ตอนที่แล้วบทที่ 96 แสงเย็น  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 98 จั่วม่อผู้เจ็บปวดรวดร้าวและพิโรธโกรธเกรี้ยว  

บทที่ 97 การคำนวณของหลินเอวี่ยน  


 

หลินเอวี่ยนร่างแข็งทื่อ เม็ดเหงื่อผุดเต็มหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง มันสามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงความเย็นเยียบเสียดกระดูกของปราณกระบี่ที่จ่อคอหอยของมัน เส้นขนลุกชี้ชันทั้งร่าง แต่มันไม่ได้สั่นสะท้าน มิใช่ว่าเพราะความองอาจห้าวหาญ แต่เป็นเพราะมันไม่กล้าพอที่จะสั่น ทั้งยังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรักษาท่วงท่านี้ไว้ เกรงว่าหากขยับแม้สักเล็กน้อยจะทำให้ปราณกระบี่เผลอกระตุก

ด้วยเหตุผลบางประการ มันแน่ใจว่าหากเผอเรอจนเกิดอุบัติเหตุอันใดขึ้น ปราณกระบี่ที่ปลายกระบี่บิน จะทะลวงลำคอของมันทันทีโดยไม่ลังเล

บางทีอาจจะเป็นเพราะความแน่วนิ่งมั่นคงถึงที่สุดของกระบี่บิน บางทีอาจจะเป็นแววตาของจั่วม่อ หรือบางที...

ไม่สำคัญหรอกว่ามันก็ทราบดีว่าจั่วม่อจะอย่างไรย่อมไม่กล้าฆ่ามันแน่ แต่มันก็ไม่หาญกล้าพอที่จะเดิมพันกับเรื่องนี้

“ข้ายอมแพ้” หลินเอวี่ยนสุ้มเสียงแหบแห้ง ไม่หลงเหลือร่องรอยเย่อหยิ่งถือดีเมื่อสักครู่ คำยอมรับความปราชัยนี้สะท้อนอยู่ในความเงียบ สามารถได้ยินอย่างชัดเจน

ความเย็นเยียบพลันหายวับไปจากคอหอยของมันโดยไม่มีเค้าลางล่วงหน้า

หลินเอวี่ยนในที่สุดค่อยคลายใจลงบ้าง มันกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ สายตาพรั่นใจเหลือบมองจั่วม่อและกระบี่หยดน้ำที่ลอยอย่างสงบอยู่เบื้องหน้า ในใจมันมีเพียงความคิดเดียว คนผู้นี้ไม่อาจตอแย!

เหล่าประจักษ์พยานรอถึงเวลานี้ค่อยบังเกิดปฏิกิริยา ทันใดนั้นเสียงอึกทึกโกลาหลพลันระเบิดขึ้น ใบหน้าของทุกผู้คนเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ผู้ใดจะคาดคิดว่าการต่อสู้จะสิ้นสุดลงรวดเร็วถึงเพียงนี้! เมื่อหลินเอวี่ยนเรียกกระบี่จักพรรดิหยางระดับสี่ของมันออกมา ผู้คนเกือบทั้งหมดล้วนเข้าใจว่าชัยชนะต้องตกเป็นของมันอย่างแน่นอน

ความต่างชั้นระหว่างกระบี่บินระดับสี่กับกระบี่บินระดับสามกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป!

แต่เพียงกระบวนท่าเดียว หลินเอวี่ยนกลับพ่ายแพ้!

ท่ามกลางกลุ่มผู้ชมการประลอง ดวงตาในเงามืดคู่หนึ่งสาดประกายแหลมคมเย็นเยียบขึ้นแวบหนึ่ง

หลินเอวี่ยนค่อยระงับความแตกตื่น วางท่าใจกว้าง กล่าวอย่างเปิดเผยว่า “ข้าพ่ายแพ้แล้ว เชิญพี่จั่วเลือกยุทธภัณฑ์เวทบนร่างข้าได้ตามต้องการ” ผู้คนประเภทมัน สิ่งที่หวาดกลัวที่สุดคือทั้งพ่ายแพ้ทั้งเสียหน้า พ่ายแพ้การประลองไม่มีอันใดสำคัญ คนเช่นมันไม่ได้สร้างอำนาจด้วยแรงกายอยู่แล้ว แต่หากพ่ายแพ้แล้วยังเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย นั่นจึงจะย่ำแย่อย่างแท้จริง

หลินเอวี่ยนหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างหนักหน่วง กรุณาเถอะ อย่าได้เลือก...

“เช่นนั้นข้าขอเกราะปราณที่พี่หลินสวมใส่นั่นก็แล้วกัน” จั่วม่อกล่าวเรียบๆ

“ย่อมได้!” หลินเอวี่ยนรีบรับคำ กลัวว่าจั่วม่อจะเปลี่ยนใจ มันหวาดกลัวแทบตายว่าจั่วม่อจะเลือกกระบี่จักรพรรดิหยางระดับสี่เล่มนี้ กล่าวไปเกราะปราณเต่าดำจันทราวารี แม้จะเป็นเกราะปราณระดับสามชั้นยอด และต้องใช้ความพยายามไปไม่น้อยกว่าจะได้มาครอบครอง แต่คุณค่ายังไม่อาจเทียบกับกระบี่จักรพรรดิหยางได้ กระบี่จักรพรรดิหยางเป็นท่านประมุขพรรคประทานให้โดยตรง หากสูญเสียกระบี่ไป เกรงว่าจากนี้คงต้องประสบเคราะห์กรรมแล้ว

หลินเอวี่ยนถอดชุดเกราะออกจากร่างโดยไม่อิดออด โยนให้จั่วม่อ แสร้งวางท่าโอ่อ่าผ่าเผย “พี่จั่วฝีมือร้ายกาจยิ่งนัก หลินเอวี่ยนพ่ายแพ้อย่างยินยอมพร้อมใจจริงๆ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรขอคบหาพี่จั่วเป็นสหายแล้ว ต่อไปหากมีเรื่องใดให้ข้าช่วยเหลือ พี่จั่วโปรดอย่าได้เกรงใจ!”

จั่วม่อประสานมือคารวะ กล่าวถ่อมตนว่า “พี่หลินโดดเด่นเหนือผู้คน ผู้น้องนับถือเลื่อมใสยิ่ง สามารถคบหาบุคคลเช่นพี่หลินเป็นสหาย ผู้น้องรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ” ปากกล่าววาจา แต่มือของมันสวมใส่เกราะปราณเต่าดำจันทราวารีลงบนร่างอย่างรวดเร็วยิ่ง ทั้งยังไม่เกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อย

เกราะปราณเต่าดำจันทราวารีสีดำสนิททั้งชุด สร้างขึ้นจากกระดองเต่าดำสามสิบหกชิ้น ผ่านการหลอมสร้างด้วยแก่นสารของแม่น้ำจันทรา แข็งแกร่งคงทนถึงที่สุด จั่วม่อสามารถบอกได้ทันที ว่าเกราะปราณชุดนี้เลิศล้ำกว่าเกราะปราณที่อาจารย์ลุงหยานเล่อมอบให้แก่มันมาก ทั้งสวมใส่สะดวกสบาย ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม ปราณธรรมชาติในชุดเกราะเต่าดำค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของมัน สุขสบายจนไม่อาจบ่งบอกบรรยาย

จั่วม่อในใจลอบปิติยินดี ไม่แยแสสนใจต่อผู้สังเกตการณ์ที่พากันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แน่นอน มันไม่ใช่ว่าจะไม่ทราบ หากกล่าวถึงเพียงมูลค่า กระบี่จักรพรรดิหยางระดับสี่ของหลินเอวี่ยนเหนือล้ำกว่าเกราะเต่าดำจันทราวารีอย่างเทียบกันไม่ติด อย่างไรก็ตาม นี่กลับเป็นจุดที่จั่วม่อเฉลียวฉลาดที่สุด หากมันต้องการกระบี่จักรพรรดิหยาง แม้ว่าหลินเอวี่ยนจะยอมมอบให้อย่างเสียไม่ได้เพื่อรักษาหน้า แต่ด้วยเหตุนี้กลับจะก่อให้เกิดความบาดหมางรุนแรง ควรทราบว่ากระบี่บินระดับสี่ ในสำนักกระบี่สุญตาของมันมีเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น และในบรรดาศิษย์ทั้งหมด มีเพียงกระบี่ผ่าสายรุ้งของศิษย์พี่เหวยเสิ้งเท่านั้นที่เป็นกระบี่บินระดับสี่

ละโมบอยากได้กระบี่บินเล่มนี้ ก็เท่ากับรอให้ผู้อาวุโสของพรรคอัจฉริยะปราณมาคิดบัญชีกับมันน่ะสิ!

ไม่เพียงเท่านั้น มันยังจะบาดหมางกับหลินเอวี่ยนชนิดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ อีกฝ่ายไม่เคียดแค้นมันจับใจก็แปลกไปแล้ว! ที่สำคัญกระบี่จักรพรรดิหยางไม่เหมาะสมกับจั่วม่อ อย่างมากมันเพียงนำไปขายแลกจิงสือได้เท่านั้น แต่เกราะเต่าดำจันทราวารีนี้ มันสามารถนำมาใช้ในการประลองคราวนี้ได้เลย เมื่อสวมใส่เข้าไป อำนาจพลังป้องกันของมันจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำกำไรครั้งนี้มากกว่าเดิม

ในพื้นที่ของผู้อื่น หยิ่งเกินไปจะตายอย่างอนาถ!

ดังนั้นจั่วม่อเพียงเลือกชิ้นที่รองลงมา ทั้งยังไว้หน้าหลินเอวี่ยนไม่น้อย หลินเอวี่ยนสามารถรักษากระบี่จักรพรรดิหยางไว้ได้ ทั้งยังมีทางลงอย่างสวยงาม ย่อมอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา สำหรับเกราะเต่าดำจันทราวารี จะอย่างไรเป็นเพียงระดับสามเท่านั้น มันหาได้ใส่ใจกระไรมากมายนัก

หลินเอวี่ยนโยนม้วนหยกไปทางจั่วม่อ กล่าวอย่างใจกว้างว่า “ม้วนหยกนี้บันทึกคำแนะนำวิธีใช้งานเกราะเต่าดำจันทราวารี วันนี้เกราะของข้าสามารถอยู่ในมือของวีรบุรุษเช่นพี่จั่ว ผู้น้องรู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริง” จากนั้นมันกวาดตามองรอบด้าน กล่าวอย่างห้าวหาญชัดเจนว่า “พี่จั่วอาศัยหนึ่งต้านรับห้า ทุกผู้คนสมควรชื่นชมความอาจหาญทะยานฟ้าของมัน อย่างไรก็ตาม พรรคอัจฉริยะปราณเราเคยเอาเปรียบผู้อื่นด้วยหรือ? ย่อมไม่! ข้าผู้ด้อยฝีมือมีข้อเสนอที่ดีสำหรับทุกฝ่าย หลังจากพี่จั่วประลองจบหนึ่งรอบ มันสามารถพักผ่อนได้ครึ่งชั่วยาม เพื่อให้มันได้ฟื้นฟูพลังปราณ และเพื่อความเป็นธรรม พวกเจ้าเห็นเป็นอย่างไร?”

กระบวนท่านี้ของหลินเอวี่ยนใช้ออกได้แยบคายถึงที่สุด พอกล่าวจบก็ปลุกเร้าเสียงปรบมือเกรียวกราวของคนจำนวนมาก

“ศิษย์พี่หลินโอ่อ่าผ่าเผย มากน้ำใจจริงๆ!”

“นึกไม่ถึงว่าศิษย์พรรคอัจฉริยะปราณจะมีบุคคลเช่นนี้ นี่ไม่ง่ายเลย ไม่ง่ายเลยจริงๆ!”

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์พรรคอัจฉริยะปราณหรือผู้ชมอื่นๆ พวกมันล้วนยกย่องชมเชยเป็นเสียงเดียวกัน

จั่วม่อมือรับม้วนหยก ปาก็ชมเชยเป็นการใหญ่ “พี่หลินสมกับเป็นยอดคนที่แท้จริง!”

อย่างไรก็ตาม สามคนที่กำลังจะต่อสู้ในลำดับถัดๆ ไปล้วนหน้าเขียวคล้ำ สีหน้าแปลกพิกลยิ่ง ถลึงตาจ้องหลินเอวี่ยนปานจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนศิษย์พี่ฉางกลับมองไปยังจั่วม่อหลายครั้งหลายครา สีหน้าทอแววครุ่นคิด

จั่วม่อคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปในทิศทางนี้ มองไปยังดวงตาของคู่ต่อสู้สามคนนั้น ในใจมันกระจ่างเหมือนกระจกสะท้อนเงา เฮะเฮะ หลินเอวี่ยนกระทำได้ดียิ่งนัก!

ด้วยม้วนหยกนี้มันก็ไม่จำเป็นต้องมัวคลำทางให้วุ่นวาย ครึ่งชั่วยาม ก็เพียงพอให้มันสามารถทำความเข้าใจวิธีใช้งานเกราะปราณตัวนี้ได้คร่าวๆ ส่วนเรื่องการฟื้นฟูลมปราณ การต่อสู้เมื่อครู่จบไวเกินไป มันยังไม่ทันได้ใช้พลังปราณเลยสักนิด

หลินเอวี่ยนประสานมือคารวะจั่วม่อ แล้วเดินเชิดหน้าอย่างภาคภูมิกลับเข้าไปในกลุ่มของมัน สีหน้าท่าทีของมันไม่มีสิ่งใดบ่งบอกแม้แต่น้อยว่ามันเพิ่งจะพ่ายแพ้มาอย่างยับเยิน บรรดาศิษย์น้องใต้บารมีของมันพากันยกยอปอปั้นความใจกว้างของมันเป็นการใหญ่ หลินเอวี่ยนแสร้งโบกมืออย่างเยือกเย็น ในใจลอบยิ้มเยาะหยัน การที่มันส่งม้วนหยกแนะนำวิธีใช้งานเกราะเต่าดำจันทราวารีให้แก่จั่วม่อ ย่อมไม่มีเจตนาดีแม้แต่น้อย มันเมื่อออกไปเป็นคนแรกและพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ หากคู่แข่งของมันกลับได้ชัย ไม่ว่าการแสดงของมันจะประสบความสำเร็จสักแค่ไหน ก็คงไม่มีผลอันใดอีกแล้ว

ความใจกว้างของหลินเอวี่ยนที่มอบม้วนหยกแนะนำวิธีการใช้เกราะเต่าดำจันทราวารีแก่จั่วม่อ รวมถึงยังเสนอให้จั่วม่อสามารถพักผ่อนครึ่งชั่วยามหลังจบการประลองแต่ละรอบ ทั้งหมดล้วนเพื่อบ่อนทำลายคู่ต่อสู้ลำดับถัดๆ ไปทุกคน การช่วยเพิ่มพลังให้แก่จั่วม่อยังเท่ากับเล่นงานคู่แข่งของมันอีกด้วย หากคนเหล่านั้นพ่ายแพ้เช่นกัน พวกมันย่อมเสื่อมเสียหน้ายิ่งกว่า และหากผู้อื่นคิดลอกเลียนวิธีการรักษาหน้าของมัน ถึงตอนนั้นย่อมไม่ได้ผลที่ดีงามเช่นเดียวกับมันในตอนนี้แล้ว

คนอื่นๆ ย่อมไม่มีปัญญาคัดค้านข้อเสนออัน ’สมเหตุสมผลและทรงเกียรติ‘ ของหลินเอวี่ยน พวกมันได้แต่ถลึงตามองจั่วม่อนั่งลงในท่าดอกบัวด้วยสีหน้ามืดคล้ำ

ครึ่งชั่วยามให้หลัง จั่วม่อลืมตาขึ้นในที่สุด ในใจมันปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง จริงดังที่คาดไว้ เกราะปราณเต่าดำจันทราวารีเป็นสิ่งที่ดีอย่างแท้จริง บนกระดองเต่าดำแต่ละชิ้นมีลวดลายค่ายกลยันต์ตามธรรมชาติ กระทั่งกระบี่บินยังยากจะสร้างความเสียหาย

ศิษย์พรรคอัจฉริยะปราณซึ่งจะต่อสู้เป็นลำดับสองอดทนรออย่างร้อนใจมานานแล้ว เห็นจั่วม่อลืมตา มันก็เดินออกมาทันที

พอได้ระยะก็กระชากเสื้อคลุมสีแดงออกจากร่าง เผยให้เห็นชุดรัดรูปข้างใน

เมื่อฝ่ายตรงข้ามฉีกเสื้อคลุมออก ดวงตาของจั่วม่อก็เบิกกว้างแทบถลนออกจากเบ้า

เจ้าผู้นี้...

ไม่ต้องคำนึงถึงชุดเกราะปราณซึ่งเปล่งประกายบนร่าง ไม่ต้องเอ่ยถึงปลอกแขนระดับสามชั้นยอดคู่นั้น จั่วม่อยังไม่แม้แต่จะชายตามองรองเท้ากระทิงโลหิตชาด สีแดงสดเจิดจ้าคู่นั้น สองตาของมันเอาแต่จ้องเขม็งไปยังเอว ข้อมือ และช่วงอกของคู่ต่อสู้...

บนเข็มขัด เห็นยันต์กระดาษซ้อนแน่นเป็นปึก อ้อ ไม่ใช่ เป็นยันต์กระดาษชุดใหญ่ ที่สามารถบันดาลให้ผู้คนหลงคิดว่าเจ้าผู้นี้เป็นพ่อค้าขายยันต์กระดาษที่ร่ำรวย ยันต์เกราะเต่า ระดับสอง , ยันต์ผีซ้อนเงา ระดับสอง , ยันต์ห้าสายฟ้าอหังการ ระดับสอง

บนข้อมือ เห็นยุทธภัณฑ์เวทแบบใช้ครั้งเดียวผูกไว้เป็นพวง กระสวยอสรพิษหัวหนาม ระดับสอง , จักรวาลหนึ่งดารา ระดับสอง , นกกระจอกคู่แสงพิรุณ ระดับสอง...

ตรงช่วงอก มีถุงผ้าเล็กๆ แขวนไว้สองสามถุง กลิ่นโอสถกำจายออกมาจากถุงเหล่านั้น สำหรับจั่วม่อผู้มีอาชีพหลักด้านโอสถและเม็ดยา เรียกได้ว่าคุ้นเคยกับกลิ่นประเภทนี้มากเกินไป เม็ดยาปราณหวนกลับ ใช้ฟื้นฟูพลังปราณ แน่นอนว่าไม่ต่ำกว่าโอสถปราณระดับสอง เม็ดยาบุปผาแดง สำหรับรักษาภาวะบาดเจ็บและสูญเสียเลือด ยังคงไม่ต่ำกว่าโอสถปราณระดับสอง เม็ดยาสีสันดอกท้อ กลิ่นหอมหวานเป็นพิเศษ มันคือพิษระดับสอง...

ที่ข้างขาสองข้าง ข้างหนึ่งแขวน กงล้อมหาสุริยันจันทรา ระดับสอง อีกข้างหนึ่งเป็น แหฟ้าตาข่ายสวรรค์ ระดับสอง

… …

อย่าว่าแต่จั่วม่อผู้เดียว แม้แต่ผู้ชมทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เหม่อมองอย่างโง่งมกันถ้วนหน้า

เอี้ยนหมิงจื่อหัวร่อคิกคัก “ดูเหมือนศิษย์พี่หวังจะทุ่มสุดตัว คิดใช้รูปแบบประสานโอสถยันต์เวทขั้นสุดยอดตั้งแต่แรกเริ่ม”

หูซานมองศิษย์พี่หวังในชุดเต็มยศอย่างหวาดผวา “เฉพาะผู้ที่เคยประมือกับมันเท่านั้น ที่จะล่วงรู้ความน่ากลัวที่แท้จริงของรูปแบบโอสถยันต์เวทของศิษย์พี่หวัง!” มันเคยต่อสู้กับศิษย์พี่หวังมาก่อน ถูกทุบตีจนน่วมตลอดทั้งการประลอง จนแทบไม่กล้าสู้หน้าผู้ใดอีกเลย

เอี้ยนหมิงจื่อผงกศีรษะอย่างเห็นอกเห็นใจ “ในพรรคเรามีศิษย์พี่ที่ใช้รูปแบบโอสถยันต์เวทนับไม่ถ้วน แต่ที่เป็นเช่นเดียวกับศิษย์พี่หวัง สามารถประสานการใช้โอสถปราณกับยันต์เวทสารพัดชนิดจนถึงขั้นสุดยอด กลับไม่เคยมีมาก่อน”

หูซานกล่าว “ศิษย์พี่หวังมีฝีมือที่แท้จริง”

เอี้ยนหมิงจื่อเสริม “ตระกูลมันยังมั่งคั่งอย่างแท้จริง อ้า!”

ทั้งสองเงียบงันไปอย่างช่วยไม่ได้ เหล่าศิษย์พรรคอัจฉริยะปราณอาจล้วนมีชาติตระกูลร่ำรวย แต่ระหว่างพวกมันเองก็ยังมีความต่างชั้นกันอย่างมาก ดังเช่นศิษย์พี่หวัง ผู้ที่กล้าผลาญโอสถปราณและยันต์เวทไปจนถึงขั้นสุดยอด หากไม่ได้มีความมั่งคั่งมหาศาลเป็นรากฐาน ผู้ใดจะกล้าทำเช่นนั้น ทุกผู้คนล้วนเข้าใจแก่นแท้ปรัชญาของรูปแบบโอสถยันต์เวท ‘ผลาญจิงสือเพื่อชัยชนะ’ แต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ ท่านสามารถกระทำได้ถึงขั้นร้ายกาจสุดยอดเช่นศิษย์พี่หวังหรือไม่ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว

รูปแบบโอสถยันต์เวทของศิษย์พี่หวัง ช่วยยืนยันความจริงที่ดำรงอยู่มานานจนนับปีไม่ถ้วนอีกครั้ง ในโลกนี้ เมื่อท่านสามารถโยนจิงสือทับใส่ใครสักคนมากพอ ส่วนใหญ่แล้วท่านมักไม่พ่ายแพ้

บางทีท่วงท่าบุคลิกของศิษย์พี่หวังไม่อาจเทียบเท่าหลินเอวี่ยน แต่รูปแบบโอสถยันต์เวทของมันยังคงมีชื่อเสียงไม่น้อยในพรรคอัจฉริยะปราณ เมื่อมันกระชากเสื้อคลุมออกและเผยให้เห็นสมบัติทั้งหมดของมัน เหล่าศิษย์พรรคอัจฉริยะปราณทั้งหมด กลายเป็นตื่นเต้นกระตือรือร้นขึ้นมาในทันที นั่นเป็นเพราะในพรรคอัจฉริยะปราณ ศิษย์ส่วนใหญ่ล้วนศรัทธาอย่างลึกซึ้งในความจริงข้อหนึ่ง นั่นคือผู้ใดมีจิงสือมากกว่า ผู้นั้นเป็นฝ่ายถูก!

สำหรับซิวเจ่อที่สัญจรผ่านไปมา ฉากเหตุการณ์นี้สร้างความกระทบกระเทือนต่อพวกมันอย่างใหญ่หลวง

ทุกวันนี้ ถึงกับมีผู้ที่สามารถป้องกันตัวเองได้อย่างน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด