ตอนที่แล้วเล่ม 3 ตอนที่ 3 : ศึกที่แจ๊คสัน (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 3 ตอนที่ 3 : ศึกที่แจ๊คสัน (3)

เล่ม 3 ตอนที่ 3 : ศึกที่แจ๊คสัน (2)


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

==========

เล่ม 3 ตอนที่ 3 : ศึกที่แจ๊คสัน (2)

และแล้ว เวลาที่เขาจะได้ออกล่าพร้อมกับกองทหารองครักษ์ก็มาถึงจุดสิ้นสุด หลังผ่านไปหกชั่วโมง ผู้บัญชาการกองทหารองครักษ์ ครอส ได้พูดกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า “วันนี้พวกเราพอแค่นี้ กลับเข้าไปได้”

“ครับ? หมายความว่ายังไงกัน?”

“ในเมื่อพวกเราปะทะไปพักหนึ่งแล้ว มอนสเตอร์พวกนี้จะเงียบหายไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง และองครักษ์ทั้งหมดล้วนเหนื่อยล้า ถ้าหากพวกเราไม่พักผ่อนให้เพียงพอ การศึกสำหรับวันพรุ่งนี้คงไม่อาจกระทำ”

ปัญหาอยู่ที่ความเหนื่อยล้า แนวความคิดด้านเวลาของเอ็นพีซีแตกต่างออกไป สำหรับผู้เล่น การเล่นเกมเต็มวันก็แค่แปดชั่วโมงในโลกความเป็นจริง ผู้เล่นสามารถผลักดันตัวเองให้ต่อสู้ทั้งคืนได้ในการศึกตามต้องการ ดังนั้นแล้วเมื่อพวกมอนสเตอร์ต่างพักหรือหลับกัน ผู้เล่นก็จะเป็นฝ่ายบุกเข้าไปล่าพวกมอนสเตอร์ด้วยตัวเอง

ทว่า หกชั่วโมงสำหรับผู้เล่น มันก็คือเวลาถึงสิบแปดชั่วโมงสำหรับเอ็นพีซี นอกจากนี้ ไม่เหมือนกับผู้เล่น เอ็นพีซีต่างก็รู้สึกเหนื่อยล้าและเจ็บปวดจากบาดแผลราวกับเป็นความจริง กระทั่งว่าพวกเขาสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตด้วยอาหารและโพชั่นได้ แต่ความเหนื่อยล้าไม่ใช่สิ่งที่จะหายไปด้วย

“ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ พวกเราไม่อาจพักผ่อนโดยเต็มที่ได้ แต่ในเมื่อพวกเราผ่านการศึกจากศัตรูระลอกหนึ่งนี้ไปได้ พวกเราก็จะสามารถพักผ่อนได้จนกระทั่งถึงรุ่งสาง ในเมื่อเจ้าผลักดันตัวเองหนักถึงเพียงนี้ อย่างน้อยก็ควรที่จะหลับตาพักผ่อนเสียบ้าง”

“...เข้าใจแล้วครับ”

คำพูดเหล่านี้เปรียบดั่งน้ำเย็นที่สาดเข้าใส่จิตวิญญาณที่พุ่งสูงของเขา

ทว่า แม้เป็นอาร์คก็ไม่อาจคะยั้นคะยอให้พวกองครักษ์ต้องทำตามตารางเวลาอย่างที่ตนต้องการได้

‘นี่หมายความว่า ทุกหกชั่วโมง เราต้องสู้เพียงลำพังสองชั่วโมง’

แต่มอนสเตอร์ที่เข้าโจมตีกำแพงมักมาเป็นกลุ่ม นับได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่อาร์คยากจะรับมือเพียงลำพัง กระนั้น เขาก็ไม่อยากคิดที่จะไปถามไถ่หน่วยจู่โจมอีกฟากเพื่อขอเข้าร่วมเป็นเวลาสองชั่วโมงเช่นกัน

‘ทำยังไงดีนะ? ถ้าต้องมาใช้เวลาว่างตรงนี้สองชั่วโมงทุกครั้งที่หกชั่วโมงผ่านไป นั่นหมายถึงหนึ่งวันเราต้องเสียไปถึงหกชั่วโมง คนอื่นต่างยืนหยัดกันตลอดทั้งคืนเพื่อออกล่า ช่องว่างตรงนี้จะยิ่งมายิ่งกว้างมากขึ้น...’

หากต้องการร่วมมือกับกองหทารองครักษ์ต่อก็จำเป็นต้องวางแผนใหม่ อาร์คผ่อนลมหายใจออกมา ‘และพอมาคิดว่าเจ้างูเสียความสามารถในการกินไอเทมไปก็นับว่าแย่เอาการ’

ในเมื่อเขาเข้าร่วมศึกที่ปราสาทแจ๊คสัน เขาจึงคิดว่าตนจะสามารถนำสิ่งของที่ดร็อปออกขายได้เรื่อย ๆ แต่แล้วมันก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น ร้านค้าของเอ็นพีซีทุกร้านได้ปิดทำการเพราะปราสาทแจ๊คสันโดนโจมตี สิ่งของจำเป็นสามารถซื้อหาได้ที่หอคอยในปราสาท แต่การจะขายของสิ่งอื่นไม่อาจเป็นไปได้

ภารกิจอีเวนท์เพียงเพิ่งเริ่มเท่านั้น แต่กระเป๋าของอาร์คในตอนนี้กลับถูกเติมเต็มไปแล้วกว่าแปดในสิบ

ในเมื่อไม่รู้ว่าไอเทมอะไรมันจะดร็อปออกมาบ้างและเมื่อไหร่ เขาในตอนนี้ไม่อาจทำตัวเป็นคนดวงตามืดบอดเก็บกวาดทุกสิ่งออกมาได้เว้นเสียแต่มีอะไรต้องตา

‘พอมาคิดว่าเราต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจเก็บทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าได้นี่มันช่าง...’

ขยะพวกนี้อย่างน้อยก็สมควรมีค่าสักหลายเหรียญทองแดง หรืออาจจะดีหน่อยก็หลายเหรียญเงิน ทว่า การเก็บสะสมสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้มันสามารถนำมาได้ซึ่งเงินจำนวนหนึ่ง ในเมื่อเขาไม่อาจทำเงินจากสิ่งที่กองอยู่บนพื้นเหล่านี้ได้ มันทำเอาเขาแทบคลั่งจนฉีกทึ้งผมตนเอง

นั่นไม่ใช่ปัญหาเพียงอย่างเดียว

ซื่อ ซื่อ...

ในระหว่างขั้นตอนการเปลี่ยนสัณฐาน เจ้างูน้อยจะเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ และเริ่มคายเอาสิ่งที่อยู่ในท้องออกมาอยู่บ่อยครั้ง ในเมื่อไอเทมทั้งหมดที่อยู่ในท้องเจ้างูล้วนเป็นของมีประโยชน์ ตัดสินจากไอเทมเหล่านี้แล้ว เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยไอเทมที่อยู่บนพื้นเอาไว้อย่างนั้น อาร์ครู้สึกราวกับผิวหนังโดนถลกก็ไม่ปานที่ต้องทิ้งสิ่งของเหล่านั้นเอาไว้เบื้องหลัง

‘ไม่อาจโทษเจ้างูได้ เป็นเราเองที่ให้มันกินผลบาเซียมเข้าไป เป็นความผิดเรา...’

พอเห็นเจ้างูที่คายไอเทมออกมาอีกชิ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด อาร์คก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเจ้างูจะปล่อยไอเทมออกมาทุกช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจยกเลิกการอัญเชิญมันไปได้ ถ้าหากเจ้างูอาเจียนเอาไอเทมสำคัญทั้งหมดที่มีทิ้งเอาไว้ในโลกใต้พิภพ นั่นก็หมายความว่าเขาไม่มีทางได้รับมันกลับคืน

อย่างน้อยที่สุด เจ้างูก็ยังพอมีแรงขึ้นมาบ้างเมื่ออาร์คใช้ทักษะเยียวยา มันพอที่จะช่วยบรรเทาอาการอาเจียนของมันได้บ้าง แน่นอนว่า อาร์คคิดหาหลายหนทางที่จะจบสิ้นกระบวนการเปลี่ยนสัณฐานของเจ้างู ทว่า ตอนนี้กลับยังไม่มีความคิดที่เข้าท่าผุดขึ้นมาเลย

พอคิดว่ามีคนหนึ่งสมควรรู้ อาร์คจึงไปถามนักแปรธาตุอย่างเรย์มอนด์ผู้ซึ่งมีภูมิความรู้กว้างขวางทางด้านวัตถุดิบเวทมนตร์ ทว่า เรย์มอนด์เพียงส่ายศีรษะ

“แม้ข้าจะเคยได้ยินชื่อผลบาเซียม ทว่า ผลบาเซียมมันเป็นสิ่งพิเศษที่จะนำไปทำยาเวทมนตร์ หรือไม่ก็ใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา แต่ไม่เคยได้ยินว่าสิ่งมีชีวิตจะสามารถกินมันได้โดยตรง ดังนั้นแล้วจึงยากจะกล่าว ข้าต้องขออภัยที่ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้มากนัก”

“ไม่เป็นไรครับ”

อาร์คจึงเริ่มตระหนักได้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ปัญหาได้โดยง่าย ด้วยใบหน้าผิดหวัง อาร์คส่ายศีรษะขณะหันกลับไป

ขณะนั้นเอง เรย์มอนด์จึงกล่าวถามคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ “อาร์ค ขอคุยด้วยชั่วครู่ได้ไหม?”

“ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”

“ที่จริง... พอได้ยินว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เขาก็เลยบอกว่าอยากจะเจอเจ้าให้ได้น่ะ”

ด้วยท่าทีเขินอาย เรย์มอนด์นำพาเด็กชายตัวน้อยที่อยู่หลังประตูออกมา มันเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย ขณะที่อาร์คมองไป เรย์มอนด์จึงกล่าวขึ้นมา “เป็นเด็กน้อยที่เจ้าช่วยเอาไว้ บุตรชายข้าเอง จริงด้วยสิ ข้ายังไม่แนะนำเขาให้เจ้ารู้จักเลย เขาชื่อ ทอม”

“อ๋า!” เพียงเท่านั้นอาร์คจึงจดจำเด็กชายได้ในทันที

เป็นบุตรของเรย์มอนด์ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาตอนนั้นซีดเซียวมาก แต่ตอนนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา แน่นอนว่าเขาพอจำเค้าลางได้ ในเมื่อมันเพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งปีสำหรับเอ็นพีซีเหล่านี้เอง

ดวงตาของทอมทอประกายขณะมองไปยังอาร์คพร้อมพูดกล่าวขึ้นมา “อาร์คนิมสินะครับ? คุณพ่อบอกเล่าเรื่องของคุณกับผมเยอะแยะเลย ผมคงต้องตายไปแล้วถ้าหากไม่ได้คุณช่วยเอาไว้ เพราะแบบนั้นผมจึงไม่มีทางลืมชื่อคุณแน่ แน่นอนครับ ผมจะไม่มีทางลืมอย่างแน่นอน ว่าอาร์คนิมคือคนที่ช่วยชีวิตของผมเอาไว้”

รอยยิ้มที่กระจ่างใสพลันปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของอาร์ค แม้เขาจะรู้ว่าเอ็นพีซีเป็นโปรแกรมคิดอ่านตอบสนองขึ้นมา มันเป็นความอบอุ่นใจที่ได้พบเจอเด็กชายที่แข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้วเข้ามาขอบคุณเพราะเขาช่วยเหลือ

ที่จริง อาร์คก็เคยไม่เข้าใจว่าเหตุใดข่าวถึงมักชอบรายงานเรื่องราวที่ใครผู้หนึ่งบริจาคเงินหรืออวัยวะเพื่อช่วยต่ออายุให้กับผู้อื่น เหตุใดถึงต้องยอมจ่ายเงินที่พวกเขาทำงานอย่างหนักแลกมาด้วย? แต่พอได้เห็นดวงตาปลื้มปริ่มของทอมแล้ว เขาจึงคิดได้ว่าตนเข้าใจเหตุผลของคนเหล่านั้นแล้ว สิ่งที่เขาได้รับนี้คงมีเพียงแค่ในเกม ในชีวิตจริงคงไม่มีทางได้รับรู้ถึงความรู้สึกเช่นนี้เป็นแน่

“ฉันไม่ใช่คนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นหรอก กลับกัน พ่อของเธอต่างหากที่น่านับถือ”

ทอมลูบจมูกตนเองขณะตอบด้วยสีหน้าภาคภูมิ “ฮี่ฮี่ ผมรู้ครับ แต่คุณก็เป็นคนที่ยิ่งใหญ่ดังเช่นพ่อของผมเช่นกันครับ”

ขณะเดียวกัน เดดริคได้กล่าวกระซิบอยู่บนไหล่ของอาร์ค “เด็กน้อยนี่ยังไม่รู้ว่าเจ้านายมีตัวตนจริงเช่นไร น่าสงสารยิ่งนัก แต่ก็คงดีกว่าถ้าหากเขาจะไม่รู้แหละนะ”

ขณะที่อาร์คมองเดดริคด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ทอมจึงกล่าวขึ้น “อาร์คนิม หากมีคนบาดเจ็บคุณก็จะช่วยเหลือใช่ไหมครับ?”

“ฉันจะช่วยพวกเขาเท่าที่เป็นไปได้”

“ถ้าแบบนั้น พอจะช่วยเหลือเพื่อนของผมกับพ่อของเขาได้ไหมครับ?”

“เจ้าหนูนี่ พูดอะไรอยู่กัน? อาร์คเพิ่งกลับมาจากการต่อสู้เพื่อปกป้องปราสาทแจ๊คสันนะ ไม่คิดหรือว่าพวกเราควรให้เขาไปพักผ่อนเสียหน่อยน่ะ?”

“แต่ว่า...” ทอมก้มศีรษะลงต่ำด้วยสีหน้ามืดมัว

“คุณเรย์มอนด์ มันเรื่องอะไรกัน?”

“ไม่ ที่จริง... คือ หลังปราสาทแจ๊คสันโดนหมอกมืดเข้าปกคลุม ประชากรหลายคนต่างประสบกับโรคที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้ อีกทั้งผู้อพยพทั้งหมดยังมารวมตัวกันอยู่ในที่แห่งนี้ พวกเขาจึงไม่ได้รับการรักษาที่ดีอะไรนัก พวกเราขอความช่วยเหลือจากกองกำลังอาสาสมัครส่วนหนึ่งแล้ว แต่พวกเขาก็บอกว่าไม่มีเวลามากนัก... ไม่สิ ในเมื่อพวกเขามาเพื่อปกป้องปราสาทแจ๊คสัน พวกเราก็ไม่อาจว่ากล่าวในเรื่องนี้ได้”

ในเมื่อนักบวชคือแกนกลางของหน่วยบุกจู่โจม แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะรบกวนเวลาพวกเขา

อาร์คคิดอยู่ชั่วครู่ เขาพยักหน้าให้แล้วกล่าวว่า “นำทางไปได้เลยครับ ผมอาจช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ก็ไม่อยากปล่อยผ่านไปครับ”

“แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าเพิ่งกลับมาจากสมรภูมิหรือ?”

อาร์คตอบกลับโดยไม่ลังเล “ผมผ่านการฝึกมาแล้วครับ เพราะงั้นไม่หลับนอนไม่กี่วันไม่เป็นอะไรหรอกครับ”

จะอย่างไร มันก็เป็นเรื่องยากที่จะต้องออกล่าคนเดียวกว่าสามชั่วโมง ดังนั้นแล้ว เขาจึงตั้งใจที่จะไปเพิ่มค่าความสัมพันธ์กับเหล่าประชากรแทน

“ผมบอกแล้ว! ผมบอกแล้วว่าอาร์คนิมต้องช่วยแน่อยู่แล้ว”

“อา กลับกลายเป็นต้องรบกวนเจ้าเพราะเด็กน้อยคนนี้พูดอะไรไม่จำเป็น”

เรย์มอนด์นำพาอาร์คมายังที่หลบภัยชั่วคราวที่มีรูปลักษณ์ไม่ค่อยดีนัก

อาร์คได้ยินมาว่าที่หลบภัยเหล่านี้ต่างเต็มไปด้วยผู้ป่วย ครอบครัวเหล่านั้นทำได้เพียงแค่มองคนในครอบครัวหรือบุตรหลานตนเองเจ็บป่วยด้วยดวงตาโศกเศร้า

เขาเคยพบกับภาพเช่นนี้มาก่อน แต่หัวใจของเขาก็ยังคงรู้สึกบีบรัดอยู่เสมอ เขารู้ว่ามันเป็นเพียงแค่สิ่งเสมือนจริง แต่การที่ต้องมองเรื่องโศกเศร้าเช่นนี้ที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างอะไรไปกับรับชมภาพยนตร์ที่มีอารมณ์ร่วม และมันยิ่งส่งผลมากขึ้นในนิวเวิลด์แห่งนี้ มันคือสถานที่ที่สามารถแสดงความรู้สึกอันแท้จริงออกมาได้มากกว่าภาพยนตร์

*ผู้แปล : แก้ไข นิวเวิร์ลด์ เป็น นิวเวิลด์ เพื่อให้อ่านง่ายขึ้นครับ*

“พ่อครับ พ่อ... ตื่นสิครับ!”

“แค่ก แค่ก แม่คะ หนูปวดหัว”

“ลูกต้องเข้มแข็งเข้าไว้ ลูกจะต้องดีขึ้นแน่นอน”

“โอ ทำไมต้องเป็นลูกฉัน... พระเจ้า โปรดช่วยเหลือชีวิตเด็กน้อยคนนี้ด้วย...”

เด็กที่พยายามจะปลุกคนในครอบครัวขึ้นมาโดยการเขย่าตัว กับคนในครอบครัวที่อุ้มเด็กสีหน้าซีดเผือดเอาไว้ขณะอ้อนวอนภาวนา

เขาคล้ายจุกอยู่ในลำคอ ราวกับว่าเขากำลังมองตนเองในอดีตที่ผ่านมา

กี่ครั้งกันที่เขาต้องร้องไห้ขณะกุมมือของแม่เอาไว้ทั้งที่อาจไม่ตื่นขึ้นมาบนเตียงผู้ป่วย? เขาอ้อนวอนภาวนาไปกี่ครั้งกัน? ความหวาดกลัวถึงเพียงใดกันที่เกิดขึ้นเมื่อเขาคิดว่าจะต้องสูญเสียแม่ไป?

ถ้าหากเขาหลับตาลงในตอนนี้ อาร์คจะนึกย้อนความทรงจำไปถึงพระคัมภีร์ที่เคยอ่านหลายต่อหลายครั้งในห้องมืดของโรงพยาบาล เขาทำทุกสิ่งอย่างที่สามารถจะทำได้ เขาปรารถนาแล้วปรารถนาอีกถึงพระผู้เป็นเจ้าที่อาจปรากฏตัวขึ้นมาขอแลกเปลี่ยนชีวิตของเขาแทนที่กับแม่

มันเป็นความหมดหวัง... ผู้คนเหล่านี้ต่างรู้สึกเช่นเดียวกับที่เขาเคยเป็น เพราะความทรงจำที่ผุดขึ้นมา ดวงตาของอาร์คจึงเริ่มชื้นขึ้น

‘พวกเขาไม่ใช่เพียงแค่เอ็นพีซี พวกเขาคือผู้คน’ อาร์คกัดฟันแน่น

ตามความเป็นจริงแล้ว สิ่งแรกที่เขาไม่อยากรับรู้คือตนรู้สึกผูกพันธ์กับเอ็นพีซีเหล่านี้

ร้องไห้เพราะเกม? เขาคิดว่าเรื่องพวกนี้สมควรเป็นเด็กหนึ่งหรือสองขวบที่จะร้องออก แต่ขณะที่เขาออกเดินทางไปทั่วนิวเวิลด์แห่งนี้และได้พบกับเอ็นพีซีมากมายนับไม่ถ้วน อาร์คจึงได้ละทิ้งความคิดเหล่านี้ไป

ถ้าหากนิยามแห่งชีวิตคือการคิดเพื่อตนเองแล้ว เช่นนั้นเอ็นพีซีเหล่านี้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกัน แม้พวกเขาจะเป็นผู้คนที่ถูกสร้างขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ แต่ถ้าหากพวกเขามีมโนธรรม เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากสิ่งชีวิต

ความเห็นอกเห็นใจต่อพวกเขามันจะน่าอับอายได้เช่นไรกัน?

บุคคลที่สมควรอับอายอย่างแท้จริง คือพวกคนที่รับชมภาพยนตร์โศกขณะที่หัวเราะไปได้ด้วยต่างหาก พวกเราต้องยอมรับว่าเศร้าก็คือเศร้า นั่นถึงจะทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือไรกัน?

“คุณตา... หวา!”

“เจ้าหนู ถอยไปสักครู่นะ”

อาร์คนั่งลงตรงที่เด็กน้อยเคยนั่ง จากนั้นจึงกุมมือของชายชราที่สั่นเทิ้ม

“โปรดละทิ้งความกลัวและเข้มแข็งขึ้น ก่อนที่ท่านจะป่วย ท่านคือคุณตาของเด็กน้อยคนนี้ และยังเป็นสหายอันแสนดีของเพื่อนบ้าน แม้มันจะเป็นเรื่องยาก แต่ท่านไม่ใช่เพียงผู้เดียวที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดนี้ หลานชายของท่านที่กำลังร้องไห้อยู่ ณ ตอนนี้ รวมถึงสหายของท่านที่กำลังคร่ำครวญอยู่ถัดจากท่าน ทุกคนที่เป็นห่วงท่านต่างก็ต้องทุกข์ทรมานเช่นเดียวกัน โปรดจำเอาไว้ ท่านต้องเข้มแข็งเพื่อช่วยพวกเขาจากความเจ็บปวดเช่นเดียวกัน มันเป็นเพียงแค่ความเจ็บปวดเท่านั้น โชคชะตายังคงไม่ละทิ้งท่าน น้ำตาของหลานชายท่านรวมถึงสหายของท่านจะกลับกลายเป็นกำลังให้กับท่าน”

นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยคิดอยากบอกกล่าวกับแม่ของตนเมื่อครั้งที่ยังอยู่ในโรงพยาบาลเมื่อนานมาแล้ว

ด้วยคำพูดเหล่านี้ ทักษะเยียวยาจึงเริ่มการทำงานพร้อมแสงสว่างที่เข้าปกคลุม จากนั้น แสงสว่างยิ่งมายิ่งสว่างมากขึ้น พลังงานมืดมนที่ปกคลุมอยู่ภายในสถานที่หลบภัยนี้เริ่มอ่อนแรงลง

หลังจากนั้น ความโศกได้แปรเปลี่ยน สีหน้าของผู้ป่วยที่ใกล้เสียชีวิตกลับมีชีวาขึ้น ลมหายใจของพวกเขาเริ่มดียิ่งขึ้น เสียงไอทั้งหลายในสถานที่หลบภัยถึงกับหยุดลง

=====

เยียวยาปาฏิหาริย์สำเร็จ

ท่านได้เข้าใจอย่างจริงแท้ถึงจิตใจของผู้ป่วยยิ่งกว่าใคร

สิ่งที่ผู้ช่วยต้องการไม่ใช่ยาที่สามารถขจัดความเจ็บปวดได้โดยทันที สิ่งที่พวกเขาปรารถนาคือมืออันอบอุ่นที่เข้าใจความเจ็บปวดของพวกเขา และสามารถที่ขจัดความเจ็บปวดเหล่านั้นได้จากใจจริง ทุกผู้คน โดยเฉพาะผู้ลี้ภัย ความรู้สึกเจ็บปวดที่พวกเขามีมันมากเกินกว่าความเจ็บป่วยของพวกเขา ตอนนี้ คำพูดจากใจจริงของท่านได้ช่วยรักษาพวกเขาดีเกินกว่ายาใดจะสามารถทำได้

ตราบเท่าที่หมอกมืดยังคงอยู่ ผู้ลี้ภัยจะไม่สามารถฟื้นฟูโดยสมบูรณ์ได้ แต่คำพูดจากใจจริงของท่านจึงทำให้ขวัญและกำลังใจของพวกเขาพร้อมสู้กับความเจ็บไข้ ผู้ลี้ภัยต่างลืมเลือนความเจ็บปวดและจะอดทนต่อได้จนกระทั่งหมอกมืดจางหายไป

*เยียวยาปาฏิหาริย์สำเร็จ ทุกค่าสถานะเพิ่มขึ้น 1

*ค่าเสน่หาเพิ่มขึ้น 10

*ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 50

*แนวโน้ม ความดี เพิ่มขึ้น 50

=====

*ท่านได้รับฉายา ผู้เยียวยาสรรพสิ่ง จากความสำเร็จของเยียวยาปาฏิหาริย์ ชื่อเสียงของผู้เยียวยาจะเพิ่มมากขึ้น ท่านสามารถได้รับคำยกย่องจากผู้ป่วยทั้งหลาย

*ด้วยโบนัสจากฉายา ทุกค่าสถานะเพิ่มขึ้น 1

*ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 50

=====

เขายังได้รับแต้มสะสมอีกถึง 2,000 แต้ม โดยไม่ต้องลงแรงกับการศึกเลยแม้แต่น้อย แต้มสะสมเหล่านี้เป็นเขาได้มาเพราะช่วยเหลือประชากร แต่รางวัลอื่นที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ เขาได้รับรอยยิ้มจากบรรดาผู้ป่วยทั้งหลาย

‘โล่งอกไปที...’

“ขอบคุณ ขอบคุณท่านมาก”

“ผมบอกแล้ว! ผมบอกแล้วว่าอาร์คนิมต้องช่วยได้แน่!” ทอมที่ปาดน้ำตาจากดวงตากำลังตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ

และขณะนั้นเอง เขาได้ยินเสียงอะไรหล่นลงจากตรงทางเข้าพร้อมกับเสียงร้องตะโกนที่ดังขึ้น

“อาร์ค? เมื่อกี้พูดว่าอาร์คใช่ไหม?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด