ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 88: หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 90: เกราะราชันอมตะ (1)

[KotB] บทที่ 89: หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส (จบ)


บทที่ 89: หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส (จบ)

เมื่อมีคนตัดสินใจที่จะหลบซ่อน ย่อมไม่ง่ายที่จะค้นหาพวกเขาได้อย่างทันที มันเป็นพื้นฐานของการแกะรอยและวิเคราะห์พฤติกรรมบุคลิกของแต่ละบุคคล

และมูยองรู้จักถึงความหยิ่งทะนงของหัตถ์เทพพระเจ้าบาร์ทัส

มีโอกาสสูงที่เขาไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในใต้ดินลึก แต่ต้องเป็นพื้นที่ที่น่าจะมองเห็นได้ยาก

หลังจากตรวจสอบสถานที่ที่น่าสงสัยสองสามแห่ง เขาก็เจอพื้นที่แปลกประหลาดที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้

หิมะปกคลุมสูง และรอบๆเต็มไปด้วยเถาของต้นไม้

ถ้าไม่ใช่มูยองผู้ที่เคยใช้กับดักทุกประเภทยังไม่รู้ ก็คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่านี้แล้ว

'มีเวทมนตร์บิดเบือนการรับรู้ และเวทมนตร์ล่องหน'

แม้ว่าพวกเขาจะเดินเข้าไปในดงเถาไม้พวกนั้น ก็จะไม่พบเจออะไร

เมื่อตระหนักถึงความจริงนี้ มูยองก็สามารถไปยังทิศทางที่ถูกต้องได้

มูยองสามารถใช้การรับรู้ที่ดีของเขาในการหาทางเดินที่ถูกต้อง

เมื่อเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุด เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงกำแพงโปร่งใสท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า

ปัญหาคือวิธีที่จะเผยให้กำแพงที่โปร่งใสนี้ปรากฎออกมา

บาร์ทัสได้เตรียมการไว้ทุกอย่างแล้ว

วิธีการค้นหาและวิธีการยกเลิกเวทมนตร์ทั้งหมดอยู่ภายในเข็มทิศ

หลังจากปลุกพลังอันบริสุทธิ์ได้ เขาก็สามารถตรวจจับการไหลเวียนของเวทมนตร์ได้ตามสัญชาตญาณ และยังสามารถบอกได้ว่าการไหลเวียนของเวทมนตร์นี้มีความแตกต่างกันยังไงบ้าง

และการไหลเวียนที่แตกต่างนั้น มันตรงกันข้ามกับพลังเวทย์ที่เขารู้สึกได้จากเข็มทิศ

ดูเหมือนว่ากระแสพลังทั้งสองที่ค้นพบจะหวนกลับไปสู่จุดดั้งเดิมที่ถูกต้อง

ดังนั้นเขาจึงเดินไปรอบปราสาทที่มองไม่เห็น และพยายามจับคู่ทิศทางของเข็มทิศที่ขึ้นอยู่กับลักษณะของอริยาบท

'อย่างที่คิดไว้'

จากนั้นการไหลเวียนของพลังเวทที่ออกจากเส้นทางก็กลับมาเป็นปกติ

ในที่สุดรูปลักษณ์ของปราสาทก็ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น

บาร์ทัส

เขาเป็นคนแคระที่หยิ่งทะนง

เขาทิ้งวิธีการเอาไว้อย่างเปิดเผย ราวกับกำลังท้าทายผู้อื่นให้เข้ามาหาเขาหากมันผู้นั้นสามารถทำได้

ทักษะของมันถือว่ายอดเยี่ยม แต่ความหยิ่งทะนงที่มีจะต้องทำให้มันตกสู่ความยากลำบาก

หลังจากที่เวทย์ล่องหนถูกลบออกแล้ว มูยองก็เตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป

ภายใต้การทำงานของการ์มูสในการเป็นเหยื่อล่อพวกโทรลน้ำแข็งและมนุษย์หิมะ

'ยาทีดีต่อร่างกายมักจะมีรสขม'

มันเป็นวิธีที่จะช่วยปลุกความตื่นตัวของบาร์ทัส

มูยองได้แต่หวังว่ามันจะไม่ขมเกินไปจนมันต้องคายทิ้ง

หน้าที่ง่ายๆของการ์มูสคือ การล่อโทรลน้ำแข็ง และดึงความสนใจของมนุษย์หิมะ

โดยทั่วไประหว่างมันทั้งสองมักจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่จำกัด

"ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องมาทำเรื่องแบบนี้ด้วย"

"เจ้าต้องวิ่งเร็วกว่านั้นอีก!"

การ์มูสวิ่งอย่างบ้าคลั่งบนพื้นน้ำแข็งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ข้างๆเขา นักล่าปีศาจวิญญาณกำลังใช้กลุ่มภูติผีเพื่อซ่อนตัวตนของตัวเอง และให้พวกมันช่วยทำให้การเคลื่อนที่ของการ์มูสเป็นไปอย่างราบลื่น

และการ์มูสก็เปรียบเสมือน...

แหขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา

หากปราศจากความช่วยเหลือจากพวกวิญญาณมันจะเป็นไปไม่ได้เลย พวกเขาสามารถขโมยอาหารของมนุษย์หิมะและโทรล์น้ำแข็งไปต่อหน้าต่อตาพวกมัน

ทว่าสิ่งมีชีวิตเดียวที่พวกโทรลน้ำแข็งและมนุษย์หิมะสามารถมองเห็นได้นั้นมีเพียงการ์มูส

โฮกกก!

พวกมันไล่ตามการ์มูสอย่างดุเดือดขณะที่ส่งเสียงตะโกนโห่ร้อง

แน่นอนว่ามีมอนสเตอร์จำนวนหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลจากความบ้าครั่งของเหล่าภูติผีทำให้สูญสิ้นสติและตกสู่ความป่าเถื่อน

นับตั้งแต่ที่เสียสติและเริ่มบ้าไป มันย่อมส่งผลกระทบต่อมอนสเตอร์ตัวอื่นๆด้วย

'พวกมันบ้าไปแล้ว!'

การ์มูสคิดอย่างนั้นจริงๆ

ด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขากำลังกระตุ้นมอนสเตอร์กว่า 2,000 ตัว?

มันเป็นอะไรบางอย่างที่แม้แต่ฆ่าตัวตายยังง่ายกว่า

เขาจะหายไปทันทีโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูกหากว่าถูกจับโดยพวกมัน

เหนือสิ่งอื่นใดในขณะที่กำลังวิ่งล่อมอนสเตอร์ที่บ้าคลั่งโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโจมตีบาร์ทัส เขาก็รู้สึกผิดเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถถอนตัวได้

การ์มูสกัดฟันและวิ่งต่อไป

ผลลัพธ์ที่ได้สามารถมองได้จากสถานการณ์ปัจจุบัน

เมื่อมอนสเตอร์ 2,000 ตัวเคาะไปที่ประตูอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้ทางเข้าของปราสาทสั่นไหวอย่างรุนแรง

หากรวมความแข็งแรงของโทรลและมนุษย์หิมะเข้าด้วยกัน ชื่อเสียงของพวกมันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกโอเกอร์

ไม่ว่ากำแพงปราสาทจะแข็งแรงแค่ไหน ถ้ามีหลายสิบโอเกอร์มาเคาะประตูโดยที่ไม่หยุด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถอดทนต่อพวกมันได้

ถ้าเหตุการณ์ยังคงดำเนินแบบนี้ต่อไป เห็นได้ชัดว่าประตูทางเข้าจะต้องถูกทำลาย

‘เขามีการตอบสนองที่เชื่องช้าจริงๆ’

มูยองปีนขึ้นกำแพงด้านนอกและมองไปรอบ ๆ

แม้ว่าจะมีกับดัก, เวทย์มนต์, และอื่นๆที่เตรียมพร้อมสำหรับป้องกันผู้บุกรุก แต่พวกมันก็ไม่อาจหลุดลอดสายตาของมูยองไปได้

มีช่องโหว่สำหรับพวกมันเสมอ และมูยองก็เหมือนกับมัจฉาในสายธารที่สามารถแหวกว่ายได้อย่างสบายๆ

"ถ้ายังเป็นเช่นนี้ประตูอาจแตกได้!"

"พวกเขารายงานมาว่าตัวเลขของพวกมันมีมากกว่า 2,000 ?"

คนแคระเริ่มระส่ำระส่าย พวกมันไม่สามารถเดินหน้าจัดการสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย

พวกมันคิดไว้เพียงวิธีการหลบหนีในกรณีที่มีการโจมตีจากมังกร แต่ไม่ใครคาดคิดว่าปราสาทจะถูกค้นพบและรุกรานโดยมอนสเตอร์ปกติ

อะไรคือสิ่งที่วัดความทนทานของกำแพงปราสาท?

สิ่งที่คนแคระหลายพันคนทำเมื่อพวกเขารวมกลุ่มกันคืออะไร?

เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะพวกเขาเชื่อมั่นในกำแพงตนมากเกินไป ทำให้ไม่มีวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้

และตอนนี้ผู้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็คือ บาร์ทัส

แค่มองจากด้านนอก มูยองก็สามารถชี้ได้เลยว่าคนไหนคือเขา

เมื่อบาร์ทัสเป็นลอร์ดของพันธมิตรพลั่วสามกระสอบ ดูเหมือนว่าเขาจะใช้งานคนแคระอื่นไม่ต่างไปจากทาส

นอกจากปราสาท ทุกอาคารอื่นๆต่างอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่

"ระเราควรทำอย่างไรดี?"

" ไปหาบาร์ทัสกันเถอะ ถ้าเป็นบาร์ทัสเขาจะต้องมีทางออกแน่ๆ "

สำหรับคนแคระที่กำลังสับสน พวกมันมองไม่เห็นทางแก้ไขใดๆ

พวกมันเชื่อใจเพียงบาร์ทัสเท่านั้น ดังนั้นไม่แปลกที่ทุกบทสนทนาจะปรากฎชื่อของบาร์ทัสออกมาสำหรับการแก้ไขปัญหาต่างๆ

หากศัตรูปรากฏขึ้นพวกเขาควรสวมเกราะและยกดาบเพื่อป้องกันประตูจากการถูกทำลาย

เช่นเดียวกับเวลาที่โดเกบิเผชิญหน้ากับเหล่าไฟทาร์ แม้จะมีกำลังพลไม่เพียงพอต่อการป้องกันแต่พวกเขาก็พร้อมเข้าร่วมต่อสู้

ทว่าเหล่าคนแคระเพียงรวมตัวกันอยู่ภายในปราสาท

ไม่มีคนแคระใดตัดสินใจลุกขึ้นสู้

น่าจะเป็นเพราะบาร์ทัสนั้นยอดเยี่ยมมากเกินไป และหลังจากที่เห็นเรื่องพวกนี้มูยองดูผิดหวังเล็กน้อย

'ทาสที่แท้จริงมักจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นทาส'

เมื่อมองไปที่คนแคระที่ไม่สามารถทำอะไรได้หากปราศจากคำสั่งของบาร์ทัส มูยองได้แต่ส่ายหัว

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาใส่ใจ

มูยองเข้าไปในปราสาทและเริ่มเคลื่อนไหว

"พวกเรามีกำลังพลจำนวนมาก แม้ว่ากำแพงล่องหนจะถูกทำลาย แต่มันคงไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องบังเอิญ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวหากมันไม่ใช่มังกร! "

คนแคระที่สวมมงกุฎบนศีรษะพร้อมกับเครื่องประดับมากมายที่ห้อยลงมาจากร่างกาย กำลังกล่าวสุนทรพจน์หน้าปราสาท

มูยองสามารถบอกได้ทันที

คนแคระคนนี้คือบาร์ทัส

"เราสามารถต่อสู้กับพวกโทรลได้เหรอ?"

"มีคนแคระไม่มากนักที่รู้วิธีต่อสู้  พวกเขารู้แค่วิธีเป่าลมในเครื่องหลอมเท่านั้น "

คนแคระยังคงขวัญหนีดีฝ่อ

มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

มูยองรอดูปฏิกิริยาของบาร์ทัส

กับมอนสเตอร์แค่ 2,000 ตัว และไม่ใช่มังกร มันก็ดูมีท่าทางอึดอัดแล้ว

ในฐานะลอร์ด สีหน้าของมันดูหมองคล้ำ

และในที่สุด บาร์ทัสก็ชักดาบออกมา

"อาวุธที่เราสร้างขึ้นสามารถฉีกร่างได้แม้กระทั่งโอเกอร์! พวกเจ้ากำลังกังวลเรื่องอะไร? จับอาวุธของเจ้าขึ้นมา! ถึงเวลาแล้วที่จะแสดงความเข้มแข็งที่แท้จริงของคนแคระ! "

ตามที่คาดไว้บาร์ทัสเลือกที่จะสู้

คนแคระไม่ได้เป็นสายพันธุ์ที่มีร่างกายแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นอาจปิดช่องว่างความแตกต่างทางกายภาพได้

การเคลื่อนไหวต่อไปของบาร์ทัสก็ไม่ได้เลวร้ายนัก

เขาคัดเลือกเฉพาะคนที่รู้วิธีการต่อสู้ไปป้องกันประตู

พวกเขายิงธนู และหน้าไม้ขนาดใหญ่

นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์บางอย่างที่คล้ายกับปืนใหญ่

และด้วยการแบ่งกองกำลังในการจู่โจม พวกเขาแอบออกประตูด้านหลังเพื่อลอบโจมตีมอนสเตอร์ที่บาดเจ็บได้อีกด้วย

‘กลยุทธ์ก็ไม่เลวเช่นกัน’

หลังจากต่อสู้กันมานานกว่าครึ่งวัน พวกเขาสามารถสังหารหมู่ 2,000 มอนสเตอร์ได้

มันดูเหมือนว่าบาร์ทัสไม่ได้เป็นลอร์ดที่ดีแต่ชื่อ

คนแคระทุกคนยิ้มรับในชัยชนะของพวกเขา

อย่างไรก็ตามพวกมันจะรู้หรือไม่?

ว่านี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด

ทุกอย่างกำลังเริ่มต้น!

หลังจากการต่อสู้ บาร์ทัสร่ายพลังโปร่งใสใส่กำแพงและตรวจสอบความปลอดภัย

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะสามารถหาสาเหตุหลักได้ การโจมตีระรอกที่สองก็ตามมา

ออร์คสีฟ้าจำนวนหลายร้อยตัวกำลังคันพบปราสาท

'ออร์คจันทรา!'

บาร์ทัสมีสีหน้าซีดเซียวหลังจากมองไปที่พวกออร์ค

'ออร์คจันทราควรเป็นสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ทางด้านเหนือซึ่งไกลจากที่นี่?

มันยากที่จะเข้าใจว่าทำไมออร์คจันทรามุ่งหน้ามายังปราสาท

และเวทย์ล่องหนก็ถูกทำลายลงอีกครั้ง

ปกติแล้วมันไม่เคยถูกทำลายได้เอง

'ใครบางคนกำลังทำลายระบบความปลอดภัย'

เหงื่อเย็นเยือกไหลออกจากตัวบาร์ทัส

พวกเขาสามารถยืนหยัดต่อเหล่าออร์คจันทราได้ แต่ทว่าก่อนที่ทุกอย่างจะได้รับการฟื้นฟู ฝูงมนุษย์หมาป่าจำนวนมากก็ปรากฎตัวขึ้นอีก

"เรา เราทุกคนได้ตายกันแน่ๆ"

"เช่นนี้ไม่มีความหวังแล้ว ... "

คนแคระไม่แม้แต่สามารถข่มตาลงได้

พวกเขาค่อยๆถูกจู่โจมด้วยความหวาดกลัว

และ บาร์ทัสเริ่มมีช่วงเวลาที่ลำบากในการตัดสินใจ

'มันกำลังรอให้เราหนีออกไปจากปราสาทหรือไม่? หากไม่ใช่มังกร แล้วใครมันสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้อีก?

ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเขาไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายตรงข้าม และมีความตั้งใจอะไรในการทำลายระบบความปลอดภัย

ถ้าเป็นมังกรมันจะไม่ใช้วิธีการที่ซับซ้อนเช่นนี้

บาร์ทัสเค้นสมองคิดอย่างหนัก

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม มันไม่สามารถเดาความตั้งใจของฝ่ายตรงข้ามได้

อย่างไรก็ตาม จำนวนและชนิดของมอนสเตอร์ที่บุกรุเท่ากับจำนวนทั้งหมดที่พวกเขาจะต้องปกป้องอย่างต่อเนื่องเสมอ

มันน่าหวาดระแวงหากจะหลบหนี และลำบากใจที่จะต้องปกป้อง

ถึงมันจะดูแปลกแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีเวลาพอที่จะคิดอะไรได้มาก

ในที่สุดสติของบาร์ทัสก็เริ่มแตกสลายเนื่องจากคลื่นมอนสเตอร์ที่ถาโถมเข้ามา

เรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการสู้รบที่ยาวนานอย่างต่อเนื่องซึ่งมันไม่คุ้นเคย

โครมมม !

และท้ายที่สุดประตูปราสาทก็พังทลายลง

หลังจากผ่าน 15 วันเต็ม มอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นโอเกอร์สองหัว

แม้ว่าจะมีเพิ่มขึ้นมาอีกแค่หนึ่ง แต่พลังความแข็งแกร่งของมันเทียบได้กับโอเกอร์ธรรมดาถึง 20 ตัว

อ๊าา…”

"โอเกอร์สองหัว!"

"วิ่ง เราจำเป็นต้องวิ่งงงง"

สายตาของคนแคระเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

แกร๊ง!

ถึงขนาดที่คนแคระบางคนยอมทิ้งอาวุธลงพื้น

‘เราควรทำไงดี?’

แม้แต่บาร์ทัสยังถอยกลับไป อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปแล้ว

โอเกอร์สองหัวได้เข้าไปในปราสาท และกำลังสังหารหมู่คนแคระ

วิธีเดียวที่จะทำให้พวกเขาหนีไปได้

เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของมังกร พวกเขาไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการทิ้งปราสาทเลยสักครั้ง?

"ข้าจะออกจากปราสาท พวกเจ้าทุกคนไปหยุดโอเกอร์สองหัวเดี๋ยวนี้! "

ขณะที่ลอร์ดบาร์ทัสหนีถอย จิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกคนแคระก็ตกวูบ

และในขณะที่ดวงตาของคนแคระทั้งหมดเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ลุกโชน!

โดเกบิปรากฏตัวในขณะที่เขาตัดแขนของโอเกอร์สองหัวออก

โฮกกกก!

โอเกอร์สองหัวจับแขนที่ขาดของมันและร้องอย่างเจ็บแค้น

ในขณะเดียวกัน โดเกบิหันไปกล่าวกับเหล่าคนแคระที่กำลังเตรียมหนี

"โอเกอร์สองหัวแพ้ไฟ! เราสามารถหยุดมันได้หากเทดินปืนไปที่มันแล้วเผา! "

อย่างไรก็ตามร่างกายของคนแคระทุกคนกลับไม่ยอมเคลื่อนไหว

ดังนั้น โดเกบิจึงตะโกนขึ้นอีกครั้ง

"คนแคระของเทพเฮมดอลล์มีเพียงพวกขี้ขลาดหรือยังไง?! "

เฮมดอลล์ เป็นชื่อของเทพพระเจ้าที่คนแคระเคารพบูชา

กึด!

หลังจากฟังคำพูดของเขาแล้ว บาร์ทัสก็หยุดการเคลื่อนไหว

โดเกบิตนนี้เห็นได้ชัดว่าคือมูยอง

รอยยิ้มปรากฎอยู่ลึกๆในจิตใจของเขาหลังจากมองไปยังบาร์ทัส

หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส

คนแคระมีความเข้าใจลึกซึ้งและความรู้ แต่ก็มักทำตัวเย่อหยิ่งทะนงตน แต่ในตอนท้ายพวกมันกลับแสดงถึงความขี้ขลาด

อย่างไรก็ตามบาร์ทัสไม่น่าจะขี้ขลาดขนาดนั้น

"คนขี้ขลาดคงไม่สามารถกลายเป็นลอร์ดได้"

และความคิดของมูยองก็ถูกต้อง

บาร์ทัสหยุดการวิ่งหนี และเห็นได้ชัดว่าร่างกายของมันกำลังสั่นอย่างรุนแรง

เขาอุทิศจิตวิญญาณให้กับเฮมดอลล์มากกว่าใคร

"โดเกบิกล้าพูดถึงพวกเราแบบนั้นได้ยังไง!"

อารมณ์ที่มันระงับไว้จนถึงขณะนี้ได้ระเบิดออกมาแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด