ตอนที่แล้วบทที่ 13 เพิ่มผู้ช่วย (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 15 ร้านนั่งเล่นสำหรับรับชมวิดีโอ (อ่านฟรี)

บทที่ 14 โรงเรียน (อ่านฟรี)


 

........

เฝิงตันอิงและหลี่ซื่อเฉียงกระซิบกระซาบกันอย่างหวานแหววเป็นเวลาห้านาทีแล้ว เฝิงตันอิงจึงส่งโทรศัพท์ไปให้เฝิงหยู่ บอกเฝิงหยู่ให้ขอ 10,000หยวนกลับ

ทั้งสองคนคุยกันตั้งนาน แต่ไม่ได้กล่าวถึง 10,000 หยวนเลยหรือไง? จากนั้น เฝิงหยู่จึงขอให้หลี่ซื่อเฉียงส่งเงิน 10,000หยวนกลับมา แม้ว่าไม่มี 10,000 หยวนนี้แล้ว จะทำให้พวกเขามีรายได้น้อยลง แต่ผลกระทบไม่มากนัก

พอได้ยินดังนั้น หลี่ซื่อเฉียงคิดว่าอาจจะมีความเสี่ยง ดังนั้น เขาจึงได้เอาเงินของตัวเองออกมา5,000 หยวนด้วยเช่นกัน เผื่อในกรณีที่เกิดเรื่องไม่คาดคิด เขาจะได้ไม่สูญเสียเงินทั้งหมด

พอกลับบ้าน เฝิงหยู่บอกพ่อแม่ว่าพวกเขากว้านซื้อมาได้แค่พันกว่าๆเท่านั้น และหลี่ซื่อเฉียงจะส่งเงิน 10,000 หยวนกลับมาให้ พวกเขาจะได้รับเงินภายในสามวัน และไม่เป็นการเสียเวลาใดใดต่อการที่ป้าใหญ่จะได้ซื้อรถแทรกเตอร์

ส่วนเงินที่เหลือละ? แน่นอน เงินที่เหลือนั้นยังคงอยู่กับหลี่ซื่อเฉียง ธุรกิจนี้ทำเงินได้มากกว่าการเพาะปลูกเสียอีก

เฝิงหยู่พยายามชักชวนให้พ่อแม่ของเขาหยุดทำไร่ทำสวน ให้ซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลเท่านั้น พวกเขาสามารถทำได้อย่างน้อยๆเป็นร้อยเป็นพันปี การเพาะปลูกเป็นเรื่องที่เหนื่อยและทำเงินได้ไม่มากนัก

แต่พ่อแม่ของเขาปฏิเสธ ประการแรก เฝิงหยู่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนในหมู่บ้าน ประการที่สอง ถ้าธุรกิจนี้ล้มเหลว อย่างน้อยพวกเขายังคงมีที่ดินทำกิน และครอบครัวจะไม่ลำบากยากจน ประการที่สาม พวกเขาเคยชินการใช้ชีวิตที่นี่และไม่อยากย้ายไปไหน

ภาพที่วาดฝันโดยเฝิงหยู่ทำให้พ่อแม่ของเขาหวั่นไหวเล็กน้อย เขาบอกกับพวกเขาว่าพวกเขาสามารถซื้อบ้านหลังเล็ก ๆหลายหลังซึ่งตั้งอยู่ในสถานที่ต่างๆเมืองปิง และจะมีรถรุ่นไหม่เป็นของตัวเองในเร็วๆนี้ แม้ว่าธุรกิจนี้จะล้มเหลว แต่ก็ยังคงเป็นเจ้าของพันธบัตรรัฐบาล ที่จะครบกำหนดภายในเวลาไม่กี่ปี

โชคดี ชีวิตครั้งก่อนของเฝิงหยู่ เขาชักชวนให้ลูกค้ามาลงทุน มีหลายคนที่เป็นเกษตรกรการศึกษาไม่สูงนัก ซึ่งยินดีที่จะลงทุนเพิ่มเติม หากเชื่อมั่นได้ว่าพวกเขาจะสามารถที่จะทำเงินเป็นจำนวนมากได้  เฝิงหยู่เคยเห็นเพื่อนร่วมงานของเขาบางคนที่ล่อลวงคนปลดเกษียรให้มาลงทุนกับการลงทุนมีความเสี่ยงสูง เมื่อผู้ปลดเกษียรเหล่านี้สูญเสียเงิน เพื่อนร่วมงานของเขาก็จะผลักความรับผิดชอบให้กับผู้เกษียณเหล่านี้ เฝิงหยู่รังเกียจคนจำพวกนี้จริงๆ

ในตอนที่พวกเขาได้รับเงิน 10,000 หยวนนี้กลับมา แม่ของเขาแบ่งเงิน 5,000 หยวนให้แก่ป้าใหญ่และเก็บส่วนที่เหลือไว้

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เฝิงตันอิงกลับไปที่เมืองปิง หลี่ซื่อเฉียงติดต่อโรงพยาบาลที่เธอจะไปฝึกงานแล้ว รองคณบดีของโรงพยาบาลที่เป็นเพื่อนเก่าของพ่อของเขาได้ให้สัญญากับพ่อของเขาว่า หลังจากที่การฝึกงานสิ้นสุดลง ลูกสะใภ้ในอนาคตของเขาจะได้ไปทำงานที่โรงพยาบาลอย่างแน่นอน

เฝิงตันอิงไปเมืองปิงโดยที่มีเงินติดตัว30หยวน ถ้าเธอต้องการเงินเธอแค่ไปขอหลี่ซื่อเฉียงก็ได้แล้ว เพราะอย่างไรเสีย เงินเก็บเกือบทั้งหมดของตระกูลเฝิงอยู่ที่หลี่ซื่อเฉียง

ในช่วงเวลานี้ เฝิงหยู่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่บ้าน เฝิงซิ่งไท่ขู่เฝิงหยู่ว่า ถ้าเขาไม่สามารถสอบเข้าโรงเรียนมัธยมในเมืองปิงได้ เขาจะหักขาของเขา! เช่นนั้นแล้ว เฝิงหยู่จึงอยู่ที่บ้านและได้ทบทวนบทเรียนอย่างเชื่อฟัง เขาเกือบจะลืมฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยาไปแล้ว แต่โชคดีสำหรับเขา เพราะเขาสามารถเรียนรู้ได้เร็วกว่านักเรียนทั่วๆไป

พ่อแม่ของเฝิงหยู่ยินดีปรีดากับท่าทีของเฝิงหยู่เป็นอย่างยิ่ง เด็กคนนี้ตั้งใจเรียนและพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างดีเยี่ยม เขาจะได้เข้าโรงเรียนมัธยมดีๆในเมืองปิงอย่างแน่นอนและได้เข้ามหาวิทยาลัยมีชื่อในอนาคต

หลังจากวันหยุดปีใหม่ผ่านไป ก็เปิดเทอม

เฝิงหยู่อาศัยอยู่ในไร่ในสวน แม้ว่าจะไม่ไกลจากเมืองมากนัก แต่ก็ต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงในการขี่จักรยาน จากการที่ครอบครัวของเขาสามารถจับจ่ายได้ เขาจึงเลือกที่จะอยู่ในบริเวณโรงเรียน

ในวันแรกของโรงเรียน เฝิงซิ่งไท่ขี่รถแทรกเตอร์ของเขาไป วันนี้ มีนักเรียน 19 คนจากหมู่บ้านที่จะไปโรงเรียนในเมือง พวกเขาล้วนติดรถแทรกเตอร์ของเขาไปในเมืองด้วย

ทุกคนถือถุงกระสอบที่ใส่ชุดเครื่องนอนและแต่ละคนมีกระเป๋าไม้ของทุกคนใส่เสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้

โรงเรียน เฉกเช่นองค์กรภาครัฐจะมีวันหยุดหนึ่งวันต่อสัปดาห์ นักเรียนสามารถเลือกที่จะอยู่ในโรงเรียนหรือกลับบ้านได้

รถแทร็คเตอร์เต็มไปด้วยผู้คน มีคนอื่นอีกหลายคนที่ตามไปในเมืองด้วยเพื่อทำธุระ

ทุกๆปี ชาวบ้านจะสลับสับเปลี่ยนที่ขับขับรถไปส่งคนที่เมือง ปีนี้เป็นคิวของเฝิงซิ่งไท่แล้ว เฝิงหยู่มีความสุขมาก เพราะเขาสามารถนั่งอยู่ตรงด้านหน้าคนขับ และไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็นเหมือนคนอื่นๆ

แน่นอนว่า เหวินตงจุนที่เป็นถึงลูกชายของผู้นำหมู่บ้าน ทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของเฝิงหยู่ก็ได้นั่งอยู่ในด้านหน้าคนขับด้วยเช่นกัน ตอนนี้อุณหภูมิเกินกว่า -10 องศาเซลเซียสแล้ว

ไม่เกิน 20 นาที พวกเขาก็มาถึง ผู้โดยสารบางคนลงจากรถไปแล้ว

เฝิงซิ่งไท่ไปที่โรงเรียนประถมก่อน เฝิงหยู่และนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นคนอื่นๆช่วยนักเรียนที่พ่อแม่ไม่ได้เดินทางมาด้วย โดยการยกกระเป๋าของพวกเขาหอพักไปให้

พอเห็นลูกชายของเขากระตือรือร้นช่วยเด็กๆตัวเล็กๆยกกระเป๋าเดินทางและถุงชุดเครื่องนอน  เฝิงซิ่งไท่จึงรู้สึกพอใจ "ดูสิ ลูกของฉันทำประโยชน์แก่ผู้อื่น เหมือนฉันไม่มีผิด" เขาคิดกับตัวเอง แต่ในความเป็นจริง เขาไม่ได้ทำงานบ้านใดใดที่บ้านเลย ภรรยาของเขาต่างหากที่เป็นคนทำทุกอย่าง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เฝิงซิ่งไท่พานักเรียนมัธยมต้นไปส่งที่โรงเรียนของพวกเขา

พ่อแม่ของนักเรียนชั้นมัธยมต้นเหล่านี้ไม่ได้มากับพวกเขาด้วย พวกเขาอายุมากพอที่จะดูแลตัวเองแล้ว พวกเขาช่วยกันขนสัมภาระของพวกเขาและพากันขึ้นไปบนหอพัก

หอพักเป็นอาคารสามชั้น ชั้นที่สามสงวนไว้สำหรับผู้หญิง ส่วนผู้ชายอยู่บนชั้นสอง  หอพักของครูอยู่ที่ชั้น 1

เฝิงซิ่งไท่ช่วยหิ้วกระสอบผ้าใส่เครื่องนอน ส่วนเฝิงหยู่และเหวินตงจุนถือกระเป๋าไม้ของตัวเองเท่านั้น

เมื่อมองไปที่นักเรียนคนอื่นๆที่พยายามจะเคลื่อนย้ายกระเป๋าเดินทางของพวกเขา เฝิงหยู่รู้สึกโล่งใจ โชคดีที่ครั้งนี้เป็นคิวที่พ่อของเขาต้องมาส่งนักเรียนทั้งหลายเหล่านี้ พ่อของเขาจึงกลายเป็นผู้ช่วยไปโดยปริยาย

มีนักเรียนแปดคนในหอพักรวมห้องหนึ่ง นักศึกษาแยกตามระดับชั้นเรียนและห้องเรียน ดังนั้น เฝิงหยู่จึงถูกกำหนดให้อยู่หอพักเดียวกันกับเหวินตงจุน เหวินตงจุนเลือกนอนเตียงล่างซึ่งอยู่ด้านล่างของเฝิงหยู่

ทุกคนในหอพักนี้ล้วนเรียนชั้นเดียวกัน แต่มาจาก 3 หมู่บ้านที่แตกต่างกัน

หมู่บ้านของพวกเขาเป็นกลุ่มแรกที่มาถึง แต่ทั้งสองกลุ่มไม่ได้จัดกระเป๋าออก ในตอนที่ทุกคนมาถึงกันแล้ว พวกเขาจะต้องทำความสะอาดหอพัก

หลังจากที่ล็อกหอพักแล้ว พวกเขาก็ไปหอพักอื่นเพื่อไปหานักเรียนคนอื่น ๆ

ที่โรงอาหารของโรงเรียนไม่มีอะไรอร่อยเลย เฝิงซิ่งไท่จึงจะพานักเรียนมัธยมต้นที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันออกไปรับประทานอาหารกลางวัน อย่างไรก็ตาม พวกเขามากันเจ็ดคนเท่านั้น

พวกเขาขับรถไปที่ร้านอาหารเล็ก ๆ และสั่งอาหารเต็มโต๊ะ ค่าอาหารกลางวันไม่เกิน 20 หยวน

หลังจากที่จ่ายเงินค่าอาหารแล้ว เฝิงซิ่งไท่ก็กลับไป เหวินตงจุน บุตรชายผู้นำหมู่บ้านเช็ดปากของเขาและกล่าวว่า " ตอนบ่ายไปร้องคาราโอเกะกัน ใครจะไปบ้าง? "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด