ตอนที่แล้วตอนที่7 มีสัมผัสที่หกมันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRUCตอนที่ 9 สิ่งมีชีวิตที่ไม่ปกติ

ตอนที่8 หมาป่าและค้างคาว


 

“ชิบหายละ ลิลลี่ แปลงร่างเร็วเข้า!”

นี่เป็นทางออกเดียวที่เฮาเหลนสามารถคิดได้ในขณะนี้ กลิ่นอายของความโหดร้ายและความเยือกเย็นที่คุ้นเคยกระแทกเข้าหน้าเขาทันที เขารู้ว่าเขาไม่สามารถต่อสู้กับ“สิ่งมีชีวิต”นี่ได้แน่ๆ เขาเป็นคนธรรมดาทั้งร่างกายและจิตใจ... อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะตะโกนไปหาลิลลี่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้หวังอะไรไว้สูงมากนักหรอก เพราะเขาอยู่ห่างกับค้างคาวในร่างมนุษย์แค่สองเมตรเท่านั้น!

เฮาเหลนรู้สึกถึงลมกรรโชกที่พัดแทรกเข้ามาด้านหลังของเขา แล้วเขาก็เดาว่ามันน่าจะเป็นลิลลี่ที่ได้กลายเป็นมนุษย์หมาป่าแล้วเรียบร้อย  เธอกำลังจะเข้ามาช่วยเขา ในเวลาเดียวกันเองนั้น เฮาเหลนก็เตรียมตัวที่จะพุ่งกระโจนออกไปด้านข้าง เพื่อปล่อยให้มนุษย์หมาป่าและสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นแวมไพร์สู้ตัวต่อตัวกันอีกซักยก ซึ่งเขาคงจะไม่อยากแทรกกลางแรงปะทะที่เหมือนรถบรรทุกพุ่งอัดกัน เอาง่ายๆ เขาไม่อยากตาย!!

แต่น่าเสียดาย เฮาเหลนประเมินความเร็วในการตอบสนองของฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไป เช่นเดียวกับความคิดที่จะหลบไปด้านข้างของเขา เขาประเมินต่ำไปมากๆ หญิงสาวที่มีผมยาวสรวย เธอยื่นมือของเธอออกมาจับแขนของเฮาเหลน แน่นอนว่าเธอตอบสนองได้ไวกว่ามนุษย์อยู่แล้ว แรงที่จับนั้นมันมีกำลังมากพอที่จะทำให้แขนเขาหักได้ง่าย เธอเหวี่ยงดึงเฮาเหลนไปไว้ที่ข้างหลังเธอ แล้วเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ “ระวัง!”

เฮาเหลนรู้สึกอึ้งเมื่อถูกเหวี่ยงมา เขานึกว่าตัวเองจะได้บอกลาโลกนี้ซะแล้ว

“เออ วะ ดูเหมือนกับว่าค้างคาวในร่างมนุษย์พึ่งจะเตือนฉันว่าระวังซะด้วย”

ลิลลี่รีบไปที่หน้าประตู แต่ดูเหมือนเธอจะช้าไปครึ่งจังหวะ เมื่อเฮาเหลนมองไปที่เธอ... เฮาเหลนรู้สึกผิดหวังมาก ยัยทึ่มนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนร่างหรือถืออาวุธใดๆ! เธอยังคงอยู่ชุดฟิตเนสในบ้านแสนสบายของเธอ ผมของเธอไม่เป็นสีขาวและหูไม่ได้งอกออกมา เธอเดินไปที่ประตูอย่างมีความสุข “โอ้ เจ้าของบ้าน เรียกฉันเหรอ ฉันมาแล้ว! คนส่งของมาเหรออยากให้ช่วยถือไหม?”

ในตอนนั้น เฮาเหลนได้แต่กรีดร้องในใจจนไม่มีเสียงออกมา น้ำตาจะไหลแต่จังหว่ะมันซิทคอมเกินไปจนเกือบลืมว่าคนที่อยู่ข้างๆเขาตอนนี้แค่สบัดมือก็ฆ่าเขาได้แล้ว

“โอ้ยย!!!!... ยัยโง่เอ้ย! ไม่ได้ดูสถานการณ์รอบข้างบ้างเลยโว้ยยยยยย!!!!”

การกระทำของลิลลี่ทำให้เขาสิ้นหวังเป็นอย่างมาก มากจนเขาพยายามที่จะหลบจากการกุมจับของแวมไพร์ด้วยตัวเอง ลิลลี่พอเห็นคนแปลกหน้าที่มีผมสีดำตรงหน้าเธอ เธอรู้สึกได้ถึงความรู้สึกถึงความผิดปรกติบางอย่างในทันที เธอเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์หมาป่าภายในวินาทีต่อมาพร้อมทั้งคว้าก้อนอิฐที่อยู่ใกล้ประตูหน้ามาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ แต่แม้ถึงอย่างนั้นเฮาเหลนก็รู้สึกว่ามันสิ้นหวังแล้ว

“ฉันไม่ควรจะไว้ใจยัยทึ่มนี้ตั้งแต่แรกเลยยย! เอาสร้อยร้อยกระเทียมมาใส่รอบๆคอตัวเอง ยังจะดูน่าเชื่อถือกว่าพึ่งลิลลี่เลย!”

แน่นอนว่าเอาจริงแขวนกระเทียมไปมันก็คงไม่ได้ผล ไร้ประโยชน์อยู่ดีเมื่อแวมไพร์ได้มาถึงแล้วจริงๆ

เห็นว่าเจ้าของบ้านถูกจับกุมโดยศัตรู ลิลลี่ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เธอจับก้อนอิฐในมือของเธอแน่น และขู่คำรามจากคอของเธอด้วยเสียงต่ำ แสดงเรี่ยวแรงของเธอออกมา “ยัยแวมไพร์งี่เง่า... นี้มันเป็นตอนกลางวันนะ! ตอนกลางคืนแกยังสู้ฉันไม่ได้เลย ตอนนั้นยังบินหนีหางจุกตูดขนาดนั้น กลางวัน!คงไม่แห้งตายเลยเหรอ ปล่อยเจ้าของบ้านไปซะแล้วฉันจะลองคิดที่จะไว้ชีวิตแกดู!”

แวมไพร์ไม่ได้มีความกลัวเลยซักนิด เธออยู่ในตรงกลางระหว่างเฮาเหลนและลิลลี่ แขนขวาของเธอตั้งท่าทางป้องกัน เล็บที่คมกริบของเธอเริ่มงอกออกมาจากนิ้ว ความรู้สึกหนาวเหน็บเริ่มแผ่ออกมาจากร่างกายของเธอ เธอขยับแขนของเธอกลับอย่างเงียบๆ และแกว่งมือเธอสองครั้งต่อหน้าเฮาเหลนที่กำลังงงงัน ดูเหมือนกับว่า... เธอกำลังเร่งให้เฮาเหลนหลบออกไปพร้อมๆกันกับเธอ ..งั้นเหรอ?

“มนุษย์หมาป่าเหรอ เหอะ ก็แค่พวกสัตว์ชั้นต่ำที่เร่ร่อน แล้วพยายามตีเนียนให้เข้ากับเมืองมนุษย์ละหน่ะ!” เสียงของแวมไพร์เย็นชาและดูถูก ถึงแม้ว่าจะดูอ่อนเพลียไปบ้าง แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังดูเย่อหยิ่งอยู่ดี (เธอโดนลิลลี่ปาอิฐอัดใส่จนเหนื่อย) “ไม่ใช่ว่าหน้าที่จริงๆของเธอคือการไปวิ่งไล่จับกับกระต่ายป่าหรอกเหรอ?”

“ฮึ่ม!” ลิลลี่ตอบอย่างเกรี้ยวกราด “หนอยย ยัยแวมไพร์งี่เง่า รู้ไว้ซะด้วยนะยะ ว่าฉันจับกระต่ายป่าไม่เป็นโว้ยยย!”

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว เอาจริงๆตอนนี้เฮาเหลนก็เริ่มคิดว่าเขาอาจจะอยากตายขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน เขาจะได้ไม่ต้องมาทนลำบากกับ ความทึ่มเซ่อซ่าของยัยมนุษย์หมาป่านี้ อะไรจะโง่ได้ขนาดนี้วะเนี่ย เจ้าหมาโง่แกทำให้ฉันดูแย่ มนุษย์หมาป่าโง่!

แม้แต่แวมไพร์ตามปกติสงบมาก ก็ยังได้แต่ตกใจกับคำตอบของมนุษย์หมาป่า มันงี่เง่ามากจนเธอเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา เธอเหวี่ยงมือซ้ายไปทางเฮาเหลนอีกครั้ง ในตอนนั้นเองที่เฮาเหลนได้ยินเสียงในหัว “มนุษย์ หนีไป ฉันจะต้านมนุษย์หมาป่าตนนี้ไว้เอง... ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกก็แค่เบรกมนุษย์หมาป่าเองถึงแม้ในเวลากลางวันก็ตาม!”

“...อะไรนะ?”

เป็นครั้งแรก ที่ลิลลี่ฉลาดพอที่จะรู้ได้ว่าแวมไพร์กำลังเปิดฉากโจมตี ทันทีที่เธอปล่อยให้คำรามลึก และพุ่งเข้าหากับแวมไพร์พร้อมก้อนอิฐในมือของเธอ เธอไม่ได้โยนอิฐอัดแวมไพร์ เพราะเธอกลัวว่ามันอาจจะไปโดนหัวเจ้าของบ้านของเธอ

“ตายซะ ยัยหนูติดปีก!”

แวมไพร์ไม่เกรงกลัวที่จะเผชิญหน้ากับลิลลี่ แถมยังสวนการโจมตีที่เข้ามา เธอสะบัดมือซีดๆออกไป เกิดเป็นแนวเลือดสีแดงคล้ายกับของแข็งออกมาจากนิ้วเธอ กลายเป็นเล็บที่ปรากกฏอยู่บนอากาศ เล็บที่แหลมคมของเธอมีความยาวมากกว่า10เซนติเมตร และคมเหมือนกริช พยายามที่จะแทงทรวงอกของลิลลี่ “ไปลงนรกซะ! เจ้าสัตว์เดรัจฉาน จะได้รู้ซะว่าการจับกระต่ายนั้นเป็นอย่างไร!”

“ไอ้แวมไพร์โง่เง่า! ฉันบอกแกไปแล้วไง ว่าฉันจับกระต่ายไม่เป็นโว้ยยยย!”

“อย่าหวังว่าแกจะทำให้ฉันขำด้วยมุขฟืดแล้วโจมตีฉันให้ยากเลย แกใช้มุกเดียวกัน2รอบกับแวมไพร์ไม่ได้หรอกนะ!”

ในขณะที่เฮาเหลนกำลังตกอยู่ในสภาพที่ตกตะลึง ในขณะเดียวกับทั้งสองที่กำลังฟาดฟันกับการต่อสู่อย่างรุนแรง อุ้งมือสีเงินของลิลลี่ เหวี่ยงหมัดไปมาทั้งทางซ้ายและขวา เธอพยายามที่จะช่วยเฮาเหลน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางวัน แวมไพร์ก็มีพละกำลังไม่น้อยไปกว่าลิลลี่เลย แวมไพร์เปลี่ยนร่างเป็นเงาดำ แล้วร่ายรำไปรอบๆ พร้อมกับมีแนวกรงเล็บสีแดงที่แหลมคมโผล่มาฟาดฟันเป็นบางครั้ง เธอสามารถสกัดกั้นทุกการเคลื่อนไหวจากมนุษย์หมาป่า ดูเหมือนว่าเสียงหอนจากลิลลี่และเสียงร้องจากแวมไพร์ ดังมาจากหลายตำแหน่งด้วยกัน การต่อสู้ของพวกเขาไม่สามารถดูด้วยตาเปล่าได้!

ขณะที่เฮาเหลนเริ่มที่จะฟื้นฟูสติของเขามาได้ส่วนนึง เขาเริ่มนึกขึ้นได้ว่าเขาต้องหยุดการต่อสู้ของ2คนนั้นไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก... เขากลัวว่าชาวบ้านชาวช่องคนอื่นอาจจะผ่านมาและเจอกับเหตุการณ์แปลกๆนี้ แล้วเรื่องมันจะใหญ่กว่านี้เอา!

ถึงแม้จะเป็นที่นี่แทบจะรกร้าง แต่มันก็ยังมีคนอาศัยอยู่ในนี้! และคนที่อาศัยอยู่จะออกมาตอนไหนก็ได้ทุกเมื่อเพราะเป็นเวลากลางวัน แถมยังเห็นได้ชัดแจ๋วอีกด้วย มันจะมีปัญหาเอาได้ ถ้ามีคนเห็นว่าเสียงทะเลาะโวยวายนั้นเกิดขึ้นจากลิลลี่และแวมไพร์ละก็ ลิลลี่อาจถูกจับไปโดยสถาบันวิทยาศาสตร์ซักที่ แล้วคงถูกหั่นเป็นชิ้นบางๆ ไปเสิร์ฟในร้านอาหารแพงๆ! คนจีนยิ่งชอบกินของแปลกๆอยู่ด้วย!

เฮาเหลนเกือบจะรู้สึกหมดหวังแล้วถ้าเขาไม่เผอิญไปเห็นลุงกับป้าเดินไปตลาดท้ายซอยซะก่อน เขาตะโกนออกมาสุดเสียง “หยุด!!!!! พอได้แล้ว!”

เสียงตะโกนของเขาดังสนั่น เฮาเหลนสามารถจินตนาการได้เลยว่าจะมีเพื่อนบ้านของเขาอาจจะไปฟ้องตำรวจหรือไม่ก็มาเคาะประตูบ้านแล้วเตือนว่าให้เงียบๆหน่อยอย่างแน่นอน และคงจะมาถามว่าเขาเป็นเหยื่อการใช้ความรุนแรงในครอบครัวหรือเปล่า หลังจากได้ยินเสียงตะโกนลั่นซอยของเขาไปนั้น... มันกลับได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ พายุที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ของลิลลี่และแวมไพร์ได้หยุดลงทันที พวกเธอหันมาทางเฮาเหลนด้วยใบหน้าที่สับสนและจากนั้นก็ถลึงตาใส่กัน

ลิลลี่ยังคงดูมีชีวิตชีวา ราวกับว่าเธอเพิ่งอุ่นเครื่องเสร็จจากการต่อสู้กำลังจะเข้ายก2 ในทางกลับกันแวมไพร์ดูอ่อนเพลีย เธอหายใจอย่างหนักและใบหน้าของเธอมีสีแดงผิดปกติ ก็เข้าใจแหล่ะว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าในตอนกลางวันแสกๆ ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นก็ตามแต่พวกเธอก็มีบางอย่างที่ดูเหมือนกัน พวกเธอไม่ได้เสียเหงื่อเลยแม้แต่หยดเดียว แม้ว่าพวกเขาจะผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาก็ตาม

รัศมีน้ำแข็งที่แผ่กระจายออกมาจากแวมไพร์สาว ทำให้กระดูกเย็นเฉียบ

“พวกเธอเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว!” เฮาเหลนกล่าวและเห็นทั้งสองคนจ้องหน้ากัน เขารู้ว่าการต่อสู้อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เขาเลยตัดสินใจเอาตัวเองคั่นกลางพวกเธอไว้ (ถึงแม้จะเอนเอียงไปหาทางลิลลี่มากกว่าหน่อยก็ตาม) และเขาก็พูด “อย่างแรกเลย ฉันอยากได้คำยืนยันจากปากเจ้าตัวก่อน เธอ!! แวม... แวมไพร์ เธอไม่ได้อยากที่จะฆ่าฉันใช่มั้ย?” เฮาเหลนรู้สึกอึดอัดใจเมื่อคำพูดหลุดออกจากปากของเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาที่จะใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เพราะเขารู้ดีว่าจะต้องมีความเข้าใจผิดระหว่างมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์แน่นอน

ทันใดนั้นแวมไพร์เบิกตากว้างขึ้น เธอมองลิลลี่อย่างระมัดระวัง กล่าวโดยที่ชำเลืองมองเฮาเหลน “ฉันอยากจะช่วยนายนะ!”

ก่อนที่เฮาเหลนจะได้เปิดปาก ลิลลี่แย่งพูดสวนออกมาก่อน “แกมันขี้โม้?! แกก็แค่อยากดูดเลือดของเจ้าของบ้านจ้วบๆเท่านั้นละ! ฉันเคยเห็นทีวีมาก่อน พวกแกแวมไพร์ไม่เคยมีพวกทำตัวดีๆซักคนเลย!”

ทันใดนั้นเฮาเหลนสังเกตเห็นได้ถึงอะไรบางอย่าง ทำไมความรู้ส่วนใหญ่ของมนุษย์หมาป่าจึงมักจะบอกว่ามาจากการดูทีวีเนี่ย? นี้มันอาจจะเป็นครั้งแรกที่ลิลลี้คุยกับแวมไพร์แบบไม่เข้าไปต่อยหน้ากันรึเปล่าเนี่ย

“เธอเป็นคนลักพาตัวนายคนนี้ตั้งแต่แรกไม่ใช่รึไง!” แวมไพร์หรี่ดวงตาของเธอ แสดงเจตนารมณ์ในการฆ่า “เธอลักพาตัวมนุษย์มา แล้วบังคับให้พวกเขาช่วยให้เธอได้ซ่อนตัว เพื่อที่จะได้รวมตัวกันในเมืองมนุษย์...เหอะ เธอเป็นหมาป่าที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลยไม่แปลกละที่จับกระต่ายไม่เป็น  พวกของเธอใช้กลยุทธ์แบบนี้มานานหลายทศวรรษแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมพวกของเธอถึงกำลังใกล้จะสูญพันธุ์”

พวกเธอยังคงจ้องมองอย่างร้ายกาจต่อกันและกัน อย่างไรก็ตามในตอนที่พวกเธอเริ่มสูญเสียความอดทนของพวกเธอ

เมื่อได้ยินบางส่วนอย่างจากการสนทนาเมื่อกี้ ก็มีความคิดข้ามผ่านเข้ามาในใจของเฮาเหลน “เฮ้อ... นี้มันเรื่องอะไรกันเนี่ย... ช่วยหยุดการต่อสู้กันก่อนได้ไหม! แล้วเข้าไปคุยในบ้านดีกันเถอะ!”

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด