ตอนที่แล้วตอนที่ 32 ทะลวงระดับรวมธาตุ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 34 การปรากฏขึ้นอีกครั้งของหอคอยทมิฬ

ตอนที่ 33 เมล็ดก่อเกิดห้าธาตุ


หลิงฮันที่เปิดตันเถียนได้นับว่าเป็นเพียงครึ่งก้าวสู่ระดับรวมธาตุเท่านั้น

จำนวนของจอมยุทธระดับหลอมกายาขั้นเก้าที่ติดอยู่ในจุดนี้ไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าใด แต่ว่ามากมายมหาศาลแน่นอน

 

จอมยุทธระดับรวมธาตุจะสามารถสร้างเมล็ดก่อเกิดได้ทั้งหมดเก้าเมล็ด เมื่อพวกเขาสร้างครบเก้าเมล็ดแล้วจึงจะสามารถทะลวงผ่านไปยังระดับก่อเกิดธาตุได้

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับหลิงฮันแล้วการสร้างเมล็ดก่อเกิดนับว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะอย่างไรเขาก็เคยสร้างมาแล้วเก้าเมล็ดในชีวิตที่แล้ว

 

เมื่อเขาเริ่มต้นการสร้างเมล็ดก่อเกิด ปราณก่อเกิดได้สั่นสะเทือน หมุนรวมตัวกัน และได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน เขาคุ้นเคยกับขั้นตอนนี้มาก ปราณก่อเกิดในร่างควบแน่นจนกลายเมล็ดก่อเกิดที่มีขนาดความกว้างเท่าเส้นผม

 

แต่เขาก็พบกับเรื่องน่าตกใจเข้าทันที ภายในตันเถียนของเขามีเมล็ดก่อเกิดอยู่ห้าเมล็ด!

 

เป็นไปได้อย่างไร!

 

เขาเพิ่งจะทะลวงมายังระดับรวมธาตุ แต่กลับอยู่ในขั้นที่ห้าแล้ว?

 

ไม่ ไม่ ไม่... เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะเมล็ดก่อเกิดเหล่านี้ยังเล็กเกินไป

เขาไม่ได้เคยได้ยินว่ามีคนที่สามารถสร้างเมล็ดก่อก่อได้ห้าเม็ดพร้อมกันมาก่อน

 

เมล็ดก่อเกิดทั้งห้าเมล็ดนี้ พวกมันมั้งดึงดูดและกีดกันซึ่งกันและกันจนทำให้เกิดความสมดุลขึ้นมา พวกมันสีห้าสีที่แตกต่างกันออกไป ทอง เขียว ขาว แดง และดำ

 

ใจของหลิงฮันเต้นอย่างรุนแรง เมล็ดเหล่านี้คือการควบแน่นของธาตุทั้งห้าที่ต่างกัน เมล็ดก่อเกิดทั้งห้านี้แสดงถึงธาตุ ทองคำ ไม้ น้ำ ไฟ และดินตามลำกับ

 

จะเป็นไปได้หรือไม่ว่ารากฐานวิญญาณที่มีมากกว่าธาตุเดียวจะสามารถสร้างเมล็ดก่อเกิดได้มากกว่าเมล็ดเดียวเช่นกัน?

 

แต่เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนในชีวิตที่แล้ว?

 

‘มันไม่ถูกต้อง!’

 

หลิงฮันตรวจอย่างรอบคอบและสรุปได้ว่าเมล็ดก่อเกิดทั้งห้าได้มีความสมดุลกันอย่างสมบูรณ์แบบ หากเมล็ดใดเมล็ดหนึ่งแข็งแกร่งกว่าเพียงเล็กน้อย สมดุลที่ว่าจะถูกทำลายลงทันที เพราะงั้นคนทั่วไปถึงได้มีเมล็ดก่อเกิดที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงเมล็ดเดียว ในขณะที่เมล็ดอื่นที่อ่อนแอกว่าจะแตกสลายไป

 

ในโลกนี้มีหลายคนที่ครอบครองรากฐานวิญญาณสองธาตุ หรืออาจจะสามและสี่ธาตุ แต่คนที่แต่ละธาตุในรากฐานวิญญาณมีความสมดุลกันนั้นมีน้อยถึงน้อยมาก เพราะงั้นคนที่สามารถครอบเมล็ดก่อเกิดสองหรือสามเมล็ดจึงมีน้อยมากหรืออาจจะไม่มีเลย

 

ในชีวิตที่แล้วนอกจากฝังตัวเองอยู่กับการหลอมยาแล้ว หลังฮันยังฝังตัวเองอยู่กับการบ่มเพาะด้วย มีน้อยมากที่เขาจะได้ต่อสู้กับใครสักคน จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ได้พบกับคนที่มีเมล็ดก่อเกิดมากกว่าหนึ่งเมล็ด ยิ่งกว่านั้นการมีเมล็ดก่อเกิดหลายเมล็ดยังถือว่าเป็นไพ่ลับที่สามารถพลิกโต๊ะและคว้าชัยชนะมาได้ ใครกันจะยอมเปิดเผยมันออกมา?

 

‘เมล็ดก่อเกิดทั้งห้าจะรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นเมล็ดก่อเกิดเมล็ดใหญ่ นั่นหมายความว่าข้าจะมีปราณก่อเกิดแข็งแกร่งกว่าคนอื่นห้าเท่า!’ หลิงฮันคิดในใจ นี่นับว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก

 

สำหรับจอมยุทธ การที่จะใช้ปราณก่อเกิดให้หมด พวกเขากำเป็นต้องใช้ออกไปอย่างน้อยหนึ่งร้อยกระบวนท่า หรือบางคนอาจจะพนึ่งพันกระบวนท่า แต่ถ้าเขาสามารถเร่งความเร็วในการใช้ปราณให้เพิ่มขึ้นห้าเท่าล่ะ?

 

นั่นหมายความว่าพลังในทุกๆการโจมตีของเขาจะเพิ่มขึ้นห้าเท่า!

 

‘ไม่ๆๆ เมล็ดก่อเกิดห้าธาตุมีความสมดุลอันไร้ที่ติ ดังนั้นพลังปราณที่มันสร้างขึ้นมาจะต้องไม่ใช่แค่แข็งแกร่งขึ้นห้าเท่า แต่เป็นหกเท่า หรืออาจจะสิบเท่าเลยด้วยซ้ำ! เมื่อข้าบรรลุถึงรวมธาตุขั้นหนึ่งระดับสูงสุด ข้าจะสามารถต่อกรกับคนที่อยู่รวมธาตุขั้นสี่ได้สู้สีเป็นอย่างน้อย!’

 

‘ความแข็งแกร่งของข้าจะมีขนาดไหนกันนะ... ข้าจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อบรรลุถึงรวมธาตุขั้นหนึ่งระดับสูงสุด’

 

นี่สินะพลังที่แท้จริงของรากฐานวิญญาณระดับนิรันดร์!

 

อย่างไรก็ตาม การที่จะทำให้เมล็ดก่อเกิดทั้งห้าให้แข็งแกร่งและพัฒนาขึ้นย่อมช้ากว่าเมล็ดเดียวแน่นอน เพราะงั้นข้อได้เปรียบในเรื่องความเร็วในการบ่มเพาะของรากฐานวิญญาณนิรันดร์จึงต้องนำมาใช้กับเมล็ดก่อเกิดทั้งห้า และความเร็วในการบ่มเพาะของเขาจะกลับคืนไปเป็นความเร็วธรรมดา ยิ่งกว่านั้นการที่จะปลดปล่อยปราณก่อเกิดออกมาห้าเท่า มิติภายในตันเถียนของเขาจะต้องมีขนาดที่ใหญ่โตมาก ไม่เช่นนั้น เขาจะมีโอกาสได้ใช้กระบวนท่าเพียงไม่กี่ท่าก่อนที่พลังปราณในตัวเขาจะหมด

 

‘ช่างมันเถอะ ถึงจะไม่มีข้อได้เปรียบเรื่องความเร็วในการบ่มเพาะก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรข้าก็ได้รับพลังที่สามารถทำให้ข้ากลายเป็นราชาของเหล่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกันมาแทน ยิ่งกว่านั้น ตัวข้าที่เป็นถึงจักรพรรดิปรุงยาไม่ว่าอย่างไรก็ยังสามารถบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็วอยู่ดี ถึงแม้การจะบรรลุระดับสวรรค์ได้อาจจะต้องเป็นตอนที่อายุสองร้อยปีเหมือนชีวิตที่แล้วก็ตาม มันก็ยังถือว่าเป็นความเร็วที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์อยู่ดี!’

 

ไม่สิ ข้าที่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของพลังบ่มเพาะทุกๆระดับแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เวลาถึงสองร้อยปีในการทะลวงไปยังระดับสวรรค์อย่างแน่นอน

 

โลกนี้ช่างยุติธรรมจริงๆ การจะได้รับพลังที่แข็งแกร่งมา ต้องยอมเสียบางสิ่งไป ยิ่งกว่านั้นมิติในตันเถียนของข้าก็ยังเล็กเกินไปอีกด้วย ตอนนี้ข้ายังไม่มีความสามารถที่จะสู้ได้ยาวนานนัก

 

จากความเข้าใจของข้า เฉพาะรากฐานวิญญาณที่มีหลายธาตุและมีสมดุลอันสมบูรณ์แบบเท่านั้นจึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นรากฐานวิญญาณนิรันดร์ อย่างไรก็ตามรากฐานวิญญาณนิรันดร์เองก็สามารถแบ่งได้หลายประเภท ซึ่งดอกบัวหายนะห้าธาตุผสานของข้าเป็นประเภทที่แข็งแกร่งที่สุด!

 

นั่นเพราะว่าในโลกนี้ไม่สามารถมีรากฐานวิญญาณที่มีหกธาตุได้ และยิ่งมีธาตุมากขึ้นการจะรักษาสมดุลไว้จึงเป็นไปไม่ได้

 

ไม่แปลกเลยที่ข้าจะมีความรู้แปลกๆตอนที่อ่านส่วนที่สองของทักษะห้าธาตุสวรรค์ ข้าเคยคิดว่าคนที่คิดค้นมันขึ้นมาได้ทำอะไรบางอย่างผิดพลาดเสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเพราะดอกบัวหายนะห้าธาตุผสานสามารถสร้างเมล็ดก่อเกิดได้ห้าเมล็ด ด้วยทักษะนี้ ถ้าหากจะโคจรพวกมันทั้งห้าพร้อมกันคงจะไม่มีปัญหาอะไร

 

ดูเหมือนว่ารากฐานวิญญาณระดับนิรันดร์จำเป็นต้องใช้ทักษะบ่มเพาะที่พิเศษจึงจะสามารถปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว หากไปใช้ทักษะธรรมดาในการกระตุ้นเมล็ดก่อเกิดห้าธาตุเข้า... ข้าไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น

 

รู้สึกว่าในชีวิตนี้ ข้าจะมีเงื่อนไขทุกข้อพร้อมทั้งหมด ถ้าหากข้ายังไม่สามารถทลายมิติและกลายเป็นเทพได้ด้วยการใช้การโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ ข้าก็สมควรจะไปนำเต้าหู้มาโขกหัวตัวเองให้ตายไปซะ

 

‘ตอนนี้ฤทธิ์ของสมุนไพรยังไม่ถูกใช้จนหมด ข้าจะบ่มเพาะต่ออีกสักนิดแล้วกัน’

 

หลิงฮันชี้นำฤทธิ์ของสมุนไพรจากผลจิตวิญญาณบริสุทธิ์ให้เข้าไปขยายขนาดของตันเถียนของเขาพร้อมกับเสริมความแข็งแกร่งให้กับเมล็ดก่อเกิด

 

สิ่งที่จอมยุทธระดับรวมธาตุต้องทำคือการขยายขนาดของตันเถียนและเสริมพลังของเมล็ดก่อเกิดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

ยิ่งตันเถียนมีขนาดใหญ่เท่าใด ก็ยิ่งเก็บสะสมปราณก่อเกิดได้มากเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ยิ่งเมล็ดก่อเกิดมีขนาดใหญ่และโคจรได้ไวเท่าใด พลังที่สามารถปลดปล่อยออกมาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นเช่นกัน เพราะงั้นต่อให้จอมยุทธสองคนมีพลังบ่มเพาะเท่ากันแต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างพลังต่อสู้ของแต่ละคนอยู่ดี

 

หลิงฮันราวกับเป็นเครื่องขุดเจาะ เขาขยายขนาดของตันเถียนให้สามารถสะสมพลังปราณก่อเกิดได้มากขึ้นและกระตุ้นให้เมล็ดก่อเกิดโคจรไปพร้อมๆกัน จากการโคจรเมล็ดก่อเกิดซ้ำไปมา ความเร็วในการโคจรก็จะเพิ่มขึ้นทีละน้อย และเมื่อปราณก่อเกิดได้มาพันรอบๆเมล็ดก่อเกิด เมล็ดก่อเกิดก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้น

 

เขาระมัดระวังในการเสริมความแข็งแกร่งให้เมล็ดก่อเกิดเป็นอย่างมาก เพราะเขาจะเป็นต้องให้พวกมันมีความสมดุลที่เท่ากัน ไม่เช่นนั้นหากมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย สมดุลจะพังทลายลงทันที

 

เพราะว่าตัวเขากระหายในพลัง หลิงฮันจึงขยันบ่มเพาะอย่างต่อเนื่องด้วยสมาธิที่เต็มที่

 

‘อะไรกัน?!’

 

ในขณะที่หลิงฮันกำลังขยายขนาดของมิติในตันเถียนอย่างขะมักเขม้น เขาก็ต้องหยุดในทันทีและใบหน้าของเขาปรากฎสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา

 

หอคอยสีดำทมิฬกำลังลอยอยู่ในตันเถียนของเขา มันขยับเล็กน้อยและส่องแสงสว่างสีทอง

หอคอยที่ลอยอยู่ได้ปลดปล่อยความสูงศักดิ์และกลิ่นอายแห่งบรรพกาลออกมา หอคอยมีทั้งหมดเก้าชั้น และจากมุมของสายตาหลิงฮัน หอคอยสีดำทมิฬนี้มีความสูงถึงหนึ่งหมื่นเมตร ราวกับกำลังเชื่อมสวรรค์และปฐพีเข้าด้วยกัน

 

ถึงแม้มันจะผ่านมาแล้วหนึ่งหมื่นปี หลิงฮันก็ยังสามารถจำมันได้เพียงการชำเลืองเพียงครั้งเดียว หรือต่อให้หอคอยนี้ถูกเผาจนเหลือแต่ซาก เขาก็ยังจำมันได้อยู่ดี! เพราะหอคอยสีดำทมิฬนี้เป็นคนร้ายที่“สังหาร”มันในชีวิตที่แล้ว!

 

บัดซบ หอคอยนี่มาอยู่ในตันเถียนของเขาได้อย่างไร? หรือว่าแค่สังหารมันในชีวิตที่แล้วยังไม่พอ ถึงได้ไล่ตามมายังชีวิตที่สอง และตั้งใจจะสังหารเขาอีกครั้ง?

 

เจ้าไม่อาจทำแบบนั้นได้!

 

**ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด