ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 171 ปีศาจตั้งแต่กำเนิด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 173 นางพญางูขาว

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 172 ไม่มีผู้ใดเหมาะสมเท่ากับฟางหยวน


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 172 ไม่มีผู้ใดเหมาะสมเท่ากับฟางหยวน

งานเลี้ยงสังสรรค์กลายเป็นเงียบงัน

ทุกคนตะลึงและจ้องมองไปยังฟางหยวน

ไม่มีผู้ใดคาดหวังว่าฟางหยวนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

'เขายังเด็กเกินไปจริงๆจึงได้กล่าวออกมาเช่นนี้'

'ฮืม เมื่อเขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา อนาคตทางการเมืองของเขาก็จบสิ้นแล้ว'

'หลังจากนี้ฟางหยวนผู้นี้จะไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป'

ผู้อาวุโสของตระกูลประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว

เมื่อถึงจุดนี้ผลลัพธ์ของการต่อสู้กับฝูงหมาป่าถูกตัดสินแล้ว ในเวลาไม่กี่เดือนหลังจากนี้ มนุษย์หมาป่าสายฟ้าจะเรียกฝูงของมันกลับไปทั้งหมด เวลานั้นภัยพิบัติคลื่นหมาป่าในปีนี้ก็จะจบลงอย่างสมบูรณ์

แต่คลื่นความขัดแย้งภายในตระกูลไม่เคยจบสิ้น

ที่ใดมีผู้คนอาศัยอยู่ ที่นั้นย่อมมีผลประโยชน์ ที่ใดมีผลประโยชน์ ที่นั้นจะต้องมีความขัดแย้ง

ภัยพิบัติคลื่นหมาป่า มนุษย์ต้องต่อสู้กับหมาป่า แต่เมื่อหมาป่าถูกเก็บกวาด คลื่นใต้น้ำภายในตระกูลก็จะปะทุขึ้น

ภัยพิบัติครั้งนี้ทำให้ผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากตกตาย แต่ละฝ่ายได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่ มันจึงเป็นธรรมชาติที่พวกเขาย่อมต้องการทรัพยากรและผลประโยชน์เป็นการตอบแทน

เดิมทีมีผู้อาวุโสมากมายของตระกูลที่พยายามแย่งชิงส่วนแบ่งทรัพยากรทั้งหมดของหมู่บ้าน อย่างไรก็ตามตอนนี้เหลือผู้อาวุโสอยู่น้อยกว่าสิบคน นั่นหมายความว่าพวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งมากขึ้น

การต่อสู้ทางการเมือง แม้จะไม่มีเลือดสาด แต่มันกลับเต็มไปด้วยกับดักและแผนการอันแยบยล

แรกเริ่ม ฟางหยวนเป็นผู้อาวุโสคนใหม่ที่ดึงดูดความสนใจจากทุกคน แต่ตอนนี้เมื่อเขายอมรับความผิดพลาดอย่างตรงไปตรงมา มันจึงไม่ต่างจากการตัดโอาสในการแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งของตัวเขาเอง

ระดับภัยคุกคามของฟางหยวนที่มีต่อผู้อาวุโสคนอื่นๆจึงลดน้อยลงไปมาก มันยังเห็นได้ชัดว่าสายตาที่จ้องมองฟางหยวนของพวกเขาเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น

เป็นเพียงเวลานี้ที่อวี๋โป้ถอนหายใจออกมา "เอาล่ะ ตั้งแต่ฟางหยวนยอมรับผิด ในฐานะผู้อาวุโส ข้าก็ต้องลงโทษสำหรับการกระทำของเจ้า ตามกฎของตระกูล พวกเราต้องปลดตำแหน่งผู้อาวุโสของเจ้า แต่พวกเราจะพิจารณาบทลงโทษอีกครั้งหลังจากการประชุม ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ข้าหวังว่าเจ้าจะยอมรับมันได้"

การแสดงออกของทุกคนกลายเป็นแปลกประหลาด

ขณะที่ฟางหยวนเพียงพยักหน้ารับแต่ไม่กล่าวสิ่งใด

เหยาจี้หักแขนของตนเองเพื่อรักษาชีวิต นี่เป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดและไร้ปรานี แต่ฟางหยวนก็ไม่ต่างกัน ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้มากที่เขาจะสูญเสียสถานะผู้อาวุโสของตระกูล

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาต้องระวังก็คือการปรากฏตัวของไท่เซี่ยเล้ง หากคนผู้นี้เข้าแทรกแซงการเมืองภายในตระกูล เขาอาจพบปัญหาใหญ่จริงๆ

'เอาไปเถอะ ผลประโยชน์เดียวในฐานะผู้อาวุโสคือสามารถบ่มเพาะได้อย่างราบรื่นเพื่อการไล่ตามเป้าหมายของข้าบนเส้นทางของปีศาจอมตะ ข้าสามารถละทิ้งแม้แต่ชีวิต แล้วยังมีสิ่งใดที่ข้าไม่สามารถละทิ้ง? สถานะผู้อาวุโสงั้นหรือ? หึหึ'

ฟางหยวนไม่รู้สึกเสียดายและไม่รู้สึกกังวล

นี่คือการตัดสินใจที่แน่วแน่และชาญฉลาด

นอกจากนั้นแม้จะมีบทลงโทษบางอย่าง แต่ความรุนแรงของมันย่อมไม่มากนัก

ทั้งหมดก็คือกลุ่มผู้อาวุโสผู้ใช้วิญญาณระดับสามของตระกูลเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน ความแข็งแกร่งของเขายังมีคุณค่าสำหรับตระกูล แม้ผู้นำตระกูลต้องการลงโทษฟางหยวน แต่เขาก็ยังต้องใช้ประโยชน์จากฟางหยวนเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับหมู่บ้าน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่สามารถลงโทษฟางหยวนรุนแรงเกินไป

สำหรับผู้อาวุโสคนอื่นๆ ฟางหยวนได้ก้าวออกจากเวทีการแข่งขันทางการเมืองกับพวกเขาและไม่ถือเป็นภัยคุกคามอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจะไม่รุกรานฟางหยวนอีก หลังจากทั้งหมด หากพวกเขายังบังคับให้ฟางหยวนตอบโต้บางอย่าง มันก็เป็นเพียงการแสวงหาปัญหาให้กับตัวพวกเขาเองเท่านั้น แล้วพวกเขาจะทำไปเพื่อสิ่งใด?

'แม้จะมีระบบตระกูล แต่ระบบคือสิ่งใด? ฮ่าฮ่า ระบบเป็นเพียงเครื่องมือให้พวกเขาใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ผู้มีอำนาจเหนือกว่าเท่านั้นจึงจะสามารถครอบครองส่วนแบ่งที่มากกว่า และมันก็เป็นกฎที่ชนชั้นสูงจะใช้ในการต่อต้านกันเองอีกด้วย' ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นอยู่ในใจ เขาเข้าใจเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี

'จุดสำคัญที่สุดก็คือพ่อลูกตระกูลไท่ พวกเขามาเร็วกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้มาก มันกระทั่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่คลื่นหมาป่าจะจบลง ฮืม ด้วยนิสัยของไท่เซี่ยเล้งที่เกลียดชังปีศาจอย่างสุดขั้ว ศีลธรรมที่มากเกินไปของเขาจะเป็นภัย'

คิดถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกกดดัน

แม้ไท่เซี่ยเล้งจะได้รับบาดเจ็บอยู่ในขณะนี้ แต่ความแข็งแกร่งของเขาไม่ใช่บางสิ่งที่ฟางหยวนสามารถแข่งขัน กล่าวได้ว่าช้างที่ได้รับบาดเจ็บยังแข็งแกร่งกว่าม้า

'ข้าต้องการออกจากหมู่บ้าน แต่ข้าจะหลบเลี่ยงจากสองพ่อลูกคู่นี้ได้อย่างไร?'

ฟางหยวนครุ่นคิด

พ่อลูกแซ่ไท่ไม่ใช่บางคนที่สามารถหลอกลวงได้ แม้ฟางหยวนจะมีแผนการมากมายอยู่ในหัว แต่ทั้งหมดก็คือระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำเกินไป

ระดับสามกับระดับห้าเป็นสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"ทุกคน ข้ามีบางอย่างที่ต้องการกล่าว" เป็นเพียงเวลานี้ที่โม่เฉินกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยใบหน้าที่ซีดขาว เมื่ออาการบาดเจ็บของเขายังไม่ทุเลา เขาจึงไม่ได้ดื่มสุราในคืนนี้

แต่สิ่งที่เขากล่าวออกมาหลังจากนี้กลับทำให้ทุกคนตกตะลึงอย่างที่สุด "มีบางสิ่งที่ข้าต้องกล่าวอย่างซื่อสัตย์ เหตุที่ผู้อาวุโสฟางหยวนไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ แท้จริงแล้ว นั่นเป็นเพราะข้า"

"กระไรนะ!"

ทุกคนตกใจกับคำพูดนี้

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" อวี๋โป้ถาม

เหตุใดโม่เฉินจึงได้ยืนหยัดอยู่ข้างฟางหยวน?

ระหว่างสงครามครั้งใหญ่ ทายาทสืบทอดของสกุลโม่เสียชีวิตลงแล้ว แม้ฝ่ายสกุลโม่จะแข็งแกร่งที่สุด กระทั่งโม่เฉินพยายามดูแลโม่เป่ยตลอดเวลา แต่ด้วยความชุลมุนวุ่นวายของสถานการณ์ พวกเขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องตนเอง

โม่เฉินถอนหายใจ "กล่าวตามจริง โม่เยี่ยน หลานสาวของข้าได้ตกหลุมรักฟางหยวน ก่อนหน้านี้เธอได้มาคุกเข่าร้องไห้ขอร้องให้ข้าช่วยเหลือฟางหยวนเพราะไม่ต้องการให้เขาตาย ด้วยความรักและเห็นแก่ตัวของข้า ข้าจึงต้องกักขังฟางหยวนเอาไว้ในคฤหาสน์ของข้าและปล่อยเขาออกมาหลังจากพวกเราสามารถเอาชนะราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นความผิดของข้า ไม่เกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสฟางหยวน"

"อา..."

"โอ้ เป็นเช่นนั้น?"

ผู้อาวุโสทั้งหมดเต็มไปด้วยความสงสัย เพราะสิ่งที่โม่เฉินกล่าวมันยากที่จะเชื่อเกินไปจริงๆ

"ความรักและความสัมพันธ์ของเยาชนเป็นเรื่องปกติ" อวี๋โป้พยักหน้าก่อนจะมองไปยังฟางหยวนอย่างลึกซึ้งและต้องการค้นหาคำบอกใบ้เล็กๆน้อยๆจากการแสดงออกของเขา

แต่ฟางหยวนยังก้มหน้าลงอย่างสงบ การแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

นี่ทำให้ผู้นำตระกูลรู้สึกผิดหวังอย่างช่วยไม่ได้

สำหรับผู้อาวุโสคนอื่นๆ พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดโม่เฉินจึงต้องปกป้องฟางหยวน

สิ่งที่เขากล่าวเป็นการช่วยเหลือฟางหยวน เขากระทั่งยินดีที่จะเสียสละชื่อเสียงและทำลายโอกาสทางการเมืองของตนเอง

โม่เฉินกล่าวต่อ "เพื่อปกป้องชื่อเสียงของข้า ผู้อาวุโสฟางหยวนถึงกับยินดีให้ตนเองประสบกับความอยุติธรรม แต่เมื่อข้าได้ทำผิดไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้ายังจะสามารถทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่สองได้อย่างไร? นี่คือความจริง สำหรับการลงโทษ ข้าขอวิงวอนต่อท่านผู้นำ โปรดพิจารณาถึงเรื่องนี้ ข้ายินดีที่จะรับผิดตามกฎของตระกูล แม้ข้าจะถูกปลดจากสถานะผู้อาวุโส ข้าก็ไม่มีสิ่งใดคัดค้าน"

ผู้นำตระกูลเร่งโบกมือ "ผู้อาวุโสโม่เฉินทำงานอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่ท่านทำลงไปเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ มนุษย์ไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้า พวกเรามีอารมณ์ความรู้สึก นอกจากนั้นเวลานี้ตระกูลของเขาก็อ่อนแอลงมาก พวกเราต้องการผู้อาวุโสที่ซื่อสัตย์และแข็งแกร่งเช่นท่าน อย่างไรก็ตามมันยังเกิดจากความเห็นแก่ตัวของท่านเอง ดังนั้นพวกเราจะพิจารณาโทษของท่านหลังจากนี้ ตอนนี้พวกเรามีแขกคนสำคัญ อย่าพึ่งพูดคุยถึงเรื่องเหล่านี้ มา พี่ชายไท่ ข้าและผู้อาวุโสทุกคนของตระกูลแสงจันทร์ขอดื่มให้กับท่าน"

อวี๋โป้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับถ้วยสุราในมือ

จากนั้นผู้อาวุโสทุกคนจึงเร่งลุกขึ้นเช่นกัน

"ทุกท่านช่างดีต่อข้านัก ข้ายังต้องรบกวนพวกท่านในภายหลังและหวังว่าจะสามารถทำความรู้จักกับพวกท่านให้มากขึ้น" ไท่เซี่ยเล้งลุกขึ้นยืนก่อนจะดื่มสุราในถ้วยของเขา

ในสวนหย่อมของสกุลโม่ เนินเขาเทียมเต็มไปด้วยพฤกษาพันธุ์สีเขียวและบ่อน้ำที่กระจ่างใสราวกับคริสตัล

ดวงจันทร์ดูราวกับจานอาหารเรืองแสงอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำ

งานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว

ฟางหยวนนั่งอยู่ในศาลาฟังเสียงน้ำไหล เขาวางถ้วยชาในมือลงด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

นั่งอยู่ตรงข้ามเขาก็คือโม่เฉิน หลังจากงานเลี้ยงเลิกลา เขาเชิญฟางหยวนมาที่นี่เพื่อพูดคุย

"มาดื่มชาอีกถ้วย นี่เป็นใบชาอย่างดี มันสามารถขจัดอาการเมาค้าง" โม่เฉินหัวเราะและรินชาให้กับฟางหยวน

ฟางหยวนยังสงบนิ่ง เพียงเมื่อเห็นถ้วยชาถูกเติมเต็มอีกครั้ง เขาจึงเริ่มเปิดปาก "เป็นวิธีรักษาอาการเมาค้างที่ดี"

เขามองไปนอกศาลาผ่านม่านแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง ภายใต้ประกายแสงที่เยือกเย็นและศักดิ์สิทธิ์ สายลมพัดมาอย่างแผ่วเบา ทุกสิ่งแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของฝ่ายสกุลโม่

ระหว่างงานเลี้ยง ฟางหยวนสามารถเข้าใจความตั้งใจของโม่เฉิน ยิ่งเมื่อเขาได้มานั่งอยู่ที่นี่ มันยิ่งทำให้เขามั่นใจในความคิดของตน

ฝ่ายสกุลโม่ไม่เหลือทายาทผู้สืบทอดแล้ว!

แม้โม่เฉินจะยังมีโม่เยี่ยน แต่ตามกฎระเบียบของตระกูล พวกเขาชื่นชอบบุรุษมากกว่าสตรี แม้แต่มรดกก็มีเพียงบุรุษที่สามารถรับสืบทอด

แม้โม่เยี่ยนจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสาม เธอก็ยังไม่สามารถเป็นตัวแทนของฝ่ายสกุลโม่ สุดท้ายสมบัติของสกุลโม่จะตกเป็นของตระกูล

หากพวกเขาสูญเสียมรดก อิทธิพลของสกุลโม่จะจบสิ้นและจะไม่มีผู้ใดยินดีเข้าร่วมกับฝ่ายเขา

ขณะนี้ฝ่ายสกุลโม่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด

แต่สวรรค์ยังมอบหนทางรอดให้กับพวกเขาสายหนึ่ง มันยังมีเศษเสี้ยวของความหวังเหลืออยู่และโม่เฉินก็มีสติปัญญาเพียงพอที่จะตระหนักได้ถึงสิ่งนี้

ความหวังของเขาอยู่ที่โม่เยี่ยน แม้เธอจะเป็นหญิง แต่เธอสามารถแต่งงาน จากนั้นสามีของเธอจะกลายเป็นผู้นำสกุลโม่คนต่อไป

เห็นฟางหยวนไม่เปิดปากถาม โม่เฉินจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้น "ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสฟางหยวนคิดเห็นอย่างไรกับฝ่ายสกุลโม่ของข้า?"

โม่เฉินมีความโศกเศร้าบางอย่างที่ไม่สามารถกล่าว

เพราะหลังจากทั้งหมด การบ่มเพาะของเขาตกลงมาอยู่ในระดับสองโดยไม่สามารถหวนกลับ

เขาทำได้เพียงใช้วิญญาณเพื่อปกปิดระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงของตนเอาไว้เท่านั้น แต่กระดาษไม่สามารถปกปิดเปลวไฟ วันหนึ่งความจริงจะต้องถูกเปิดเผย

ทายาทผู้สืบทอดคนเดียวของเขาเสียชีวิต ขณะที่ตัวเขากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองและสูญเสียอัตลักษณ์ของผู้อาวุโส ดังนั้นโม่เฉินจึงต้องการบางคนมาช่วยกอบกู้สถานการณ์

ตอนนี้ฝ่ายสกุลโม่ยังสามารถครอบครองส่วนแบ่งผลประโยชน์จำนวนมาก แต่หากเขาไม่ทำสิ่งใด หลังจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเกิดขึ้น พวกเขาจะไม่เหลือสิ่งใด แต่หากเขาสามารถปกป้องสิ่งที่มีอยู่ นั่นหมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ด้วยเหตุนี้เมื่อเขามองซ้ายแลขวา เขาจึงพบว่าไม่มีผู้ใดเหมาะสมเท่ากับฟางหยวน!