ตอนที่แล้วตอนที่8 หมาป่าและค้างคาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปRUCตอนที่ 10 แวมไพร์ถังแตก

RUCตอนที่ 9 สิ่งมีชีวิตที่ไม่ปกติ


 

หลังจากทำชาร้อนเสร็จ เฮาเหลนก็เดินกลับมานั่งที่ห้องนั่งเล่น เขามองไปที่สิ่งมีชีวิตที่สุดแสนจะประหลาดทั้งสองนั่งอยู่ที่นั้นและจ้องมองที่อื่นๆ

แวมไพร์ที่กำลังร้อนรนและลิลลี่ที่กำลังนั่งโกรธอยู่ปลายโต๊ะน้ำชาทั้งคู่พร้อมที่จะหวดกันทุกเมื่อ บรรยากาศเย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยจิตสังหาร ขณะที่พวกเขามองไปที่ดวงตาที่ตายด้านนั้นแล้วเฮาเหลนแทบจะมองเห็นว่าถ้วยน้ำชาที่อยู่ตรงหน้า น้ำชาในถ้วยกำลังหมุนวนเป็นวงกลมไม่หยุดนิ่งด้วยแรงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าของเขา เขารินน้ำชาใส่แก้วและทั้งสองสาวก็ไม่มีเจตนาที่จะแยกแยะความแตกต่างออกไป ช่วงเวลาที่กดดันแบบนั้นเฮาเหลนทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆออกมา นี่เป็นหนทางเดียวที่ร่างกายมนุษย์บอบบางของเขาสามารถรับมือกับแรงกดดันจากมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์ เขากำลังพยายามเพื่อทำให้ทั้งคู่เชื่อในคำพูดขออีกฝ่าย

ลิลลี่ปักใจเชื่อว่ายังไงแวมไพร์สาวมีเจตนาที่จะดูดเลือดเจ้าของบ้านและทุกอย่างที่แวมไพร์พูดก็เป็นแค่ข้อแก้ตัวที่เธอไม่สามารถชนะการต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับมนุษย์หมาป่าได้ (และเธอก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมแวมไพร์ถึงมั่นหน้ามั่นโหนกนัก) นอกจากนั้นลิลลี่ยังมั่นใจว่าเฮาเหลนถูกแวมไพร์สาวสะกดจิตอยู่และสิ่งที่ออกมาจากปากเขาก็คงเป็นผลมาจากเวทมนตร์สะกดจิตนั้นล้วนๆ ในทางกลับกันแวมไพร์ยืนกรานว่าลิลลี่อยากที่จะอยู่แฝงตัวไปกับพวกมนุษย์และทุกอย่างที่เฮาเหลนพูดออกมานั้นเป็นเพราะการข่มขู่ของมนุษย์หมาป่า…

มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งสองไม่ไว้ใจกันและกันไม่ไว้ใจทุกอย่างที่อยู่รอบตัวรวมไปถึงบุคคลที่3อย่าง เฮาเหลนด้วย ! แย่ไปกว่านั้น ทั้งบ้านมีพวกเขาอยู่แค่3คนเท่านั้น

แต่เอาจริงๆแล้ว ก็มีอีกหนึ่งตัวอยู่ที่นี้เหมือนกัน มันเป็นเเมวขาวดำที่กำลังหม่ำของว่างอยู่ไม่ไกลนัก เเน่นอนว่ามันกำลังอยู่อย่างสบายเลยในห้องนั้น สิ่งมีชีวิตปริศนาที่ชื่อโรลี้กำปกป้องชามข้าวของตัวเองอย่างกับป้องป้องชีวิต เฮาเหลนเองก็ค่อนข้างเชื่อว่าเเมวซื่อๆตัวนั้นมันไม่เหมือนตัวอื่นๆ

"พวกเธอก็น้าา..."เฮาเหลนทำลายความเงียบลง เขาหันไปหาเเวมไพร์ที่กำลังเข้าใจผิดอย่างเเรง "เออ คุณเเวมไพร์ครับ คือเรื่องเมื่อคืน"

"ได้โปรดอย่าเรียกฉันด้วยคำว่าเเวมไพร์เลยคะ"เธอพูดเรียบๆเเต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าเป็นหญิงสาวที่สูงศักดิ์ผมยาวเหยียดสีดำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย "เเวมไพร์หน่ะเขามีไว้เรียกพวกทาสชั้นต่ำที่ควบคุมความกระหายเลือดของตัวเองด้วยซ้ำ ส่วนพวกเราที่สามารถต้านทานความอยากเลือดได้จะเป็นพวกเลือดบริสุทธ์ชั้นสูงในตระกูลบลัดเเคลน พวกมนุษย์ยังเข้าใจผิดเรื่องพวกนี้อยู่ จะเรียกฉันว่าวิเวียนก็ได้นะ ตอนนี้ฉันยังให้ชื่อเต็มของฉันไม่ได้หรอก"

“โอ้” เฮาเหลนพยักหน้า เฮาเหลนไม่รู้ความแตกต่างระหว่างทาสกระหายเลือดกับพวกเลือดบริสุทธิ์จากตระกูลบลัดแคลนมันต่างกันยังไง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเป็นมิตรทีเดียว “เออ วิเวียน เมื่อคืนเธอบอกว่าเธอบอกว่าเธอไม่ได้จู่โจมพวกเราแต่พยายามจะช่วยเหรอ?”

“ก็ฉันเห็นมนุษย์คนนึงเดินอยู่กับมนุษย์หมาป่า ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าที่เดินไปเนี่ย โดยหลอกหรือโดนบังคับไป” วิเวียนกล่าวขณะที่เธอพยักหน้า “ฉันเลยพยายามที่จะฉวยโอกาสฉกนายออกมาจากมนุษย์หมาป่า เพราะไม่ว่ามนุษย์หมาป่านั้นจะร่ายเวทอะไรใส่นาย ฉันก็แก้มันได้ง่ายๆอยู่แล้ว เวทของมนุษย์หมาป่ามันกระจอกจะตาย แต่ก็นั้นละ เมื่อวานมันไม่ใช่วันดีของฉันเท่าไร ก็เพราะ...เพราะว่าฉันดันไปโดนอาวุธลับของนังนั้นลอบโจมตี ก็นะสัตว์ก็ยังเป็นสัตว์อยู่วันยังค่ำ เอะอะอะไรก็จะเข้าใส่อย่างเดียว ไม่มีสุนทรีย์เอาซะเลย”

“เหตุผลทุเรศมากเลยอะ” ลิลลี่โต้ตอบ “ทำไมข้ออ้างเยอะจังอะเรา ง่ายๆเลยนะคือแกเอาชนะฉะนไม่ได้ ไหนบอกมาซิ ฉันไปขู่อะไรคุณเจ้าของบ้านมิทราบ เขาจะวิ่งจะโดดจะหนียังไงตอนไหนก็ได้ทั้งนั้นอะ ฉันไม่ได้ไปจิกคอเขาไว้ซักหน่อย”

บรรยากาศเย็นยะเยือกรอบตัววิเวียนเเรงขึ้น

"กงเล็บของพวกมนุษย์หมาป่ามันต้องคำสาปไว้ คิดว่าฉันจะโง่หลงกลอะไรตื้นๆเเบบนั้นเหรอ?"

พอได้ยินอย่างนี้ ลิลลี้ก็ก้มลงไปมองมือมองเล็บตัวเองทันที "โอ้ยตายละ นี้ฉันเเกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ?"

เฮาเหลนตัดสินใจที่จะไม่ใส่ใจสิ่งมีชีวิตงี่เง่า2ตัวนี้ เขาหันไปหาวิเวียนทำหน้าจริงใจเเล้วพูด

"นี้ ฉันไม่ได้โดนขู่อะไรทั้งนั้นละ ให้ฉันสาบานกับพระเจ้าก็ได้ว่าลิลลี้ไม่ได้ร่ายมนตร์อะไรใส่ฉันทั้งนั้นละ!"

วิเวียนพยักหน้าเมื่อได้ยินคำอธิบายของเฮนเหลน ตอนนั้นเฮาเหลนก็เริ่มโล่งใจที่อย่างน้อยแวม...เอ้ย ไม่ใช่ สาวน้อยจากตระกูลบลัดแคลนก็รู้ความจริงซักที แต่ทันใดนั้นหน้าของวิเวียนก็จริงจังมากขึ้น เธอพูด “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันรู้ว่านายยังไม่ได้พูดความจริงหรอก นายยังติดอยู่ในคำสาปของมนุษย์หมาป่า แล้วก็ยังคงไม่มั่นใจในฝีมือฉัน ฉันจะแสดงความสามารถของฉันให้นายเห็นเองตอนที่ฉันฟื้นตัวเต็มที่กะอีแค่หมาน้อยที่รู้จักการขว้างหินอย่างนั้นมันเทียบอะไรไม่ได้กับสมาชิกสภาสูงแห่งตระกูลบลัดแคลนหรอก!

ลิลี้ทุบโต๊ะน้ำชาทันทีหลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น โต๊ะน้ำชาน้อยที่น่าสงสารโดนแรงควายของมนุษย์หมาป่าทุบจนเกิดเป็นรอยแตกร้าว “ว่าใครเป็นหมาน้อยกันยะ ย..ยัยหนูติดปีกเอ้ย!!”

วิเวียนลุกขึ้นยืนแบบไม่ระงับความโกรธตัวเองเลยซักนิด โต๊ะน้ำชากับโซฟาตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งภายในชั่วพริบตา “แกคิดว่าแกเก่งมากนักซินะ? ได้ งั้นมาประลองกันอีกซักตั้ง! ก็เพราะเดรัจฉานอย่างแกนั้นละที่ควบคุมสัญชาติญาณตัวเองไม่ได้เเล้วก็ทำตัวรกโลกอยู่อย่างนี้ไงละ”

รังสีอมหิตกดดันไปทั่วบริเวณ บรรยากาศเเถวนั้นถ้าเป็นคนจิตอ่อนหน่อยคงสลบไปเเล้ว ทุกๆเสียงคำรามที่ตามด้วยเสียงตะโกนขู่ทำให้เย็นยะเยือกไปถึงไขสันหลัง พอๆกับเสียงหอนของลิลลี้ โรลี้เเมวน้อยที่อยู่เเถวนั้นรู้สึกได้ถึงความชิบหายที่กำลังจะมาเยือน มันเลยรีบยัดทุกอย่างที่อยู่ในชามข้าวของตัวเองเข้าปาก เเล้วพุ่งตัวลงชั้นล่าง ปล่อยให้่ฮาวเหลน มองเฟอร์นิเจอร์ของตัวเองกำลังพัง

"โถ่ว โต๊ะน้ำชาฉัน..."

ทำไมเขาถึงยังทนรังสีอมหิตเเละจิตสังหารที่พุ่งพล่านเเบบนี้ได้นั้นยังคงเป็นปริศนา

"เจ้าบ้านคะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะจ่ายคืนให้ทีหลัง"

ลิลลี้ก็ยังเป็นคนใจดีอยู่ดี หลังจากที่รู้ตัวว่าตัวเองทำผิด เธอก็เก็บอารมณ์เดือดดาลของตัวเองไว้ เเล้วขอโทษฮาวเหลนทันที

เฮาเหลนนั้นเริ่มบรรลุถึงสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ มนุษย์หมาป่าเป็นคนที่โง่มาก ส่วนอีกคนที่เป็นเเวมไพร์จากบลัดเเคลนนั้นก็บ้ามากเหมือนกัน

ถึงเเม้วิเวียนจะยังดูปรกติดีอยู่ เเต่เธอก็ไม่ได้ฉลาดหรือสติดีกว่าลิลลี้เท่าไรเลย มันอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดพลาดได้ถ้าเอาคนที่ทั้งโง่ทั้งบ้าอยู่ในที่เดียวกัน

ในขณะที่วิเวียนนั้นกำลังเตรียมตัวที่จะฟัดกันอีกยกในห้องนั่งเล่น ฮาวเหลนก็หมดความอดทนเเล้วทุบโต๊ะน้ำชาที่เเตกอยู่เเล้วเเละตะโกนด้วยเสียงดังๆ "พอได้เเล้ว! นี้มันบ้านของฉันนะ!!!"

การตะโกนเเละทุบโต๊ะนั้นเป็นการกระทำที่หาได้ยากสำหรับใครบางคนที่ปรกติจะเนิ้บๆอย่างฮาวเหลน เเต่สุดท้ายทั้งคู่ก็รู้ตัวว่ามีใครอยู่ในบ้านด้วย เเถมใครซักคนนึงในนั้นยังรู้ตัวอีกด้วยว่าตัวเองติดเงินเจ้าของบ้านค่าโต๊ะน้ำชาที่เเทบจะกลายเป็นซากอยู่เเล้ว ทั้งคู่เลยเบรกเเล้วหันมาหาฮาวเหลน

“ทำไมพวกเธอสองคนมองมาที่ฉัน ?” เฮาเหลนกลัวตัวเองเมื่อเขาตะคอกใส่สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด เขาไม่คิดว่าตัวเองจะตะโกนใส่สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่สามารถฆ่าเขาได้ง่ายๆ(แต่เอาจริงๆแค่เขาตะโกนก็สามารถห้ามทั้งคู่ไม่ให้ทะเลาะกันได้แล้ว)แต่เขาคิดว่าไหนๆเขาก็กล้าหาญที่พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาพูดต่อเลยละกัน “ดูตัวเองซะบ้างซิ คนนึงก็โง่ คนนึงก็ดื้อจังงงเลย! นี้ฉันก็มีเอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนะ โอเคไหม!! พวกเธอจะมาสรุปเอาเองแล้วเมินฉันแบบนี้ไม่ได้... แล้วก็อีกอย่าง ลองคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้ดูซิ ตั้งแต่เมื่อไรที่ทั้งมนุษย์หมาป่ากับแวมไพร์(?)ตั้งใจปกป้องมนุษย์แทบจะด้วยชีวิตตัวเองกันอะหื้ม? งั้น ให้ฉันที่เป็นคนกลางแล้วก็งงกับเรื่องนี้มากที่สุดเป็นคนแถลงไขละกันนะ จากนั้นเราจะค่อยๆมาคลายสถานการณ์เข้าใจผิดกันระหว่างทั้งคู่ โอเคไหม?”

ประโยคสุดท้ายนั้นเป็นสิ่งที่คาใจเฮาเหลนมาตลอด ในยุคสมัยที่เจริญแล้วข้อมูลสารสนเทศสามารถหากันได้ง่ายๆ ทุกคนต้องรู้จักเรื่องราวหรือตำนานของมนุษย์หมาป่า(แวร์วูฟ)และแวมไพร์ ซึ่งสามารถหาเจอได้ง่ายๆตามหนังไซไฟทั่วไป ตามมุมมองของเฮาเหลนแล้ว มนุษย์หมาป่ากระหายเลือดกับแวมไพร์ที่น่าสยดสยองนั้นาสิ่งมีชีวิตทั้งคู่นั้นต่างก็ดุร้ายและชื่นชอบที่จะฆ่ามนุษย์เล่นเป็นผักปลา คำถามตอนนี้คือ แล้วไอ้2ตัวที่อยู่ข้างหน้าเขามันเป็นอะไรของมัน

แต่น่าแปลกใจที่ทั้งลิลลี้และวิเวียนกลับตะโกนออกมาพร้อมกัน “ฉันไม่ได้เหมือนกับไอ้พวกนั้นซักหน่อย!”

ทั้งคู่หันมามองหน้ากันด้วยความตกใจ แล้วก็สะบัดหน้างอนเป็นตูดเป็ดทันที ทั้งคู่ต่างก็เชื่อว่าตัวเองพูดความจริง

“ฉันละไม่รู้หรอกว่าเจ้าพวกที่เลือกทำสงครามกับมนุษย์มันคิดอะไรอยู่ แต่เท่าที่ฉันรู้ ฉันก็อยู่ร่วมกับมนุษย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”วิเวียนพูดแล้วกอดอก “อีกอย่าง ฉันก็....ค่อนข้างเกลียดตระกูลบลัดแคลนคนอื่นๆด้วย อย่าถามนะว่าทำไม ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว แล้วฉันก็ไม่ค่อยได้เห็นพวกสายพันธ์อื่นโจมตีมนุษย์ด้วย พวกที่ทำแบบนั้นมันโง่เกินไป”

“ฉันไม่เคยเจอพวกสายพันธ์อื่นมาก่อนเลย”ลิลลี้สูดดมกลิ่นอย่างกับว่าเริ่มชินกลิ่นของวิเวียนแล้ว “ฉันตื่นมาในหิมะที่หนาวเหน็บ เหมือนมันจะเป็นประเทศที่มีหิมะตก ฉันตื่นขึ้นมาก็อยู่ในร่างมนุษย์แล้ว ฉันโดนเก็บไปเลี้ยงอยู่กับหญิงชราแล้วก็อยู่กับพวกมนุษย์มาหลายทศวรรษแล้วหลังจากนั้น ฉันจะย้ายออกไปตอนที่พวกเขาสงสัยว่าฉันไม่แก่ขึ้นแค่นั้นละ ฉันชอบมนุษย์นะ ฉันคุ้นชินกับพวกเขาแล้วอะ”

เฮาเหลนค่อยๆเก็บข้อมูลของทั้ง2 “คน”แล้วตัดสินใจที่จะเชื่อพวกเธอ

ก็นะ ถึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก ถ้าพวกเธออยากให้เขาตาย ยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี จะไปทำไงได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด