ตอนที่แล้วEG บทที่ 166  กวาดล้างให้สิ้นซาก (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEG บทที่ 168 ขั้นตอนแรกเสร็จสิ้นแล้ว (อ่านฟรี)

EG บทที่ 167 โรงงานรถจักรยานยนต์ (อ่านฟรี)


วันรุ่งขึ้น เฝิงหยู่ก็ได้รับหมายเรียกจากสถานีตำรวจเพื่อไปสอบปากคำ เฝิงหยู่พูดแบบเดิมเหมือนกับที่เคยพูดกับจางรุ่ยเฉียง และด้วยความสัมพันธ์ของเขากับหัวหน้าเฉิน สักพักเขาก็ออกจากสถานีตำรวจ

หัวหน้าเฉินบอกเฝิงหยู่อย่างเกรงใจว่า การสอบปากคำครั้งนี้เป็นเพียงสิ่งที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้นและขอให้เขาอย่าได้สนใจ

ในที่สุดเรื่องทุกอบ่างก็จบลง ธุรกิจของบริษัทการค้าไท่หัวก็กำลังพัฒนาดีขึ้น และเฝิงหยู่ก็แวะไปที่โรงงานเครื่องจักรเพื่อหาหลี่หมิงเต๋อ เขาอยากจะคุยเรื่องโรงงานรถจักรยานยนต์

“โรงงานรถจักรยานยนต์? เราเชี่ยวชาญในเรื่องการผลิตเครื่องจักรทางการเกษตร และรถจักรยานยนต์ไม่ค่อยเหมาะกับเรานัก” หลี่หมิงเต๋อลังเลนิดหน่อย

เฝิงหยู่ยังคงพูดจาวาดฝันให้สวยหรูต่อไป และเขารู้สึกว่าเฝิงหยู่พูดมีเหตุผล รถจักรยานยนต์จะขายดีในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า และผลกำไรอาจจะมากกว่าการขายเครื่องจักรทางการเกษตร

แต่เขากังวลว่ารัฐบาลเมืองจะอนุมัติโครงการรถจักรยานยนต์ครั้งนี้หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น เฝิงหยู่ยังขอให้เขาไปขอที่ดินเพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ด้วย โรงงานแห่งใหม่นี้จะต้องจัดตั้งแยกออกจากโรงงานผลิตเครื่องจักรทางการเกษตรที่มีอยู่เดิม

“ผู้จัดการหลี่ ถ้าคุณไม่ลองก็ไม่รู้หรอกครับ พูดตรงๆ นะครับ โรงงานการบินก็มาติดต่อผม และอยากจะร่วมงานกับผม แถมยังให้ส่วนแบ่งผมมากขึ้นด้วย แต่ผมก็จัดหาเทคโนโลยีและสายการผลิตทั้งหมดมาให้แล้ว ยังจะต้องให้ผมย้ำอีกหรอครับว่าโรงงานรถจักรยานยนต์จะสร้างผลกำไรได้มากเท่าไร?”

“แล้วรัฐบาลเมืองจะอนุมัติหรอ?”

“อนุมัติแน่นอน ผมคุยกับนายกเทศมนตรีจางแล้ว ก็เพราะนายกเทศมนตรีจางเนี่ยหละผมถึงตัดสินใจมาคุยกับคุณ ไม่งั้นผมคงไปร่วมงานกับโรงงานการบินแล้วล่ะ” เฝิงหยู่พูดต่อ

นี่คือขั้นตอนแรกสำหรับเขาในการควบรวมโรงงานเครื่องจักร เขาจะไปร่วมงานกับโรงงานการบินได้อย่างไร? โรงงานการบินมีความเชี่ยวชาญในด้านเครื่องบินและรถยนต์ ซึ่งพวกนั้นไม่ได้สนใจรถจักรยานยนต์เลย

ยิ่งไปกว่านั้น โฮวไฮ่โถวจอมโลภคงไม่ยอมให้เฝิงหยู่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้แน่ๆ!

“ความร่วมมือครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับการถือหุ้นด้วยหรือเปล่า? เราไม่มีเงินซื้อเทคโนโลยีและเครื่องจักรพวกนี้นะ” หลี่หมิงเต๋อถาม

“คุณคิดว่ายังไงล่ะผู้จัดการหลี่? ไหนลองตอบผมซิ ถ้าคุณคิดว่าโครงการนี้น่าจะไปได้ด้วยดี คุณลองเสนอรัฐบาลเมืองดูสิ ผมรับรองว่ารัฐบาลและโรงงานเครื่องจักรจะต้องไม่ขาดทุนแน่นอน ถ้าคุณคิดว่าโครงการนี้ไม่น่าจะโอเค เราก็จะไม่คุยเรื่องนี้กันอีกต่อไป การสร้างโรงงานแห่งใหม่ต้องใช้เวลาด้วยเช่นกัน ไม่มีประโยชน์ที่เราสองคนจะมานั่งเสียเวลาคุยกันเรื่องนี้” เฝิงหยู่ยกมือขึ้นกอดอก เขาเชื่อว่าหลี่หมิงเต๋อจะต้องไม่ปฏิเสธโครงการนี้

“ตกลง งั้นขอเวลาผมสามวัน ผมจะไปคุยเรื่องนี้กับพวกผู้นำ แล้วจะรีบติดต่อคุณกลับไป”

......

“คุณจางและคุณซวี่ พวกคุณสองคนเคยบอกผมเรื่องโรงงานรถจักรยานยนต์แล้ว ทำไมเราถึงไม่จัดตั้งโรงงานใหม่ขึ้นมาล่ะ? เราต้องรวมเข้ากับโรงงานเครื่องจักรด้วยหรอ?” นายกเทศมนตรีถามรองนายกทั้งสอง มีคนอยากจะลงทุนในโรงงานรถจักรยานยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยเรียกเก็บภาษีมาให้รัฐบาลเมืองได้มากขึ้นและยังช่วยแก้ปัญหาการว่างงานด้วย

จางรุ่ยเฉียงเหลือบมองรองนายกซวี่ ดูเหมือนว่ารองนายกซวี่ก็ไม่อยากจะตอบคำถามของนายกเทศมนตรี ดังนั้นจางรุ่ยเฉียงจึงพูดว่า “ท่านนายกเทศมนตรีครับ ถ้าให้เราเลือก เราก็คงจะเลือกก่อตั้งโรงงานแห่งใหม่แน่นอน แต่ตอนนี้ คนที่นำเข้าสายการผลิตรถจักรยานยนต์และเทคโนโลยียืนกรานที่จะลงทุนในโรงงานเครื่องจักร ซึ่งคนๆนี้ก็ไม่ใช่คนอื่นไกล เขาก็คือหนึ่งในผู้ถือหุ้นของโรงงานเครื่องจักร เฝิงซิ่งไท นั่นเอง”

“อ้าว เขาเองหรอกหรอ? ผู้ประกอบการที่เป็นชาวไร่คนนั้นอ่ะนะ? คุณเคยบอกผมก่อนหน้านี้ว่าลูกชายเขาก็คือคนที่ไปเข้าค่ายฤดูร้อนของมหาวิทยาลัยมอสโกและเขาก็มีคอนเนคชั่นกับสหภาพโซเวียตใช่ไหม?”

“ใช่ครับ เครื่องจักรทางการเกษตรที่ผลิตโดยบริษัทเครื่องจักรในปัจจุบันนี้ก็ใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยที่เขาเป็นคนนำเข้ามาจากสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ เครื่องทำความชื้นเฟิงหยู่ในตลาดก็เป็นสินค้าของบริษัทด้วย แถมเขายังเป็นคนนำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานทอผ้าของเมือง โรงงานผลิตเสื้อผ้า และอื่นๆ อีกด้วยครับ” จางรุ่ยเฉียงพูกเสริม

“ขนาดนั้นเลยหรอ? ถ้างั้นคุณคิดยังไงเกี่ยวกับการแปลงเครื่องจักรและเทคโนโลยีพวกนี้ให้กลายเป็นหุ้น?” นายกเทศมนตรีถาม

รองนายกซวี่พูด “ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถทำได้ครับ หลี่หมิงเต๋อรายงานผมว่าแม้ว่าสายการผลิตรถจักรยานยนต์และเทคโนโลยีจะมีมูลค่ามาก แต่เราก็เป็นคนจัดหาที่ดินและโรงงานให้เหมือนกัน ดังนั้นถ้ามีการแปลงสภาพไปเป็นหุ้น ก็คงเป็นหุ้นจำนวนไม่มากนัก แต่ถ้าต้องใช้ที่ดินและสร้างโรงงานแห่งใหม่ บริษัทเครื่องจักรจะต้องลงทุนอีกมาก ดังนั้น ผลกำไรโดยรวมอาจจะน้อยลงในปีนี้ เมื่อมีการผลิตรถจักรยานยนต์แล้ว กำไรก็จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเครื่องจักรทางการเกษตร!”

จางลุ่ยเฉียงมีหน้าที่ดูแลการปรับโครงสร้างของรัฐวิสาหกิจและมีความค้นเคยกับรัฐวิสาหกิจ เขาคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดว่า “ท่านนายกครับ จำได้มั้ยครับว่าเคยมีโรงงานจักรยานเก่าแห่งหนึ่งที่ปิดกิจการไปซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง ที่ดินแห่งนั้นแปลงใหญ่มาก และโรงงานที่อยู่ติดกันก็เพิ่งย้ายออกไป ถ้าเรารวมสองโรงงานนี้เข้าด้วยกัน ที่ดินก็จะมีขนาดใหญ่มากพอ และเราไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานใหม่เลย”

“ตรงนั้นเป็นที่ดินผืนใหญ่มากเลยนะ เราจะยอมให้โรงงานรถจักรยานยนต์ใช้ที่ตรงนั้นหรอ?” รองนายกเทศมนตรีซวี่ไม่เห็นด้วย เขารู้สึกว่ามันเป็นการสิ้นเปลือง

“เราลองขอให้เขาจัดหาสายการผลิตสองสายมาให้เรา และเพิ่มการผลิตรายปีจาก 100,000 คันเป็นอย่างน้อย 200,000 คัน เราจะใช้ที่ดินของโรงงานจักรยานเก่าแห่งนี้ และช่วยแก้ปัญหาการว่างงานของคนงานในโรงงานจักรยานเก่านี้ด้วย รถจักรยานยนต์และจักรยานล้วนเป็นยานพาหนะที่มีสองล้อ ซึ่งก็น่าจะใช้เทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน” จางรุ่ยเฉียงพูดแผนการจบ เขารู้สึกว่าอนาคตของรถจักรยานยนต์น่าจะไปได้สวย และเป้าหมาย 100,000 คันต่อปีก็ยังถือว่าน้อยเกินไป

“สายการผลิตสองสายงั้นหรือ? คุณคิดว่าเขาจะจัดหามาให้ได้หรอ?” นายกเทศมนตรีถาม

“นั่นมันเป็นปัญหาของเขาครับ ถ้าเขาหามาให้ไม่ได้ เราก็จะมีข้อแก้ตัวในการลดจำนวนหุ้นที่เขาอยากจะให้แปลงสภาพ” รองนายกซวี่รู้สึกว่าจางรุ่ยเฉียงพูดถูก

……….

“อะไรนะ? สองสายการผลิต? นี่มัน....ยากเกินไปหน่อยนะครับ ถ้างั้นหุ้นที่ผมจะได้รับก็น่าจะเป็นสองเท่าด้วย!”

พวกเขาถูกหลอกแล้ว เฝิงหยู่แอบดีใจ คิรเลนโกได้ช่วยจัดหาสายการผลิตมาให้เขาสองสายแล้ว เฝิงหยู่ตั้งใจพูดเกินจริงเกี่ยวกับอนาคตของโรงงานรถจักรยานยนต์ และถึงขนาดพูดว่าเขาจะรับผิดชอบเองหากยอดขายไม่ดี สุดท้ายแล้ว พอรัฐบาลเมืองเห็นผลกำไร ก็มาบังคับให้เขาจัดหาสายการผลิตสองสาย

“ถูกต้อง นี่ถือว่าเป็นเงื่อนไข ไม่ต้องกังวลเรื่องหุ้น เราจะให้ตามที่คุณสมควรได้แน่นอน”

สายการผลิตหนึ่งสายมีมูลค่าอย่างน้อย 4 ล้านรูเบิ้ล ถ้ารวมเทคโนโลยีเข้าไปด้วย สายการผลิตสองสายก็น่าจะแปลงเป็นหุ้นได้มากกว่า 20% นี่ถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทเครื่องจักร!

“โอเคครับ ผมตกลงกับเงื่อนไขของคุณ!” เฝิงหยู่ทำท่าราวกับว่ากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก แต่ในใจเขากลับลิงโลดด้วยความดีใจ

“สายการผลิตสองสายพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย เราจะให้หุ้นคุณ 18%”

“เดี๋ยวนะครับ เท่าไหร่นะครับ?”

“18% เดี๋ยวผมจะลองคำนวณให้คุณฟังดูนะ ที่ดินสองแปลงก็มีมูลค่าเท่าไรแล้ว แถมยังมีโรงงานร้างที่ต้องได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมอีก ทุกอย่างจะพร้อมใช้งานได้ภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน คุณคิดว่าทั้งหมดมีมูลค่าเท่าไรล่ะ? 18% ถือว่าเยอะมากเลยนะ” หลี่หมิงเต๋อพูด

“ผมจะไปร่วมงานกับโรงงานการบิน” เฝิงหยู่พูดด้วยความไม่พอใจ

หลี่หมิงเต๋อหัวเราะ “สายไปแล้วครับ โรงงานการบินกำลังลงทุนในบริษัทเครื่องจักรของเราสำหรับโครงการโรงงานรถจักรยานยนต์นี้!”

“อะไรนะ? คุณยอมให้โรงงานการบินลงทุนด้วยหรอ? นักธุรกิจฮ่องกงรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”

“เราล้วนก็เป็นผู้ถือหุ้นกันทั้งนั้น เราไม่จำเป็นต้องแจ้งคนอื่นรู้ว่าเราจะซื้อหรือขายหุ้นของเรา! ในอนาคต โรงงานเครื่องจักรจะมีเจ้าของทั้งหมด 4 ฝ่าย”

“แม้แต่โรงงานการบินก็ยังมาลงทุนด้วย ถ้างั้นผมอยากได้หุ้นอย่างน้อย 20% ไม่งั้น ผมจะไม่ร่วมมือด้วย และผมจะไปร่วมงานกับโรงงานผลิตยานพาหนะของเมืองจี!” เฝิงหยู่แสดงสีหน้ากังวล

“ก็ได้ งั้นผมให้ 20% ครั้งนี้คือการตัดสินใจครั้งสุดท้ายแล้วนะ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมอีก พรุ่งนี้ ให้พ่อคุณมาเซ็นสัญญาและเข้าร่วมพิธีเปิดตัวโรงงานสาขารถจักรยานยนต์ของบริษัทเครื่องจักรด้วย!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด