ตอนที่แล้วเล่ม 2 ตอนที่ 2 : ฟักไข่ (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 2 ตอนที่ 3 : นครใต้สมุทรโนเดเลส (1)

เล่ม 2 ตอนที่ 2 : ฟักไข่ (4)


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

====================

เล่ม 2 ตอนที่ 2 : ฟักไข่ (4)

อาร์คกระหืดกระหอบลมหายใจขณะล้มร่างลงกับพื้น

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

“เจ้านาย! เราชนะ! เราชนะแล้ว!”

มีเพียงแค่ได้ยินเสียงเจ้าค้างคาวตะโกนอาร์คจึงค่อยรู้ว่าตนได้รับชัยชนะ

อาร์คที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้นได้คว้าเอาหม้อออกมา หลังจากที่เร่งร้อนทำยาแก้พิษ เขาได้ทำอาหารเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต พลังชีวิตของเขาที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินท้ายที่สุดก็เริ่มฟื้นคืนหลังกินอาหารเข้าไปอีกสี่จาน

ดาบที่ปักอยู่บนหน้าผากของคุนดาลินีร่วงหล่นลงมาจากตำแหน่งที่ร่างของมันหายไป

=====

ดาบของแลนเซล (ต้องสาป)

ดาบที่แลนเซลเคยใช้ เขาเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านแลนเซล มันเป็นดาบที่ให้ความรู้สึกมืดมนจนท่านไม่อาจเชื่อได้ว่าดาบนี้เคยถูกใช้โดยทหารรับจ้างทั่วไป

นอกจากนี้ ดาบเล่มนี้ยังแข็งแกร่งเพราะขึ้นคำสาปและการปักอยู่บนหน้าผากของคุนดาลินีจึงอาบพิษมาเป็นเวลานาน

จนกว่าคำสาปจะถูกเพิกถอน ท่านไม่อาจตรวจสอบสถานะของมันได้

=====

กระดูกของแลนเซล

กระดูกที่หลงเหลือของหัวหน้าหมู่บ้านแลนเซล แลนเซล

=====

ความผิดหวังฉายผ่านใบหน้าของอาร์ค

ไอเทมต้องสาปมันเป็นไอเทมที่ไม่มีอะไรแน่นอน อีกทั้งยังยากใช้งานเพราะเป็นไอเทมที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน ไอเทมที่ยังไม่ยืนยันนั้นจะสามารถตรวจสอบได้หลังจากที่จ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ผู้เล่นในเมืองใหญ่ แต่การเพิกถอนคำสาปนั้นสามารถทำได้แค่ที่มหาวิหารในเมืองหลวงแห่งอาณาจักรชอร์เดนเบิร์กเท่านั้น

นี่หมายความว่าไอเทมนี้เขาไม่อาจใช้งานจนกว่าจะไปถึงเมืองหลวง อีกทั้ง มันยังต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อถอนคำสาป

ถ้าหากเขาถอนคำสาปและมันกลับกลายเป็นของไร้ราคา เขาอาจต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ อาร์คถึงกับต้องส่ายศีรษะ

“ไม่ จะยังไงมันก็ยังเป็นดาบที่ลดทอนพลังชีวิต 50% ของมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งอย่างคุนดาลินีได้ พลังอำนาจของมันสมควรเป็นดาบชั้นยอด แต่แล้วมันไม่มีไอเทมอื่นอีกเลยหรือไง?’

อาร์คเก็บดาบและเศษกระดูกของแลนเซลจากนั้นจึงเริ่มหันไปมองโดยรอบ

แต่แล้ว เขาก็ไม่เห็นไอเทมอะไรอื่นอีกไม่ว่าจะมองหาเท่าไหร่ก็ตาม แต่ในทันทีนั้นเขากลับพบเส้นทางที่จะพากลับขึ้นไปหรือปีนไปยังจุดที่บอสมนุษย์สุนัขเคยอยู่ได้ เขาเริ่มคิดออกไปจากถ้ำ แต่แล้วก็พลันพบเห็นแสงสลัวเรืองแสงอยู่อีกด้านหนึ่ง

มันคือแท่นบูชาที่บอสมนุษย์สุนัขร้องเรียกคุนดาลินีออกมา

เมื่ออาร์คเข้าไปใกล้และสัมผัสมัน หน้าต่างใหม่พลันเด้งขึ้นมา

=====

ท่านได้ค้นพบสิ่งประดิษฐ์โบราณ แท่นบูชาแห่งการฟักตัว

ด้วยภูมิความรู้แห่งโบราณวัตถุ ท่านได้ค้นพบข้อมูลลับเบื้องหลังแท่นบูชาแห่งการฟักตัว มันตั้งอยู่ภายในถ้ำที่ปกครองโดยมอนสเตอร์ขนาดยักษ์คุนดาลินี แท่นบูชานี้เป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์ยุคโบราณ ตั้งแต่ครั้งโบราณกาล แท่นบูชาแห่งการฟักตัวนี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าจอมปราชญ์

แท่นบูชาแห่งการฟักตัวมีความสามารถในการฟักไข่ทุกชนิดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมอนสเตอร์ขนาดยักษ์คุนดาลินีได้ใช้แท่นบูชาแห่งนี้ฟักไข่งูนับพันออกมาและใช้ชีวิตภายในถ้ำ

เพราะได้รับข้อมูลจากสิ่งประดิษฐ์ยุคโบราณ แท่นบูชาแห่งการฟักตัว ท่านได้รับโบนัสพิเศษ

ภูมิความรู้โบราณวัตถุ +10, ความฉลาด +5, โชค +3 และชื่อเสียง +30

=====

‘เพราะงี้สินะถึงมีงูเยอะขนาดนั้น?’

มันไม่ใช่ความลับใหญ่โตอะไร แต่มันดีก็ตรงที่พลังมานาของเขาเพิ่มขึ้นเพราะโบนัสค่าความฉลาดที่ได้รับ

ในเมื่ออาร์คไม่อาจแบกแท่นบูชานี้ออกไปได้ อาร์คจึงคิดปล่อยมันไป แต่แล้วความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นมาจนทำเอาเขาต้องชะงักเท้า

‘ว่าอะไร? มันช่วยเร่งการฟักตัวของไข่ได้ทุกชนิด?’

ถ้างั้น มันอาจจะมีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว

อาร์คมีไข่อยู่ใบหนึ่ง เช่นนั้นแล้ว อาร์คจึงเรียกไข่ใต้พิภพออกมา จากนั้นเขาจึงวางมันลงบนแท่นบูชา แต่แล้วมันกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

อาร์คเงยหน้าขึ้นและวางหม้อลงบนแท่นบูชาขณะเริ่มทำอาหาร จากนั้น ไม่ช้าเขาจึงวางไข่ลงไปด้านในและหน้าต่างข้อความจึงเด้งขึ้นมา

=====

ทำอาหารเพื่ออยู่รอดสำเร็จ แต่ว่าไข่ใต้พิภพดูดกลืนไปหมดสิ้น ท่านไม่อาจรู้ผลลัพธ์ของอาหารได้

การตอบสนองของไข่ใต้พิภพถูกตรวจพบ

*ด้วยผลลัพธ์ของแท่นบูชาแห่งการฟักตัว ไข่ใต้พิภพจึงได้รับอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น 500%

=====

‘ใช่ ต้องแบบนั้นสิ!’

อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 500% นั่นหมายความว่าเขาเพียงป้อนอาหารมันครั้งเดียวก็จะมีค่าเท่ากับห้าครั้ง!

‘ถ้าหากเราฟักมันที่นี่ไม่ได้ เราก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเมื่อไหร่มันจะตื่นขึ้น’

อาร์คดึงเอาวัตถุดิบอาหารทั้งหมดออกมาและเริ่มทำอาหารเพื่ออยู่รอด อัตราการทำสำเร็จนั้นมีเพียงแค่หนึ่งในสิบครั้ง หลังทำสำเร็จไปได้ห้าครั้งจากห้าสิบ ทักษะการทำอาหารเพื่ออยู่รอดก็เลื่อนขึ้นเป็นขั้นกลาง

=====

เลเวลของทักษะการทำอาหารเพื่ออยู่รอดเพิ่มขึ้นจากประสบการณ์

ทำอาหารเพื่ออยู่รอด (ขั้นกลาง, มีผลต่อเนื่อง) : ท่านสามารถผสมเครื่องเทศกับวัตถุดิบเพื่อเพิ่มอัตราการสำเร็จ

อาหารที่ใส่เครื่องเทศจะมีผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ระยะเวลาการส่งผลของอาหารจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทว่า โปรดจำเอาไว้ว่ามีเพียงแค่ผลลัพธ์ด้านดีเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งมันยิ่งต้องใช้ความกล้ามากกว่าเดิมเพื่อทดสอบผลลัพธ์ของอาหาร

=====

ขณะเดียวกันนั้น รอยแตกจำนวนมากพลันเริ่มกระจายไปทั่วเปลือกของไข่ใต้พิภพ ในที่สุดมันก็เริ่มที่จะปริแตกแยกออกจากกัน

=====

ไข่ใต้พิภพได้รับสารอาหารเพียงพอและเริ่มการฟักตัว!

=====

“นะ-ในที่สุด!”

อาร์คเพ่งความสนใจไปยังร่างที่กำลังก่อขึ้นจากแสงสลัว ในที่สุดเขาก็ได้สมุนปีศาจตัวที่สาม!

แม้ว่าสมุนปีศาจสองตัวจะมีพลังพอสมควร แต่หากเขามีถึงสาม ความเร็วในการออกล่าย่อมต้องเพิ่มขึ้น

ดวงตาของอาร์คฉายแสงแห่งความคาดหวัง แต่เมื่อแสงหายไปและร่างนั้นปรากฏขึ้นอาร์คพลันเผยความรังเกียจขึ้นบนใบหน้า

“บ้าอะไรกันเนี่ย? งะ-งูงั้นเหรอ?”

สมุนปีศาจตัวใหม่ของเขาเป็นงูที่คอดูค่อนข้างกว้าง ดูแล้วน่าจะเป็นงูเห่า

ในหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทำไมถึงต้องส่งเจ้างูนี่มา?

หลังจากที่เข้ามาในถ้ำ เขาได้โดนงูนับพันตัวเข้าโจมตี เท่านั้นยังไม่พอ เขายังเกือบตายเพราะสู้กับคุนดาลินี ดังนั้นเมื่อสิ่งที่ได้รับเป็นงูจึงแทบทำเอาเขาล้มป่วยได้

ทว่า เมื่อเขามองให้ดี เขากลับไม่รู้สึกว่ามันน่ารังเกียจอะไร

สภาพของสมุนปีศาจนั้นแตกต่างไปจากงูทุกตัวที่เขาเคยพบเจอจนกระทั่งถึงตอนนี้

มันดูคล้ายกับตัวไหม ร่างที่ลื่นไหลนั่นดูไปแล้วก็น่ารักอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตากลมโตขนาดใหญ่ที่เปรียบดั่งแซฟไฟร์สีน้ำเงินนั่น ดวงตาของมันเป็นประกายขณะที่จ้องมองมาทางเขาด้วยท่าทีน่ารัก

“เอาเถอะ ดูเหมือนว่ามันก็เป็นงูที่ดีอยู่... หน้าต่างข้อมูล!”

หลังจากตรวจสอบหน้าต่างข้อมูลแล้ว อาร์คต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

“อะ-อะไร อะไรกันเนี่ย?”

=====

ตัวอ่อนอลาโมเน่

มันเป็นงูลึกลับที่อาศัยอยู่ภายในโลกใต้พิภพ มันคือทายาทแห่งอลาโมเน่

อลาโมเน่เป็นงูลึกลับที่มักจะกลืนกินไอเทมทุกอย่างที่เห็นลงใส่ท้องของมัน เป็นเพราะไอเทมที่กินเข้าไปไม่อาจย่อยสลาย อีกทั้งพวกมันยังกินอย่างไม่คิดสิ่งใดให้มากความ จนทำให้ตอนนี้พวกมันกลายเป็นสัตว์ที่สูญพันธ์ เช่นนั้นแล้วจึงมีน้อยคนนักที่จะรู้จักมัน

พวกมันเชื่องและมีความรักเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกัน อลาโมเน่จะจดจำสิ่งที่เห็นสิ่งแรกเมื่อฟักออกมาจากไข่เป็นครอบครัว และสิ่งแรกที่อลาโมเน่เห็นเมื่อฟักออกมาจากไข่คือท่าน

ตอนนี้อลาโมเน่เห็นท่านเป็นครอบครัวคนหนึ่ง และมันจะทำให้ความภักดีของมันเป็นไปอย่างถึงที่สุดจนไม่อาจทรยศเจ้านายไม่ว่าจะในสถานการณ์ใด นอกจากนี้ เป็นเพราะมันยึดติดกับความรักที่มีต่อท่าน จึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังมานาหากการต่อสู้เกิดขึ้น

เผ่าพันธุ์ : สิ่งมีชีวิตแห่งโลกใต้พิภพ

แนวโน้ม : ความมืด

ชนชั้น : -

พลังชีวิต : 50

ความภักดี : -

พละกำลัง : -

ความคล่องตัว : -

ความอดทน : -

สติปัญญา : -

ความฉลาด : -

โชค : -

*มันสามารถสิ่งเก็บของตามจำนวนที่ผู้อัญเชิญถือครองได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนัก

=====

เขาดีใจแทบบ้าตอนที่มันฟักตัวออกมา แต่แล้วนี่มันกลับไม่มีค่าสถานะอะไรเลย หมายความว่าเขาไม่สามารถใช้มันในการต่อสู้ได้

แต่ว่า ความสามารถพิเศษของมันถึงกับทำให้อาร์คทึ่ง

‘เก็บไอเทมได้?’

อาร์คจ้องมองไปยังเจ้างูน้อย ด้วยความน่ารักของมันจึงเริ่มเลื้อยขึ้นมาที่แขนของเขา

ขณะนั้นเอง เขานำเอาดาบของแลนเซลออกมาถือไว้ เจ้างูจ้องตาเป็นมัน จากนั้นมันได้ยื่นลิ้นที่คล้ายกับกบจับแมลงวันออกมาและกลืนเข้าไป

‘หา? กินเข้าไปจริงดิ?’

อาร์คจ้องมองเจ้างูด้วยสีหน้างงงัน

“คายออกมา!”

เมื่ออาร์คตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ยังงงงันอยู่นั้น เจ้างูพลันอ้าปากและคายเอาดาบกลับคืนสู่มือของอาร์ค จากนั้นดวงตาของมันพลันทอประกายและลูบไล้กับศีรษะของเขาราวกับต้องการถามหาคำชมเชย

อาร์คถึงกับเผลอหัวเราะออกมา

“อา นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย?”

นี่จะเรียกว่าน่าสนใจหรือตลกดีกันนะ?

เขารู้สึกว่าความรู้สึกนี้ยากบรรยาย เขาไม่รู้สึกผิดหวังอะไรกับมันอีกต่อไป เป็นเพราะเขาต้องการกระเป๋าเพิ่มเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้ง มันยังไม่มีภาระอย่างการต้องใช้พลังมานาระหว่างต่อสู้เหมือนสมุนปีศาจตนอื่นอีกด้วย

มันเป็นสิ่งที่เขารู้ตัวก็สายเกินไป เพราะผู้เดินทางแห่งความมืดมีกระเป๋าที่ความจุน้อยนิดหากนำไปเทียบกับอาชีพอื่น อาชีพพ่อค้านั้นสามารถครอบครองกระเป๋าได้ถึงหกใบด้วยกัน อาชีพทางสายเวทมนตร์สามารถมีกระเป๋าได้ใบหนึ่งกับอีกสามใบสำรองนับได้ว่าเป็นครึ่งหนึ่ง กระทั่งว่าเป็นนักรบก็ยังมีกระเป๋าสำรองใบหนึ่งติดตัวเอาไว้ร่วมกับกระเป๋าหลัก

แต่กระเป๋าที่อาร์คมีนั้นความจุมันเพิ่มขึ้นมาเพียงแค่เล็กน้อยเพราะอาชีพที่เปลี่ยนไป หลังจากที่เก็บสะสมวัตถุดิบอาหารเอาไว้แทบทุกชนิด เขาจึงพบว่าตนนั้นขาดแคลนพื้นที่ในกระเป๋าอย่างรุนแรง

แน่นอนว่ามันมีหนทางที่จะเพิ่มขนาดความจุกระเป๋าอยู่ แต่กระเป๋าวิเศษมีขายตามเมืองใหญ่เท่านั้น อีกทั้งยังมีราคาถึง 200 เหรียญทองเพื่อเพิ่มความจุอีกหนึ่งในสี่ของกระเป๋าธรรมดา! อาร์คถึงกับยอมแพ้หลังได้รับรู้ราคาที่เกินจริงเช่นนี้

‘ในเมื่อมันสามารถเก็บความจุได้เท่ากระเป๋าทั่วไป หมายถึงเราได้รับสิ่งแทนเงินมาถึง 800 เหรียญทอง เจ้าตัวน้อยนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เดินทางแห่งความมืดถึงไม่มีกระเป๋าเพิ่มสินะ?’

“เอาล่ะ นับจากนี้ฉันจะดูแลแกให้ดีแล้วกันนะ ‘เจ้างู’”

เจ้างูน้อยพยักหน้ารับขณะที่ได้ยินได้ฟัง จากนั้นมันจึงลูบไล้ตัวเขาด้วยความตื่นเต้นซ้ำไปมาและไปขดตัวอยู่บริเวณเอวของอาร์ค

มันดูคล้ายกับเข็มขัดที่ทำขึ้นมาจากหนังงู

“แกน่ารักมาก เริ่มจะชอบเข้าแล้วสิ”

ในตอนนี้เขาเสร็จทุกสิ่งอย่างแล้วจึงออกไปจากถ้ำ

อาร์คมุ่งหน้ากลับไปยังหมู่บ้านแลนเซล

* * *

“เจ้าทำได้!” เจ้าของร้านอุทานออกมาเมื่อเห็นอาร์คนำเอาแผ่นหนังของมนุษย์สุนัขออกมา

“ตามคำสัญญา 20 เหรียญเงินต่อผืนหนัง ทั้งหมดรวมเป็น 21 เหรียญทอง และนี่คือรางวัลที่ช่วยหมู่บ้านเอาไว้”

กาเลนมอบเงินให้เขาทั้งสิ้น 31 เหรียญทองเป็นรางวัล

หลังสำเร็จภารกิจ ค่าความสัมพันธ์ของอาร์คกับกาเลนจึงเพิ่มสูงขึ้นเป็นโบนัสที่ตามมา เขาสามารถขายสิ่งของที่ได้รับจากถ้ำด้วยราคาที่เพิ่มขึ้น 10% และสุดท้ายอาร์คจึงส่งมอบกระดูกของแลนเซลกลับคืนขณะที่พูดถึงคุนดาลินี

กาเลนเผยความประหลาดใจ แต่ในไม่ช้าเขาก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ

“มีปีศาจเช่นนั้นอาศัยอยู่ในถ้ำสินะ แลนเซลเป็นทหารรับจ้างที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่ข้ารู้จัก ข้าไม่อาจเชื่อได้เลยว่าคนเช่นนั้นจะถูกพวกมนุษย์สุนัขเหล่านั้นสังหารได้”

“ใช่ ถ้าหากไม่ใช่เพราะแลนเซลสร้างบาดแผลให้กับคุนดาลินีเอาไว้ ผมคงไม่อาจสามารถเอาชนะมันได้ แท้จริงแล้วแลนเซลเป็นใครกันแน่? หากเขาสามารถเข้าไปในถ้ำนั้นเพียงลำพังและเผชิญหน้ากับปีศาจนั่นได้ เช่นนั้นแล้วทักษะความสามารถของเขาย่อมต้องไม่ธรรมดา...”

อาร์คถามขึ้นเพราะเขาคิดว่าจะสามารถเรียนรู้อะไรได้จากดาบของแลนเซล

กาเลนลังเลด้วยสีหน้ามืดมนและพูดขึ้น “เจ้าพูดถูก แลนเซลไม่ใช่ทหารรับจ้างธรรมดา ครั้งหนึ่งเขาเป็นทหารรับจ้างดุร้ายที่ผู้คนเรียกขานเขาว่า ‘แวมไพร์’ เมื่อครั้งสงครามชายแดน ทหารกว่าร้อยศพถูกสังหารด้วยมือของเขา แต่นั่นมันขัดกับความต้องการของแลนเซล ทั้งสมรภูมิสู้รบและดาบทำเอาเขาเป็นบ้า ท้ายที่สุด แลนเซลได้สติกลับคืนและตระหนักได้ว่าตนควรทำอะไร เขาละทิ้งสมรภูมิรบ จากนั้น ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้คน เขาจึงนำพาเหล่าผู้บุกเบิกออกมาและตัดสินใจตั้งรกรากเป็นหมู่บ้านขึ้นที่นี่”

“เพราะงั้น เมื่อเขาพบเจอกับปีศาจที่น่ากลัวตนนั้น เขาจึงไม่ยอมแพ้ก็เพราะเพื่อหมู่บ้าน”

“ถูกแล้ว เขาเป็นคนที่น่านับถือคนหนึ่งเลยทีเดียว”

กาเลนถอนหายใจออกมา

“ไม่ว่าเขาจะเคยผ่านอะไรมา แต่ข้านับถือเขาเป็นอย่างยิ่ง ข้าเองก็รักหมู่บ้านนี้ที่เขาก่อตั้งขึ้น ตอนนี้ภัยอันตรายหายไปแล้ว ต้องขอบคุณเจ้า ข้าคิดที่จะสร้างหมู่บ้านนี้ขึ้นใหม่แม้ว่าจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม ว่าไปแล้ว... เจ้าคิดออกเดินทางต่อใช่ไหม?”

“ครับ แน่นอน”

“งั้นพอจะฟังคำขอของข้าได้ไหม?”

“บอกมาได้เลยครับ”

“เหล่าผู้บุกเบิกที่ติดตามแลนเซลมาต่างก็รักหมู่บ้านแห่งนี้ แต่เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่พวกเขาจากไปก็คือความปลอดภัยของครอบครัว ทว่าตอนนี้ภัยอันตรายหายไปแล้ว หากเจ้าพบเจอพวกเขาระหว่างเดินทาง โปรดบอกเล่าถึงความจริงต่อพวกเขา ถ้าหากเป็นพวกเขาย่อมต้องกลับมาอย่างแน่นอน และแน่นอนว่ามันจะดียิ่งขึ้นหากเจ้าบอกต่อผู้อื่นถึงเรื่องราวของหมู่บ้านแห่งนี้ หมู่บ้านแห่งนี้ยินดีต้อนรับทุกผู้คน”

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะบอกโดยนามของแลนเซลให้ผู้คนที่พบเจอระหว่างเดินทางไปรอบโลก ผมจะบอกพวกเขาว่าหมู่บ้านแห่งนี้น่ายกย่องมากเพียงใด”

เมื่ออาร์คพยักหน้า ภารกิจจึงมีความคืบหน้า

=====

ภารกิจได้รับความคืบหน้า

โชคร้ายแห่งผู้บุกเบิกหมู่บ้านแลนเซล > หาผู้อยู่อาศัยใหม่!

เจ้าของร้านขายของในแลนเซล กาเลน ต้องการให้ความปรารถนาของแลนเซลเป็นจริงและคิดรื้อฟื้นหมู่บ้านขึ้นมา

สิ่งที่หมู่บ้านแลนเซลในตอนนี้ต้องการคือประชากร หลายผู้คนที่มารวมตัวกันรวมถึงเสียงหัวเราะของเหล่าเด็กน้อยจะทำให้บรรยากาศในแลนเซลฟื้นคืนเป็นหมู่บ้านอย่างแท้จริง

กาเลนขอร้องให้ท่านหาประชากรให้หมู่บ้านแลนเซล ดังเช่นที่ผู้บุกเบิกแลนเซลต้องการเมื่อครั้งอดีตคือสถานที่สำหรับผู้ที่ไร้ซึ่งที่ไป กาเลนยอมรับในความปรารถนานั้นของแลนเซลที่จะช่วยผู้ทุกข์ยากในโลกใบนี้ และได้ตั้งมั่นว่าจะยอมรับทุกผู้คนที่คิดเข้ามาอาศัย หากท่านแนะนำพวกเขาถึงสถานที่แห่งนี้ หมู่บ้านแลนเซลจะสามารถกลายเป็นหมู่บ้านดังที่แลนเซลคาดหวังเอาไว้

ค้นหาผู้อาศัยใหม่ : ความสำเร็จ 0%

ระดับความยาก : C

=====

มันไม่มีข้อมูลอะไรมากนักเพื่อที่จะจัดการภารกิจนี้ แต่หลังจากที่ได้รับภารกิจแล้วมันก็พอที่จะบอกอะไรได้บ้าง

“เจ้าเก็บดาบของแลนเซลไว้เถอะ ข้าเชื่อว่าแลนเซลเองก็ต้องการเช่นนั้น”

แน่นอนว่าอาร์คไม่คิดส่งมอบมันให้แม้จะถูกทวงถามก็ตามที

ด้วยเหตุนั้น อาร์คจึงไปจากหมู่บ้านแลนเซลหลังกล่าวคำอีกเล็กน้อย

สิ่งแรกที่เขาทำหลังออกมาจากหมู่บ้านคืออัญเชิญเจ้ากะโหลกออกมา

กรั่ก กรั่ก กรั่ก

เมื่อเขาเห็นเจ้ากะโหลกกระทบฟันของมันราวกับไม่มีอะไรผิดไป น้ำตาพลันเริ่มคลอออกจากดวงตาของอาร์ค

แม้ว่าจะฟื้นคืนชีพมาได้ แต่เจ้ากะโหลกก็ถูกพรากชีวิตไปเพื่อเขา ทางความรู้สึกแล้ว การกระทำเช่นนี้ยังยากยิ่งนักที่เอ็นพีซีจะยอมตายแทนผู้เล่น แต่เจ้ากะโหลกกลับเสียสละตัวเองโดยไม่ลังเล นอกจากนี้ เจ้าค้างคาวยังช่วยอาร์คอย่างถึงที่สุด

เมื่อเขามองไปยังเหล่าสมุนปีศาจ ความรู้สึกรักเอ็นดูจึงเริ่มเพิ่มมากขึ้น

‘เป็นเจ้าพวกตัวน้อยที่แสนดีจริง ๆ’

เจ้างูที่เพิ่มเข้ามาคือครอบครัวของเขา แน่นอนว่าย่อมต้องรัก บางทีอาจเป็นเพราะเจ้างูมองเขาเป็นครอบครัวคนหนึ่ง มันจึงฝากเอาความรักที่มีทั้งหมดเอาไว้กับอาร์คไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

‘ใช่แล้ว พวกมันคือทั้งหมดที่เรามี ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ พวกมันก็จะไปพร้อมกับเรา’

มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกผูกพันที่แข็งแกร่งขึ้น แต่พวกมันยังมีประโยชน์อย่างแท้จริง เขาไม่คิดที่จะปล่อยให้ไอเทมใดก็ตามหลุดรอดไปอีก ตอนนี้เขาสามารถเก็บไอเทมได้เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวก็ต้องขอบคุณเจ้างู อาร์คเริ่มกลายเป็นคนโลภขึ้นมาโดยพลัน

‘ตอนนี้มีครอบครัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง เราต้องหาเงินให้มากขึ้น กระทั่งว่าจะเป็น 1 เหรียญทองแดงก็ตาม’

อาร์คเก็บสะสมทุกสิ่งอย่างและวัตถุดิบเอาไว้เท่าที่มือของเขาจะเก็บได้ระหว่างที่เดินทางไปตามแสงของคันฉ่องที่ส่องออกมา เป็นเพราะเหตุนั้น ความคืบหน้าของเขาจึงช้าลง กว่าจะผ่านภูเขาอากัสมาได้ก็เสียเวลาไปสัปดาห์แล้ว

อีกด้านหนึ่งของภูเขาอากัสก็ยังคงเป็นพื้นที่ตกสำรวจ

กระทั่งว่าเขาเดินทางมาหลายวัน ยังไม่พบแม้ผู้เล่นสักคนหรือเอ็นพีซี

หลังผ่านที่ราบเขาจึงเริ่มเห็นขอบฟ้าที่มีน้ำท่วมอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังพบเจอกับมอนสเตอร์ในสถานที่แห่งนั้น ตอนนี้เขาเลเวล 50 แล้ว เมื่อทั้งสองกระเป๋าใกล้จะเต็มไปด้วยสิ่งของ ในที่สุดอาร์คก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง

‘นั่นไงประภาคาร!’

อีกด้านหนึ่งของชายหาดคือภาพอันงดงาม มันมีประภาคารตั้งอยู่

มันคือประภาคารที่เขาเห็นผ่านทางคันฉ่อง ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทางของการเดินทางอันยาวนานในครั้งนี้

เมื่อเขาได้เห็นฉากเบื้องหน้า สถานที่แห่งนี้มองเพียงครั้งเดียวก็บอกได้ว่างดงาม แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้และมองดู พื้นที่โดยรอบประภาคารกลับเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

พวกมันคือมอนสเตอร์ที่คล้ายกับปลาฉลามที่สวมใส่ชุดทั้งแขนและขา ยามที่เขาตรวจสอบข้อมูลด้วยเนตรแห่งแมว เขาจึงพบว่าพวกมันคือมนุษย์ฉลาม เลเวลอยู่ที่ 55 และพวกมันยังแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ที่เลเวลเท่ากันอีกต่างหาก

‘เอาล่ะ เราคงต้องสู้กับพวกมันสินะ แต่จะเผชิญหน้ากับมันมากกว่าหนึ่งตัวก็คงเป็นเรื่องยาก รอให้มืดก่อนก็แล้วกัน’

ในตอนกลางคืน ทุกค่าสถานะของเขาจะเพิ่มขึ้น 20%

การต่อสู้ในความมืด มันคือความสามารถอย่างหนึ่งของผู้เดินทางแห่งความมืด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด