ตอนที่แล้วDND.64 - ขจัดเปลือกมนุษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.66 - หัวร่อสยบชิงชัง

DND.65 - คู่รักแต่เยาว์วัย


“ท่านพ่อ ท่านควรไปพักที่ตำหนักองค์ชายสาม ข้าขอไปจัดการกับดยุคฉินก่อนจะกลับมาคุยกับท่าน”

ซือหยูลาดยุคเซี่ยนหยู

ดยุคเซี่ยนหยูและตระกูลของเซี่ยหลินฉวนไปยังตำหนักองค์ชายสาม พวกเขามิถูกรบกวนเพราะมีการป้องกันอย่างแน่นหนา

ซือหยูและองค์ชายสามกำลังรีบร้อนไล่ตามดยุคฉินที่ชานเมืองหลวง มีตัวแทนมารายงาน

“รายงานองค์ชายสาม...รถม้าดยุคฉินกำลังหนีไปทางแคว้นเฟิงหวง!”

องค์ชายสามสั่งให้ทหารเตรียมพร้อมไล่ล่าทันที

“เดี๋ยวก่อน!”

ซือหยูยืนบนหลังม้าจ้องจากระยะไกล เขามองจนถึงขีดจำกัดของดวงตา

หลังจากชำระล้างด้วยน้ำสีแดงสองหยด ดวงตาเขามองได้ไกลสิบหกลี้...ไกลกว่าเดิมเก้าลี้

ในระยะสิบหกลี้ แม้จะเป็นหญ้าที่ปลิวไหวตามลมก็เห็นได้อย่างชัดเจน

“ขบวนที่ไปทางเฟิงหวงเป็นเพียงตัวล่อ รถม้านั่นเป็นพวกลูกหลานตระกูลฉิน ดยุคฉินกับคนของมันหนีไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างเก้าลี้ พวกมันเทียมวัวปลอมตัวเป็นชาวนา”

องค์ชายสามมิลังเล

“ตะวันตกเฉียงเหนือ! ตามมันไปเร็ว!”

ผู้อื่นที่รับฟังตกตะลึงและไม่เชื่ออยู่ลึกๆ ดวงตามนุษย์จะมองระยะเก้าลี้ได้ยังไง? และซือหยูยังบอกได้อีกว่าอีกฝ่ายแต่งกายเช่นใด

พวกเขาไม่เชื่อซือหยู แต่กระนั้นต่อมาพวกเขาก็ได้มั่นใจในไม่ถึงชั่วโมง

องครักษ์ไล่ตามรถเทียมวัว แต่ในนั้นมีเพียงคนแก่และคนป่วย

ดยุคฉิน ฉินเฟิง และคนสำคัญในตระกูลล้วนขึ้นเรือใหญ่ในแม่น้ำ

เรือไหลตามแม่น่้ำและไปได้ไกลหลายพันลี้ในหนึ่งวัน หากมิได้เตรียมตัวมากพอ องครักษ์มิอาจไล่ตามได้ง่ายๆ

“ไอ้โจรเฒ่าเจ้าเล่ห์ มันเตรียมทางหนีมาเป็นปีแล้ว”

องค์ชายสามกำหมัดต่อยขาตัวเองด้วยความหงุดหงิด

เรือใหญ่แล่นออกจากฝั่งไปเกือบลี้ น้ำในแม่น้ำไหลเร็วและลึกยากที่จะคาดเดา ยากจะไล่ตาม

จากระยะนี้ แม้องค์ชายสามก็เห็นดยุคฉินและฉินเฟิงยืนอยู่ที่ท้ายเรือ พวกเขาดูโทรมแต่ก็ดูสบายใจและหัวเราะองค์ชายสามที่ทำอะไรมิได้

ซือหยูมองอย่างเย็นชา เขาไม่มีทางลืมรอยยิ้มของพ่อลูกคู่นี้

“กระจายคำสั่งไป...กั้นทางไหลแม่น้ำผ่านเขตซะ เราจะไล่ตามต่อในตอนกลางคืน”

องค์ชายสามโกรธเกรี้ยว เขามิอาจริเริ่มการปกครองได้หากมิได้สังหารดยุคฉิน นี่คือการแสดงพลังเพื่อครองบัลลังก์

ซือหยูส่ายหัว

“เปล่าประโยชน์ มันจะถึงฝั่งก่อนที่เราจะจับได้...มันอาจจะมีรถม้ารออยู่แล้วที่อีกฝั่ง”

ทำไมองค์ชายสามไม่คิดถึงเรื่องนี้กัน? ดยุคฉินมันเจ้าเล่ห์นัก แผนหนีของมันจะต้องวางอย่างรอบคอบ

แต่องค์ชายสามไม่พอใจที่จะปล่อยให้พวกเขาหนีไปง่ายๆ

“ที่พวกมันคิดว่าอยู่บนเรือแล้วจะปลอดภัยต่างหากที่น่าขันสิ้นดี!”

ซือหยูค่อยๆยืนบนหลังม้า

องค์ชายสามไม่เข้าใจซือหยู

“น้องซือ เจ้าหมายความเช่นใด?”

“แน่ล่ะ! เราจะจับมันบนเรือ!”

ซือหยูจ้องเรืออย่างเย็นชา

องค์ชายสามตกตะลึง

“น้องซือ เจ้ามีแผนข้ามแม่น้ำงั้นรึ? คลื่นในแม่น้ำมันเร็วและลึกมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เรือเล็ก ต้องใช้เรือใหญ่เท่านั้นหากจะไล่ตามมัน”

“หึ มิต้องใช้แผนใดๆ ข้าคนเดียวก็พอแล้ว!”

ซือหยูผิวปากยาวก่อนจะก้าวเท้าเหยียบศีรษะอาชาอย่างแผ่วเบา เขาลอยไปยังแม่น้ำ

“น้องซือ...กลับมาเร็ว!”

องค์ชายสามตกตะลึง น้ำในแม่น้ำนั่นน่ากลัวมาก หากซือหยูตกน้ำและว่ายน้ำไม่ไหว เขาจะตายได้

แต่องค์ชายสามก็ได้เห็นภาพที่ตกตะลึง

ตอนที่ซือหยูกำลังจะสัมผัสน้ำ เขาใช้ปลายเท้าแตะผิวน้ำและก้าวผ่านผิวน้ำไป เขากำลังเดินบนแม่น้ำเชี่ยวกรากโดยใช้ปลายเท้า!

ซ่า ซ่า ซ่า --

แม่น้ำไหลเร็วและแรง คลื่นน้ำดูน่ากลัว

ร่างของซือหยูไปข้างหน้าอย่างคล่องแคล่ว

ทุกคนมองเห็นภาพร่างสีม่วงอยู่เหนือผิวน้ำราวกับบอลแสงกระจ่าง

“นี่มันวิชาเดินบนน้ำที่ลือกันใช่หรือไม่?”

“มะ...มนุษย์จะทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?”

องครักษ์นับพันตกตะลึง

องค์ชายสามตาเป็นประกาย

“เดินบนน้ำ...หรือจะเป็น...ตำราลับจากวังหลวง...วิชาเงาลอยล่อง?”

เมื่อคิดถึงวิชาที่ไป่ชี่เซียงให้ซือหยูและซือหยูที่บ่มเพาะมันทันทีก็ทำให้องค์ชายสามตกตะลึงยิ่งขึ้น เขายิ้มอย่างขมขื่น

“สมบัติราชวงศ์มิได้มีใครบรรลุมาหลายร้อยปี แต่เจ้าบ่มเพาะได้ในชั่วโมงเดียว เหมือนกับว่าวิชานั้นรอคอยเจ้ามานานนัก”

แสงสีม่วงเดินบนผิวน้ำอย่างงดงามราวกับเทพเจ้า

ทุกคนในเรือตกตะลึง!

สีหน้าของดยุคฉินและฉินเฟิงที่ผ่อนคลายในตอนนี้กำลังหวาดกลัว

“พลธนู! ปกป้องพวกเรา!”

แต่ร่างซือหยูแทบจะไร้น้ำหนัก เขาหลบศรอย่างง่ายดาย เมื่อเขาห่างจากเรือสามสิบศอกก็ใช้ปลายเท้าทั้งสองข้างเหยียบคลื่นน้ำเป็นฐานกระโดดขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือ

เสียงชักกระบี่ดังไปทั่วเรือ องครักษ์ทุกคนต่างชักกระบี่ขึ้นมาทางซือหยู

ซือหยูยืนมือไพล่หลัง ชุดสีม่วงพริ้วไหวตามแรงลม เขาร่ายดาบเล็กๆออกมาด้วยเนตรทมิฬ

อ๊ากกก อ๊าาา----

เพียงพริบตาเหล่าองครักษ์ก็ล้มลงตายทันที เหลือไว้เพียงดยุคฉินและฉินเฟิง

ซือหยูมองกลับไปหาคนบังคับเรือ

“หันหัวกลับไปซะ! หรือไม่ก็ตายตรงนี้”

เอี๊ยด---

เรือลำใหญ่หันกลับไปทางชายฝั่ง

ใบหน้าดยุคฉินขมขื่น เขารู้ว่าเขาไม่มีโอกาสรอดอีกต่อไป เขาจ้องซือหยูจนตาถลน

ดยุคฉินกันฟันแน่น

“ซือหยู! ตระกูลฉินของข้าพังทลายเพราะเจ้า พวกข้าควรจะได้ช่วยองค์ชายหนึ่งครองบัลลังก์ พวกข้าควรจะรุ่งเรืองและมีลูกหลานเป็นอันมาก ทำไมเจ้าต้องมาขวางทางพวกข้า?”

เขาฟังเสียงแม่น้ำอันเชียวกรากอย่างเรียบเฉย

“อย่าโทษข้าที่ทำเช่นนี้ โทษตัวเจ้าเองที่เคยไล่ต้อนข้าในอดีตซะเถอะ”

“ข้าทนได้ที่เจ้าเอาสตรีของข้าไป...เพราะเป็นความไร้พลังของข้า และข้าทนที่พวกเจ้าลอบกัดข้าได้...เพราะข้าไร้ฐานะ ไร้ซึ่งอำนาจ แต่การส่งคนมาลอบฆ่าข้าน่ะเรอะ? ข้ามิอาจมองข้ามได้หรอก!”

ทุกประโยคของซือหยูตรงไปตรงมา ดยุคฉินใจสั่น

ใครกันจะคิดว่าอำนาจเหลือล้นขององค์ชายหนึ่งจะถูกทำลายอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ด้วยแมลงวันตัวเล็กที่มิน่าพิศมัยในอดีตน่ะเรอะ?

ใครกันจะคิดว่าดยุคฉินต้องถูกฆ่าล้างตระกูลเพราะตัณหาของลูกชายที่หลงในสตรี?

หากเขาย้อนเวลากลับไปได้เขาจะต้องประนามลูกชายแน่นอน

แต่...มันสายไปแล้ว!

ดวงใจของฉินเฟิงโศกเศร้าเหลือคณา

ซือหยูกุมชะตาของตระกูลเขาไว้ในมือ

“ซือ! หยู!”

ฉินเฟิงตาแดงก่ำ

“เจ้าคิดว่าเจ้าชนะแล้วงั้นรึ?”

เขาปรบมือเสียงดัง องครักษ์สองคนลากสตรีมาที่หน้าเรือ

แขนของสตรีผู้นั้นถูกมัดไว้ที่หลังและมีศิลาก้อนใหญ่มัดไว้ที่ข้อเท้า หากนางถูกผลักตกจากเรือ นางจะต้องจมสู่ก้นแม่น้ำแน่นอน

สตรีผู้นี้มีอายุประมาณสิบสี่ปี รูปลักษณ์ของนางงดงามอย่างไม่น่าเชื่อราวกับเทพจิ้งจอกจากคัมภีร์โบราณ ความงดงามของนางยากจะลืมเลือน

แม้จะงดงามนางก็ซูบผอม ดวงตาสดใสของนางเต็มไปด้วยความเศร้า

นางมองแม่น้ำเชี่ยวกรากและหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง เป็นนางเองที่นำพาความตายมาสู่ตัวเอง

นางถูกจองจำตั้งแต่มายังเมืองหลวง ก้าวออกจากห้องมิได้แม้ก้าวเดียว นางตระหนักได้ ณ ตอนนั้นเองว่าต่อหน้าพลังอำนาจ นางเป็นแค่เพียงเครื่องต่อรอง เครื่องมือ เบี้ยหมาก นางเคยคิดอย่างไร้เดียงสาว่าหากได้แต่งงานกับตระกูลขุนนางนางจะได้สิทธิพิเศษเหนือผู้ใด

แต่ในวันนี้นางได้ตื่นจากความจริงอันโหดร้าย

เมื่อได้ยินเสียงความวุ่นวาย นางก็มองมายังด้านข้างร่างของซือหยู

นางใจหาย เจียงซื่อฉิงมองอย่างเจ็บปวด นางยิ้มเยาะเย้ยในโชคชะตาตน น้ำตาอันขมขื่นไหลอาบแก้ม

นางนึกถึงอดีตที่เคยใช้ชีวิตร่วมกับซือหยู นางหัวเราะอย่างน่าสมเพช

เพื่อความหรูหราและฐานะ นางทิ้งความรู้สึกระหว่างซือหยูไป นางคิดว่านั่นทำให้นางเติบโตขึ้น...เป็นสิ่งที่สตรีพึงทำ...มิใช่เด็กผู้หญิง

แต่ในที่สุดนางก็เข้าใจว่านั่นเป็นเพียงสิ่งที่เด็กไร้เดียงสาทำกัน

นางทิ้งรักแท้และเลือกเงินตรา ต้องโง่เขลาและดื้นรั้นเพียงใดกันจึงจะคิดเช่นนี้ได้?

นางมิอาจมองหน้าซือหยู ในความจริง แม้จะเป็นวาระสุดท้ายในชีวิต ซือหยูเป็นคนเดียวที่นางมิอยากให้เห็นความเสียใจของนาง

“ซือหยู! เจ้าจะไม่มีวันได้สิ่งที่ข้าไม่ได้! ผลักนางซะ!”

ฉินเฟิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกเหมือนกับได้แก้แค้น เขาหัวเราะเสียงดัง

ตู้ม--

เจี้ยงซื่อฉิงถูกผลักตกแม่น้ำเชี่ยวกราก

ซือหยูยังคงใจเย็น ร่างของเขาลอยไปราวกับแสงที่ไขว่คว้าเงา เขาอยู่บนผิวน้ำอย่างสง่างาม

เขาดึงเจียงซื่อฉิงที่จมน้ำขึ้นมา

ฟึ่บ--

พวกเขาทั้งสองกลับมาบนเรือ ซือหยูยังคงตัวแห้งเช่นเดิม แต่เจียงซื่อฉิงตัวสั่นจากน้ำเย็นเฉียบในแม่น้ำ นี่เป็นเวลาเข้าฤดูเหมันต์และน้ำในแม่น้ำจะเย็นสุดขั้ว ร่างบอบบางของเจียงซื่อฉิงสั่นเทิ้ม

ซือหยูถอดผ้าคลุมม่วงคลุมเจียงซื่อฉิงก่อนจะปลดนางจากพันธนาการ

ซือหยูไม่มองนางอีก เขาบินไปจัดการกับองครักษ์ที่เหลือ

ในที่สุดก็เหลือเพียงดยุคฉินและฉินเฟิง

“ซือหยู...อยากทำอะไรก็ทำเลย! จะฆ่าจะแกงยังไงก็เชิญ!”

ดยุคฉินรู้ว่าเขาไปไหนไม่รอดแล้ว...และยอมรับในโชคชะตา

ซือหยูส่ายหัวและมององค์ชายสามที่ฝั่ง เขายิ้ม

“จำเป็นด้วยรึ! มีคนพร้อมรอเจ้าอยู่แล้ว”

องค์ชายสามช่วยซือหยูหลายต่อหลายครั้ง และซือหยูสัญญาไว้ว่าหากเขาได้มงกุฎศักดิ์สิทธิ์ เขาจะช่วยองค์ชายสามครองบัลลังก์

ในวันนี้ การพาพยุคฉินส่งถึงมือองค์ชายสามนับว่าเป็นการช่วยให้องค์ชายสามได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างมาก

ทันใดนั้นซือหยูก็รู้สึกถึงความแน่นที่เอว

มืองดงามราวหยกทั้งสองข้างกอดซือหยูจากด้านหลัง ร่างกับบอบบางและสั่นกลัวแนบแน่นแผ่นหลัง

นางร่ำไห้อยู่เงียบๆข้างหลังซือหยูราวกับคนสิ้นหวังที่ต้องคว้าทุกสิ่งที่มองเห็น นางกอดซือหยูแน่นมิให้ไปไหน

“เจ้าตั้งใจจะทำอะไร?”

ซือหยูฝืนแรงของนางและพยายามใช้แรงแยกตัวออกจากเจียงซื่อฉิง

“ข้าหนาว”

เสียงของเจียงซื่อฉิงน่าสงสาร นางดื้อดึงกอดซือหยู

ซือหยูถอนหายใจเบาๆ เขารวมคลื่นพลังปราณใส่ร่างเจียงซื่อฉิงเพื่อขับความหนาวออกไป

ก่อนจะถึงฝั่ง เจียงซื่อฉิงยังคงกอดแขนซือหยูไม่ไปไหน

องค์ชายสามมองเจียงซื่อฉิงอย่างระวังและจำได้ว่านางคือคนที่ทิ้งซือหยูไปหาฉินเฟิง ข่าวลือบอกว่าครั้งหนึ่งนางคือผู้กุมหัวใจซือหยู และตอนนี้นางอยากจะกลับมาหาเขางั้นรึ?

องค์ชายสามส่ายหัว ชายผู้มีคุณธรรมเช่นซือหยูไม่มีวันหันหลังให้ฉินเซี่ยนเอ๋อ เจียงซื่อฉิงมิคู่ควรกับบุรุษเช่นซือหยู

ในด้านพลัง นางก็มิอาจตามซือหยูทัน พวกเขาถูกลิขิตมิให้อยู่ร่วมกัน

“หาม้าให้นาง”

องค์ชายสามสั่ง

เจียงซื่อฉิงหน้าแนบกับอกซือหยูและกอดอย่างแนบแน่น นางส่ายหัว

“ไม่เอา ข้าจะอยู่กับซือหยู”

ซือหยูเลิกคิ้ว เขาขยะแขยง หลังจากเกิดเรื่องทั้งหมด นางคิดว่าเพียงแค่การแนบชิดนี้จะทำให้เขายอมรับนางอีกครั้งงั้นรึ?

เขาเริ่มผลักนางออกแต่เสียงของนางเข้ามาในหู

“ข้ารู้ว่าข้ามิอาจมองหน้าเจ้า...ข้ามิได้อยากให้เจ้ายกโทษให้ และข้ามิได้หวังจะอยู่กับเจ้า แต่...ขอให้ข้าอยู่ข้างเจ้าอีกสักหน่อยได้หรือไม่?...ในฐานะคนรัก...ในวันก่อน?”

คนรักในวันก่อนงั้นรึ?

ลึกๆในวิญญาณซือหยูเกิดการสั่นเล็กๆ หลังจากที่ดวงวิญญาณหลอมเป็นหนึ่ง ความรู้สึกเพียงเล็กน้อยจากซือหยูคนก่อนก็ได้ถูกยอมรับจากซือหยู

ซือหยูที่ใจอ่อนลงถอนหายใจขึ้นหลังอาชา เขาดึงเจียงซื่อฉิงเข้ามาในอ้อมกอด

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด