ตอนที่แล้วบทที่ 88: สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคี [อ่านฟรีวันที่ 24 พฤษภาคม 2562]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 90: การแข่งขันในสำนัก [อ่านฟรีวันที่ 07 มิถุนายน 2562]

บทที่ 89: หงหยิงขี่พยัคฆ์ [อ่านฟรีวันที่ 31 พฤษภาคม 2562]


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

บทที่ 89: หงหยิงขี่พยัคฆ์

“หือ? ทำไมเจ้าจึงคิดเช่นนั้น?” ภรรยาจ้าวสำนักถามกลับด้วยความงุนงง “หรือเจ้ากลัวว่าทั้งสองจะพัฒนาความรู้สึกที่มีต่อกัน?”

“ฮ่าฮ่า ย่อมไม่ใช่!” จ้าวสำนักหัวเราะพร้อมกล่าวต่อ “และถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ด้วยพรสวรรค์ของอ้วนน้อยบวกกับความสามารถที่มี เขาสมควรจะเป็นลูกเขยของข้าอย่างแน่นอน! แต่ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นหรอก!”

“แล้วสิ่งใดที่เจ้ากังวลใจ?” ภรรยาจ้าวสำนักถามกลับ

“ข้าเกรงว่าอ้วนน้อยจะพบกับความล้มเหลว!” จ้าวสำนักอธิบายต่อ “เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เด็กหนุ่มผู้นั้นดูท่าทางโง่เขลาเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะได้พบกันโดยบังเอิญ ด้วยรูปลักษณ์ที่เรียบง่ายและซื่อตรงของเขา สมองของเขาน่าจะเบาโหวงและเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเชื่องช้า แต่บุตรสาวของเรานั้นเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะไร้คู่แข่ง สามารถเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ข้าเกรงว่าหนุ่มน้อยนั่นจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าหากพวกเขาเรียนรู้พร้อมกัน มันคงจะไม่ดีนัก!”

เมื่อภรรยาจ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น นางหัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวว่า “ข้าเกรงว่าในครั้งนี้เจ้าจะคิดผิด อย่างน้อยที่สุดในกรณีของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ คนที่ด้อยกว่าคือบุตรสาวของเรา!”

“อะไรกัน? เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?” จ้าวสำนักถามกลับด้วยความตกใจ “เด็กหนุ่มผู้นั้นฉลาดกว่าบุตรของเรางั้นหรือ?”

“เขาไม่จำเป็นต้องฉลาด แต่ทว่าเขาสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว สิบวัน เพียงแค่สิบวันเท่านั้น เขาเข้าใจพื้นฐานของสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคีแล้ว เหตุผลเดียวที่เราเพิ่งออกจากโถงเทวะอัคคีทั้งที่ผ่านมาหนึ่งเดือนเป็นเพราะบุตรของเราเพิ่งเข้าใจมัน!”

“ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง! เด็กหนุ่มนั่นเคยมีพื้นฐานการปรับแต่งสายฟ้ามาก่อน เป็นธรรมดาที่เขาจะเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว!” จ้าวสำนักบ่นออกมา

“มันก็ยังถือว่าเร็วอยู่!” ภรรยาจ้าวสำนักตอบกลับอย่างสุภาพ “ตอนที่ข้าฝึกฝนอสนีวารีขั้วลบ ข้าได้ปรับแต่งสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์แห่งอัคคีมายาวนานเป็นเวลาสิบปี แต่เขากลับเข้าใจมันภายในสิบวัน เห็นได้ชัดว่าความสามารถในการฝึกฝนของเด็กคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าเลย!”

“ฮ่าฮ่า งั้นหรือ? ข้าไม่ได้หวังว่าอ้วนน้อยจะมีความสามารถขนาดนั้น!” ในขณะที่จ้าวสำนักได้ยินเช่นนั้น เขาอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องจับตามองการพัฒนาของเขาอย่างใกล้ชิด!”

“อือ!” ภรรยาจ้าวสำนักพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เมื่อนางกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง นางหยุดปากพร้อมจ้องมองไปที่ด้านนอกพร้อมกับจ้าวสำนัก

เกิดแสงสีม่วงปรากฏอยู่บนท้องฟ้า และในทันที แสงนั้นมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขา พร้อมกับเสียงร้องอย่างตื่นเต้น

“ท่านพ่อ ท่านแม่ มาดูนี่สิ พี่ชายอ้วนให้สิ่งนี้กับข้า มันคือสุนัขที่น่ารักมาก!” หงหยิงตะโกนขณะที่นางกำลังขี่พยัคฆ์ลงมา นั่นคือพยัคฆ์ที่มีเท้าวางอยู่บนก้อนเมฆ และปีกที่แข็งแกร่งสามารถตัดผ่านอากาศได้ ซึ่งรูปร่างของมันสง่าเกินกว่าจะกล่าวถึง หงหยิงที่กำลังขี่มันอยู่รู้สึกสนุกอย่างไม่สามารถบรรยายได้

จ้าวสำนักและภรรยารับรู้ได้ทันทีว่ามันคือพยัคฆ์ปีกแหลม

“เจ้าบอกว่าเด็กนั่นมอบมันให้กับเจ้า?” จ้าวสำนักถามกลับอย่างตกใจ

“ใช่แล้ว พี่ชายอ้วนมีมันสองตัว เขามอบให้ข้าหนึ่งตัว!” หงหยิงกล่าวอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อว่ามันน่ารักไหม?”

“สวย แน่นอน มันสวยมาก!” จ้าวสำนักเพียงยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวว่า “พยัคฆ์ปีกแหลมนี้มีมูลค่าไม่น้อยไปกว่าหินจิตวิญญาณสองถึงสามล้านก้อน มันจะไม่สวยงามได้อย่างไรกัน?”

“หงหยิง เจ้าได้ขโมยมันมาจากอ้วนน้อยหรือไม่?” ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวแกมดุพร้อมหันไปมองเด็กสาว

“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดเลย! มันคือสิ่งที่พี่ชายอ้วนมอบมันให้กับข้า และข้าไม่ได้โกหก!” เมื่อกลัวว่ามารดาของนางจะพูดให้นางคืนสมบัติชิ้นนี้ นางรีบตอบกลับอย่างมั่นใจทันที “ถ้าหากท่านแม่ไม่เชื่อข้า ท่านสามารถถามพี่ชายอ้วนได้ โน่น เขาอยู่ตรงนั้น!”

ในขณะที่นางพูด หงหยิงยกนิ้วมือเรียวชี้ขึ้นพร้อมชี้ไปที่ขอบฟ้า เป็นจริงอย่างที่นางว่า มีลำแสงสีม่วงกำลังพุ่งตรงมาทางนี้ เพียงไม่กี่อึดใจ เจ้าอ้วนลงจากพยัคฆ์ปีกแหลมพร้อมทำความเคารพอาวุโสทั้งสอง ที่จริงเขาไม่ได้ต้องการจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องส่วนตัวของจ้าวสำนักและภรรยา อย่างไรก็ตาม หงหยิงเพิ่งได้รับของเล่นใหม่และนางขอร้องให้นำมันมาโชว์ให้กับพ่อแม่ของนางดู ถ้าหากเจ้าอ้วนไม่ยอม นางจะไม่หยุดอ้อนวอน เขาจึงทำได้เพียงปฏิบัติตามเท่านั้น

เมื่อทั้งคู่มองเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจกับพิธีรีตองที่เจ้าอ้วนกระทำ พร้อมถามออกมาอย่างเร่งรีบ “เด็กน้อย หงหยิงได้ฉกฉวยสิ่งนี้มาจากเจ้าหรือไม่? ถ้าหากเป็นเช่นนั้น จงรีบบอกพวกเรามา ข้าจะไม่ยกโทษให้นางเด็ดขาด!”

“ข้าจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน!” หงหยิงมองไปที่เจ้าอ้วนอย่างตื่นตระหนก

“ฮ่าฮ่า” เจ้าอ้วนเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมกล่าวว่า “นายหญิง ท่านกำลังเข้าใจผิด สิ่งนี้เป็นเพียงของขวัญที่ข้าตั้งใจมอบให้นางเท่านั้น”

“เห็นหรือไม่ ท่านเห็นไหม ข้าบอกแล้ว!” หงหยิงบ่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“เงียบ!” ภรรยาจ้าวสำนักจ้องมาที่นาง ทำให้นางถอยร่นไปอยู่ด้านหลังของจ้าวสำนัก จากนั้นนางก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับเจ้าอ้วน “เด็กน้อย สิ่งของชิ้นนี้มีมูลค่ามาก เจ้าไม่สามารถโยนมันออกมาเพื่อเป็นของขวัญแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง!”

“นายหญิง มันไม่ได้เป็นเพียงพยัคฆ์ปีกแหลมเท่านั้นหรือ? มันไม่ได้มีค่าอะไรเลย!” เจ้าอ้วนตอบกลับ “อีกอย่าง ข้าไม่ได้ใช้หินจิตวิญญาณเพื่อซื้อมันมา ข้าเอามันมาจากบุคคลอื่น!”

“โอ้ เจ้าไปคว้าเอาสิ่งดี ๆ เช่นนี้มาจากไหน?” จ้าวสำนักสอบถามอย่างอดใจไม่ไหว

“มันมาจากบุตรชายของสำนักจักรกล เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ามาที่วัดชิงเฟิงภายใต้ข้ออ้างของความโกรธแค้น ข้าสังหารเขาโดยใช้สายฟ้าแห่งปฐพีศักดิ์สิทธิ์ จึงถือสิทธิ์ในสมบัติเหล่านี้ เนื่องจากข้าเป็นคนไม่ค่อยรักษาของเท่าใดนัก ข้าอาจจะใช้มันในบางโอกาสเท่านั้น ดังนั้นข้าควรให้มันไปเป็นลูกมือของ...”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เจ้าอ้วนหยุดคิด เพราะเขาไม่รู้ว่าจะกล่าวถึงหงหยิงอย่างไรดี ถ้าเรียงลำดับตามฐานะครอบครัว หงหยิงเป็นอาวุโสป้าของเขา แต่ถ้าลำดับชั้นของสำนัก หงหยิงก็จะเป็นศิษย์น้อง ดังนั้นเจ้าอ้วนจึงไม่มีความคิดว่าจะทำเช่นไรกับนาง

เมื่อมองเห็นสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขา ภรรยาจ้าวสำนักกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเรียกนางว่าศิษย์น้องได้เพราะว่านางอายุน้อยกว่าเจ้า”

“เช่นนี้มันจะดีหรือ?” ใบหน้าของเจ้าอ้วนแดงก่ำด้วยความละอายใจ พร้อมกล่าวว่า “มันจะดีกว่าหากผู้น้อยเคารพผู้อาวุโส ข้าควรจะเรียกนางว่าศิษย์พี่หญิง!”

“ใช่ ถูกต้องแล้ว ข้าอยากเป็นศิษย์พี่!” หงหยิงกล่าวย้ำอีกครั้ง

“ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดต่อ พวกเราอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีลำดับขั้นของความแข็งแกร่ง!” จ้าวสำนักกล่าวพร้อมกับโบกมืออย่างผ่อนคลาย จากนั้นเขาประกาศออกมา “จงเรียกนางว่าศิษย์น้อง!”

“ข้าไม่ต้องการ!” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ของตนเองเริ่มเสียเปรียบ หน้าตาของนางเริ่มบูดบึ้งตามอารมณ์ ภรรยาจ้าวสำนักจ้องไปที่นางพร้อมกล่าวว่า “พยัคฆ์ปีกแหลมคือของขวัญที่ศิษย์พี่มอบให้ศิษย์น้อง หากเจ้ายืนกรานที่จะเป็นอาวุโส ไม่มีปัญหาเลยเพียงแค่คืนพยัคฆ์ให้กับอ้วนน้อยไป และมอบของขวัญที่มีค่าเทียบเท่าหรือมากกว่าให้เขา! เจ้าทำได้หรือไม่?”

“อ่า เรื่องนั้น คือว่า…” นางมองไปที่สายลมบวกกับความแข็งแกร่งของพยัคฆ์ปีกแหลม จากนั้นกล่าวออกมาอย่างไม่เต็มใจ “ถ้าหากข้าเป็นศิษย์น้องก็ไม่เป็นไร! แต่ข้าจะไม่มีทางเรียกเขาว่าศิษย์พี่ ข้าจะเรียกเขาว่าพี่ชายอ้วน!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จ้าวสำนักหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง และไหล่ของภรรยาจ้าวสำนักก็เริ่มสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ เจ้าอ้วนรู้สึกหดหู่เกินกว่าจะกล่าวสิ่งใดออกมา ได้แต่จ้องมองหงหยิงอย่างโศกเศร้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด