ตอนที่แล้วDND.63 - วิหารสวรรค์และมนุษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.65 - คู่รักแต่เยาว์วัย

DND.64 - ขจัดเปลือกมนุษย์


“ศิษย์พี่ฉิว ท่านเคยเจอเขาแล้ว เขาคือผู้ชนะะของงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ ซือหยู!”

เซี่ยจิงหยูตาเป็นประกาย นางตื่นเต้น

เขางั้นเหรอ? ฉิวชางเจี้ยนเลิกคิ้วสูงขึ้น

ฉิวชางเจี้ยนทำตามกฎ แม้เขาจะไม่สืบสวนเรื่องซือหยูต่อ แต่เขาก็เป็นผู้รบกวนงานประชุมศักดิ์สิทธิ์

งานประชุมศักดิ์สิทธิ์คือตัวแทนแห่งวิหาร เกียรติของมันมิอาจดูหมิ่น เขายอมรับการตัดสินใจของผู้รับใช้เพลิงที่ตัดสิทธิ์ซือหยู นี่เป็นการบอกทุกคนว่างานประชุมศักดิ์สิทธิ์นั้นห้ามถูกรบกวน ไม่ว่าจะมีพลังแค่ไหน

“ทำไมเจ้าแนะนำเขาล่ะ?”

ฉิวชางเจี้ยนอดทนถาม เขามิอยากจะทำให้เซี่ยจิงหยูต้องอับอายต่อหน้าทุกคน

ในใจ ฉิวชาวเจี้ยนไม่คิดจะให้โอกาสซือหยู

แต่เซี่ยจิงหยูกลับพูดหนึ่งประโยคตอบกลับมา...ประโยคที่เปลี่ยนใจเขาอย่างสมบูรณ์!

“ฎีกาสวรรค์ของข้าได้มาจากซือหยู!”

เซี่ยจิงหยูหน้าแดงราวกับบุพผาหลังพิรุณ น่าเขินอายและอ่อนโยน

“พาข้าไปหาซือหยู! เดี๋ยวนี้!”

ฉิวชางเจี้ยนรีบลึกขึ้นและออกไปจากห้องลับอย่างรวดเร็ว

ฉิวชางเจี้ยนตกตะลึง

ฎีกาสวรรค์ของเซี่ยจิงหยูเป็นขั้นกลาง แล้วซือหยูที่สอนเซี่ยจิงหยูจะอยู่ระดับใดกัน?

ฉิวชางเจี้ยนเกือบจะลืมซือหยูไปแล้ว เขาแอบเสียใจเล็กๆ

ที่ลานประลอง ซือหยูทำลายแหล่งพลังของไป่ชี่เซียงด้วยฝ่ามือเดียว

ไป่ชี่เซียงสลดใจ พลังบ่มเพาะของเขาถูกทำลายไปทั้งหมด อย่างมากเขาก็เป็นได้เพียงอาจารย์สอนทฤษฎีให้กับผู้เริ่มต้นบ่มเพาะพลังเท่านั้น

แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ บางทีนี่อาจจะดีที่สุดแล้ว

ในฐานะมือขวาขององค์ชายหนึ่ง เขาคือผู้รอคอยการลงโทษจากองค์ชายสาม ซือหยูที่ทำลายพลังของเขานั้นนับว่าช่วยชีวิตเขาในทางอ้อม

แม้ความคิดและอารมณ์จะขัดแย้ง แต่ไป่ชี่เซียงก็มิกล้าดื้อดึงไปมากกว่านี้ เขาโชคดีแล้วที่รอดมาจากสงครามชิงบัลลังก์นี้

“ขอบคุณที่มิเอาชีวิตข้า นี่คือวิชาระดับสวรรค์ที่องค์ชายหนึ่งให้ข้าศึกษา ข้าอ่านมันมาทั้งปี แต่ข้าก็เสียพลังไปแล้ว จากนี้ไปมันเป็นของเจ้า”

ไป่ชี่เซียงส่งตำราให้ซือหยู

ตำราวิชาระดับสวรรค์ถือเป็นของที่ยอดเยี่ยม การเอาออกมาในที่แจ้งนับว่าอันตรายต่อชีวิต

ซือหยูขมวดคิ้ว...มันเป็นวิชาระดับสวรรค์ของจริง!

หลังจากไป่ชี่เซียงลากร่างกายอันบอบซ้ำออกไป ซือหยูก็เปิดตำรา

เขาวิเคราะห์บันทึกที่ไป่ชี่เซียงเขียนไว้ตลอดหลายปี ซือหยูเริ่มเข้าใจวิชาระดับสวรรค์นี้แล้ว

“เงาลอยล่อง วิชาระดับสวรรค์ นับว่าเป็นยอดแห่งวิชาเคลื่อนที่ มีทั้งหมดสามระดับ ที่ระดับหนึ่งขั้นสูงจะเคลื่อนไหวได้ดั่งเงาที่แยกจากขอบเขตความเป็นจริง”

“ที่ระดับสองขั้นสูง...เจ้าจะเดินบนผิวน้ำได้”

“ที่ระดับสามขั้นสูง...เจ้าจะบิน ขี่แสง และคว้าเงาได้”

ซือหยูตกตะลึง นี่เป็นวิชาระดับสวรรค์ที่ใช้เคลื่อนไหว!

เงาเมฆาของซือหยูเป็นเพียงวิชาบ่มเพาะขั้นต้น ผลของมันมีขีดจำกัด และมันใช้ไม่ได้ดีกับซือหยูอีกแล้ว

วิชาระดับสวรรค์นี้มาถึงมือซือหยูทันเวลา

หากบ่มเพาะเงาลอยล่องจนถึงระดับหนึ่งขั้นสูง เขาจะเร็วเทียบเท่าผู้มีพลังระดับหกขั้นสูง หากบ่มเพาะถึงระดับสองขั้นสูงร่างเขาจะเบาดั่งขนปักษาและเดินบนน้ำได้ เขาจะบินเป็นระยะสั้นๆได้หากมีแรงสนับสนุนรอบๆ หากบ่มเพาะถึงขั้นสามระดับสูง...เขาจะบินได้!

ตึก ตัก--

ซือหยูใจเต้นแรง โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงระดับสาม ...การบินนี้มิใช่พลังของมนุษย์ อย่างน้อยในโลกใบนี้ก็มีเพียงราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะบรรลุวิชาเช่นนี้ได้

ซือหยูพยายามเรียนรู้วิชานี้โดยไม่รู้ตัว

เขาใช้พลังเร่งเวลาทันที

หลังจากถูกชำระล้างด้วยน้ำสีแดงสองหยด พลังเร่งเวลาของซือหยูเร็วกว่าเดิมมาก

แต่ก่อนตอนต่อสู้เขาจะเร่งเวลาได้ห้าเท่า แต่ตอนนี้มันเพิ่มเป็นสิบเท่า ในตอนที่เขาหยุดนิ่งเช่นอ่านตำรา จากที่เร่งเวลาได้สามสิบเท่า ในตอนนี้เขาเร่งความเร็วจนถึงห้าสิบเท่า

ทุกนาทีที่ซือหยูอ่านตำรานั้นเทียบเท่าห้าสิบนาทีของคนอื่น...นับเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วยาม

เมื่อเขาอ่านตำรา ฉิวชางเจี้ยนและเซี่ยจิงหยูก็มาถึง

องค์ชายสามพยายามจะเรียกซือหยู

ฉิวชางเจี้ยนพยายามทลายภวังค์ของซือหยูด้วยใบหน้ายอมรับ ซือหยูเรียนวิชาทันทีหลังการต่อสู้อันดุเดือด บุรุษผู้นี้มิเสียเวลาเลยหากเป็นเรื่องบ่มเพาะพลัง

ซือหยูสงบนิ่งไปชั่วครู่ ฉิวชางเจี้ยนนั่งลงถามเรื่องอดีตของซือหยูจากองค์ชายสามและเซี่ยจิงหยู

เมื่อได้ยินหนทางในการมาเมืองหลวงของซือหยูเพื่อดยุคเซี่ยนหยู ฉิวชางเจี้ยนก็สงบนิ่ง

“สละชีวิตเพื่อผู้มีพระคุณ...ยอดเยี่ยม!”

หลังจากเข้าใจเรื่องทั้งหมด เขาก็มองซือหยูเปลี่ยนไป เขาเริ่มมองซือหยูในด้านดีอย่างมาก

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ซือหยูลุกขึ้นด้วยใบหน้าสับสน เขาขมวดคิ้ว มีคำถามในใจเต็มไปหมด

เขาถือตำราในมือแน่น มิใช่เพราะสงสัยในตัววิชา มิใช่เพราะมันยากเกินกว่าจะเข้าใจ...แต่เพราะมันธรรมดาเกินไป!

เขาใช้เวลาเรียนรู้ครึ่งชั่วโมง ซึ่งเท่ากับยี่สิบห้าชั่วโมงในนอกภายนอก นับเป็นเวลาเพียงหนึ่งวัน...แต่ซือหยูบรรลุวิชาระดับสองขั้นต้นแล้ว!

แม้จะด้วยบันทึกที่ไป่ชี่เซียงเขียนไว้หรือการรวมกันของวิญญาณ...แต่มันมิควรง่ายดายเช่นนี้

เขาเพียงบรรลุสายฟ้าดาราม่วงถึงระดับหนึ่งขั้นต้นหลังจากบ่มเพาะพลังหลายวัน...และมันก็เป็นวิชาระดับสวรรค์เหมือนกัน

แต่เพียงวันเดียวเขากลับบรรลุวิชาเงาลอยล่องถึงระดับสองขั้นต้น!

เหตุใดความยากของวิชาระดับสวรรค์สองวิชาจึงต่างกันเช่นนี้?

ฟึ่บ--

ลมกรรโชกแรงพัดตีหน้าซือหยูขณะที่กำลังคิดหนัก

ซือหยูละทิ้งความสบัสนทันที เขาซัดฝ่ามือออกไปทันทีโดยไม่ได้คิด

ในตอนนี้เขาไม่ต้องตั้งท่าฎีกาสวรรค์แบบในภาพเขียนอีกแล้ว

คนอื่นจะเห็นว่าซือหยูคือบุรุษในภาพเขียนที่แยกตัวจากโลกความจริง...ฝ่ามือของเขายื่นออกไปและลากผู้คนมาในขอบเขตเดียวกับเขา...และจะถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง

ครืน--

ซือหยูตกใจมากที่ฝ่ามือของเขาหายไปทันทีหลังจากใส่ฎีกาสวรรค์ลงไป

เขาเงยหน้าขึ้นไปและเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

“ศิษย์สวรรค์ฉิว?”

ซือหยูดึงมือกลับ เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ ฉิวชางเจี้ยนมิได้มีจิตสังหาร เหตุใดเขาจึงโจมตีออกไปกัน?

ข้างศิษย์สวรรค์คือเซี่ยจิงหยูที่กำลังตื่นเต้น นางตื่นเต้นเมื่อเห็นฝ่ามือที่ซือหยูใช้

ดูเหมือนฎีกาสวรรค์ของซือหยูจะพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว มันซับซ้อนและไหลลื่นกว่าเดิม เป็นธรรมชาติและเป็นจังหวะกว่าเดิม เมื่อก่อนฎีกาสวรรค์นี้ดูงุ่มง่ามในสายตาผู้อื่น

ในวันนี้เขาได้ละทิ้งทุกสิ่งรอบฎีกาสวรรค์และเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติมากที่สุด เขาได้บรรลุการเข้ากับธรรมชาติแล้ว

“ฎีกาสวรรค์ระดับสูง! ยอดเยี่ยม!”

ฉิวชางเจี้ยนตกตะลึง!

ซือหยูยังคงสับสน...เขาไม่เข้าใจฉิวชางเจี้ยน

“ศิษย์น้องซือ! เจ้ามีเวลาเตรียมตัวหนึ่งวัน พรุ่งนี้เจ้ากับศิษย์น้องเซี่ยจะได้เข้าวิหารสวรรค์กับข้า!”

ฉิวชางเจี้ยนโล่งใจและเดินออกไปอย่างยินดี

เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างไร้เดียงสาราวกับบัวกระจ่าง นางอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนมาเจอซือหยู

“หา? มีแค่เจ้ากับข้าที่ได้เข้าวิหารสวรรค์งั้นรึ?”

ซือหยูตกใจ เขาคิดว่าเขาคงมิได้มีชะตากับวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่คิดว่าเซี่ยจิงหยูจะแนะนำเขาให้เข้าวิหารสวรรค์ที่ระดับสูงกว่าวิหารธรรมดา

“ขอบคุณนะ...จิงหยู”

ซือหยูรู้สึกขอบคุณ ชะตาของเขาพลิกผันเพราะน้ำแรงของเซี่ยจิงหยู

เซี่ยจิงหยูยิ้มร่า ดวงตานางสะท้อนไปกับแสง

“เจ้ามอบฎีกาสวรรค์ของเจ้าให้ข้า ตอนนี้ข้าต้องเป็นฝ่ายตอบแทน พวกเราจะเกื้อหนุนไปด้วยกัน”

ซือหยูยิ้ม เขามองเซี่ยจิงหยูด้วยใจขอบคุณ

หากเซี่ยนเอ๋อคือคนรัก เซี่ยจิงหยูก็คือดาราแห่งโชค สำหรับเซี่ยนเอ๋อ ซือหยูเพียงรักนาง แต่กับจิงหยูมันโอบล้อมไปด้วยสำนึกในบุญคุณ

เซี่ยจิงหยูหน้าแดงราวกับตะวันตกดินยามเริ่มเหมันต์...ช่างงดงามยิ่ง

เซี่ยหลินฉวนสับสน เขาเดินไปข้างดยุคเซี่ยนหยูและถอนหายใจ

“ท่านดยุค ขอบุตรเขยท่านให้ข้าเถอะ...อย่างน้อยท่านจะได้มิต้องกังวลในอนาคต”

ใบหน้าโล่งใจของดยุคเซี่ยนหยูแข็งทื่อทันที เขามองแผ่นหลังซือหยูอย่างรู้สึกผิดและกังวล แต่ก็ส่ายหัวพร้อมดวงตาเป็นประกาย

“ในชั่วชีวิตข้า...ข้าขอมีบุตรเขยเพียงผู้เดียวคือซือหยู! หามีใครแทรกกลางระหว่างเขาและเซี่ยนเอ๋อไม่!”

“...ท่านเคยคิดถึงความแข็งแกร่งของหุบเขาเฟิงหวงบ้างหรือไม่? หากพวกเขารู้ว่าเซี่ยนเอ๋อมีคู่หมั้น...ท่านจะรับประกันความปลอดภัยของซือหยูได้อย่างไร?”

เซี่ยหลินฉวนถอนหายใจและมองแผ่นหลังซือหยูอย่างเสียดาย

หากเซี่ยนเอ๋ออยู่ข้างดยุคเซี่ยนหยู นางจะมีความสุขอยู่กับซือหยู เป็นสามีภรรยาคู่กันตลอดไป

แต่เซี่ยนเอ๋อที่อยู่ในหุบเขาเฟิงหวงนั้นได้เปลี่ยนทุกอย่าง

ด้วยสถานะของเซี่ยนเอ๋อในหุบเขาเฟิงหวง ซือหยูอาจจะไม่ได้อยู่กับนางอีก คนในเฟิงหวงจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อทำลายการหมั้น

มีหลายวิธีที่จะทำลายการหมั้น แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือการสังหารซือหยู

ด้วยพลังของเฟิงหวงและความป่าเถื่อน ซือหยูเป็นเพียงมดปลวกในสายตาพวกเขา การตายของซือหยูจะมิเป็นที่จดจำต่อใคร

เหตุใดไม่ปล่อยให้ซือหยูเข้าวิหารสวรรค์และถอนหมั้นก่อนที่จะมีคนมาเอาชีวิตเขา? นี่จะแก้วิกฤติของซือหยูและเป็นประโยชน์กับเซี่ยจิงหยู และยังคลายกังวลของดยุคเซี่ยนหยูไปได้ ยิงปืนนัดเดียวได้วิหคสามตัว

“เดี๋ยว...รอก่อนเถอะ ข้าไม่คิดว่าซือหยูจะยอมแพ้ ให้เวลาเขาหน่อย ซือหยูจะพิสูจน์ตัวเองต่อเฟิงหวงว่าเขาคู่ควรกับเซี่ยนเอ๋อ”

ดยุคเซี่ยนหยูมิอาจทนต่อการถอนหมั้นได้

สำหรับเขา...ซือหยูเดินทางมาไกล ยอมแม้สละชีวิต เขาจะถอนหมั้นกับเซี่ยนเอ๋อได้อย่างไร?

แม้แม่เซี่ยนเอ๋อจะจากไปแล้ว นางก็มีอำนาจมากในเฟิงหลวงในยามมีชีวิต ต้องขอบคุณแม่ของนางที่ทำให้เซี่ยนเอ๋อถูกปกป้องราวกับสมบัติในเฟิงหวง ไม่มีใครกล้าคิดว่าเฟิงหวงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากรู้เรื่องคู่หมั้นของนาง

ทีแรกดยุคเซี่ยนหยูวางแผนให้ผู้อาวุโสฉินส่งทั้งซือหยูและเซี่ยนเอ๋อไปยังเฟิงหวง ผู้อาวุโสฉินถือจดหมายจากดยุคไปให้บางคนในเฟิงหวง

จดหมายระบุไว้ว่าการหมั้นจะยกเลิกได้หากชีวิตของซือหยูปลอดภัย นั่นหมายความว่าซือหยูจะได้รอดอยู่ในเฟิงหวง

แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก ดยุคเซี่ยนหยูมิอาจยกเลิกการหมั้นได้

เขาจะทิ้งบุตรเขยอันยอดเยี่ยมเช่นซือหยูไปได้อย่างไร?

เขาต้องเปลี่ยนใจ เขายินดีรับซือหยูเป็นบุตรเขยเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แม้เฟิงหวงจะแทรกแซง...เขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ!

แต่เขายังไม่มีความเชื่อมั่นพอว่าจะรักษาการหมั้นไว้ได้ ซือหยูต้องแข็งแกร่งขึ้น แกร่งพอที่เฟิงหวงจะมิกล้าดูแคลน พวกเขาต้องยอมรับซือหยู เป็นหนทางเดียวที่เขากับเซี่ยนเอ๋อจะได้อยู่ร่วมกัน มิเช่นกันเพียงแค่การหมั้นคงมิอาจผูกทั้งสองเอาไว้ได้

เซี่ยนหลินฉวนส่ายหัวและถอนหายใจยาว

“ท่านคิดว่าคนในเฟิงหวงจะให้เวลาซือหยูงั้นรึ? พวกเขาจะรอให้ซือหยูเติบโตงั้นรึ?”

ดยุคเซี่ยนหยูใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อคิดตาม…

….

หลินเสี่ยวเดินเข้ามากระซิบรายงานองค์ชายสาม

“ฮื่ม! เจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่นหูไวเหลือเกิน!”

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหาซือหยู

“น้องซือ ดยุคฉินรู้ข่าวองค์ชายหนึ่งแล้ว และเขากำลังจะหนีออกจากเมืองหลวงกับตระกูล ข้าจะพาองครักษ์ไปไล่ตาม เจ้าจะมาด้วยไหม?”

ดยุคฉินแอบสั่งให้องครักษ์เฉินลอบสังหารผู้มีบัญชาศักดิ์สิทธิ์...นี่คือความผิดที่ให้อภัยมิได้

องค์ชายสามได้มีโอกาสจัดการคนขององค์ชายหนึ่งอย่างชอบธรรม ความตายขององค์ชายหนึ่งถือเป็นคำเตือนแก่ทุกคน ในตอนนี้องค์ชายหนึ่งและสองสิ้นไปแล้ว ผู้ติดตามขาดหัวหน้า องค์ชายสามต้องออกไปสังหารผู้ติดตามของพี่น้องเพื่อส่งคำเตือนให้กับทั้งโลก

ใครที่เล่นนอกกฎจะต้องจบชีวิตเช่นดยุคฉิน!

“ดยุคฉินงั้นรึ?”

เมื่อก่อน ดยุคฉินบังคับให้เขาทิ้งเจียงซื่อฉิง ฉินเฟิงลอบกัดเขาหลายต่อหลายครั้ง ดยุคฉินส่งองครักษ์เฉินมาไล่ล่าเขา หากซือหยูไม่ได้แข็งแกร่งขึ้น เขาคงจบชีวิตด้วยน้ำมือของดยุคฉินไปนานแล้ว

เมื่อก่อน...ซือหยูหลักแหลมและระวังตัว เขารู้ดีว่าหากไม่ตีอสรพิษให้ตาย...มันจะกลับมาแว้งกัด

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด