ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 170 ธรรมะสุดขั้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 172 ไม่มีผู้ใดเหมาะสมเท่ากับฟางหยวน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 171 ปีศาจตั้งแต่กำเนิด


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 171 ปีศาจตั้งแต่กำเนิด

"ท่านพ่อต้องการให้ข้าไขคดีนี้เช่นนั้นหรือ?" หญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงตกใจ

"อันใด? เจ้าไม่เต็มใจงั้นหรือ?" ไท่เซี่ยเล้งเผยรอยยิ้มบาง

"ไม่ ไม่ ข้าเต็มใจ!" ไท่รั่วหนานเร่งตอบด้วยความยินดี

ไท่เซี่ยเล้งพยักหน้าก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงซับซ้อน "เจ้าปรารถนาที่จะเดินบนเส้นทางเดียวกับข้า หลายปีที่เจ้าอยู่ข้างกายข้า เจ้าได้รับอิทธิพลและเรียนรู้สิ่งต่างๆจากข้ามามากมาย แต่ไม่ว่าอย่าไรลูกอินทรีย์ก็ต้องกางปีกบินด้วยตนเองในที่สุด พ่อของเจ้าอายุมากแล้ว อาการบาดเจ็บของข้าไม่สามารถรักษาให้หายขาด ข้าอยู่กับเจ้าได้อีกไม่นาน ดังนั้นเจ้าต้องมีชีวิตอยู่ด้วยตนเองและทำงานแทนที่คนเก่าที่จะจากไป"

"ท่านพ่อ...อย่าพึ่งสิ้นหวัง ไม่ใช่ว่ายังมีวิธีรักษาอยู่เช่นนั้นหรือ?" เสียงของเด็กหญิงสั่นเครือขณะที่น้ำตาของเธอเริ่มไหลริน

"เจ้าและข้ารู้ดีว่ามันมีโอกาสน้อยมาก ผู้คนต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริง" ไท่เซี่ยเล้งหัวเราะก่อนจะหันไปกล่าวบางคำกับอวี๋โป้ "อย่าได้กังวลท่านผู้นำตระกูลแสงจันทร์ บุตรสาวของข้าได้เรียนรู้หลายสิ่งจากข้า ขณะนี้เธอมีความสามารถแปดสิบในร้อยส่วนของข้า เมื่อรวมกับคำแนะนำเล็กๆน้อยๆจากข้า เธอจะไม่ปล่อยให้ตระกูลแสงจันทร์ได้รับความอยุติธรรมใดทั้งสิ้น"

"แน่นอน แน่นอน" อวี๋โป้ป้องมือคารวะอย่างรวดเร็ว "ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น ไม่มีเหตุผลที่ข้าต้องกังวล อย่างไรก็ตามเชิญท่านผู้น่านับถือกลับไปยังหมู่บ้านของเราและให้เราได้เลี้ยงต้อนรับพวกท่านด้วย"

จานอาหารจำนวนมากวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ สุราถูกรินลงในถ้วยของไท่เซี่ยเล้งอย่างต่อเนื่อง

ภัยพิบัติคลื่นหมาป่าพึ่งผ่านไป หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทรัพยากรจำนวนมากถูกใช้ออกไปทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนอาหารและสิ่งอุปโภคบริโภค

แต่ถึงกระนั้นตระกูลแสงจันทร์ยังต้องดูแลไท่เซี่ยเล้งเป็นอย่างดี

ในฐานะผู้นำ อวี๋โป้นั่งอยู่ด้านหน้า ขณะที่ไท่เซี่ยเล้งกับไท่รั่วหนานนั่งอยู่ด้านข้าง

นอกจากนั้นยังมีผู้อาวุโสซื่อซ่ง เก้อเยี่ยน โม่เฉิน เหยาจี้ ฟางหยวน และคนอื่นๆนั่งอยู่

หลังจากการต่อสู้กับฝูงหมาป่า กลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลจึงเหลืออยู่ไม่ถึงสิบคนและทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกันไป

โดยเฉพาะโม่เฉิน เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องนอนรักษาตัวอยู่ในห้องตลอดหลายวันที่ผ่านมา เป็นเพียงเมื่อเขาได้ยินว่าเทพนักสืบไท่เซี่ยเล้งมาที่นี่ เขาจึงต้องฝืนลุกขึ้นมางานเลี้ยงต้อนรับครั้งนี้

อย่างไรก็ตามมันเป็นเหตุให้เขารอดชีวิต ขณะที่คู่แข่งคนสำคัญของเขา ซื่อเหลียง ตกตายอยู่ในการต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าสายฟ้า

"หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านเทพนักสืบไท่เซี่ยเล้ง ข้าอาจกลายเป็นอาหารของมนุษย์หมาป่าสายฟ้าไปแล้ว สำหรับการช่วยชีวิตข้า ข้าขอดื่มให้กับท่าน" อวี๋โป้ถือถ้วยสุราลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ

"ข้าเพียงทำในสิ่งที่ควรทำเท่านั้น" ไท่เซี่ยเล้งยกถ้วยสุราขึ้นดื่มจนหมดในครั้งเดียว

เขาใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังและปฏิิเสษการเล่นพนันหรือเล่นสนุกกับหญิงสาว เขายึดถือศีลธรรมและไม่เคยดื่มสุราจนขาดสติ

หลังจากดื่มสุราหมดถ้วย อวี๋โป้กวาดตามองไปรอบๆด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยก่อนจะนั่งลง

ไท่เซี่ยเล้งสังเกตเห็นการแสดงออกดังกล่าวก่อนจะเริ่มปลอบใจ "ผู้นำตระกูลแสงจันทร์ ข้าเสียใจด้วย แต่ตราบเท่าที่สมาชิกตระกูลยังอยู่ หมู่บ้านยังสามารถเติบโตขึ้นอีกครั้งในวันหนึ่ง มนุษย์หมาป่าสายฟ้าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ฝูงของมันลดน้อยลงอย่างมากเช่นกัน พวกมันจะไม่บุกโจมตีหมู่บ้านในช่วงไม่กี่ปีนี้"

ช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว แม้จะมีหมาป่าบางกลุ่มปรากฎตัวขึ้นเป็นครั้งคราว พวกมันก็ยังไม่ถือเป็นภัยคุกคาม

มนุษย์หมาป่าสายฟ้ากลับไปที่รังของมันเพื่อพักฟื้น ฝูงของมันเหลืออยู่ไม่มากทำให้ความต้องการอาหารลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

แต่ตราบเท่าที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ ในเวลาไม่กี่ปี ราชาหมาป่าตัวใหม่จะกำเนิดขึ้นแทนที่ตัวเก่าที่ตายไป

ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือหมาป่า มันก็ไม่มีความแตกต่าง

อย่างไรก็ตามแม้ถ้อยคำของไท่เซี่ยเล้งจะถูกต้อง แต่มนุษย์ไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้า พวกเขามีอารมณ์ความรู้สึก ในความเป็นจริงอวี๋โป้ยังเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าไท่เซี่ยเล้ง แต่ความรู้สึกเจ็บปวดเป็นบางสิ่งที่เขายังไม่อาจหลีกเลี่ยง

ทั้งหมดก็คือมันเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เกินไปจริงๆ

เพียงกลุ่มผู้อาวุโสก็จากไปมากกว่าครึ่ง สำหรับผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งและสอง มันยิ่งมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากมาย ความแข็งแกร่งของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลอยู่ในระดับต่ำสุดและไม่สามารถเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใดๆได้อีกในเวลานี้

"เหตุใดพวกท่านจึงไม่ใช้โอกาสนี้สวนกลับและบุกเข้าไปทำลายรังของพวกมันให้สิ้น?" ไท่รั่วหนานเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา

"นั่นเป็นเพราะรังหมาป่าเต็มไปด้วยควันดำที่เกิดจากวิญญาณควันมรณะ มันกินพื้นที่นับล้านตารางเมตร นอกจากนั้นยังมีฝูงหมาป่านับร้อยฝูงรวมถึงวิญญาณป่าจำนวนมากปะปนอยู่ มันเป็นเรื่องยากที่จะบุกโจมตีพวกมัน อย่างน้องทั้งสามตระกูลก็ต้องร่วมมือกัน" เหยาจี้เป็นผู้อธิบาย

"แต่โอกาสสำเร็จยังมีน้อยเกินไป กระทั่งตระกูลแสงจันทร์ยังเหลือผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนและตกอยู่ในความหวาดกลัว ไม่เพียงเท่านั้น หากบุกโจมตี คงมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ที่ใด" ฟางหยวนกล่าวต่อและมันก็ทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นสายตาเดียว

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนอยู่ในถ้ำลับขณะที่เกิดการต่อสู้กับราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้า นี่ทำให้ทุกคนมองเขาเป็นคนขี้ขลาดที่ซ่อนตัวจากสนามรบ

ดังนั้นการแสดงออกของกลุ่มผู้อาวุโสที่มีต่อเขาจึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

แม้แต่ใบหน้าของอวี๋โป้ยังกลายเป็นน่าเกลียด

ในฐานะผู้นำตระกูล เขารังเกียจคนเช่นฟางหยวนที่ทำตัวลึกลับและมีแผนการเล็กๆน้อยๆซ่อนอยู่เสมอมากที่สุด เขาไม่รู้สึกปลอดภัยที่ต้องอยู่ใกล้คนเช่นนี้

นี่ทำให้บรรยากาศในงานเลี้ยงเปลี่ยนแปลงไปทันที

ไท่เซี่ยเล้งกับไท่รั่วหนานรับรู้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นพวกเขาจึงกวาดตามองทุกคนก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ฟางหยวน โดยเฉพาไท่รั่วหนานที่รู้สึกสนใจฟางหยวนเป็นพิเศษ ทั้งหมดก็คือฟางหยวนอายุพอๆกับเธอและเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามเช่นกันอีกด้วย

ฟางหยวนดื่มสุราอย่างสงบ แม้ทุกคนจะจ้องมองเขา แต่เขายังทำตัวราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

'สถานการณ์ค่อนข้างลำบาก' ฟางหยวนลอบถอนหายใจ แม้จะกังวลแต่เขาไม่กลัว

การปรากฏตัวของไท่เซี่ยเล้งทำลายแผนการของเขาไปอย่างสิ้นเชิง หากเขาคว้าบัวสมบัติสวรรค์และทำลายรากฐานของตระกูลแสงจันทร์ พ่อลูกแซ่ไท่จะจับตัวเขาทันที

ชื่อเทพนักสืบไม่ได้เป็นเพียงข่าวลือ ด้วยความสามารถและความแข็งแกร่งของไท่เซี่ยเล้ง ตราบเท่าที่เขาลงมือ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะล้มเหลว

แม้ฟางหยวนจะไม่นำบัวสมบัติสวรรค์ออกไป แต่การหายตัวไปของเขาจะทำให้ตระกูลเริ่มสืบสวน สุดท้ายไท่เซี่ยเล้งและบุตรสาวของเขาจะถูกดึงให้เข้าร่วมในที่สุด

หากเขาจากไปอย่างกะทันหัน เขาจะกลายเป็นเพียงผู้ร้ายที่หลบหนีจากอาชญากรรม

หลังจากทั้งหมดฟางหยวนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอยู่ดูสถานการณ์

แม้ตอนนี้ทุกคนจะตำหนิเขา แต่มันยังไม่เลวร้ายเกินไป ตรงข้าม หากเขาจากไป สถานการณ์จะกลายไม่อาจแก้ไข

"สุรารสดีหรือไม่?" เหยาจี้หัวเราะด้วยความน่ารังเกียจขณะจ้องมองฟางหยวน "เจ้าจะไม่อธิบายหน่อยหรือ?"

ฟางหยวนเงยศีรษะขึ้นจากถ้วนสุราและมองไปยังแขนที่หักของเหยาจี้

แท้จริงแล้วหญิงแก่ผู้นี้กลับเป็นบุคคลที่ฉลาดแกมโกงมากที่สุด

เพื่อรักษาชีวิตรอด เหยาจี้หักแขนของตนเอง ภายใต้ชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ เธอจึงสามารถหลีกเลี่ยงจากศึกใหญ่ของตระกูล

เรื่องนี้เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน แต่มันยังเป็นเช่นเดิมในครั้งนี้

"เจ้าต้องการให้ข้าอธิบายสิ่งใด? เรื่องที่เจ้าหักแขนตนเองเพื่อรักษาชีวิตที่น่าสังเวชของเจ้างั้นหรือ?" ฟางหยวนเย้ยหยัน

"เจ้า!" เหยาจี้ตกใจและลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเกรี้ยว

เธอชี้นิ้วไปที่ฟางหยวนอย่างเกรี้ยวกราด "เจ้าเด็กเลว! เจ้ากล้ากล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร นี่เป็นการดูหมิ่นข้าอย่างรุนแรง ไร้ยางอาย! นี่มันเรื่องตลกอันใดของเจ้า!"

"เหยาจี้!" การแสดงออกของอวี๋โป้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก "นั่งลง! เรามีแขกสำคัญอยู่ที่นี่ เจ้าสามารถกรีดร้องและตะโกนเสียงดังเช่นนี้ได้งั้นหรือ?"

เหยาจี้กลืนถ้อยคำที่กำลังจะพ่นออกมากลับเข้าไปเมื่อถูกตำหนิโดยอวี๋โป้

เธอจ้องมองฟางหยวนด้วยความเกลียดชังก่อนจะนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ

อวี๋โป้หันไปทางฟางหยวนก่อนเอ่ยปากถาม "ฟางหยวน ข้าอยากรู้ว่าในช่วงเวลาที่ราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าบุกโจมตีหมู่บ้าน เจ้าอยู่ที่ใด?"

"ฟางหยวน...เขาคือฟางหยวนงั้นหรือ?" ดวงตาของไท่เซี่ยเล้งส่องประกายด้วยความประหลาดใจ การหายตัวไปของเจียจินเฉิง ฟางหยวนมีบทบาทสำคัญ ก่อนเดินทางมาที่นี่ ไท่เซี่ยเล้งได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับฟางหยวนจากเจียฟู่ แต่เมื่อพบว่าผู้อาวุโสของตระกูลคนนี้คือฟางหยวน มันจึงช่วยไม่ได้ที่ไท่เซี่ยเล้งจะรู้สึกสงสัย

เขาผ่านการสืบสวนเรื่องราวมามากมายและสามารถมองเห็นสิ่งผิดปกติจากร่องรอยบางอย่างเสมอ จากการแสดงออกของทุกคน เขาสามารถบอกความจริงเบื้องหลังการหายตัวไประหว่างสงครามของฟางหยวนได้ทันที แม้มันจะเป็นความจริงเพียงผิวเผินก็ตาม

แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร คำตอบของฟางหยวนจะเผยให้เห็นความคิดที่อยู่ภายในของเขาและมันจะเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาต่อไป

ตระหนักว่าไท่เซี่ยเล้งให้ความสนใจเขา หัวใจของฟางหยวนบีบรัดตัวแน่นมากขึ้น แต่การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน

เขากวาดตามองทุกคนก่อนจะเผยรอยยิ้มเยาะ "ไม่มีสิ่งใดมากมายให้อธิบาย แต่เมื่อผู้อาวุโสถาม ข้าก็จะพูดมันออกมา ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้ากลัวมาก เมื่อความหวาดกลัวสะสมจนถึงขีดสุด ข้าจึงไม่สามารถอดทนต่อมัน ข้าอ่อนแอและขี่ขลาด ข้าซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งและไม่กล้าที่จะออกไปอยู่แนวหน้า"

ถ้อยคำของเขาทำให้ทุกคนตะลึง

พวกเขาคาดหวังว่าฟางหยวนจะใช้ข้อแก้ตัวและยกเหตุผลมากมายขึ้นมาเพื่อปิดบังอย่างจริงเรื่องที่เขาหวาดกลัว ขณะที่ทุกคนพร้อมที่จะเปิดโปงความเรื่องโกหกทั้งหมดของฟางหยวนและวิพากษ์วิจารย์เขาอย่างรุนแรง แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะยอมรับมันอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้

'คำโกหกใดก็ไม่สามารถปิดบังความจริงจากไท่เซี่ยเล้งผู้นี้...' การแสดงออกของฟางหยวนยังสงบนิ่งขณะที่เขาก้นหน้าลงมองถ้วยสุราในมืออีกครั้ง

การแสดงออกของไท่เซี่ยเล้งเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาด เขารู้สึกขุ่นเคืองใจ ขณะที่ความเกลียดชังเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจของเขาทันที

'เด็กหนุ่มผู้นี้ เขามีธรรมชาติของปีศาจตั้งแต่กำเนิด!'