบๆ แต่มิได้ถึงตัวชางเฟยหยุนแม้แต่น้อย!

ผู้คนตกตะลึง

“นั่นมัน...ฎีกาสวรรค์ระดับสวรรค์งั้นรึ?”

“ไม่ใช่แล้ว นั่นมันแกร่งกว่าระดับสวรรค์!”

“มีแค่ฎีกาสวรรค์ระดับนั้นแล้วยังกล้าสามหาวเช่นนั้นอีกรึ? เจ้ามันก็แค่พวกโง่เขลา!”

ชางเฟยหยุนตะโกนอย่างมืดทน

หลิวคุนตกใจ ฎีกาสวรรค์ของศัตรูนั้นมันคือประเภทใดกัน? ราวกับว่าเขากระหน่ำโจมตีเงา!

ชางเฟยหยุนมิรีรอ เขาพุ่งออกไปตามปกติราวกับว่าเดินเล่นอยู่ในสวน แต่ความเร็วของเขานั้นเร็วมาก! ในพริบตาก็เข้าถึงตัวหลิวคุน

“หมัดฝังเขาวารี!”

ชางเฟยหยุนปล่อยหมัดออกไป

หมัดของเขาแข็งแกร่งและราวกับว่ามันจะพลิกคลื่นวารีพิโรธ ราวกับว่าทั้งสิงขรและวารียาวนับพันลี้จะหลอมรวมกันเพราะหมัดเดียวนี้

“ฝ่ามือขจัดธรณี!”

หลิวคุนกัดฟันและโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

เขายื่นฝ่ามือออกไปและทำให้พื้นสั่น ราวกับว่ามันจะลบล้างสวรรค์และผืนแผ่นดิน มันทำให้พื้นดินแตกไปทุกทิศทาง

หมัดและฝ่ามือปะทะกัน!

ตู้ม--

พุ่บ--

พลั่วะ! พลั่วะ!

หลิวคุนถอยหลังไปหลายก้าวและกระอักเลือดออกมา เขาตกตะลึง! เขาพ่ายแพ้ในสองกระบวนท่า!

ทั้งสองคนมีพลังระดับเก้าขั้นกลาง แต่ความต่างของพลังนั้นช่างน่าตื่นตะลึง!

เหล่าคนที่พบเห็นอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง!

แววตาราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จริงจัง

ชางเฟยหยุนที่ชนะในสองกระบวนท่าหัวเราะเยาะ

“บอบบางนัก”

หลิวคุนหน้าแดงด้วยความโกรธ เขาตะโกนแม้จะมีโลหิตในปาก

“เจ้ากบในกะลา หยาบช้านัก! วิหารข้าก็มีระดับเก้าขั้นกลางที่ชนะข้าด้วยสองกระบวนท่ามิต่างกัน นางคือลำดับสาม ศิษย์พี่หวางจิง พวกหุบเขาเฟิงหวงเช่นเจ้ามิกลัวจะเป็นเรื่องขบขันของพวกเรางั้นรึ?”

ดูเหมือนพลังของชางเฟยหยุนจะอยู่ในระดับสูงของหุบเขาเฟิงหวง ความหยาบคายของเขานั้นทำให้ยากที่ใครจะบอกได้ว่าเขาเป็นคนดี

แต่คาดไม่ถึงที่ชางเฟยหยุนหัวเราะเยาะออกมา

“เอ๋? กบในกะลางั้นรึ? เจ้ารู้ลำดับของข้าในหุบเขาเฟิงหวงหรือไม่?”

หลิวคุนตัวแข็งทื่อ เขามองหน้าชางเฟยหยุนที่ยิ้มเยาะ หลิวคุนเริ่มจริงจัง บางทีอำนาจของหุบเขาเฟิงหวงอาจจะไม่ได้มากไปกว่าวิหาร อย่างไรทั้งสองฝั่งก็มีราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ ความต่างอาจจะมีบ้าง แต่มิน่าจะมากเกินไป

“หึหึ...หากเจ้าไม่คิดจะบอกข้าก็เดาว่าเจ้าอยู่ในลำดับห้านั่นแหละ!”

หลิวคุนหัวเราะอย่างเยือกเย็น

ชางเฟยหยุนนั้นแข็งแกร่ง ดูเหมือนเขาจะอยู่ในลำดับสี่หรือห้า หากเขาอยู่ในวิหารนี้ก็อาจจะอยู่ในลำดับสาม!

ชางเฟยหยุนขำ

“ลำดับห้างั้นรึ? ศิษย์วิหารนี่ช่างเป็นกบในกะลาเสียจริง! ข้าเป็นได้แค่ลำดับสิบในเฟิงหวงเท่านั้น!”

อะไรกัน? ลำดับสิบงั้นรึ?์

ทุกคนตกตะลึง

พลังเทียบเท่าลำดับสามในวิหารคือลำดับสิบในเฟิงหวงงั้นรึ? หากชางเฟยหยุนมิได้โกหก...พลังของเฟิงหวงจะน่ากลัวเท่าใดกัน?

เหล่าศิษย์วิหารตัวสั่น หากแข็งแกร่งขนาดนั้นแล้วอยู่ในลำดับสิบ...ผู้มีพรสวรรค์เช่นใดกันถึงจะได้เป็นลำดับหนึ่ง?

แววตาราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ยังคงเยือกเย็น

นิ่งเงียบอยู่ไม่นาน ราชันย์ก็ประกาศอย่างแผ่วเบา

“ข้าจะพาศิษย์สวรรค์ไปกับข้าที่หุบเขาเฟิงหวงแค่ห้าคนเท่านั้น ทุกคนไม่มีเหตุผลจะต้องไป”

สิบศิษย์สวรรค์ตกใจ!

ตัวตนของชางเฟยหยุนได้ทำให้ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เปลี่่ยนใจ!

เหล่าศิษย์สวรรค์สั่นคลอนอย่างมาก โดยเฉพาะตั้งแต่ลำดับที่หกถึงสิบ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที หากพวกเขามิได้ติดตามราชันย์ไป...พวกเขาจะต้องถูกทิ้งเช่นเดียวกับเหล่าว่าที่ศิษย์สวรรค์!

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ--

ในเสี้ยววินาที ศิษย์สวรรค์ทั้งห้าก็มองไปทางหลิวคุนที่อยู่ลำดับห้า!

ตามกฎการประลองของศิษย์สวรรค์แล้ว ศิษย์สวรรค์จะเลื่อนระดับได้ถ้าหากประลองชนะคนลำดับที่สูงกว่า พวกเขาเห็นโอกาสเดียวในการติดตามราชันย์ศักดิ์สิทธิ์และไม่เกรงกลัวที่จะท้าประลองกับลำดับห้า

“ศิษย์พี่หลิว ข้าขอท้าประลอง!”

เหล่าศิษย์สวรรค์ที่มิกล้าประลองกับหลิวคุนในอดีตต่างอยากจะประลองกับเขา

ราชันย์แอบยอมรับการประลองของพวกเขา

แต่...เสียงอันเย็นชาก็ดังมาจากลานประลอง

“ศิษย์พี่...เจ้าลืมไปแล้วรึว่าข้ายังอยู่บนลานประลอง?”

ศิษย์สวรรค์ทั้งห้าคนจึงได้รู้ว่าการประลองของหลิวคุนและซือหยูยังมิได้เริ่มขึ้น

หลังจากที่ถูกชางเฟยหยุนแทรกกลางคัน ตามธรรมเนียมแล้ว...เป็นสิทธิ์ของซือหยูที่จะได้ประลองก่อน

หลิวคุนเช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปากและกลับขึ้นลานประลองอีกครั้ง

“ซือหยู! เห็นการต่อสู้ของข้าแล้ว เจ้าก็ยังกล้าจะประลองกับข้า ช่างน่าประทับใจ”

แม้เขาจะแท้ แต่ก็ไม่มีใครตั้งคำถามต่อพลังของหลิวคุน

ซือหยูหลับตาพริ่ม

“ศิษย์พี่หลิว เจ้าเข้าใจผิดแล้ว คนที่ข้าจะประลองมิใช่เจ้า...แต่เป็นบุรุษผู้นั้น”

ซือหยูยืนมือไพล่หลังและมองไปทาง...ชางเฟยหยุน!

อะไรกัน? เป้าหมายของซือหยูคือชางเฟยหยุน!

เขาแกร่งพอที่จะอยู่ในลำดับสองหรือสามในวิหาร

ชางเฟยหยุนมองซือหยูด้วยแววตาเย็นชาและฝืนยิ้ม

“หืม? เจ้าคือคู่หมั้นของเซี่ยนเอ๋อ..ซือหยูงั้นรึ?”

ตลอดทาง เขาได้รวบรวมข้อมูลและรับรู้อย่างง่ายดายว่าซือหยูที่มีชื่อเสียงนั้นเข้าสู่วิหาร ชางเฟยหยุนมิกล้าจะสังหารซือหยูอย่างเปิดเผยเพราะเขาเป็นศิษย์วิหาร เรื่องนี้จะต้องให้เซียนหุบเขาจัดการ

เมื่อได้ยินชื่อเซี่ยนเอ๋อ ซือหยูก็ตัวสั่น

อย่างที่คิด...เซี่ยนเอ๋ออยู่ในหุบเขาเฟิงหวงจริงๆ นางจะเป็นยังไงบ้างนะ? พวกเขาดูแลนางได้ดีไหม...หรือนางจะถูกรังแก?

ในใจซือหยูเต็มไปด้วยร่างกายเล็กน่ารักของเซี่ยนเอ๋อ

เขาปรารถนาจะไปหุบเขาเฟิงหวงทันทีเพื่อพบเซี่ยนเอ๋อ

“เจ้าอยากจะรู้กับข้ารึ?”

ซือหยูรู้สึกถึงความเป็นปรปักษ์จากชางเฟยหยุน

ชางเฟยหยุนยิ้มเยาะ

“คนตาบอดเช่นเจ้าไม่มีสิทธิ์จะเป็นคู่ของเซี่ยนเอ๋อ!”

ฟึ่บ--

ชางเฟยหยุนก้าวไปข้างหน้า

“เพื่อแสดงความนับถือต่อเซี่ยนเอ๋อ ข้าจะต่อให้เจ้าสามกระบวนท่าดีไหม? เห็นรึยังว่าข้ากับเซี่ยนเอ๋อใกล้ชิดกันไม่เหมือนผู้ใด”

ถ้อยคำของเขาแฝงความดูถูก เป็นการบ่งบอกว่าซือหยูต้องการเซี่ยนเอ๋อให้ปกป้องเขา

“หาจำเป็นไม่ เจ้าใช้พลังเต็มที่ซะ ขณะที่เจ้ายังมีโอกาส”

ซือหยูพูดอย่างสุขุม เงียบสงบราวสายธารเหมันต์

ประโยคนั้นของซือหยูทำให้ทุกคนนิ่งด้วยความตะลึง!

ซือหยูบอกว่าชางเฟยหยุนไม่มีโอกาสจะได้ขยับตัวด้วยซ้ำ! แม้ดวงตาของราชันย์ก็สั่นคลอน

หลงเสี่่ยวยี่เดาว่าซือหยูคิดจะใช้กับดักและชิงไหวชิงพริบกับศัตรู นางเห็นวิธีสังหารราชันย์เพชรฆาตของซือหยู หลงเสี่่ยวยี่มิได้ดูถูกในพลังและความคิดของซือหยูเลย

ชางเฟยหยุนตกใจ เขาไม่คิดว่าซือหยูจะกล้าพูดเช่นนี้

ชางเฟยหยุนรู้สึกตัวอีกครั้งและส่ายหัว

“ทีแรกข้าคิดว่าคู่หมั้นของเซี่ยนเอ๋อ แม้จะเป็นคนธรรมดา แต่ก็มีความสามารถ”

“แต่ไม่คิดเลยว่านอกสายตาเจ้าจะมืดบอดแล้ว จิตใจของเจ้าก็มืดบอดเช่นกัน น่าเวทนานักที่กล้าพูดถ้อยคำโง่เขลานั่นออกมา!”

ชางเฟยหยุนส่ายหัวอย่างเย็นชา

“ข้ารู้สึกว่าเจ้ามิคู่ควรแทนเซี่ยนเอ๋อเสียจริง...ที่ต้องมาหมั้นกับคนโง่เขลาเช่นเจ้า! หากนางติดตามเจ้าต่อไป...นางจะต้องทุกข์ทรมานเป็นแน่!”

ซือหยูยังคงใจเย็นมิได้โศกเศร้าหรือโกรธแค้น เขาส่ายหัวเบาๆ

“ข้าให้โอกาสเจ้าโจมตีแล้ว...เจ้ายังเสียเวลามาพล่ามไร้สาระอีก คนในหุบเขาเฟิงหวงมันน่าขยะแขยงเช่นนี้ทุกคนรึไงกกัน?”

คำพูดของชางเฟยหยุนถูกทำให้เป็นอากาศธาตุ...และไม่สนใจโดยซือหยู

ชางเฟยหยุนบัลดาลโทสะ

“ฮื่ม! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน! ในนามแห่งหุบเขาเฟิงหวง ข้าจะสั่งสอนคนโง่เขลาเช่นเจ้าซะ!”

ฟึ่บ--

ชางเฟยหยุนจู่โจมซือหยูทันที

ซือหยูมิได้ขยับตัวแม้แต่น้อย

“เจ้าใช้โอกาสที่ข้าให้หมดเสียแล้ว ต่อหน้าข้า...เจ้าไม่มีสิทธิ์ได้ขยับตัวด้วยซ้ำ”

เขาพูดอย่างบางเบา...ไม่ใส่ใจ

ซือหยูเริ่มขยับตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าสู่ลานประลอง!

เขาเพียงแค่ยกนิ้ว...ชี้ไปยังชางเฟยหยุน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด