ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 89: หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส (จบ)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 91: เกราะราชันอมตะ (2)

[KotB] บทที่ 90: เกราะราชันอมตะ (1)


บทที่ 90: เกราะราชันอมตะ (1)

มูยองยักไหล่กระชับดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวและดาบมารเทพไว้ในมือ

ถ้าบาร์ทัสต้องการเคลื่อนไหวอีกครั้ง ก็ถึงเวลาที่ต้องรับมือกับมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างหน้าซะที

'มันเป็นเรื่องยากที่จะล่อมันมา'

โอเกอร์สองหัวเป็นพวกกลายพันธุ์

พวกมันแตกต่างจากพวกกลายพันธุ์สีเผือกที่เรียกว่าอาร์ค แต่เขาสามารถบอกได้เลยว่าพวกมันอยู่ในระดับที่เหนือกว่าโอเกอร์ทั้งหมด

โดยปกติโอเกอร์สองหัวมีบทบาทเป็นเจ้าถิ่นที่แข็งแกร่งในดินแดนที่โหดร้ายหรือดินแดนระดับสูง แต่มูยองก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อล่อมันมาที่นี่จนได้

เขาทำทั้งกับดัก และทำลายแหล่งอาหารทั้งหมดเพื่อทำให้มันหิวโหย

ในเวลา 15 วันนี้เขาใช้ถึง 6 วันในการล่อมันมาที่ปราสาท

เป็นเพราะเขาต้องการพลังอันมหาศาลของมันเพื่อที่จะทำลายประตู

กรรร!

หลังจากนั้นแขนของโอเกอร์สองหัวก็เริ่มงอกขึ้นมาใหม่

ความแข็งแกร่งของมันไม่ใช่แค่ 20 เท่าของโอเกอร์ปกติเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความสามารถในการฟื้นฟูของมันด้วย

ระดับการบาดเจ็บแค่นี้ไม่ต่างไปจากการตบแก้มของโทรลล์หรือการเหยียบไปเบาๆบนร่างของมัน

ในการต่อสู้แบบไม่มีข้อจำกัด เขาอาจจะกล่าวได้ว่าแโอเกอร์สองหัวนั้นแข็งแกร่งที่สุด

1 ต่อ 1 ?

หากไม่บ้าจริง มูยองคงไม่มีทางที่ตัดสินใจเช่นนี้

แคร่ก! แคร่ก!

คนแคระยิงศรไฟจากหน้าไม้ และบรรจุดินปืนไปที่ปืนใหญ่ของพวกเขา

เนื่องจากเป็นเผ่าพันธุ์ที่คลุกคลีอยู่กับการขุดเหมืองแร่ จึงเห็นได้ชัดว่าพวกเขามีดินปืนมากพอให้ใช้งานได้

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ค่อยมีอาวุธ

ผิวหนังของโอเกอร์สองหัวไม่แม้แต่จะระคายเคืองจากการระเบิดของดินปืนทั่วๆไป

'หากทำอะไรมากไปกว่านี้คงลำบาก'

เป็นเพราะข้อจำกัดในเรื่องสถานที่

พวกมันไม่สามารถสร้างระเบิดที่รุนแรงเกินไปภายในปราสาท

ถ้าพวกมันไม่คิดจะตายพร้อมกันทั้งหมด นี่เป็นจำนวนดินปืนที่มากที่สุดที่สามารถใช้ได้แล้ว

'แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน'

ตั้งแต่เริ่มแรกมูยองไม่ได้มีความหวังไว้สูง

ความอ่อนของพวกมันได้รับการยืนยันแล้ว และนี่คือโอกาสที่ดีสำหรับฝึกฝน

อย่างไรก็ตามหากมีการโจมตีกกระหน่ำซ้ำไปเรื่อยๆตรงจุดเดิม พลังป้องกันและพลังฟื้นฟูของโอเกอร์สองหัวจะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทันที

ตุูมม!

ตุูมม!

อย่างไรก็ตามโอเกอร์สองหัวไม่ได้ให้เวลาเขาในการคิด

มันยกกำปั้นขึ้นแล้วต่อยตรงไปยังที่ที่มูยองกำลังยืนอยู่

มูยองป้องกันมันได้อย่างฉิวเฉียด แต่ร่างกายของเขากระเด็นออกไปไกล

ถ้าเขาตอบสนองช้าไปกว่านี้เพียงเล็กน้อย ร่างกายของเขาคงจะกลายเป็นผุยผงไปแล้ว

อั่ก!

มูยองคายเลือดผสมกับสิ่งสกปรกออกมา

ดูเหมือนแขนซ้ายของเขาเคลื่อนออกจากหัวไหล่

กึก! กร๊อบ!

หลังจากที่เขาดันข้อต่อกลับเข้าที่อย่างถูกต้อง เขาก็มองไปที่โอเกอร์สองหัวที่กำลังวิ่งเข้ามา

ประกาศอาณาเขต!

ขณะที่เขาพึมพำอย่างเงียบๆ อากาศโดยรอบและแรงกดดันจากพลังเวทได้เปลี่ยนไป

อาณาเขตแห่งสมบูรณ์แบบได้แพร่กระจายออกไปโดยมีมูยองเป็นจุดศูนย์กลาง

อำนาจในอาณาเขตจะทำให้ 'ศัตรู' อ่อนแอลง และเพิ่มพลังให้กับมูยอง

ฟุ่บบ!

ช่วงเวลาที่มูยองยกเท้าของเขาขึ้น เขาก็มาอยู่เบื้องหลังของโอเกอร์สองหัว

ในช่วงเวลาของการเร่งความเร็ว มูยองแทงเข้าไปที่จุดชีพจรสามจุดพร้อมๆกัน

จุดชีพจรหรือจุดฝังเข็มคือจุดต่างๆที่ทำหน้าที่เป็นทางเดินของพลังงานในร่างกายสิ่งมีชีวิต

ในฐานะที่โอเกอร์สองหัวก็เป็นสิ่งมีชีวิต มันจึงมีทางเดินของพลังงานอยู่เช่นกัน

แม้ว่าจุดเหล่านั้นอาจต่างออกไป แต่มูยองคือผู้เชี่ยวชาญในการสังหาร

ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น แต่เขายังได้สังหารมอนสเตอร์ไปนับพัน ไม่สิ ต้องนับเป็นหมื่นๆตัว

3 วินาทีเท่านั้น

หลังจากการเร่งความเร็วจบลง ขาของโอเกอร์, ระหว่างซี่โครง และหลังศีรษะของมันก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาทั้งในคราวเดียว

อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถฟื้นฟูด้วยความเร็วได้อีกแล้ว

'การฟื้นฟูหมายถึงการทำให้พลังงานฟื้นคืนกลับมาสู่สภาพปกติ การฟื้นฟูของแกจะชะลอตัวลงหากเส้นเลือดถูกปิดกั้น'

จากนั้น มูยองก็มองลงไปที่มือของตัวเอง

เพื่อเจาะผ่านเนื้อที่แข็งและหนามากๆ มือของเขาก็ได้รับบาดเจ็บ

และความเสียหายได้เพิ่มขึ้นสองเท่าจากการเพิ่มการเร่งความเร็วเข้าไป

แต่อย่างน้อยกระดูกของเขาก็ไม่ได้รับความเสียหาย

โฮกกกก!

หัวทั้งสองของมันปลดปล่อยความโกรธออกมา

มูยองรีบหลบร่างไปอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งปลูกสร้างทุกๆอย่างที่อยู่รอบๆได้ถูกทำลายลงด้วยการสัมผัสกับพลังอันมหาศาลของโอเกอร์

ตุบ!

อย่างไรก็ตามโอเกอร์สองหัวก็ได้ล้มลงในจุดนั้น

มูยองไม่ใช่คนที่ปล่อยโอกาสเช่นนี้ไป

ด้วยการปีนป่ายขึ้นไปด้านข้างของอาคาร และเคลื่อนไหวไปมารอบๆอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองของโอเกอร์สองหัวอย่างครุ่นคิด และรีบกระโดดขึ้นไป

สวบ!

เหมือนกับเหยี่ยวที่กำลังคว้าเหยื่อ เขาถือดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวไว้ด้วยทั้งสองมือ ก่อนจะทุ่มกำลังแทงเข้าไปที่ตาของโอเกอร์สองหัว

โฮกกกกกกกก!

ศีรษะข้างที่ตาของมันถูกแทงเริ่มคลุ้มคลั่งอย่างเต็มที่

ไม่ว่าผิวหนังของมันจะหนาแค่ไหน แต่เนื้อเยื่อที่ตาย่อมบอบบาง

“ฮึบ!”

ปัญหาคือสมดุลของเขาแย่กว่าที่เขาคิด

เพียงแค่โดนโจมตีถากๆร่างของมูยองก็ถูกส่งลอยไปในอากาส

ตุบบ!

เขาสามารถยืนหยัดลงสู่พื้นดินได้ แต่ซี่โครงของเขาก็หักอย่างสมบูรณ์แบบ

ในขณะนั้น

<ชุดเซ็ทกษัตริย์คลั่ง สถานะนักรบคลั่งได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว>

< ค่า STR. ค่า STA. และจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้จะเพิ่มขึ้นอย่างละ 15 >

<ดวงดาวแห่งความสมบูรณ์แบบได้รับการตอบสนอง การบาดเจ็บจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ>

กลิ่นอายดำมืดเริ่มแผ่ขยายตัวออกมาจากร่างทั้งหมดของมูยอง

มันเป็นผลของทักษะติดตัวนักรบคลั่ง ซึ่งจะเปิดใช้งานได้ก็ต่อเมื่อชีวิตของเขามีความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม หากมีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตก็คือดวงดาวแห่งความสมบูรณ์แบบได้ตอบสนองด้วย

โดยปกตินักรบที่บ้าคลั่งมีผลทำให้ค่าความอึดของเขาลดลง แต่เนื่องจากผลของการประกาศอาณาเขตทำให้อาการบาดเจ็บของเขาค่อยๆถูกรักษา

มูยองยิ้มหลังจากคายเลือดออก

'การเปิดใช้งานทักษะนักรบคลั่งพึ่งถูกใช้ไป 2 ครั้งจากการบาดเจ็บสาหัส'

หากมองสถานะทางกายภาพโอเกอร์สองหัวจะอยู่ในอันดับที่สูงที่สุดในหมู่มอนสเตอร์ระดับท็อป และมันค่อนข้างจะเกินกำลังของมูยอง

'มีความต่างระหว่างตัวตนมากเกินไป'

ไม่มีการเปรียบเทียบใดที่จะเลวร้ายไปกว่านี้

เช่นนั้นถ้าเขาถูกโจมตีอีก ร่างกายของเขาจะไม่สามารถจัดการกับมันได้

ในทางกลับกัน โอเกอร์สองหัวอยู่ในสภาพที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับมูยอง

แม้ว่ามันจะสูญเสียการมองเห็นของดวงตาข้างหนึ่งไป แต่ก็ยังเหลืออีกสาม

มันเป็นมอนสเตอร์ที่สมควรจะได้รับการเรียกขานว่าแข็งแกร่งที่สุดในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงเมื่อมันเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง

“ทาร์แคน!”

มูยองตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า

ตุบ!

ในเวลาเดียวกัน เซอร์เบอรัสก็ร่อนลงมา

"ในที่สุด เจ้าก็เรียกชื่อข้า"

นักล่าวิญญาณปีศาจสะบัดผ้าคลุมในขณะที่มันร่อนลงสู่พื้นดิน

ถึงแม้ว่าร่างกายจะเน่าเปื่อยและตอนนี้เหลือเพียงแค่กระดูก แต่กลิ่นอายอันทรงพลังก็ยังปกคลุมไปรอบๆ

ทาร์แคน

นั่นเป็นชื่อจริงของนักล่าวิญญาณปีศาจ

หลังจากที่มูยองเรียกทาร์แคน ราวกับว่าไม่มีความเจ็บปวดใดๆเขาเริ่มรีดเอาเลือดเสียที่คั่งอยู่บริเวณแผลออกมา

ขณะที่เซอร์เบอรัสกำลังคุมเชิงโอเกอส์สองหัวอยู่ ทาร์แคนก็หมดคำพูดกับภาพที่เห็นตรงหน้า

"นี่เจ้าเป็นโดเกบิจริงๆหรือ? แม้ว่าข้าเป็นเจ้านายภูติผีนับไม่ถ้วน แต่ข้าก็ไม่เคยพบคนที่มีความมุ่งมั่นเช่นนี้ในชีวิตของข้ามาก่อน เจ้าสามารถรักษาบาดแผลเช่นนั้นโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าได้ยังไง?"

ทาร์แคนอึ้งอย่างแท้จริง

ไม่มีภูมิผีวิญญาณใดที่ไม่มีความมุ่งมั่น

อย่างไรก็ตามในหมู่ภูติผีหลายพันตน ไม่มีใครที่มีความมุ่งมั่นเช่นมูยอง

เหมือนเช่นกับที่มูยองกดดันตัวเองจนเกือบจะตาย ถึงจะเรียกมันออกมา

มูยองทอดสายตาอย่างเยือกเย็นและพูดออกมา

"พวกเราจำเป็นต้องลดความเสียหายในขณะที่ทำการควบคุมมัน"

"ฮีฮี ข้าเข้าใจ แค่เชื่อข้า ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้านักล่าวิญญาณปีศาจหรอก "

ทาร์แคนก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ

เขากำลังจะชนะในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่มูยองไม่สามารถทำได้

เมื่อเซอร์เบอรัสก้าวไปข้างหน้า ทาร์แคนก็ก้าวตามไป

ภูติผีปกคลุมอยู่บนดาบของเขาและเปลวไฟสีดำก็ลุกโชนขึ้น

เขาพุ่งตรงไปยังโอเกอร์สองหัวและเผชิญหน้ากับมัน

ตูมมมมมมมมมมมม!

ดาบของทาร์แคนแทงไปที่หน้าอกของมัน แต่ทว่าเขากลับกระเด็นออกมาและชนเข้ากับกำแพงด้านหลัง

ทาร์แคนลุกขึ้นจากสิ่งก่อสร้างที่พังทลายลง และพูดขึ้นขณะที่เขาเริ่มอับอาย

"... ข้าคิดไว้แล้วว่าสิ่งก่อสร้างแถวนี้ต้องพังแน่ๆ"

ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับทาร์แคนคนเดียวที่จะลดความเสียหายจากโอเกอร์

ในเวลานั้น มูยองก็พร้อมที่จะขยับได้นิดหน่อย

มูยองก้าวไปข้างหน้าและเริ่มพูด

"เราสองคนจะช่วยกันหยุดมัน"

ทาร์แคนหันศีรษะของเขา

"เจ้าไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาหรอกน่า?"

"มันมีประสิทธิภาพกว่า"

อย่างไรก็ตาม มูยองไม่สนใจเสียงบ่นของทาร์แคน

มีโอกาสสูงที่เขาจะทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีให้แก่บาร์ทัส ถ้าเขาทำให้สถานที่แห่งนี้ย่อยยับ

ที่มูยองออกมาคนเดียวในช่วงเริ่มต้นของการต่อสู้ และพยายามที่จะลดความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยตนเองคือ 'การแสดง'

แผนการที่จะทำให้บาร์ทัสรู้สึกหมดหนทาง และจากนั้นจะทำให้เขาต้องขอความช่วยเหลือจากมูยอง

เนื่องจากเป้าหมายสุดท้ายของเขาคือการหาแนวทางแก้ปัญหาดาร์ดราก้อนบาร์ซ่า หากแต่โครงสร้างความสัมพันธ์พื้นฐานพังทลายลงทุกอย่างจะกลับกัน

ฟุ่บบบ!

ด้วยลมพัดที่รุนแรง มูยองวิ่งออกไปเหมือนกับพายุ

ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เขาก็ได้เผาผลาญเปลวเพลิงสุดท้ายที่เหลืออยู่ออกมา

ทาร์แคนส่ายหัว

"เขาเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ"

คนแคระไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้โอเกอร์สองหัว

และการยิงปืนไฟใส่มันจากระยะไกล ก็ไม่สามารถแม้แต่สร้างรอยขีดข่วนให้โอเกอร์ได้

สำหรับคนแคระมันยากลำบากเกินไปที่จะลุกขึ้นยืนต่อหน้าโอเกอร์สองหัว กำแพงนั้นสูงเกินไป

'คนแคระเหล่านี้อ่อนแอหรือ?'

ไม่

บาร์ทัสส่ายหัว

มีนักรบแคระที่กล้าหาญมากมาย

เพียงเพราะพวกมันใช้ชีวิตที่ค่อนข้างไกลจากการสู้รบเป็นเวลานาน พวกมันจึงกลายเป็นคนอ่อนแอ

เห็นได้ชัดว่าพวกมันต้องสูญเสียความกล้าหาญ เพราะพวกมันวิ่งหนีจากมังกรอยู่เสมอ

เปรี้ยง! ตูมมม!

ดวงตาของบาร์ทัสสัมผัสได้ถึงทั้งสองร่างที่กำลังต่อสู้กับโอเกอร์อย่างดุเดือด

โดเกบิและอัศวินแห่งความตาย

ไม่มีการจับคู่ไหนจะขัดแย้งกันไปมากกว่านี้แล้ว

แม้ว่าโดเกบิได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบตาย แต่เขาก็ไม่หยุดพักและยังคงสู้ต่อไป

แม้ว่าเขาจะเป็นเหมือนแมลงที่บ้าบิ่น แต่ก็ต้องยอมรับในความกล้าหาญของเขา

'สิ่งที่เราสูญเสียไป โดเกบินั่นมี'

มันคือความตื่นเต้นของบาร์ทัส

มันนานมากแล้วตั้งแต่ที่เขาได้เห็นการต่อสู้ของนักรบเช่นนี้

และมันก็นานเกินกว่าที่เขาจะสามารถจำได้ว่ามีคนแคระที่สามารถต่อสู้ได้เหมือนโดเกบิเช่นกัน

เขาไม่คิดว่าความกล้าหาญนั้นจะถูกย้ำเตือนจากโดเกบิ

ตุบ!

ในที่สุดทั้งสองหัวของโอเกอร์ก็ถูกตัดออก และมันก็ล้มลงบนพื้น

โดเกบิและอัศวินแห่งความตาย ทั้งสองหั่นมันเป็นชิ้นๆออกจากกัน

มันเป็นชัยชนะที่น่าพอใจมาก

"พวกเจ้าเป็นใคร?"

บาร์ทัสอดไม่ได้ที่จะถาม

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม มันเป็นความจริงที่เขาได้รับความช่วยเหลือจากคนพวกนี้

บาร์ทัสไม่ได้ที่สูญเสียความรู้สึกละอายใจทั้งหมดไปที่จะไม่สนใจพวกเขา

อย่างไรก็ตาม โดเกบิไม่แม้แต่จะมองบาร์ทัส

เขามัวแต่ครุ่นคิดในขณะที่เขาเก็บหัวของโอเกอร์ไว้ และลูบแก้มไปมา

'เขาไม่สนใจข้าเลยหรือ?’

การแสดงออกของบาร์ทัสคลุ้มคลั่งไปด้วยความโกรธ

สำหรับคนที่ได้รับการยกย่องว่าหัตถ์เทพเจ้า มันเป็นช่วงเวลาที่บางคนมอบความอับอายนี้ให้แก่เขา

ก่อนหน้านี้มูยองกล่าวถึงเฮมดอลล์เพื่อดึงความสนใจ แต่ในตอนนี้เขาไม่สนใจอีกแล้ว

ตอนนั้นเอง

"ลอร์ดของพันธมิตรพลั่วสามกระสอบ หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส! ข้าการ์มูสช่างตีเหล็กชั้นสูงของชนเผ่าค้อนทองคำขอคาราวะท่าน!"

การ์มูสเป็นผู้รีบวิ่งไปหาบาร์ทัส และคุกเข่าลงตรงหน้าเขา

จากนั้นท่าทางของบาร์ทัสก็เปลี่ยนไป

“การ์มูส! ข้าเคยได้ยินชื่อเจ้ามาก่อน มีการแลกเปลี่ยนกับชนเผ่าค้อนทองคำเมื่อไม่นานมานี้”

"กรุณายกโทษให้แก่ความหยายคายของเจ้านายข้า เป็นเพราะเมื่อเขาสนใจไปที่บางสิ่งบางอย่าง เขาจะไม่สามารถสนใจสิ่งอื่นได้ "

“เจ้านาย? มันคือโดเกบินั่น?”

อีกครั้งที่การแสดงออกของบาร์ทัสบิดเบี้ยวไป

คนแคระมีความรู้สึกที่ไวต่อคำว่าทาส

เนื่องจากมีหลายเผ่าพันธุ์มีความโลภต่อเผ่าที่มีทักษะพิเศษในการจัดการกับโลหะ

จากนั้น การ์มูสก็อธิบาย

"ข้าถูกขังอยู่ในสังเวียนใต้ดินกับลูกชายของข้า อย่างไรก็ตามลูกชายของข้าถูกสังหารโดยปีศาจ และคนที่แก้แค้นให้แก่ข้าก็คือเจ้านายคนปัจจุบันนี้ กรุณาอย่าตำหนิเขา เพราะมันเป็นสิ่งที่ข้าตัดสินใจเอง "

"หืมม..."

"เจ้านายของข้าต้องการที่จะช่วยเหลือหัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรีบรนมาที่นี่หลังจากตระหนักได้ว่าโอเกอร์สองหัวเข้ามาใกล้กับสถานที่แห่งนี้ "

เสียงก้าวเท้า!

โดเกบิมูยองมายืนอยู่ข้างๆการ์มูส

ถ้ามีอะไรแปลกไป มันก็คือในขณะที่เขากำลังมองไปทางอื่น หัวของโอเกอร์สองหัวได้หายไปในอากาศ

และบนสร้อยคอของมูยอง หัวของโอเกอร์สองหัวขนาดเล็กก็ได้ถูกแขวนไว้

"ผมคือมูยอง จากการต่อสู้ที่ดีของคนแคระ ผมได้ยินมาว่าเฮมดอลล์เป็นเทพสงครามที่คนแคระเทิดทูน ซึ่งนั้นไม่ต่างจากความเป็นจริงเลย"

หลังจากกล่าวบทนำสั้นๆ เขาก็ประจบประแจงตนิดหน่อย

บาร์ทัสรู้สึกว่าแก้มของมันร้อนขึ้น

ต่อสู้?

มันสามารถเรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้?

ยังจะดีว่าหากพูดว่ามันเป็นเรื่องตลก

ในท้ายที่สุด มันไม่ได้เป็นเพราะโดเกบิและอัศวินแห่งความตายหรอกหรือที่เป็นผู้จัดการโอเกอร์สองหัว?

ตรงกันข้าม พวกเขาได้ทำให้เทพสงครามเฮมดอลล์เสื่อมเสีย

"แค่กๆ..."

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมูยองได้ตัดส่วนนั้นออกไป และยกยอเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ไม่มีอะไรที่จะพูด

แล้วการ์มูสก็พูดขึ้นอีกครั้ง

"บาร์ทัส นี่ไม่ใช่เวลาที่จะพูดกัน บาร์ซ่ากำลังจะมาถึง "

"มังกรดำบาร์ซ่า? มันไม่สามารถหาสถานที่แห่งนี้ได้ "

การ์มูสส่ายหน้าอย่างรุนแรง

“ไม่ บาร์ซ่าได้พบสถานที่นี้แล้ว เพียงแค่มันแต่เปลี่ยนกลยุทธ์ของมัน มอนสเตอร์ได้บุกมาที่นี่หลายวันแล้วใช่หรือไม่?

"นั่นเป็นความจริง แต่เจ้าบอกว่านี่เป็นผลงานของบาร์ซ่า?"

"ใช่ บาร์ซ่าอยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ และกำลังควบคุมมอนสเตอร์ หากท่านไม่รีบทำอะไรสักอย่างจะต้องเจอปัญหาแน่ๆ ยี่สิบวันก่อนพวกเราได้เห็นบาร์ซ่าบินไปทางทิศเหนือ พวกเราจึงได้มาถึงที่แห่งนี้จากการติดตามบาร์ซ่ามา"

บาร์ทัสขมวดคิ้วเล็กน้อย

บาร์ซ่าที่รู้ว่าไม่มีความอดทนได้ทำลายกำแพงป้องกันของพวกเขา และเรียกมอนสเตอร์มา?

เขาไม่สามารถเชื่อมันได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะการ์มูสจะโกหก

ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะทำ

ถ้าเขาเห็นมันเมื่อ ยี่สิบวันก่อนและมาถึงที่นี่ ระยะเวลาก็ถูกต้อง

"พวกเราจำเป็นต้องเปลี่ยนตำแหน่งของเรา"

บาร์ทัสได้สร้างข้อสรุปอย่างรอบคอบ

อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการเตรียมตัวใดๆ มันก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับดาร์คดราก้อนได้

อย่างไรก็ตาม การ์มูสยังคงทำตัวราวกับเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย

"มันสายไปแล้ว บาร์ซ่ากำลังเพลิดเพลินกับการปิดกั้นสถานที่แห่งนี้ มันอาจจะรู้ว่าคุณกำลังจะหนีไป คุณคิดว่ามันไม่ได้วางแผนสำหรับสิ่งนั้นหรือ? "

นั่นก็เป็นความจริง

บาร์ทัสขมวดคิ้วของเขา

มังกรมีสติปัญญาที่สูง หากต้องเอาคืนความทุกข์ทรมาณทั้งหมดของเขา มันก็อาจจะเล่นกับพวกเขาก่อน

ก่อนที่บาร์ทัสจะจมหายไปในความคิดของตัวเอง การ์มูสได้เสนอข้อเสนอ

"พวกเราจะช่วยเอง ให้เราช่วยท่าน "

"ยังไงกัน? ถึงแม้ว่าโดเกบิและอัศวินแห่งความตายดูเหมือนจะแข็งแกร่งมาก แต่ความแข็งแกร่งของมังกรอยู่ในระดับที่ต่างออกไป "

จากนั้น มูยองก็ก้าวไปข้างหน้า

"ผมมีหัวใจแห่งฟีนิกซ์ กระดูกมังกร และชิ้นส่วนของเกล็ดมังกรปฐพี ช่วยสร้างให้มันเป็นเกราะที่สามารถต้านทานการโจมตีของมังกรได้"

"ใช้หัวใจแห่งฟีนิกซ์เพื่อสร้างเกราะงั้นหรือ ... ?"

"คุณไม่มี 'ปืนพิฆาตมังกรปีศาจ' เหรอ? ปืนใหญ่ที่สามารถเป่ามังกรให้ปลิวไปได้ ถ้าผมซื้อเวลาได้ คุณคงจะมีเวลามากพอที่จะยิงมัน"

"เจ้ารู้ได้ยังไง!"

บาร์ทัสไม่สามารถระงับความประหลาดใจของเขาได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด