ตอนที่แล้วChapter 97: นี่มันความยุ่งเหยิงอะไรกันวะเนี่ย?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 99: กิลด์ที่เลวทราม

Chapter 98: กระทิงหนึ่ง กระทิงสอง


Chapter 98: กระทิงหนึ่ง กระทิงสอง

มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่คนนอกอย่างผู้เล่นจากนิกายซวนเฉินนั้นจะไม่มีทางเข้าใจโลกของศิลปะการต่อสู้ แล้วพวกเขาจะสามารถเข้าใจถึงอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมจากโลกศิลปะการต่อสู้ได้ยังไง หวังหยู่นั้นมีสถานะที่เว่อเกินจริงอย่างมากในโลก มันถึงจุดที่พ่อของเขานั้นแสดงความเคารพต่อหวังหยู่เลยด้วยซ้ำ….

ทุกคนในที่นี้นั้นไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างหวังหยู่และน้องชายของเขา

คนหนึ่งสูงและคนหนึ่งเตี้ย คู่พี่น้องนี้นั้นดูเหมือนพ่อกับลูกเสียมากกว่า....

มันเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในหัวใจของผู้เล่นในเมืองรัตติกาล เมื่อพวกเขาเห็นผู้นำของกิลด์นับหมื่นคนนั้นกลายเป็นของเล่นของหวังหยู่

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพันธมิตรอันนองเลือด สำหรับศัตรูของนิกายซวนเฉินและคนที่ปะทะกับอย่างรุนแรงกับกิลด์สวรรค์อันไร้ที่ติแล้ว พวกเขาก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไงดี เมื่อพวกเขาดูฉากนี้อยู่

พวกเขานั้นมีความสุขที่ปัญหาของกิลด์สวรรค์อันไร้ที่ตินั้นก็หยุดลง พวกเขาก็รู้สึกผิดหวังอย่างมากเนื่องจากคนที่หยุดกิลด์สวรรค์อันไร้ที่ติได้นั้นเป็นศัตรูที่พวกเขาเกลียดชังมากที่สุด หวังหยู่

“พวกนายรีบถอนตัวไป ฉันจะปล่อยนายไปในครั้งนี้! ฉันไม่ต้องการที่จะมีเรื่องในช่วงปีใหม่!”หวังหยู่เตือนความอาละวาดอันชั่วร้าย

การแสดงออกของความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นกลายเป็นน่าเกลียดเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหวังหยู่ เมื่อคิดกับตัวเองแล้ว ไม่ใช่นายหรือไงที่เริ่มความวุ่นวายนี่ทั้งหมด....

แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ได้มีความกล้าที่จะเถียงพี่ชายของเขา เขาก็ส่งข้อความอย่างเชื่อฟังไปยังกิลด์ของเขา “ถอยกลับ ถอยกลับ พวกเราไม่สามารถที่จะยั่วยุชายคนนี้ได้มิฉะนั้นละก็มันจะกลายเป็นการนองเลือดที่ฉันก็ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้…”

สมาชิกคนอื่นของกิลด์สวรรค์อันไร้ที่ตินั้นก็ได้คาดเดาผลลัพธ์ที่จะตามมาได้ หลังจากที่พวกเขานั้นเห็นว่าทั้งสองคนนั้นใกล้ชิดกันมากแค่ไหน พวกเขาก็เก็บอาวุธของพวกเขาลงหลังจากได้รับคำสั่งและล่าถอยจากเมืองรัตติกาล

ผู้เล่นจากเมืองรัตติกาลนั้นมองไปที่ศัตรูที่กำลังล่าถอยของพวกเขาอย่างมึนงง...พวกเขาไม่กล้าที่จะขยับตัวแม้แต่นิดเดียว และพวกเขาก็ไม่มีความคิดที่จะยั่วยุกิลด์สวรรค์อันไร้ที่ติอีกแล้ว...

ถ้าสงครามนั้นระเบิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มันก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าหวังหยู่จะสังหารฝั่งไหน…

ธงสงครามอันนองเลือดและ 2012 นั้นรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก มันมีคำพูดที่พวกเขาต้องการที่จะพูด แต่มันก็ไม่ควรพูดจะดีกว่า.. มันเหมือนกับว่านิกายซวนนั้นจะเอาเปรียบพวกเขาได้อีกครั้งหนึ่ง

แต่พวกเขานั้นก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่าพวกเขานั้นเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองรัตติกาล แม้ว่าจะรวมกิลด์ทุกกิลด์ในเมืองรัตติกาลก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับกิลด์สวรรค์อันไร้ที่ติได้

ในความเป็นจริง หัวหน้ากิลด์ของสวรรค์อันไร้ที่ตินั้นก็โดนทำร้ายจนกองลงไปกับพื้นโดยหวังหยู่ เหมือนกับหนูตัวน้อยๆ….

มันเป็นเรื่องที่เด่นชัดว่าใครนั้นแข็งแกร่งกว่า มันยังจำเป็นที่จะต้องหาข้อโต้แย้งกับความจริงนี้อีกเหรอ? หัวหน้ากิลด์ทั้งสองคนนั้นก็เข้าใจถึงการกระทำอันโง่เขลาของตัวเขาเองแล้ว

ไร้ความกลัวมองไปที่ธงสงครามอันนองเลือดและ2012ที่มีการแสดงออกที่บูดบึ้งพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา...

เมืองรัตติกาลนั้นก็ขึ้นพาดหัวเว็บบอร์ดอีกครั้งใน {REBIRTH} นิกายซวน กิลด์สวรรค์อันไร้ที่ติ สงครามนับหมื่นคน

มันไม่เคยมีช่วงเวลาสงบสุขเลยในเมืองรัตติกาล ฆ่าบอสเป็นกลุ่มแรก ทำภารกิจป้องกันสำนักงานใหญ่สำเร็จเป็นกลุ่มแรก นั่นเป็นความสำเร็จทั้งหมดของผู้เล่นเมืองรัตติกาล นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งเมืองนั้นเกี่ยวข้องไปด้วยกับการสังหารผู้เล่นครั้งที่ใหญ่ที่สุดในเกม แล้วมันก็จบลงได้โดยนิกายซวนเฉิน พวกเขานั้นเป็นศูนย์กลางของความวุ่นวายในเมืองรัตติกาลทุกครั้ง

ผู้เล่นที่พึ่งเข้ามาในเกมนั้นก็แห่เข้าไปในเว็บบอร์ดและแสดงความคิดของพวกเขา

“นายได้ยินเรื่องกิลด์สวรรค์อันไร้ที่ติไหม?”

“แน่นอน ฉันได้ยินมา พวกเขานั้นเป็นกิลด์ผู้ปกครองของเมืองฉัน ไม่ว่านายจะทำอะไรก็ตามนายก็ห้ามยั่วยุพวกเขา ฉันได้ยินมาว่าพวกเขายังมีผู้เล่นอีกมากในกิลด์พวกเขาที่อยู่ในเมืองอื่น…”

“นายได้ยินมาไหม ไม่นานมานี้ พวกเขาพ่ายแพ้กับอีกกิลด์หนึ่ง!”

“นายมั่นใจเหรอ? ใครชนะกัน?”

“ข้อมูลนี่เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน! พวกเขาพ่ายแพ้กิลด์ที่มีแปดคนในเมืองรัตติกาล มันคือนิกายซวนเฉิน! หัวหน้ากิลด์ของเขานั้นโดนตีก้นอยู่ต่อหน้าคนทั่วทั้งเมือง!”

….

เรื่องราวนั้นเว่อเกินจริงไปเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่มั่วซั่วมากที่สุดก็คือหวังหยู่นั้นขี่ม้าเข้าไปในสนามรบและสังหารศัตรูที่ปิดกั้นเส้นทางของเขา และเขาก็สังหารศัตรูนับหมื่นคนด้วยตัวเพียงคนเดียวก่อนที่จะกระชากชุดเกราะของความอาละวาดอันชั่วร้ายออกล้อนจ้อนและฆ่าเขาทิ้ง…

ในโรงเตี๊ยมเมืองรัตติกาล

“นายนี่มันช่างมีความสามารถจริงๆไม่ใช่เรอะ! ใครจะไปคิดว่านายจะสามารถพาคนเหล่านั้นมาเป็นลูกน้องของนายได้กัน…”หวังหยู่ตบไปที่หลังของความอาละวาดอันชั่วร้ายแล้วเขาก็หัวเราะ

แม้ว่าเขานั้นจะเป็นน้องชายของหวังหยู่ หวังหยู่นั้นก็ไม่เคยเข้าใจเขาเลย ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นเป็นคนที่ดื้อรั้นอยู่เสมอๆ เขานั้นไม่เคยฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้อย่างจริงจังและรักในการพยายามทำเรื่องใหม่ๆ

ตระกูลที่ดื้อรั้นและหัวโบราณแบบตระกูลหวังนั้นไม่มีทางที่จะยอมถ้าหวังหยู่นั้นกล้าที่จะเป็นน้องชายของเขา แต่พ่อของเขานั้นอ่อนโยนกับน้องชายของหวังหยู่เสมอๆ ทั้งตามใจเขาและปล่อยให้เขาทำตามที่เขาต้องการ…

มันมีหลายครั้งที่หวังหยู่นั้นพยายามต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมที่เขาเจอ มีเพียงครั้งหนึ่งเดียวที่เขาตะโกนเข้าใส่ผู้อาวุโสกว่า

“นายเป็นพี่ใหญ่ พวกเรานั้นหวังพึ่งนายให้แบกรับภาระของครอบครัวในอนาคต! ถ้านายกลายเป็นแบบเขาละก็ตระกูลหวังนั้นก็จะล่มสลาย! นายต้องการที่จะเป็นลูกของลุงสี่งั้นเหรอ? เขานั้นถูกโยนออกไปจัดการธุรกิจของครอบครัว นายต้องการที่จะเป็นแบบนั้นไหม?”

หวังหยู่นั้นไม่กล้าที่จะสู้กลับอีกเลยหลังจากนั้น

“มันไม่ได้มากอะไร ผมแค่เล่นเกมนี้เพื่อหาเงินบางส่วนเท่านั้นเอง…”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นหน้าแดงเมื่อเขาได้ยินคำชื่นชมของพี่ชายเขา ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นพบธุรกิจดีๆและทำเงินกับมันได้ตลอด

“นายคิดว่าครอบครัวของเราจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเล็กน้อยที่นายนำไปงั้นเหรอ?”หวังหยู่ถาม

“ผู้เฒ่าสามนั้นสนับสนุนความคิดนี้…”ความอาละวาดอันชั่วร้ายยักไหล่

“โอ้…”หวังหยู่ตกอยู่ในความเงียบงัน

“โอ้อย่างน้อยนายก็ทำได้ดีกว่าฉัน ฉันหมายถึงดูผู้คนมากมายในกิลด์นายสิ.....ไม่ต้องพูดถึงไอ้พวกบัดซบที่อยู่ที่นี่หรอกนะ พวกเขาเป็นแค่พวกอันธพาลที่หน้าด้านเท่านั้นแหละ ฉันเป็นคนเดียวที่มีคุณธรรม”หวังหยู่ปลอบโยนน้องชายของเขา

“เหี้...! ไอ้หน้าด้าน!”สมาชิกคนอื่นของนิกายซวนเฉินขู่ใส่เขา

“พี่ไปต้องแกล้งทำไปหรอกพี่ชาย ฉันสามารถที่จะเห็นได้ว่ากลุ่มของพี่นั้นเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าความจริงที่พวกเขานั้นเป็นคนกลุ่มแรกในเกมที่ทำให้ฉันนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบในการต่อสู้”ความอาละวาดอันชั่วร้ายหัวเราะ

“กระทิงสองนี้รู้วิธียกยอผู้คนจริงๆ!”

คำพูดของความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นทำให้ผู้เล่นจากนิกายซวนเฉินนั้นมีความสุขกับศักดิ์ศรีของเขา ความทระนงตัวนั้นลืมไปแล้วที่ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นนั้นฆ่าเขาไปก่อนหน้านี้ เขาก็รีบเพิ่มบทสนทนาไปอย่างมีความสุข “ลุงกระทิงสอง ทำไมลุงไม่สอนผมสักท่าหรือสองท่าละ? ลุงดูเป็นคนดีกว่าลุงกระทิงอีก…”

“เหี้...!”หวังหยู่พึมพำอย่างหดหู่ใจ ไอ้เด็กน้อยนี้มันรู้วิธีพูดจริงๆ

“ฮ่าๆ เพื่อนตัวน้อย มันไม่มีใครบนโลกนี้ที่สามารถเปรียบเทียบได้กับพี่ชายของฉันในเรื่องศิลปะการต่อสู้หรอก ถ้านายคิดว่าเขานั้นไม่มีเหมาะในการสอนนาย ถ้างั้นฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะช่วยได้มากหรอก!”

“และอีกอย่าง เรียกฉันว่าความอาละวาด หรือนายสามารถเรียกฉันว่า อาเฟยได้ แต่ได้โปรดอย่าเรียกกระทิงสองเลย! นายพูดเหมือนกับว่าฉันนั้นเป็นลูกน้องของเขา!”

“อาเฟย? มันก็ยังเป็นชื่อของลูกน้องอยู่เหมือนเดิมนะ….”

“โอ้ ยังไงก็ตาม พี่ยังอยู่กับผู้หญิงคนนั้นไหม?”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นหันกลับไปถามหวังหยู่

“ผู้หญิงอะไรกัน? เธอเป็นพี่สะใภ้ของนาย! พวกเราแต่งงานกันแล้ว!”หวังหยู่ตบไปที่หัวของความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้น

“แต่งงาน? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นอ้าปากค้าง

“เกือบครึ่งปีแล้ว!”หวังหยู่หัวเราะด้วยความสำราญใจ

“พี่นี่มันบ้าบิ่นจริงๆ! พี่แต่งงานมากว่าครึ่งปีแล้วก็ยังไม่พาเธอกลับไปที่บ้านเพื่อมาพบกับพวกเรางั้นเหรอ?”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นหัวเราะแล้วก็ยกนิ้วโป้งให้หวังหยู่

“ฉันจะไม่กลับไป ไปบอกพ่อของนายให้ฝึกฝนนายหนักกว่านี้! เลิกเสียเวลาเล่นเกมพวกนี้ได้แล้ว! ตระกูลหวังนั้นจะต้องหวังพึ่งนายในอนาคต!”

“เหี้....ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับผมเลย พี่นั้นแบกรับหน้าที่นี้มาตลอดยี่สิบปีและพี่ก็จะโยนมันให้กับผมอย่างงั้นเหรอ? ทำไมพี่ไม่กลับบ้านกัน? อะไรกันที่ขัดขวางพี่อยู่?”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ

“พวกเขาจะยอมรับเธองั้นเหรอ?”

“นี่มัน…”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นเกาหัว “ผมคิดว่าพวกพี่นั้นเข้ากันได้ดีแท้ๆ…”

“….”หวังหยู่จ้องไปอย่างเงียบๆใส่ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นแล้วก็ไม่พูดออกมาสักคำ

“แต่แน่นอน ลุงสามนั้นดื้อรั้นจริงๆ ไม่ต้องกังวลไป เขาจะอ่อนโยนขึ้น ถ้าพี่พาเด็กกลับมาบ้านพร้อมกับพี่ด้วย!”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นรีบตอบ

“นายกำลังถามหาการโดนกระทืบอยู่งั้นเหรอ?”หวังหยู่ขู่ใส่เขา

“ผมกำลังพูดความจริงอยู่.....ทำไมพี่ถึงไม่เข้าใจอารมณ์ของพ่อหลังจากที่มันผ่านมาเนิ่นนานแบบนี้กัน”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นถอนหายใจ

“พวกเราจะพูดถึงเรื่องนี้ในอีกสองปี้ข้างหน้า…และได้โปรดอย่าบอกพวกเขาว่านายเจอฉัน เข้าใจใช่ไหม?”

“ผมเข้าใจ”ความอาละวาดอันชั่วร้ายนั้นพยักหน้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด